JJNY : 4in1 จี้รัฐตอบปมยืมเงินประกันสังคม/จับตาปมเชิญ20มหาเศรษฐี/อนุสรณ์ซัดรัฐเยียวยาล่าช้า/ณัฐชาซัดอุทธรณ์ใส่ข้อมูลเดิม

‘สภาประชาชน’ จี้รัฐตอบปม ยืมเงิน ‘ประกันสังคม’ ไปใช้จนขาดสภาพคล่องจริงหรือไม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2149020


 
เมื่อวันที่ 20 เมษายน ‘สภาที่ 3’ หรือสภาประชาชน ซึ่งเป็นการรวมตัวของบุคคลต่างๆในหลากหลายภาคส่วนเพื่อหารือประโยชน์สาธารณะ ได้ออกแถลงการณ์
  
ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 โดยขอขอบคุณคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกฝ่าย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคน กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) ชมรมแพทย์ชนบท และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนที่ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถในภาวะวิกฤต
  
นอกจากนี้ สภาที่ 3 เห็นด้วยที่รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาประชาชนทุกระดับอย่างเสมอภาคถ้วนหน้ากัน รวมถึงการให้เงิน 5,000 บาท 3 เดือน แก่แรงงานนอกระบบที่ได้รับผลกระทบ ทั้งที่อยู่และที่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม โดยเห็นว่ารัฐบาลต้องเยียวทุกฝ่ายอย่างเป็นธรรมทั้งระบบ ทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกอบการ ฯลฯ โดยมีมาตรการที่เหมาะสม
 
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุด้วยว่า ขอให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันลงอีก เนื่องจากราคาน้ำมันบ้านเรายังสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก และรัฐบาลได้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตลงแล้ว ดังนั้นควรลดราคาขายแอลกอฮอล์ทำความสะอาดลงด้วย เนื่องจากบางหน่วยงานมีการประกาศขายเกินราคาไปมากซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค
 
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกำชับให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลสภาพคล่องภาคการเงินและเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด แต่เนื่องจาก ธปท.สามารถดำเนินการเช่นนี้ได้ตามกฎหมายปกติอยู่แล้วโดยไม่จำกัดวงเงิน และสามารถดำเนินการได้ตามที่ ธปท.เห็นควรโดยไม่ต้องมีการขอความเห็นชอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด
 
ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลกำชับ ธปท.ให้ใช้กลไกตลาดเพื่อให้ผู้ออกตราสารหนี้จูงใจให้ผู้ออมเปลี่ยนจากเงินฝากมาซื้อตราสารหนี้อย่างเต็มที่ ด้วยผู้ออกตราสารเสนออัตราดอกเบี้ยต่อผู้ออมที่เหมาะสม หรือโดยให้ประโยชน์จูงใจอื่นแก่นักลงทุนให้พอเพียง แต่ ธปท.พึงจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงของตนเองตามปกติ จึงไม่ควรเรียกร้องให้รัฐบาลจะต้องค้ำประกันหรือชดเชยความเสียหายแก่ ธปท. เพื่อมิให้ก่อภาระต่อลูกหลานไทยให้ต้องชำระหนี้ในอนาคต แต่รัฐบาลจะต้องสงวนเงินภาษีไว้ช่วยเหลือชาวบ้านซึ่งเดือดร้อนแสนสาหัสเท่านั้น
 
ในตอนท้าย สภาที่ 3 ขอให้รัฐบาลออกมาตรการให้กองทุนประกันสังคมสามารถจ่ายคืนเงินสะสมวัยชราที่นายจ้างหรือผู้ประกันตนต้องการใช้เงินก่อนวัยชราได้ในอัตราไม่เกิน 50% จากเงินสะสมที่จะได้รับในวัยชรา หากมีการร้องขอเพื่อใช้เงินของตนเองในสถานการณ์วิกฤตนี้ เนื่องจากเงินในจำนวนนี้มี 1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งควรสามารถร้องขอเบิกเงินของตนเองได้ในภาวะวิกฤตินี้ เนื่องจากนี่เป็นเงินสะสมของเขาเองไม่ใช่เงินของรัฐบาล หากไม่มีกฎหมายรองรับ กระทรวงแรงงานสามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อออกมาตรการพิเศษ รวมถึงรัฐบาลควรมีมาตรการลดเงินสมทบประกันสังคมชั่วคราวในสถานการณ์วิกฤตไปอย่างน้อย 1 ปี
 
นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องตอบคำถามว่าได้ยืมเงินกองทุนประกันสังคมไปใช้จำนวนมากจนขาดสภาพคล่องจริงหรือไม่ และเพราะเหตุใดจึงจ่ายเงินสมทบจากภาครัฐเข้ากองทุนล่าช้า มีการนำเงินไปลงทุนมากน้อยเพียงใดและสภาที่ 3 สงสัยว่าเงินของคนทำงานกว่า 18 ล้านคนไปอยู่ที่ไหนบ้าง
 

 
เลชาครป.จับตาปมเชิญ 20 มหาเศรษฐี ห่วงประเด็น ‘ต่างตอบแทน’
https://www.matichon.co.th/politics/news_2149225

เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวในเวทีแถลงข่าวของสภาที่ 3 เรื่องข้อเสนอต่อรัฐบาลในสถานการณ์โควิดว่า ดูเหมือนว่าการที่นายกรัฐมนตรีเชิญ 20 มหาเศรษฐีมาร่วมช่วยแก้ปัญหาโควิดอาจเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน เนื่องจากรัฐบาลกำลังจะให้ ธปท.ไปค้ำประกันตราสารหนี้ 4 แสนล้านบาท ซึ่งบรรดาเจ้าสัวและมหาเศรษฐีทั้ง 20 กลุ่มคนล้วนอาจได้ประโยชน์โดยตรงจากนโยบายนี้ร่วมกัน เพราะรัฐบาลมีอำนาจที่จะไปบังคับ กำกับ ดูแลสินค้าอุปโภค-บริโภคทั้งหลายให้มีราคาต่ำลงได้อยู่แล้ว รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าอย่างเข้มแข็ง การปรึกษาหารือต้องรอดูว่ามีความร่วมมือในระดับไหน มีการแลกเปลี่ยนโครงการหรือผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ และการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทจะนำไปใช้จ่ายส่วนใดบ้าง
 
การแก้ปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจนอกจากการเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าแล้ว รัฐบาลควรเข้ายึดครองกิจการที่เป็นผลประโยชน์สาธารณะและบริการพื้นฐานของสังคม เช่น พลังงาน ไฟฟ้า ขนส่งมวลชนสาธารณะขนาดใหญ่ ฯลฯ เพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงบริการพื้นฐานที่ราคาถูก รัฐบาลจะควบคุมราคาไฟฟ้าให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิในบริการขั้นพื้นฐานได้อย่างไร เรื่องการใช้ไฟฟ้าราคาแพง ค่าเอฟทีที่บวกเพิ่ม รัฐบาลต้องแทรกแซงและดูแลกิจการที่เป็นผลประโยชน์สาธารณะและบริการพื้นฐานอย่างจริงจัง เพราะเป็นความมั่นคงของประเทศ อย่าให้สถานการณ์วิกฤตนี้กลายเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มทุนได้กอบโกยผลประโยชน์โดยรัฐบาลทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
 
“อะไรที่รัฐบาลทำไปสำเร็จแล้วผมขอชมเชย และสิ่งที่รัฐบาลควรทำเพิ่มเติมคือ ขอให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าบริโภค-บริโภค อย่าให้บรรดาเจ้าสัวได้ประโยชน์กลุ่มเดียวจากวิกฤต และขอให้รัฐบาลลดราคาค่าไฟฟ้าและลดราคาน้ำมันลงอีก เพราะนโยบายรัฐบาลกำหนดให้อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ แต่ค่าไฟกลับแพงขึ้นกว่าเท่าตัวโดยที่ไม่รายได้แล้วเขาจะอยู่อย่างไร” นายเมธากล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่