“ครป.” แนะรัฐบาลหยุดขู่ฟ้องปิดปาก ขอประกันสังคมจ่ายเงินสะสมคืน 50%
https://www.matichon.co.th/politics/news_2137828
“ครป.” แนะรัฐบาลหยุดขู่ฟ้องปิดปาก ขอประกันสังคมจ่ายเงินสะสมคืน 50%
เมื่อวันที่ 13 เมษายน นาย
เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และสมาชิกสภาที่ 3 กล่าวว่าถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า วิกฤติการณ์ครั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบหนักสุดจะเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ชนชั้นแรงงาน ผู้ไร้ซึ่งกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือทรัพยากรอื่นๆ นอกจากคนที่ต้องใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนแล้ว พนักงานสถานประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหารต่างๆ และนักร้อง-นักดนตรีที่ทำงานกลางคืนและคนทำงานรับจ้างรายวัน การขาดรายได้ในแต่ละวันและจะสะสมไปอีกหลายเดือนคือยาฆ่าตัวตายชนิดหนึ่งที่วิกฤตครั้งนี้มอบให้ เพราะมีรายได้รายวันเพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัวอีกหลายชีวิต จึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์ความสามารถในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้อย่างไร เนื่องจากมีการประเมินว่า มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่จะมีคนตกงานถาวรหรือว่างงานชั่วคราวมากกว่า 10 ล้านคน จากประเทศที่เคยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก
“เป็นเรื่องปกติที่ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าเหมาะสมหรือไม่ เพียงพอหรือเปล่า ผมรู้สึกเศร้าใจที่คนในรัฐบาลลืมบทบาทและภาระหน้าที่ของตนเอง แล้วออกมาข่มขู่คุกคามจะฟ้องร้องปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แทนที่จะไปบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถ เนื่องจากประชาชนให้สิทธิพิเศษไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดท่านได้ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว แต่นักการเมืองบ้านเรากลับขาดจริยธรรมเสียเองทั้งที่มี พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรมและบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ” นาย
เมธากล่าว
นาย
เมธากล่าวว่า ตนอยากให้ทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ร่วมกัน รัฐบาลใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤติอย่างเต็มที่ ฝ่ายค้านช่วยทำงานตรวจสอบงบประมาณและการทำงานของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรอิสระ-กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชนและละเมิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนประชาชนไทยก็ให้ความร่วมมือและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่จะมาไล่ฟ้องปิดปากกัน
ส่วนนโยบายการช่วยเหลือคนตกงานและผู้ได้รับผลกระทบเบื้องต้น 5,000 บาทต่อเดือนเป็นเรื่องที่ดีและถือเป็นเรื่องฉุกเฉิน ตอนนี้รัฐบาลมีข้อมูลการลงทะเบียนเป็น Big Data ขนาดใหญ่จะทำอย่างไรให้มีการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นประสิทธิภาพต่อไปเพื่อเข้าสู้ระบบสวัสดิการถ้วนหน้าให้ได้และไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติในอนาคต เพราะประชาชนคงไม่ได้รับผลกระทบแค่ 3 เดือนแน่ ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งของรัฐ พนักงานก็ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการสถานบริการต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดด้วย เมื่อนายจ้างอยู่ได้ ลูกจ้างก็อยู่ได้เช่นกัน เพราะบริษัทก็ต้องดูแลพนักงาน ทำอย่างไรให้พวกเขาอยู่ได้ โดยเฉพาะคนทำงานกลางคืนที่สูญเสียรายได้รายวัน
นโยบายการเลื่อนจ่ายและลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยให้นายจ้างจ่าย 4% ลูกจ้าง 1% เป็นการชั่วคราวไม่ได้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจให้ผู้ได้รับผลกระทบทั้งนายจ้างและลูกจ้างแต่อย่างใด เพราะหลายแห่งไม่มีเงินจะจ่ายเนื่องจากทำธุรกิจไม่ได้ ซ้ำร้ายสำหรับคนตกงานยังได้รับเงินประกันสังคมล่าช้า โดยเริ่มจ่ายสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทั้งที่ลงทะเบียนตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
“ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการพิเศษเพื่อลดเงินสมทบประกันสังคมชั่วคราวในสถานการณ์วิกฤติ 1 ปี และมีมาตรการคืนเงินกองทุนประกันสังคมให้แก่นายจ้างและลูกจ้างหากมีการแสดงเจตจำนงค์ โดยจ่ายคืนเงินสะสมเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในสถานประกอบการและในช่วงว่างงาน โดยอาจจ่ายคืนได้ไม่เกิน 50% จากเงินสะสมที่จะได้รับในวัยชรา เพราะเขาอาจไม่มีชีวิตถึงวัยชราก็ได้หากไม่มีข้าวกิน ไม่ใช่มีแค่โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานและการปล่อยกู้ที่มีดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกเท่านั้น อย่าปล้นประชาชนในภาวะวิกฤต เนื่องจากนี่เป็นเงินสะสมของเขาเองไม่ใช่เงินของรัฐบาล” นาย
เมธากล่าว
“อนุสรณ์”ซัดรบ.ทุ่มงบฯICTแต่ระบบคัดกรองมีปัญหา
https://www.innnews.co.th/politics/news_645985/
"อนุสรณ์" ซัดรบ.ทุ่มงบฯมหาศาลลงทุนด้านICT แต่ระบบคัดกรองมีปัญหา จี้แจงให้ชัดเกณฑ์ตรวจสอบรับเยียวยา
นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่เดือดร้อนจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจไม่ทั่วถึงประชาชนทุกกลุ่ม ว่า แฮชแท็ก #ทําไมไม่ได้ 5 พัน ติดอันดับต้นๆของทวิตเตอร์ เป็นหนึ่งในสิ่งบ่งชี้ว่าเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาล มีคนถูกทิ้งจาก www.เราไม่ทิ้งกัน.com จำนวนมาก รัฐบาลใช้งบประมาณมหาศาลลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโครงสร้าง ICT แต่วันนี้ยังสับสน ว่าระบบคัดกรองที่มีปัญหาใช้ เอไอ หรือ ใช้สิ่งใดคัดกรอง บางคนทั้งชีวิตไม่เคยเกี่ยวข้าว ระบบบอกว่าเป็นเกษตรกร ซึ่งมีความผิดปกติเกิดขึ้นจำนวนมาก ผลพวงจากการล็อคดาวน์ ทุกอย่างกะทันหันโดยไม่มีมาตรการรองรับ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากกว่า 40 ล้านคน คนลงทะเบียน 27 ล้านคน ใครได้ ใครไม่ได้ ติดเงื่อนไขใด ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบระบบการคัดกรองที่มีปัญหา ประชาชนที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าถึงการเยียวยา ไม่ใช่เพียงจะเปิดให้ผู้ที่ลงทะเบียนไม่ผ่านสามารถอุทธรณ์ได้ แต่ต้องพัฒนาระบบให้มีความถูกต้องเปิดเผยได้
ทั้งนี้ ควรใช้ BigData หรือ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลของรัฐ หาผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 ให้พบ แล้วเร่งเยียวยาให้ถูกต้องถูกคน
JJNY : ครป.แนะหยุดขู่ฟ้องปิดปาก/อนุสรณ์ซัดระบบมีปัญหา/พท.อัดตู่ตั้งเด็กวิษณุคุมซื้อเวชภัณฑ์/อัจฉริยะแจ้งเอาผิดจุรินทร์
https://www.matichon.co.th/politics/news_2137828
“ครป.” แนะรัฐบาลหยุดขู่ฟ้องปิดปาก ขอประกันสังคมจ่ายเงินสะสมคืน 50%
เมื่อวันที่ 13 เมษายน นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และสมาชิกสภาที่ 3 กล่าวว่าถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า วิกฤติการณ์ครั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบหนักสุดจะเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ชนชั้นแรงงาน ผู้ไร้ซึ่งกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือทรัพยากรอื่นๆ นอกจากคนที่ต้องใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนแล้ว พนักงานสถานประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหารต่างๆ และนักร้อง-นักดนตรีที่ทำงานกลางคืนและคนทำงานรับจ้างรายวัน การขาดรายได้ในแต่ละวันและจะสะสมไปอีกหลายเดือนคือยาฆ่าตัวตายชนิดหนึ่งที่วิกฤตครั้งนี้มอบให้ เพราะมีรายได้รายวันเพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัวอีกหลายชีวิต จึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์ความสามารถในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้อย่างไร เนื่องจากมีการประเมินว่า มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่จะมีคนตกงานถาวรหรือว่างงานชั่วคราวมากกว่า 10 ล้านคน จากประเทศที่เคยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก
“เป็นเรื่องปกติที่ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าเหมาะสมหรือไม่ เพียงพอหรือเปล่า ผมรู้สึกเศร้าใจที่คนในรัฐบาลลืมบทบาทและภาระหน้าที่ของตนเอง แล้วออกมาข่มขู่คุกคามจะฟ้องร้องปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แทนที่จะไปบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถ เนื่องจากประชาชนให้สิทธิพิเศษไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดท่านได้ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว แต่นักการเมืองบ้านเรากลับขาดจริยธรรมเสียเองทั้งที่มี พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรมและบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ” นายเมธากล่าว
นายเมธากล่าวว่า ตนอยากให้ทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ร่วมกัน รัฐบาลใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤติอย่างเต็มที่ ฝ่ายค้านช่วยทำงานตรวจสอบงบประมาณและการทำงานของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรอิสระ-กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชนและละเมิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนประชาชนไทยก็ให้ความร่วมมือและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่จะมาไล่ฟ้องปิดปากกัน
ส่วนนโยบายการช่วยเหลือคนตกงานและผู้ได้รับผลกระทบเบื้องต้น 5,000 บาทต่อเดือนเป็นเรื่องที่ดีและถือเป็นเรื่องฉุกเฉิน ตอนนี้รัฐบาลมีข้อมูลการลงทะเบียนเป็น Big Data ขนาดใหญ่จะทำอย่างไรให้มีการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นประสิทธิภาพต่อไปเพื่อเข้าสู้ระบบสวัสดิการถ้วนหน้าให้ได้และไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติในอนาคต เพราะประชาชนคงไม่ได้รับผลกระทบแค่ 3 เดือนแน่ ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งของรัฐ พนักงานก็ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการสถานบริการต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดด้วย เมื่อนายจ้างอยู่ได้ ลูกจ้างก็อยู่ได้เช่นกัน เพราะบริษัทก็ต้องดูแลพนักงาน ทำอย่างไรให้พวกเขาอยู่ได้ โดยเฉพาะคนทำงานกลางคืนที่สูญเสียรายได้รายวัน
นโยบายการเลื่อนจ่ายและลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยให้นายจ้างจ่าย 4% ลูกจ้าง 1% เป็นการชั่วคราวไม่ได้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจให้ผู้ได้รับผลกระทบทั้งนายจ้างและลูกจ้างแต่อย่างใด เพราะหลายแห่งไม่มีเงินจะจ่ายเนื่องจากทำธุรกิจไม่ได้ ซ้ำร้ายสำหรับคนตกงานยังได้รับเงินประกันสังคมล่าช้า โดยเริ่มจ่ายสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทั้งที่ลงทะเบียนตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
“ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการพิเศษเพื่อลดเงินสมทบประกันสังคมชั่วคราวในสถานการณ์วิกฤติ 1 ปี และมีมาตรการคืนเงินกองทุนประกันสังคมให้แก่นายจ้างและลูกจ้างหากมีการแสดงเจตจำนงค์ โดยจ่ายคืนเงินสะสมเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในสถานประกอบการและในช่วงว่างงาน โดยอาจจ่ายคืนได้ไม่เกิน 50% จากเงินสะสมที่จะได้รับในวัยชรา เพราะเขาอาจไม่มีชีวิตถึงวัยชราก็ได้หากไม่มีข้าวกิน ไม่ใช่มีแค่โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานและการปล่อยกู้ที่มีดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกเท่านั้น อย่าปล้นประชาชนในภาวะวิกฤต เนื่องจากนี่เป็นเงินสะสมของเขาเองไม่ใช่เงินของรัฐบาล” นายเมธากล่าว
“อนุสรณ์”ซัดรบ.ทุ่มงบฯICTแต่ระบบคัดกรองมีปัญหา
https://www.innnews.co.th/politics/news_645985/
"อนุสรณ์" ซัดรบ.ทุ่มงบฯมหาศาลลงทุนด้านICT แต่ระบบคัดกรองมีปัญหา จี้แจงให้ชัดเกณฑ์ตรวจสอบรับเยียวยา
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมาตรการจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่เดือดร้อนจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจไม่ทั่วถึงประชาชนทุกกลุ่ม ว่า แฮชแท็ก #ทําไมไม่ได้ 5 พัน ติดอันดับต้นๆของทวิตเตอร์ เป็นหนึ่งในสิ่งบ่งชี้ว่าเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาล มีคนถูกทิ้งจาก www.เราไม่ทิ้งกัน.com จำนวนมาก รัฐบาลใช้งบประมาณมหาศาลลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและโครงสร้าง ICT แต่วันนี้ยังสับสน ว่าระบบคัดกรองที่มีปัญหาใช้ เอไอ หรือ ใช้สิ่งใดคัดกรอง บางคนทั้งชีวิตไม่เคยเกี่ยวข้าว ระบบบอกว่าเป็นเกษตรกร ซึ่งมีความผิดปกติเกิดขึ้นจำนวนมาก ผลพวงจากการล็อคดาวน์ ทุกอย่างกะทันหันโดยไม่มีมาตรการรองรับ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากกว่า 40 ล้านคน คนลงทะเบียน 27 ล้านคน ใครได้ ใครไม่ได้ ติดเงื่อนไขใด ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ รัฐบาลต้องรับผิดชอบระบบการคัดกรองที่มีปัญหา ประชาชนที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าถึงการเยียวยา ไม่ใช่เพียงจะเปิดให้ผู้ที่ลงทะเบียนไม่ผ่านสามารถอุทธรณ์ได้ แต่ต้องพัฒนาระบบให้มีความถูกต้องเปิดเผยได้
ทั้งนี้ ควรใช้ BigData หรือ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลของรัฐ หาผู้เดือดร้อนจากโควิด-19 ให้พบ แล้วเร่งเยียวยาให้ถูกต้องถูกคน