JJNY : หญิงหน่อยวอนเปิดใจรับฟังข้อเสนอ/อัยการออกมาตรการเด็ดขาด/นักข่าวดังฉะสื่อสารรัฐล้มเหลว/อังกฤษปิดร้าน จ่ายเยียวยา

"หญิงหน่อย" ประกาศพร้อมให้ความร่วมมือรัฐบาล สู้วิกฤต "โควิด" วอนเปิดใจรับฟังข้อเสนอฝ่ายค้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2075300
 
 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า 
 
#แก้ปัญหาโควิด19 ไม่ยาก-ไม่ง่าย
 
ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันค่ะ!!
 
สำหรับหน่อย และพรรคเพื่อไทย เราคือฝ่ายค้านที่มีหน้าที่ทักท้วงให้รัฐบาลบริหารประเทศด้วยความรอบคอบ เราไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ
 
ส่วนเรื่องการแก้ไขความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เรายินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งวิกฤตที่เราเจออยู่ในปัจจุบันคือ การต่อสู้กับวิกฤตCovid
 
วันนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง อะไรที่ฝ่ายค้านเห็นว่าควรจะทำ เราจะขอนำเสนออย่างตรงไปตรงมา โดยหวังว่ารัฐบาลจะเปิดใจรับฟังข้อเสนอ และความปรารถนาดี เพื่อดูแลรักษาชีวิตของพี่น้องชาวไทยให้ปลอดภัยที่สุด
 
โดยทุกคนคิดภายใต้พื้นฐานเดียวกันว่า
#เราจะรอดไปด้วยกัน
#ประเทศไทยต้องชนะ
 
การแก้วิกฤตของชาติครั้งนี้
มีองค์ประกอบหลักที่สำคัญคือ
การตัดสินใจของผู้นำ
และความร่วมมือจากทุกฝ่าย
 
ซึ่ง ณ เวลานี้ ทุกฝ่ายร่วมมือกันจนแทบจะเกินร้อยอยู่แล้ว
 
ปัญหาจึงมาคอขวดอยู่ที่ “การตัดสินใจของผู้นำ”
 
หาก ”ผู้นำ” ไม่คิดบนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก มัวแต่คิดเอาใจเถ้าแก่ ที่ดีดลูกคิด คำนวณกำไร-ขาดทุนรายวัน เฉพาะแต่ธุรกิจตัวเอง การตัดสินใจก็จะผิดเพี้ยน แก้ปัญหาไม่ได้
 
สถานการณ์ทั่วไปก็จะเข้าสู่โหมดเลี้ยงไข้-อมโรค และทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ความเสียหายโดยรวมก็จะมากกว่ากันนับสิบนับร้อยเท่า
 
การตัดสินใจแก้ปัญหา Covid โดยรวม คล้ายกับเรื่อง #หน้ากากอนามัย ซึ่งหากนายกฯจริงใจ-ใส่ใจที่จะแก้ไข ก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ง่าย แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย
 
การแก้ปัญหาหน้ากาก ถ้าคิดกำไร-ขาดทุนเฉพาะหน้า ยังไงหน้ากากก็หมดประเทศ
 
หน้ากากขายเมืองไทยได้กำไร50สตางค์ ขายเมืองนอกกำไร 20บาท หากผู้นำปล่อยให้คนใกล้ชิดผู้เกี่ยวข้อง ลักลอบส่งออกไปเรื่อยๆ ฟันกำไรเป็นกอบเป็นกำ
 
5ล้านชิ้นกำไร100ล้าน
10ล้านชิ้นกำไร200ล้าน
ผลิตมาเยอะเท่าไหร่ ก็ได้เงินเข้ากระเป๋าเยอะเท่านั้น #คนไทยไม่มีสิทธิ์ได้ใช้
 
หน้ากากขาดแคลน แม้กระทั่งบุคลากรทางการแพทย์ ก็ยังมีหน้ากากใช้ไม่เพียงพอ ประชาชนต้องมาเรี่ยไรบริจาคให้ แล้วแบบนี้ #คนไทยจะชนะได้อย่างไร
 
ปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัย แก้ไขได้ไม่ยาก แต่นายกฯก็ยังปล่อยให้เป็นปัญหาระดับชาติได้
 
การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ Covid-19 หนักหนาสาหัสกว่ากันเยอะ นายกฯ ต้องเร่งแก้ไขความผิดพลาดอย่าให้เกิดวิกฤตซ้ำเติมคนไทยอีก
 
แสดงลักษณะผู้นำ แยก GoodGuy BadGuy ให้ถูก กล้าตัดสินใจและทำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่ผู้รู้ต่างก็แนะนำเป็นเสียงเดียวกัน
 
หน่อยเสนอ #ยุทธการ21วันสยบCovid มาหลายวันแล้วค่ะ
 
นายกจะเปลี่ยนชื่อโครงการก็ได้ จะใช้ชื่ออะไรก็ได้
แต่นายกฯต้องทำ!! และทำตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง ครบถ้วน ตามที่ได้นำเสนอด้วยค่ะ
 
แนวทางในภาพรวมคือ
>สแกนทั้งประเทศ
>นำผู้ติดเชื้อรายใหม่เข้าQuarantine ให้เร็วที่สุด ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้
>เชื้อใหม่ต้องไม่เข้าประเทศไทยเพิ่ม
>ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษา
>เชื้อเก่าต้องฆ่าเชื้อทำความสะอาด
 
ทำเร็ว-จบเร็ว
ป่วยตายน้อย
โรงพยาบาลรับไหว
เศรษฐกิจฟื้นเร็ว
 
ทำช้า-จบช้า
ป่วยตายเยอะ
โรงพยาบาลไม่เพียงพอ
เศรษฐกิจฟื้นยาก
 
แสดงลักษณะผู้นำ
กล้าตัดสินใจ
ใช้ #PowerofNow!!
กำหนดวันให้ประชาชนเตรียมตัวชัดเจน
 
#ขอทำด่วนค่ะ
#EndgameCovid
  
https://www.facebook.com/sudaratofficial/photos/a.484034281675370/2800034360075339/
  

 
อัยการชี้'โควิด-19'รอจิตสำนึกคนไม่ได้ ออกมาตรการเด็ดขาดห้ามออกจากบ้าน เยียวยาเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2075621
  
“อัยการธนกฤต”ชี้ปัญหาโควิดรัฐมัวรอพึ่งจิตสำนึกคนอย่างเดียวไม่ได้ ควรออกมาตรการเด็ดขาดห้ามออกจากบ้านพร้อมเยียวยาเศรษฐกิจ ปชช. ไม่ใช่โดนโควิดค่อยล้อมคอก ยกหลายประเทศยุโรปใช้วิธีปิดสถานที่มาเเล้วเเต่ไม่ได้ผล
 
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีการเเพร่ระบาดโควิด ว่า  
 
”ก่อนที่จะสายเกินไป โดนโคขวิดแล้วค่อยล้อมคอก ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนอยู่บ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้ง มีกระแสในโลกออนไลน์จำนวนมากขอความร่วมมือให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดของโรคขยายวงกว้างออกไป ผมเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและเห็นด้วยกับกระแสในโลกออนไลน์ในเรื่องนี้
 
แต่เรื่องนี้ต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และได้รับการเห็นพ้องนำไปปฏิบัติร่วมกันจึงจะได้ผล ถ้าเป็นประชาชนที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว หรือประกอบอาชีพอิสระ การจะอยู่บ้านไม่ออกไปไหนสามารถทำได้เลยโดยสะดวกเพราะการทำงานเป็นอิสระไม่ขึ้นกับใคร
 
แต่หากเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัท ธุรกิจห้างร้าน ซึ่งหลายแห่งจะต้องเซ็นชื่อ แสตมป์บัตรประจำตัว สแกนลายนิ้วมือก่อนเข้าทำงานทุกวัน การอยู่บ้านไม่ไปทำงานอาจจะทำให้ขาดงาน ผมเชื่อว่าคนเหล่านี้อยากให้ความร่วมมือกับรัฐบาล แต่ถ้าอยู่กับบ้านก็ถือว่าขาดงาน บางคนถูกหักเงินค่าจ้างซ้ำอีกด้วย และสถานที่ทำงานจำนวนมากไม่สามารถรองรับการทำงานระบบออนไลน์ได้
 
นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่มีประวัติอยู่ในกลุ่มเสี่ยง จากการเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มคนจำนวนมากที่อยู่ในสนามมวย สถานบันเทิงที่มีการแพร่ระบาดของโรค แต่ไม่กักตัวเองไว้ตามคำแนะนำหรือคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐ ยังคงมีการพบปะผู้คนและเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ
 
ดังนั้น ลำพังการขอความร่วมมือจากประชาชนจากรัฐบาลหรือจากภาครัฐไม่ให้ออกจากบ้านจึงยังไม่มีสภาพบังคับที่เด็ดขาด ประชาชน หน่วยงาน บริษัท ธุรกิจ ห้างร้าน จะไม่ปฏิบัติตามก็ได้ หากฝ่าฝืนก็ไม่มีบทลงโทษอันใด และคงจะให้เป็นเรื่องจิตสำนึกของแต่ละคนก็ไม่ได้ เพราะจิตสำนึกของคนในสังคมไม่เท่ากันและไม่เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัย ของประชาชน ของชาติ เป็นเรื่องความเป็นความตายของชีวิตประชาชนในชาติ รัฐบาลจึงต้องมีมาตรการจัดการที่ชัดเจน เด็ดขาด ไม่สามารถปล่อยให้เป็นเรื่องจิตสำนึกของแต่ละคนอีกต่อไปได้แล้ว
 
ประเทศไทยได้เห็นตัวอย่างในหลาย ๆ ประเทศของยุโรปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี สเปน เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ที่เคยใช้มาตรการปิดสถานที่ต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล เพราะมีคนจำนวนมากที่ไม่ให้ความสำคัญกับการป้องกันการระบาดของโรค ไม่ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำและการขอความร่วมมือจากรัฐบาลที่ให้ประชาชนอยู่ในที่พัก ไม่ควรออกไปนอกบ้าน ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นการป้องกันตนเองแล้วยังเป็นการไม่ปกป้องคนอื่นด้วย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จนในที่สุดบางประเทศ เช่น อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส ต้องใช้มาตรการสั่งห้ามประชาชนออกจากบ้าน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรค
 
รัฐบาลจึงควรมีมาตรการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เด็ดขาด รวดเร็ว แน่นอนและชัดเจน ไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์การระบาดมีความรุนแรงแล้วจึงค่อยมาสั่งใช้มาตรการห้ามคนออกจากบ้าน หากเห็นว่าสถานการณ์การระบาดของโรคจะยิ่งทวีความรุนแรงจนอยู่ในภาะวะเสี่ยงที่จะควบคุมได้ รัฐบาลควรรีบตัดสินใจใช้มาตรการที่เด็ดขาดโดยการใช้มาตรการตามกฎหมายที่มีอยู่หลายฉบับ สั่งห้ามประชาชนออกจากที่อยู่อาศัยเป็นระยะเวลาหนึ่งที่เหมาะสม และกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งมาตรการในการเยียวยาทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ ร้านค้า หน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ
 
ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่พร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการห้ามออกจากบ้านของรัฐบาล เพียงแต่ขอให้มีความชัดเจนแน่นอน รวดเร็ว ทันต่อการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรค เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้องและมีระยะเวลาให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ธุรกิจ บริษัท ห้างร้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม ไม่ควรปล่อยให้อยู่ในสภาวะอึมครึมว่ารัฐบาลจะจัดการรับมือการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นให้ได้ผล และสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในประเทศได้อย่างไร”
 
https://www.facebook.com/thanakrit.vorathanatchakul/posts/2944397685656124
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่