“เพื่อไทย” ห่วง “บิ๊กตู่” อยู่เกิน 8 ปี ยึดติดอำนาจ จะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3513234
“เพื่อไทย” ห่วง “บิ๊กตู่” อยู่เกิน 8 ปี ยึดติดอำนาจ จะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม แนะ มีจิตสำนึกเห็นชาติสำคัญกว่าตัวบุคคล
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นาย
พชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นครบกำหนด 8 ปีในการดำรงตำแหน่งของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องรู้ดีว่า การออกแบบจำกัดเวลาให้ผู้มีอำนาจ อยู่จำกัดไว้ที่ 8 ปีก็เพื่อ เสถียรภาพและดุลยภาพของประเทศเกินจากนี้ ระบบราชการจะถดถอยจะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งปรากฏให้เห็นแล้วจากการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์
นาย
พชร กล่าวต่อว่า อีกทั้ง การออกแบบให้ผู้บริหารในระบบราชการเองก็มีระเบียบวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่นปลัดกระทรวง และอธิบดีก็มีวาระ ที่จำกัดไว้เพื่อไม่ให้เกิดการฝังราก การที่นายกฯ น.ส.ยิ่
งลักษณ์ ชินวัตร ต่อวาระ ผบ.ทบ. ในช่วง พล.อ.
ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. เองก็ได้เห็นการปฎิวัติ รัฐประหาร เป็นตัวอย่างของผลลัพท์ที่เกิดจากการบิดกฎ เพื่อสนองความต้องการของบุคคลทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้ายแล้ว และถ้าทำตอนนั้น ก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว
นาย
พชร กล่าวด้วยว่า ดังนั้น การที่จะให้ พล.อ.
ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ทั้งๆ ที่ รัฐธรรมนูญเขียน ไว้ชัดเจน ลึกไปถึง เจตนารมณ์ของ ประธาน กรธ.และสมาชิกก็บันทึกไว้ชัดเจน ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนอ.เธียรชัย ณ นคร หนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาเล่า โดยเรื่องเจตนาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้พล.อ.
ประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังจะมีความพยายามการกดดันให้ศาลตัดสิน ตามความต้องการของตนนั้น ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดึงดูดการลงทุนรายใหม่ เพราะกระบวนการยุติธรรม คือรากฐานของความน่าเชื่อถือ เป็น rule of law ต่างชาติต้องเชื่อได้ว่า ทุกธุรกรรม และ ทุกการลงทุน ต้องได้รับความยุติธรรมจากระบบยุติธรรมในประเทศ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวเองก็ต้องผูกความศิวิไลซ์ของประเทศ กับระบบยุติธรรมของแต่ละประเทศ การกดดันศาลและความพยายามเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบ ความเจริญของประเทศอย่างแน่นอน
“พล.อ.ประยุทธ์จะต้องสำนึกได้แล้วว่าที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศได้ล้มเหลว ประชาชนลำบากกันอย่างมาก ประเทศไม่ได้พัฒนาแม้จะใช้งบประมาณไปแล้วอย่างมาก ยิ่งอยู่ต่อประเทศยิ่งจะเสื่อมถอย การดันทุรัง จะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งนี้อยากให้ทราบว่าไม่มีคนใด ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งขาดไม่ได้ ฉะนั้น เลิกยึดติดและหลงตัวเอง และยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติของโลก” นาย
พชร กล่าว
'ไอติม' จี้ลดขนาดกองทัพ นายพลล้น-นายทหารเฟ้อ ท้าเปิดให้ตรวจ "งบลับ"
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7218282
‘ไอติม’ จี้ลดขนาดกองทัพ นายพลล้น-นายทหารเฟ้อ ท้าเปิดให้ตรวจสอบ “งบลับ” ทั้งรายได้สนามม้า-สนามมวย ด้าน ‘ยุทธพงศ์’ ค้านซื้อ F-35A – เรือดำน้ำ
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 17 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรัฐสภา ได้เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 8 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 84,387,885,200 บาท โดยนาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ กรรมาธิการ (กมธ.) ที่ขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหม 5% การขอซื้อเครื่องบิน F-35 A ที่สังคมกำลังจับตามอง นอกจากจะเป็นการของบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการของบประมาณโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ากองทัพสามารถใช้งบประมาณในแผนงานที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากเพียงพอ
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนจะตั้ง 5 ข้อพิสูจน์ความจริงใจของกองทัพในการปฏิรูปตัวเอง
1. การควบคุมขนาดของกองทัพและงบบุคลากรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับกระแสโลก จนทำให้สัดส่วนของงบบุคลากรสูงขึ้นถึง 54% ของงบทั้งหมดของกระทรวงกลาโหม จนเกิดสภาพนายพลล้น พลทหารเฟ้อ
2. การตัดสิทธิพิเศษของนายทหารไม่ให้อยู่เหนือพลเรือน จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ จึงไม่น่าแปลกใจที่งบประมาณที่จัดสรรให้ข้าราชการแทนที่รถประจำตำแหน่ง หรือที่เรียกว่าค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งเลยกระจุกอยู่ที่กระทรวงกลาโหมเพียงกระทรวงเดียวถึง 70% ซึ่งยังไม่นับรวมงบสำหรับรถควบคุมสั่งการ
3. การโอนถ่ายภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจทหารไปให้หน่วยงานอื่นที่เชี่ยวชาญกว่า แต่ปัจจุบันกองทัพทำโครงการที่เกินเลยความเชี่ยวชาญหรือพันธกิจของกองทัพ เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชน ที่ใช้งบประมาณ 3,160 ล้านบาท ครอบคลุมตั้งแต่โครงการน้ำ โครงการทำถนน และโครงการเกี่ยวกับการประมง
นาย
พริษฐ์ กล่าวอีกว่า 4. การวางหลักประกันในการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ตกถึงคนไทยผ่านนโยบายออฟเซ็ต ผ่านการตั้งเงื่อนไขสัญญานำเข้ายุทโธปกรณ์ เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น การโอนถ่ายเทคโนโลยี และการสร้างงานในประเทศ
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า และ 5. การเปิดตนเองให้ประชาชนตรวจสอบ เพราะกองทัพมีงบลับถึง 2 ชั้น คือ งบลับตามระเบียบราชการ และงบลับกว่าหรือธุรกิจกองทัพ ที่เราไม่รู้ทั้งปริมาณ และไม่รู้รายละเอียด เช่น สนามกอล์ฟ และสนามมวย หากกองทัพสามารถพิสูจน์ว่าจะปฏิรูปตนเองได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกอบกู้ความไว้วางใจจากสภา และประชาชนที่กำลังหดหายไป
ขณะที่ นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ กมธ. อภิปรายว่าขอปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10% จากงบประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาท ตามแผนงานพื้นฐานของหน่วยงานในกำกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งในส่วนงบประมาณกองทัพเรือ ตนไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำซึ่งมีราคาแพงมหาศาล ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่กองทัพอากาศตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35 A ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม แต่ก็มีราคาสูงมาก
“ปัจจุบันประเทศไทยเป็นหนี้ 10 ล้านล้านบาท แต่กองทัพอากาศจะไปซื้อเครื่องบินใหม่ วันนี้งบประมาณปี 2566 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท แทนที่จะเอามาช่วยเหลือประชาชนกลับจะเอาไปซื้อเครื่องบิน และเรือดำน้ำ ผมเห็นว่าเป็นการตั้งงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ควรนำงบประมาณไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก่อน จึงจำเป็นต้องขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้” นาย
ยุทธพงศ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหม 15% เนื่องจากมีการแยกงบบุคลากรออกต่างหาก และโดยปกติการใช้งบของกระทรวงกลาโหมจะไปอยู่ในหมวดรายจ่ายอื่นหรืองบลับ ซึ่งหน่วยงานที่นิยมใช้หมวดรายจ่ายอื่นคือกองทัพ เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งในส่วนของงบผูกพันข้ามปียังสูงถึง 33% ซึ่งเห็นว่ากองทัพยังไม่มีความพร้อมเรื่องการจัดซื้ออาวุธ อีกทั้งไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงควรชะลอเพื่อนำงบประมาณไปช่วยเหลือคุณภาพชีวิตของประชาชนก่อน
แพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ ‘8 ปีแล้ว พอเถอะนะ’ ขอ ‘ประยุทธ์’ เปิดทางให้ปชต.ได้เติบโต
https://www.matichon.co.th/politics/news_3513145
แพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ ‘8 ปีแล้ว พอเถอะนะ’ ขอ ‘ประยุทธ์’ เปิดทางให้ปชต.ได้เติบโต
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท “
8 ปีแล้ว พอเถอะนะ” เรียกร้องให้พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงจากตำแหน่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
“กติกาทางสังคมเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีรวมกันต้องไม่เกิน 8 ปี เป็นเจตนารมณ์ที่ก้าวหน้าของทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นับว่าครบ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างชัดเจน ท่านรับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปีแล้ว ท่านใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี ท่านรับสวัสดิการจากภาษีประชาชนในฐานะนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างมีศักดิ์ศรีตามเจตนารมย์แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ยังเหลืออยู่นี้ ชมรมแพทย์ชนบทขอเชิญชวนให้ทุกองค์กรในสังคมไทย ร่วมกันแสดงออก สร้างกระแส “8 ปี พอแล้ว” กันให้กระหึ่ม
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท “8 ปีแล้ว พอเถอะนะ” เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงจากตำแหน่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
“กติกาทางสังคมเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีรวมกันต้องไม่เกิน 8 ปี เป็นเจตนารมณ์ที่ก้าวหน้าของทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นับว่าครบ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างชัดเจน ท่านรับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปีแล้ว ท่านใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี ท่านรับสวัสดิการจากภาษีประชาชนในฐานะนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างมีศักดิ์ศรีตามเจตนารมย์แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ยังเหลืออยู่นี้ ชมรมแพทย์ชนบทขอเชิญชวนให้ทุกองค์กรในสังคมไทย ร่วมกันแสดงออก สร้างกระแส “8 ปี พอแล้ว” กันให้กระหึ่ม
ประเทศไทยยังมีคนดีคนเก่งที่สามารถทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้จำนวนไม่น้อย ขอให้นายกประยุทธ์มีสำนึกประชาธิปไตยก้าวลงจากตำแหน่งตามกติกาอย่างคนรู้จักพอ เปิดทางให้เมืองไทยเดินไปข้างหน้า เปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยได้เติบโต
8 ปีแล้ว พอเถอะนะ นายกประยุทธ์ จันทร์โอชา
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02eExPT4qzJt34eTeybnHsU3EtQaeEqvRvJZexVhHqEHT366UX4MAgqJG2ZiSafUnhl&id=142436575783508
JJNY : “พท.”ห่วง“ตู่”ยึดติดอำนาจ│'ไอติม' จี้ลดขนาดกองทัพ│แพทย์ชนบทแถลง‘8 ปีแล้ว พอเถอะนะ’│อาหารสัตว์พุ่งดันราคา'ไข่'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3513234
“เพื่อไทย” ห่วง “บิ๊กตู่” อยู่เกิน 8 ปี ยึดติดอำนาจ จะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม แนะ มีจิตสำนึกเห็นชาติสำคัญกว่าตัวบุคคล
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นครบกำหนด 8 ปีในการดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น พล.อ.ประยุทธ์น่าจะต้องรู้ดีว่า การออกแบบจำกัดเวลาให้ผู้มีอำนาจ อยู่จำกัดไว้ที่ 8 ปีก็เพื่อ เสถียรภาพและดุลยภาพของประเทศเกินจากนี้ ระบบราชการจะถดถอยจะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งปรากฏให้เห็นแล้วจากการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์
นายพชร กล่าวต่อว่า อีกทั้ง การออกแบบให้ผู้บริหารในระบบราชการเองก็มีระเบียบวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่นปลัดกระทรวง และอธิบดีก็มีวาระ ที่จำกัดไว้เพื่อไม่ให้เกิดการฝังราก การที่นายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อวาระ ผบ.ทบ. ในช่วง พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. เองก็ได้เห็นการปฎิวัติ รัฐประหาร เป็นตัวอย่างของผลลัพท์ที่เกิดจากการบิดกฎ เพื่อสนองความต้องการของบุคคลทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้ายแล้ว และถ้าทำตอนนั้น ก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว
นายพชร กล่าวด้วยว่า ดังนั้น การที่จะให้ พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ทั้งๆ ที่ รัฐธรรมนูญเขียน ไว้ชัดเจน ลึกไปถึง เจตนารมณ์ของ ประธาน กรธ.และสมาชิกก็บันทึกไว้ชัดเจน ตนก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนอ.เธียรชัย ณ นคร หนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาเล่า โดยเรื่องเจตนาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังจะมีความพยายามการกดดันให้ศาลตัดสิน ตามความต้องการของตนนั้น ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการดึงดูดการลงทุนรายใหม่ เพราะกระบวนการยุติธรรม คือรากฐานของความน่าเชื่อถือ เป็น rule of law ต่างชาติต้องเชื่อได้ว่า ทุกธุรกรรม และ ทุกการลงทุน ต้องได้รับความยุติธรรมจากระบบยุติธรรมในประเทศ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวเองก็ต้องผูกความศิวิไลซ์ของประเทศ กับระบบยุติธรรมของแต่ละประเทศ การกดดันศาลและความพยายามเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบ ความเจริญของประเทศอย่างแน่นอน
“พล.อ.ประยุทธ์จะต้องสำนึกได้แล้วว่าที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศได้ล้มเหลว ประชาชนลำบากกันอย่างมาก ประเทศไม่ได้พัฒนาแม้จะใช้งบประมาณไปแล้วอย่างมาก ยิ่งอยู่ต่อประเทศยิ่งจะเสื่อมถอย การดันทุรัง จะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ ทั้งนี้อยากให้ทราบว่าไม่มีคนใด ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งขาดไม่ได้ ฉะนั้น เลิกยึดติดและหลงตัวเอง และยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติของโลก” นายพชร กล่าว
'ไอติม' จี้ลดขนาดกองทัพ นายพลล้น-นายทหารเฟ้อ ท้าเปิดให้ตรวจ "งบลับ"
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7218282
‘ไอติม’ จี้ลดขนาดกองทัพ นายพลล้น-นายทหารเฟ้อ ท้าเปิดให้ตรวจสอบ “งบลับ” ทั้งรายได้สนามม้า-สนามมวย ด้าน ‘ยุทธพงศ์’ ค้านซื้อ F-35A – เรือดำน้ำ
เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 17 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมรัฐสภา ได้เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 8 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 84,387,885,200 บาท โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กรรมาธิการ (กมธ.) ที่ขอสงวนความเห็น อภิปรายว่า ตนขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหม 5% การขอซื้อเครื่องบิน F-35 A ที่สังคมกำลังจับตามอง นอกจากจะเป็นการของบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันแล้ว ยังเป็นการของบประมาณโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่ากองทัพสามารถใช้งบประมาณในแผนงานที่มีอยู่แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากเพียงพอ
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนจะตั้ง 5 ข้อพิสูจน์ความจริงใจของกองทัพในการปฏิรูปตัวเอง
1. การควบคุมขนาดของกองทัพและงบบุคลากรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สวนทางกับกระแสโลก จนทำให้สัดส่วนของงบบุคลากรสูงขึ้นถึง 54% ของงบทั้งหมดของกระทรวงกลาโหม จนเกิดสภาพนายพลล้น พลทหารเฟ้อ
2. การตัดสิทธิพิเศษของนายทหารไม่ให้อยู่เหนือพลเรือน จนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ จึงไม่น่าแปลกใจที่งบประมาณที่จัดสรรให้ข้าราชการแทนที่รถประจำตำแหน่ง หรือที่เรียกว่าค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งเลยกระจุกอยู่ที่กระทรวงกลาโหมเพียงกระทรวงเดียวถึง 70% ซึ่งยังไม่นับรวมงบสำหรับรถควบคุมสั่งการ
3. การโอนถ่ายภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจทหารไปให้หน่วยงานอื่นที่เชี่ยวชาญกว่า แต่ปัจจุบันกองทัพทำโครงการที่เกินเลยความเชี่ยวชาญหรือพันธกิจของกองทัพ เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือประชาชน ที่ใช้งบประมาณ 3,160 ล้านบาท ครอบคลุมตั้งแต่โครงการน้ำ โครงการทำถนน และโครงการเกี่ยวกับการประมง
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า 4. การวางหลักประกันในการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้ตกถึงคนไทยผ่านนโยบายออฟเซ็ต ผ่านการตั้งเงื่อนไขสัญญานำเข้ายุทโธปกรณ์ เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น การโอนถ่ายเทคโนโลยี และการสร้างงานในประเทศ
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า และ 5. การเปิดตนเองให้ประชาชนตรวจสอบ เพราะกองทัพมีงบลับถึง 2 ชั้น คือ งบลับตามระเบียบราชการ และงบลับกว่าหรือธุรกิจกองทัพ ที่เราไม่รู้ทั้งปริมาณ และไม่รู้รายละเอียด เช่น สนามกอล์ฟ และสนามมวย หากกองทัพสามารถพิสูจน์ว่าจะปฏิรูปตนเองได้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการกอบกู้ความไว้วางใจจากสภา และประชาชนที่กำลังหดหายไป
ขณะที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะ กมธ. อภิปรายว่าขอปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม 10% จากงบประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาท ตามแผนงานพื้นฐานของหน่วยงานในกำกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งในส่วนงบประมาณกองทัพเรือ ตนไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้อเรือดำน้ำซึ่งมีราคาแพงมหาศาล ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่กองทัพอากาศตั้งงบประมาณจัดซื้อเครื่องบินรบ F-35 A ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด มีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม แต่ก็มีราคาสูงมาก
“ปัจจุบันประเทศไทยเป็นหนี้ 10 ล้านล้านบาท แต่กองทัพอากาศจะไปซื้อเครื่องบินใหม่ วันนี้งบประมาณปี 2566 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท แทนที่จะเอามาช่วยเหลือประชาชนกลับจะเอาไปซื้อเครื่องบิน และเรือดำน้ำ ผมเห็นว่าเป็นการตั้งงบประมาณที่ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่ควรนำงบประมาณไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก่อน จึงจำเป็นต้องขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมในครั้งนี้” นายยุทธพงศ์ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายขอปรับลดงบกระทรวงกลาโหม 15% เนื่องจากมีการแยกงบบุคลากรออกต่างหาก และโดยปกติการใช้งบของกระทรวงกลาโหมจะไปอยู่ในหมวดรายจ่ายอื่นหรืองบลับ ซึ่งหน่วยงานที่นิยมใช้หมวดรายจ่ายอื่นคือกองทัพ เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ อีกทั้งในส่วนของงบผูกพันข้ามปียังสูงถึง 33% ซึ่งเห็นว่ากองทัพยังไม่มีความพร้อมเรื่องการจัดซื้ออาวุธ อีกทั้งไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงควรชะลอเพื่อนำงบประมาณไปช่วยเหลือคุณภาพชีวิตของประชาชนก่อน
แพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ ‘8 ปีแล้ว พอเถอะนะ’ ขอ ‘ประยุทธ์’ เปิดทางให้ปชต.ได้เติบโต
https://www.matichon.co.th/politics/news_3513145
แพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ ‘8 ปีแล้ว พอเถอะนะ’ ขอ ‘ประยุทธ์’ เปิดทางให้ปชต.ได้เติบโต
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท “8 ปีแล้ว พอเถอะนะ” เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงจากตำแหน่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
“กติกาทางสังคมเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีรวมกันต้องไม่เกิน 8 ปี เป็นเจตนารมณ์ที่ก้าวหน้าของทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นับว่าครบ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างชัดเจน ท่านรับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปีแล้ว ท่านใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี ท่านรับสวัสดิการจากภาษีประชาชนในฐานะนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างมีศักดิ์ศรีตามเจตนารมย์แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ยังเหลืออยู่นี้ ชมรมแพทย์ชนบทขอเชิญชวนให้ทุกองค์กรในสังคมไทย ร่วมกันแสดงออก สร้างกระแส “8 ปี พอแล้ว” กันให้กระหึ่ม
เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ชมรมแพทย์ชนบท ออกแถลงการณ์ชมรมแพทย์ชนบท “8 ปีแล้ว พอเถอะนะ” เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงจากตำแหน่ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
“กติกาทางสังคมเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีรวมกันต้องไม่เกิน 8 ปี เป็นเจตนารมณ์ที่ก้าวหน้าของทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 และ 2560
วันที่ 23 สิงหาคม 2565 นับว่าครบ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างชัดเจน ท่านรับเงินเดือนนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปีแล้ว ท่านใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 8 ปี ท่านรับสวัสดิการจากภาษีประชาชนในฐานะนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว นี่คือข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมาว่าท่านเป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปีแล้ว จึงถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีจะก้าวลงจากตำแหน่งอย่างมีศักดิ์ศรีตามเจตนารมย์แห่งรัฐธรรมนูญ 2560
ในช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่ยังเหลืออยู่นี้ ชมรมแพทย์ชนบทขอเชิญชวนให้ทุกองค์กรในสังคมไทย ร่วมกันแสดงออก สร้างกระแส “8 ปี พอแล้ว” กันให้กระหึ่ม
ประเทศไทยยังมีคนดีคนเก่งที่สามารถทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีได้จำนวนไม่น้อย ขอให้นายกประยุทธ์มีสำนึกประชาธิปไตยก้าวลงจากตำแหน่งตามกติกาอย่างคนรู้จักพอ เปิดทางให้เมืองไทยเดินไปข้างหน้า เปิดโอกาสให้ประชาธิปไตยได้เติบโต
8 ปีแล้ว พอเถอะนะ นายกประยุทธ์ จันทร์โอชา
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid02eExPT4qzJt34eTeybnHsU3EtQaeEqvRvJZexVhHqEHT366UX4MAgqJG2ZiSafUnhl&id=142436575783508