💥มาลาริน/ณ บัดนี้..นายกฯจะเป็นผู้นำในภารกิจนี้และรายงานตรงต่อประชาชนชาวไทยทุกคน"เราจะสู้ไปด้วยกัน และเราจะชนะไปด้วยกัน"

ผมจะเป็นผู้นำในภารกิจนี้และรายงานตรงต่อประชาชนชาวไทยทุกคน 'เราจะสู้ไปด้วยกัน และเราจะชนะไปด้วยกัน'



25 มี.ค.63 - เวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงการประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า....

ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ และหลายเดือนข้างหน้า ต่อจากนี้ไปเราอาจจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่เลวร้าย และเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ช่วงเวลานี้ เป็นบททดสอบ ที่เราทุกคนไม่เคยเผชิญมาก่อน ถึงวันนี้เราต้องยอมรับความจริงว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของภาวะวิกฤตจากไวรัสโควิด19 และสถานการณ์อาจจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และเลวร้ายยิ่งขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพกาย สุขภาพใจ รวมทั้งรายได้ และการใช้ชีวิตของคนไทยทุกคน
 
"ด้วยเหตุนี้ ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่างๆด้วยความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เราสามารถหยุดการแพร่ระบาดพร้อมกับลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนทุกคนให้ได้ ผมจะเข้ามาบัญชาการ การจัดการกับไวรัสโควิด-19 ในทุกมิติอย่างเต็มตัว ทั้งด้านการป้องกันการระบาด การรักษาพยาบาลไปจนถึง การเยียวยาและฟื้นฟูประเทศจากผลกระทบของโควิด-19 ผมจะเป็นผู้นำในภารกิจนี้และรายงานตรงต่อประชาชนชาวไทยทุกคน โดยจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร โดยอาศัยอำนาจ ตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์ การระบาดของโรคติดต่ออันตรายร้ายแรง ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว และจะยกระดับศูนย์บริหารสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ได้ตั้งไว้แล้ว ให้เป็นหน่วยงานพิเศษ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดฯ เพื่อบูรณาการทุกส่วนราชการ และสั่งการทุกส่วนราชการได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว เนื่องจากในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ จำเป็นต้องรวมศูนย์สั่งการไว้ที่เดียว เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนและขจัดปัญหาการทำงานแบบ ต่างคนต่างทำของหน่วยงานต่างๆ โดยมีผมเป็นประธาน" นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า กำหนดให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้า ผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้า ผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้า ผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านการต่างประเทศ และการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคงการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ รวมทั้ง มีทีมงานจากทุกภาคส่วนเป็นคณะที่ปรึกษา โดยจะประชุมร่วมกันทุกวันเพื่อให้ทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลสถานการณ์เป็นภาพเดียวกัน และเมื่อตนแจกจ่ายงาน ทุกฝ่ายจะรับทราบแผนงานทั้งหมดไปพร้อมกัน สามารถทำงานสอดประสานไปในทิศทางเดียวกันได้ซึ่งผู้ที่จะรายงานต่อประชาชน จะต้องเป็นตนหรือผู้ที่ผมมอบหมายเท่านั้น
 
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับข้อกำหนดต่างๆ  เช่น การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง,  การปิดสถานที่เสี่ยง ซึ่งปิดไปบ้างแล้ว,  การปิดช่องทางเข้าประเทศ, การเสนอข้อพึงปฏิบัติสำหรับ ผู้สูงวัย คนป่วย และเด็ก  การห้ามกักตุนสินค้า,การขึ้นราคาสินค้าโดยไม่มีเหตุผล การห้ามเสนอข่าวบิดเบือน จะมีการประกาศตามมา หลังจากที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว และยืนยันว่า ภายใต้พระราชกำหนดฉบับนี้ จะไม่มีการปิดร้านค้าที่จำหน่ายสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ข้อกำหนดเหล่านี้ อาจจะสร้างความไม่สะดวกกับประชาชนบ้าง แต่ขอให้ทุกท่านร่วมมือและเสียสละเพื่อส่วนรวม งานหลักที่เราจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุด และดำเนินการควบคู่กันไป คืองานป้องกันการระบาด ด้วยการควบคุมพื้นที่ ทุกพื้นที่และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น แอพลิเคชันกำหนดโลเคชั่น มาช่วยในการเฝ้าสังเกตอาการ หรือควอรันทีน การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยา ฟื้นฟูประเทศ จากผลกระทบของเชื้อไวรัสโควิด-19
 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนจะปรับปรุงให้การสื่อสาร เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 กับประชาชน ให้มีความถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วนโดยผมได้สั่งการให้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์และมาตรการต่างๆ รวมถึงคำแนะนำต่อประชาชน เพียงวันละหนึ่งครั้ง เพื่อลดความซ้ำซ้อน ลดการบิดเบือนข้อมูล และลดการสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ตนขอยืนยันว่าประชาชน จะได้รับข้อมูลที่เป็นทางการ ตรงไปตรงมา โปร่งใส และชัดเจน จากเพียงแหล่งเดียว เป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ ตนขอความร่วมมือให้สื่อมวลชน เพิ่มความรับผิดชอบในการรายงานข่าว ขอให้ใช้ข้อมูลจากการแถลงประจำวัน ของทีมสื่อสารเฉพาะกิจและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก แทนการขอสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อให้ท่านเหล่านั้น สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ตนเชื่อว่าหากทำได้เช่นนี้สื่อมวลชนจะเป็นกำลังสำคัญในการสู้กับภัยโควิด-19 ครั้งนี้

นายกฯ กล่าวว่า สำหรับผู้ใช้โซเชียลมีเดียทุกท่าน พวกเราคือ ทีมเดียวกัน ทุกท่านสามารถร่วมแชร์ข้อมูลที่ถูกต้องจากการแถลงประจำวัน ช่วยกันรายงาน และต่อต้านการแชร์ข่าวปลอม และใช้ความคิดสร้างสรรค์ของท่าน ช่วยให้ประชาชนทุกเพศทุกวัย รับรู้และเข้าใจข้อมูลได้ง่ายและกว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ขอเตือนกลุ่มคนที่จะฉวยโอกาส หาผลประโยชน์บนความทุกข์ร้อนความเป็นความตายของประชาชนให้รู้ไว้ว่า อย่าคิดว่าจะหลุดพ้นไปได้ ตนจะทำทุกทาง ที่จะใช้กฏหมายจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และไม่ปรานีการบังคับใช้กฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการควบคุมโรค จะเข้มข้นขึ้นมากทั่วประเทศ ทั้งการเอาผิดผู้ที่ละเมิดกฎหมาย และการเอาผิดข้าราชการ และเจ้าพนักงานที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่
 
"ภาครัฐอย่างเดียว ไม่สามารถฝ่าวิกฤตไปได้เพียงลำพัง ถ้าเราไม่จับมือ และดึงภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาเป็นทีมเดียวกันกับภาครัฐ ประเทศไทยโชคดีที่มีคนเก่งมากมาย อยู่ในภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่พร้อมจะช่วยรัฐบาลแก้ปัญหา ภายในหนึ่งสัปดาห์ ผมจะกระจายทีมงาน ไปทำความเข้าใจปัญหา และความต้องการของทุกกลุ่มรวมทั้งรับทราบศักยภาพของแต่ละกลุ่ม ในการที่จะเข้ามาร่วมมือกันแก้ปัญหาและผมจะดึงคนเก่งเหล่านี้ มาร่วมกันทำงาน ต่อจากนี้ไป มาตรการต่างๆ ที่รัฐจะออกมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อร้ายนี้ จะมีความเข้มข้นขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน ผมขอความร่วมมือและขอให้มีความรับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคม รวมทั้ง ปฏิบัติตามนโยบายป้องกันโรคระบาดนี้ อย่างเคร่งครัด บางคนอาจจะรู้สึกเสียสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นการทำเพื่อปกป้องชีวิตของท่านเอง ของครอบครัวของท่าน และของคนไทยทุกคน หากพวกเราเข้าใจ เข้มงวดและจริงจัง ในเวลาไม่นาน ผมมั่นใจว่า พวกเราจะสามารถก้าวพ้นสถานการณ์ อันเลวร้ายนี้ไปได้" นายกฯ กล่าว
  
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่สร้างความเจ็บปวด และท้าทายความรัก ความสามัคคีของพวกเราทุกคน แต่ขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้ก็เป็นช่วงเวลาที่จะดึงสิ่งที่ดีที่สุด ในตัวของพวกเราคนไทยทุกคนออกมา นั่นก็คือ ความกล้าหาญ ความรัก ที่มีต่อพี่น้องร่วมชาติ ความเสียสละที่จะช่วยเหลือผู้อื่น รวมถึงความเอื้ออาทรต่อกันและกัน ซึ่งจะนำพาให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปได้ ด้วยความสามัคคี ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ความมีน้ำใจของคนไทย ซึ่งหาไม่ได้จากชาติใดในโลก ไวรัสโควิด-19 ที่น่ากลัวและอันตราย ได้สร้างความเสียหายไปทั่วโลกก็จริง แต่สิ่งหนึ่งที่ไวรัสโควิด-19ไม่สามารถทำร้ายได้ก็คือความดีงามในใจและความสามัคคี ของคนไทย
จะกลับมาเปล่งประกายไปทั่วผืนแผ่นดินไทยอีกครั้ง
 
"ผมในฐานะนายกรัฐมนตรี ขอให้คำมั่นสัญญากับทุกคนว่า ผมจะเดินหน้าสุดความสามารถ เพื่อนำประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ความปลอดภัยและสวัสดิภาพของ ประชาชนชาวไทยทุกคน เป็นสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด ผมขอให้ทุกคนเชื่อมั่น และร่วมมือกัน ฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันประเทศไทยที่รักของเราทุกคน จะต้องกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง เราจะสู้ไปด้วยกัน และเราจะชนะไปด้วยกัน ขอบคุณครับ" นายกฯ กล่าว

https://www.thaipost.net/main/detail/60880

นี่คือ...คำมั่นสัญญาของนายกฯลุงตู่

น้อมรับทราบด้วยความเต็มใจยิ่ง และพร้อมที่จะปฏิบัติตามพ.ร.ก.ทุกประการนะคะ

รอมาตรการที่จะออกมาให้ประชาชนรับรู้ต่อไปค่ะ

ขอเอาใจช่วยให้งานอันยากลำบากนี้ลุล่วงไปอย่างไม่มีอุปสรรคใดๆนะคะ



ขอบคุณนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14


มีอะไรบ้าง? 16 ข้อกำหนดใช้ เมื่อประกาศ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’

สำหรับข้อกำหนดในมาตรา 9 การบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน นายกรัฐมนตรีได้อ่านข้อกำหนด และข้อปฏิบัติแก้ส่วนราชการ ภายใต้หลักเกณฑ์เงื่อนไขและเวลา โดยมีข้อกำหนกปฏิบัติ 16 ข้อ ดังนี้

1.การห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง โดยห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่ สถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการติดต่อเชื้อโรคโควิด-19 ตามที่ผู้ว่าฯกทม. และผู้ว่าราชการจังหวัด กำหนดตามมติครม. เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63 หรือ ตามที่ผู้ว่าฯกทม. หรือเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคติดต่อประกาศ หรือสั่งตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ

2.การปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค โดยให้ผู้ว่าฯกทม.และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อพิจารณาสั่งปิดสถานที่ที่มีคนจำนวนมากไปทำกิจกรรมร่วมกันและเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 เป็นการชั่วคราว แต่แย่างน้อยให้สั่งปิดสถานที่ดังต่อไปนี้

1.) สนามมวย สนามกีฬา สนามแข่งขัน สนามเด็กเล่น สนามม้า ในทุกจังหวัดทั่วราชอาณาจักรจนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น

2.) ผับ สถานบริการ สถานที่แสดงมหรสพ สถานที่มีการแสดง หรือการละเล่น สาธารณะ สถานประกอบการ อ่าง อบ นวด และนวดแผนโบราณ สปา ส่วนที่ออกกำลังกาย (ฟิตเนต) สถานบันเทิง ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น 3.ส่วนสถานที่อื่น เช่น แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ พิพิธภัณฑสถาน ห้องสมุดสาธารณะ ศาสนสถาน สถานีขนส่ง หรือโดยสาร ตลาด ห้างสรรพสินค้า ให้พิจารณาโดยสั่งปิดเฉพาะส่วนหรือทั้งหมด และอาจกำหนดเงื่อนไข และเงื่อนเวลา ตามความจำเป็น และเหมาะสม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือกทม. แล้วแต่กรณี

3.) การปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะ อากาศยาน เรือ รถยนต์ หรือพาหนะอื่น เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบปิดช่องทางเข้าออกด่าน จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรนตามกฎหมาย ว่าด้วยโรคติดต่อ และกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เว้นแต่เป็นกรณี หรือผู้มีเหตุยกเว้นตามที่นายกรัฐมนตรีอนุญาต เช่น ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น คณะทูต คณะกงศุล ผู้แทนรัฐบาล องค์กรระหว่างประเทศ เป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีใบอนุญาตทำงาน หรือได้รับอนุญาตจากราชการให้ทำงานในราชอาณาจักร ส่วนเป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ติดต่อสถานทูตออกใบรับรองให้ หรือมีใบรับรองแพทย์

4.การห้ามกักตุนสินค้า ทั้งยาเวชภัณฑ์ อาหาร น้ำดื่ม หรือสินค้าอื่นที่จำเป็นต่อการอุปโภค บริโภค ในชีวิตประจำวัน

5.การห้ามชุมนุม ห้ามมิให้มีการชุมนุม ทำกิจกรรม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าว อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

6.การเสนอข่าว ห้ามเสนอข่าว หรือทำให้แพร่หลายทางสื่อต่างๆ ที่มีข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 อันไม่เป็นความจริง และอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน กรณีให้เจ้าหน้าที่เตือนให้ระงับหรือสั่งให้แก้ไขข่าว หากรุนแรงให้ดำเนินคดีตามพรบ.คอมพิวเตอร์ 2550 หรือพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน

7.มาตรการเตรียมรับสถานการณ์ 1.) ให้ผู้ว่าฯกทม.และผู้ว่าฯทุกจังหวัด เป็นผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทุกมิติ ในเขตท้องที่ที่รับผิดชอบ หากมีปัญหาให้รายงานกระทรวงมหาดไทย 2.) ให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ประชาสัมพันธ์เผยแพร่มาตรการช่วยเหลือหรือบรรเทาผลกระทบ อันเกิดจากการบังคับใช้มาตรการของรัฐ 3.)ให้โรงพยาบาล สถานพยาบาล จัดหายา เวชภัณฑ์ เครื่องมือในการตรวจโรค เครื่องหายใจ หรืออุปกรณ์อื่นที่จำเป็นให้เพียงพอตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขกำหนด พร้อมเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ จากแหล่งต่างๆ และเตรียมสถานที่กักกัน หรือเตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้น โดยขอความร่วมมือดัดแปลงสถานที่ เช่น โรงแรม โรงเรียน มหาวิทยาลัย หอประชุม สถานที่ปฏิบัติธรรม ศาลาวัด อาคารเอกชนที่ยังไม่ได้ใช้งาน หรือสถานที่ราชการ เป็นโรงพยาบาลชั่วคราว 4.) ในการกักตัวเองไว้สังเกตอาการ

8.มาตรการพึ่งปฏิบัติสำหรับบุคคลบางประเภท ให้กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้ง่าย อยู่ในเคหสถาน หรือบริเวณสถานที่พำนักของตน เพื่อป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ จากสภาพแวดล้อมภายนอก 1.) ผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป 2.) กลุ่มคนที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ ซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำตามธรรมชาติของโรค และด้วยยาที่ใช้รักษา 3.) กลุ่มเด็กเล็ก ที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปีลงมา

ทั้งนี้เว้นแต่บุคคลดังกล่าว มีความจำเป็นเพื่อพบแพทย์ รักษาพยาบาล ทำธุรกรรมเกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ และสถาบันการเงิน ตู้เอทีเอ็ม การสื่อสารมวลชน โทรคมนาคม และ ไปรษณีย์ การให้บริการขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้า เพื่อให้อุปโภคบริโภค การจัดหาและซื้อขายอาหาร การติดต่อคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานอัยการหรือศาล

9.มาตรการเกี่ยวกับการออกนอกราชอาณาจักร ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้มงวดในการตรวจลงตรา หรือออกวีซ่า หรือชาวต่างชาติที่ไม่มีกิจการ หรือถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรยังคงอยู่ในราชอาณาจักร

10.มาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย ให้กทม. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดเวรยาม ตั้งจุดตรวจตามถนน เส้นทางคมนาคม สถานีขนส่ง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ อาชญากรรม การรวมกลุ่มชุมนุมหรือมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคหรือฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน หรือกลั่นแกล้งเพื่อแพร่เชื้อโรค หากพบให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที

11.มาตรการป้องกันโรค ให้ทำความสะอาดสถานที่ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ประกอบการ ผู้ใช้บริการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร เพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส ให้ควบคุมผู้ร่วมกิจกรรมไม่ให้แออัด

12.นโยบายยังคงให้เปิดสถานที่ทำการ ทั้งโรงพยาบาล สถานพยาบาล คลินิกแพทย์รักษาโรค ร้านขายยา ร้านอาหารที่ไม่ใช่สถานบันเทิงหรือสถานบริการ และแผงจำหน่ายอาหาร ที่ผู้บริโภคซื้อไปบริโภคนอกสถานที่ โรงแรมในส่วนซึ่งเป็นที่พักอาศัยและร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็ก ร้านค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้าในส่วนซึ่งเป็นแผนกซุปเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยา แผนกอาหาร แผนกสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจำเป็นต่อการดำรงชีวิต โรงงาน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกรรมการเงิน ธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม ตลาด และตลาดนัด ในส่วนซึ่งจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์และสินค้าเบ็ดเตล็ดอันจำเป็น สถานที่จำหน่ายแก๊สหุงต้ม เชื้อเพลิง ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส การให้บริการขนส่งผู้โดยสาร และขนส่งสินค้า รวมทั้งบริการส่งสินค้าและอาหารตามสั่ง ยังคงประกอบกิจการต่อไปตามปกติ

13.คำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด เวลานี้พึงงด หรือชะลอการเดินทางโดยไม่จำเป็น กรณีจำเป็นต้องเดินทางข้ามพื้นที่ต้องรับการตรวจคัดกรอง เพื่อเป็นประโยชน์ในการติดตามตัว มารับตรวจอาการ หรือกักกันตัว

14.คำแนะนำในการจัดกิจกรรมอื่นๆ เช่น พิธีมงคลสมรส พิธีเส้นไหว้บรรพบุรุษ พิธีบำเพ็ญกุศล พิธีศพ พิธีสงกรานต์ กิจกรรมภายในครอบครัว ยังคงจัดได้ตามความเหมาเสม แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค

15.โทษ กรณีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ข้อ 1-6 ต้องรับโทษตามมาตรา 18 พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน และอาจมีความผิดตามมาตรา 52 พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 หรือมาตรา 41 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

16.ข้อกำหนดนี้บังคับใช้ทั่วราชอาณาจักร

https://news.bectero.com/news/178685

 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่