เย้ยกองทุนพยุงหุ้น! อดีต รมว.ต่างประเทศ แนะรัฐบาลตั้งกองทุน 'พยุงชีวิตจากพิษเศรษฐกิจ'
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3750044
เย้ยกองทุนพยุงหุ้น! อดีต รมว.ต่างประเทศ แนะรัฐบาลตั้งกองทุน 'พยุงชีวิตจากพิษเศรษฐกิจ' ช่วยประชาชนตัวเล็กตัวน้อย
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นาย
นพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการตั้งกองทุนสร้างเสถียรภาพทางตลาดทุน หรือ "
กองทุนพยุงหุ้น” เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนในตลาดหุ้นว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะตัดสินใจ ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด
ซึ่งถ้าจะตั้งกองทุนพยุงหุ้นขึ้นจริง รัฐบาลก็ควรตั้ง กองทุนพยุงชีวิตจากพิษเศรษฐกิจตามกฎหมายขึ้นด้วย เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาคนหางานทำไม่ได้ ตกงาน เตะฝุ่นและดูดฝุ่น pm 2.5 ธุรกิจปิดกิจการ ซ้ำเติมด้วยการระบาดของไวรัสโควิด 19 อีก ปัญหาหนี้สินภาคธุรกิจขนาดเล็กและหนี้สินภาคครัวเรือนลุกลามไปทั่ว เกิดวิกฤตหนี้ วิกฤตชีวิต จนมีคนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนไม่น้อย
•
รองนายกฯ ขอประชาชน ไม่ต้องกังวล หุ้นไทยดิ่งหนัก รัฐบาลกำลังดู สั่งเร่งตั้งกองทุนอุ้ม
บางครอบครัวตัดสินใจจบชีวิตพร้อมกัน นำความทุกข์และความเวทนาต่อญาติและประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าว หลายกรณีถ้ามีมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแบบทันท่วงที อาจช่วยชีวิตพี่น้องไทยที่หมดหนทางเหล่านั้นได้
ตนจึงเสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุนพยุงชีวิตจากพิษเศรษฐกิจ และเปิดฮอตไลน์สายต่อชีวิตเพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินสำหรับประชาชนที่ประสบปัญหาการเงินเข้าขั้นวิกฤต และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เพื่อแสดงว่าเรายังห่วงใยพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้
นาย
นพดล กล่าวอีกว่า ในชั้นแรกอาจจัดสรรงบประมาณตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แม้อาจไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกราย แต่ก็ดีที่ได้ทำ ถ้าเราพยุงหุ้นได้ เราควรพยุงชีวิตของพี่น้องที่ทุกข์ยากด้วย ทำเถอะ นอกจากดีในทางธุรกิจ ยังได้บุญด้วย มาตรการช่วยเหลือทางการเงินควรช่วยคนทุกระดับอย่างทั่วถึงเท่าเทียม
'พิธา'นั่งหน.พรรคก้าวไกล 'ชัยธวัช' เลขาฯ นำทัพ 54 ส.ส. เปิดโลโก้หัวลูกศรสีส้ม พุ่งเป้าหมาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2054874
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดตัวโลโก้หัวลูกศรสีส้ม พร้อมพุ่งไปยังเป้าหมาย ที่อยู่ข้างหน้า
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่พรรคก้าวไกล นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่า ที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคก้าวไกลมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค นาย
ชัยธวัช ตุลาธน เป็นเลขาธิการ นาย
ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล เป็นนายทะเบียน นางสาว
ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เป็นเหรัญญิก นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารสัดส่วนภาคเหนือ นาย
สมชาย ฝั่งชลจิตร เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนภาคใต้ น.ส.
เบญจา แสงจันทร์ เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนภาคตะวันออก นาย
อภิชาติ ศิริสุนทร เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นาง
อมรัตน์ โชคปมิตกุล เป็นกรรมการบริหารพรรคภาคกลาง นาย
สุเทพ อู่อ้น เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนปีกแรงงาน และนาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นโฆษกพรรค และคณะโฆษกพรรคอีก 3 คน ได้แก่ นาย
ณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ น.ส.
สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และนาย
ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ขณะที่รองหัวหน้าพรรค ที่ไม่ใช่คณะกรรมการบริหาร 4 คน ประกอบด้วย น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกิจการสภา นาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย และพล.ต.ต.
สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมืองและกิจการพิเศษ
สำหรับ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกลในวันนี้ มีทั้งหมด 50 คน โดยนาย
จุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ย้ายไปสมัครสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว
ส่วนอีก 4 คน คือนาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. กักตัวเอง 14 วัน เพื่อดูอาการและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศมา นาย
กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ป่วยไม่สามารถมาร่วมประชุมวันนี้ได้ นาย
องค์การ ชัยบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อยู่ระหว่างการใส่เฝือกขาและทำกายภาพบำบัด และนาย
วินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมในวันนี้และยังไม่ได้แสดงเหตุผล อย่างไรก็ตามนาย
วิโรจน์ ได้ประกาศบนเวทีว่าพรรคก้าวไกล มีส.ส.ทั้งหมด 54 คน
โดยมีรายงานว่า ผู้ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมได้ฝากใบสมัคร และชำระค่าสมาชิกพรรคตลอดชีพมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลยังได้เปิดตัว โลโก้พรรคก้าวไกล มีลักษณะเป็นหัวลูกศรสีส้ม หมายถึงหัวลูกศรที่พร้อมพุ่งไปยังเป้าหมาย ที่อยู่ข้างหน้า และใช้สีส้มเป็นสีประจำพรรค หมายถึง “
แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณ”
นาย
พิธา กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในฐานะหัวหน้าพรรคว่า “
สวัสดีพี่น้องประชาชนทุกท่าน ผมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะถ้ารอถึงวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม จะเป็นการไปรับฟังข้อกล่าวหาที่สน.ปทุมวัน เป็นภารกิจแรกแทน ทั้งนี้เป็นเวลากว่า 23 วัน ที่พรรคอนาคตใหม่ถูกทำให้หายไปจากการเมืองไทย และเป็นเวลาที่ทำให้ผู้แทนราษฎรอย่างพวกเราจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ต้องไร้สังกัดพรรคการเมือง แต่วันนี้เราได้ย้ายสู้บ้านใหม่อย่างเป็นทางการกับพรรคก้าวไกล วันนี้ต้องขอขอบคุณสมาชิก ส.ส. และผู้สนับสนุนทุกคน ที่ไว้วางใจให้ผมเป็นหัวหน้าพรรค ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทำให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก กำลังใจจากทุกคนถือเป็นเชื้อไฟชั้นดี ทำให้พวกเราเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่ย้อท้อ พรรคก้าวไกลคือบทที่สองของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งบทแรกของพวกเรามีสมาชิกมากกว่า 6 หมื่นคนที่ร่วมสร้างพรรคขึ้นมา และทั้งหมดที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนที่จะพาให้เราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง”
“
วันที่ 14 มีนาคม 2563 บันทึกไว้ว่าพรรคก้าวไกล และพวกเราผู้ที่รักความเป็นธรรม เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย จะเริ่มขีดเขียนบทเองร่วมกันในบทที่สองกับพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคนี้สืบทอดเจตนารมณ์ อุดมการณ์ และจิตวิญญาณมาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ เราจะเดินหน้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ จะยังคงเป็นความหวังให้กับคนที่สิ้นหวังในประเทศนี้ จะขอเป็นปากเสียงให้กับคนที่ไร้อำนาจในสังคม เราจะไม่ใช่พรรคชั่วคราว แต่จะเป็นสถาบันทางการเมืองที่จะพาประเทศไทยกลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เรายึดมั่นและพร้อมต่อสู้เพื่อพาประเทศ เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ยุติระบอบรัฐประหาร และสถาปนานิติรัฐที่ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียม เรายังยึดมั่นในนโยบาย สามฐานราก แปดเสาหลัก หนึ่งปักธงประชาธิปไตย เพื่อสร้างประเทศ และคนไทยให้ก้าวหน้าอย่างเท่าเทียมกัน”
นาย
พิธา กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ เรากำลังเผชิญวิกฤตรอบด้าน และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีศักยภาพที่จะนำพาประเทศให้เดินต่อไปได้ ซ้ำพาคนทั้งชาติลงเหว ประเทศไทยเป็นประเทศที่ความเป็นอยู่ของประชาชนถูกกำหนดโดยเหล่าอภิสิทธิชน ทหาร เหล่าราชการ และกลุ่มทุนผูกขาด แม้ประชาชนจะพยายามตะโกนบอก แต่เสียงก็ไม่เคยดังพอที่รัฐบาลจะได้ยิน หรือทำเป็นหูทวนลม ทั้งนี้มีนักรัฐศาสตร์คนหนึ่งกล่าวไว้ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐล้มเหลว แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งวันนี้ความรุนแรงของการแพร่ระบาดไม่เท่ากับความตื่นตระหนกของประชาชนจากการทำงานของรัฐบาล วิกฤตฝุ่นพิษ PM 2.5 ทำให้คนไทยต้องตายผ่อนส่งเพียงเพราะรัฐบาลต้องการเอาใจนายทุน วิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่สุดภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว ภาคการเกษตรติดลบทั้งหมด วิกฤตการเมืองที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ ที่สืบอำนาจจากคสช. ใช้ ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน เป็นฐานรักษาอำนาจ ออกแบบระบบเลือกตั้ง ไม่ให้มีพรรคไหนมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อให้เสียงข้างมากกระจัดกระจายไปอยู่ตามพรรคต่างๆ จนเกิดวิกฤตร่วมรัฐบาล 19 พรรค บริหารประเทศไร้ประสิทธิภาพ ขาดเอกภาพ สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เกิดสภาเสียงปริ่มน้ำ จนมีเรื่องการซื้อ ส.ส. เกิดองค์กรอิสระที่เลือกปฏิบัติ และเกิดประบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อีกทั้งมีการทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยาก
นาย
พิธา กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล การแก้ไขโควิด-19 ในวันนี้จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จะไม่เอาภาษีของคนไทยไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แล้วไปอุ้มตลาดทุน แต่เราจะนำเงินหมื่นล้านบาทสร้างอุตสาหกรรมสุขภาพ สร้างบุคคลากร สร้างงาน และเพิ่มงบวิจัย เพราะเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยมีศักยภาพเพียงพอ หากมีห้องทดลองหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งงบประมาณ เราอาจจะมีวัคซีนหรือยาต้านโรคจากฝีมือคนไทยก็ได้ ซึ่งวิกฤตที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นเหตุผลให้พรรคก้าวไกลต้องเดินตามนโยบายของอดีตพรรคอนาคตใหม่ คือการแก้ไขปัญหาโครงสร้างมากว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และแน่นอนว่าเรายังคงเดินหน้า การร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. 17 ฉบับ เพื่อยุติมรดกกฎหมายยุครัฐประหารที่ยังคงริดรอนสิทธิประชาชนอยู่ และยังคงเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติยกเลิกการเกณฑ์ทหารเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย มีสวัสดิการที่ดี และทหารชั้นผู้น้อยอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เรายังคงเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เพื่อยกระดับสิทธิและสวัสดิการของแรงงาน ยังเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติสุราก้าวหน้า เพื่อไม่ให้จำกัดอยู่ที่นายทุนไม่กี่ราย และสิ่งสำคัญพรรคจะคงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดลำดับความสำคัญทางอำนาจใหม่ ให้ประชาชนมีอำนาจต่อรอง มีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น ให้สถาบันการเมืองจากการเลือกตั้ง มีอำนาจเป็นปากเสียงให้ประชาชน และต้องยกเลิก ส.ว. แต่งตั้ง ยกเลิกยุทธศาสตร์ 20 ปี และแก้ไขที่มาขององค์กรอิสระ ให้ยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด ต้องปรับปรุงแก้ไขระบบรับสภาไม่ให้เป็นสภาตรายางให้รัฐบาล เดิมพรรคมี ส.ส. 87 คน ตอนนี้เหลือเพียง 54 คน จากสภาเสียงปริ่มน้ำ กลายเป็นสภางูเห่า สร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลในบรรยากาศมืดมิด แต่ยังมีแสงสว่างในปลายอุโมงค์
“
พวกเราจะลุกขึ้นสู้ โดยเฉพาะจากกลุ่มเยาวชน สถาบันการศึกษามากกว่า 40 แห่ง นักเรียน นิสิตนักศึกษา ออกมารณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อส่งเสียงไปถึงผู้มีอำนาจว่า เขาต้องการประเทศที่ดีกว่า มีความเป็นธรรมและมีอนาคตมากกว่านี้ แม้จะถูกขัดขวางกดดันถูกข่มขู่คุกคามจากผู้ใหญ่ แต่ทุกคนยังยืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้ท่ามกลางความมืดมิด พวกเรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาน่าตื่นเต้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะเป็นโอกาสที่พรรคการเมืองจะได้เขยื้อนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะพลังนักศึกษาจากทั่วประเทศที่ลุกขึ้นทวงสิทธิในการเป็นเจ้าของประเทศ เราได้เห็นประกายไฟและความหวังถูกปลุกขึ้นในกลุ่มคน ซึ่งเป็นไฟที่จะทำให้ส.ส. ของพรรคก้าวไกลต้องก้าวต่อไป โดยการยืนหยัดในรัฐสภา เพื่อเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม เพื่อทำให้ระเทศนี้ก้าวไกลไปกว่าที่เป็น รอความหวังและอนาคตที่จะกลับคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้ง เราจะทำหน้าที่ในสภาอย่างแข็งขันคู่ขนานไปกับความเคลื่อนไหวของประชนทุกกลุ่ม เพื่อนำประเทศฝ่าฝันวิกฤตและนำประเทศกลับสู่วิถีทางประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุดอีกครั้ง”
JJNY : 4in1 แนะตั้งกองทุนพยุงชีวิตจากพิษศก./พิธานั่งหน.พรรคก้าวไกล/งบผูกพัน63 เรือดำน้ำ2 เครื่องบินฝึก14/ปชช.เริ่มกักตุน
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3750044
ซึ่งถ้าจะตั้งกองทุนพยุงหุ้นขึ้นจริง รัฐบาลก็ควรตั้ง กองทุนพยุงชีวิตจากพิษเศรษฐกิจตามกฎหมายขึ้นด้วย เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาคนหางานทำไม่ได้ ตกงาน เตะฝุ่นและดูดฝุ่น pm 2.5 ธุรกิจปิดกิจการ ซ้ำเติมด้วยการระบาดของไวรัสโควิด 19 อีก ปัญหาหนี้สินภาคธุรกิจขนาดเล็กและหนี้สินภาคครัวเรือนลุกลามไปทั่ว เกิดวิกฤตหนี้ วิกฤตชีวิต จนมีคนฆ่าตัวตายเป็นจำนวนไม่น้อย
• รองนายกฯ ขอประชาชน ไม่ต้องกังวล หุ้นไทยดิ่งหนัก รัฐบาลกำลังดู สั่งเร่งตั้งกองทุนอุ้ม
บางครอบครัวตัดสินใจจบชีวิตพร้อมกัน นำความทุกข์และความเวทนาต่อญาติและประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าว หลายกรณีถ้ามีมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแบบทันท่วงที อาจช่วยชีวิตพี่น้องไทยที่หมดหนทางเหล่านั้นได้
ตนจึงเสนอให้รัฐบาลตั้งกองทุนพยุงชีวิตจากพิษเศรษฐกิจ และเปิดฮอตไลน์สายต่อชีวิตเพื่อให้คำแนะนำ ปรึกษา และช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินสำหรับประชาชนที่ประสบปัญหาการเงินเข้าขั้นวิกฤต และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เพื่อแสดงว่าเรายังห่วงใยพี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้
นายนพดล กล่าวอีกว่า ในชั้นแรกอาจจัดสรรงบประมาณตั้งกองทุน 10,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย แม้อาจไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกราย แต่ก็ดีที่ได้ทำ ถ้าเราพยุงหุ้นได้ เราควรพยุงชีวิตของพี่น้องที่ทุกข์ยากด้วย ทำเถอะ นอกจากดีในทางธุรกิจ ยังได้บุญด้วย มาตรการช่วยเหลือทางการเงินควรช่วยคนทุกระดับอย่างทั่วถึงเท่าเทียม
'พิธา'นั่งหน.พรรคก้าวไกล 'ชัยธวัช' เลขาฯ นำทัพ 54 ส.ส. เปิดโลโก้หัวลูกศรสีส้ม พุ่งเป้าหมาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2054874
“พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดตัวโลโก้หัวลูกศรสีส้ม พร้อมพุ่งไปยังเป้าหมาย ที่อยู่ข้างหน้า
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่พรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงว่า ที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคก้าวไกลมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นเลขาธิการ นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล เป็นนายทะเบียน นางสาวณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เป็นเหรัญญิก นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กรรมการบริหารสัดส่วนภาคเหนือ นายสมชาย ฝั่งชลจิตร เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนภาคใต้ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนภาคตะวันออก นายอภิชาติ ศิริสุนทร เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นางอมรัตน์ โชคปมิตกุล เป็นกรรมการบริหารพรรคภาคกลาง นายสุเทพ อู่อ้น เป็นกรรมการบริหารสัดส่วนปีกแรงงาน และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นโฆษกพรรค และคณะโฆษกพรรคอีก 3 คน ได้แก่ นายณัฐชา บุญไชยอินทร์สวัสดิ์ น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์
ขณะที่รองหัวหน้าพรรค ที่ไม่ใช่คณะกรรมการบริหาร 4 คน ประกอบด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกิจการสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม เป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย และพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคฝ่ายการเมืองและกิจการพิเศษ
สำหรับ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกลในวันนี้ มีทั้งหมด 50 คน โดยนายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ย้ายไปสมัครสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว
ส่วนอีก 4 คน คือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. กักตัวเอง 14 วัน เพื่อดูอาการและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศมา นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ป่วยไม่สามารถมาร่วมประชุมวันนี้ได้ นายองค์การ ชัยบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อยู่ระหว่างการใส่เฝือกขาและทำกายภาพบำบัด และนายวินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุมในวันนี้และยังไม่ได้แสดงเหตุผล อย่างไรก็ตามนายวิโรจน์ ได้ประกาศบนเวทีว่าพรรคก้าวไกล มีส.ส.ทั้งหมด 54 คน
โดยมีรายงานว่า ผู้ที่ไม่ได้มาร่วมประชุมได้ฝากใบสมัคร และชำระค่าสมาชิกพรรคตลอดชีพมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกลยังได้เปิดตัว โลโก้พรรคก้าวไกล มีลักษณะเป็นหัวลูกศรสีส้ม หมายถึงหัวลูกศรที่พร้อมพุ่งไปยังเป้าหมาย ที่อยู่ข้างหน้า และใช้สีส้มเป็นสีประจำพรรค หมายถึง “แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณ”
นายพิธา กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในฐานะหัวหน้าพรรคว่า “สวัสดีพี่น้องประชาชนทุกท่าน ผมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือเป็นการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะถ้ารอถึงวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม จะเป็นการไปรับฟังข้อกล่าวหาที่สน.ปทุมวัน เป็นภารกิจแรกแทน ทั้งนี้เป็นเวลากว่า 23 วัน ที่พรรคอนาคตใหม่ถูกทำให้หายไปจากการเมืองไทย และเป็นเวลาที่ทำให้ผู้แทนราษฎรอย่างพวกเราจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ ต้องไร้สังกัดพรรคการเมือง แต่วันนี้เราได้ย้ายสู้บ้านใหม่อย่างเป็นทางการกับพรรคก้าวไกล วันนี้ต้องขอขอบคุณสมาชิก ส.ส. และผู้สนับสนุนทุกคน ที่ไว้วางใจให้ผมเป็นหัวหน้าพรรค ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทำให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก กำลังใจจากทุกคนถือเป็นเชื้อไฟชั้นดี ทำให้พวกเราเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่ย้อท้อ พรรคก้าวไกลคือบทที่สองของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งบทแรกของพวกเรามีสมาชิกมากกว่า 6 หมื่นคนที่ร่วมสร้างพรรคขึ้นมา และทั้งหมดที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนที่จะพาให้เราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง”
“วันที่ 14 มีนาคม 2563 บันทึกไว้ว่าพรรคก้าวไกล และพวกเราผู้ที่รักความเป็นธรรม เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย จะเริ่มขีดเขียนบทเองร่วมกันในบทที่สองกับพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคนี้สืบทอดเจตนารมณ์ อุดมการณ์ และจิตวิญญาณมาจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ เราจะเดินหน้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ จะยังคงเป็นความหวังให้กับคนที่สิ้นหวังในประเทศนี้ จะขอเป็นปากเสียงให้กับคนที่ไร้อำนาจในสังคม เราจะไม่ใช่พรรคชั่วคราว แต่จะเป็นสถาบันทางการเมืองที่จะพาประเทศไทยกลับไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เรายึดมั่นและพร้อมต่อสู้เพื่อพาประเทศ เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ยุติระบอบรัฐประหาร และสถาปนานิติรัฐที่ประชาชนทุกคนมีความเท่าเทียม เรายังยึดมั่นในนโยบาย สามฐานราก แปดเสาหลัก หนึ่งปักธงประชาธิปไตย เพื่อสร้างประเทศ และคนไทยให้ก้าวหน้าอย่างเท่าเทียมกัน”
นายพิธา กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ เรากำลังเผชิญวิกฤตรอบด้าน และแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีศักยภาพที่จะนำพาประเทศให้เดินต่อไปได้ ซ้ำพาคนทั้งชาติลงเหว ประเทศไทยเป็นประเทศที่ความเป็นอยู่ของประชาชนถูกกำหนดโดยเหล่าอภิสิทธิชน ทหาร เหล่าราชการ และกลุ่มทุนผูกขาด แม้ประชาชนจะพยายามตะโกนบอก แต่เสียงก็ไม่เคยดังพอที่รัฐบาลจะได้ยิน หรือทำเป็นหูทวนลม ทั้งนี้มีนักรัฐศาสตร์คนหนึ่งกล่าวไว้ว่า การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของรัฐล้มเหลว แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งวันนี้ความรุนแรงของการแพร่ระบาดไม่เท่ากับความตื่นตระหนกของประชาชนจากการทำงานของรัฐบาล วิกฤตฝุ่นพิษ PM 2.5 ทำให้คนไทยต้องตายผ่อนส่งเพียงเพราะรัฐบาลต้องการเอาใจนายทุน วิกฤตเศรษฐกิจที่ตกต่ำที่สุดภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเที่ยว ภาคการเกษตรติดลบทั้งหมด วิกฤตการเมืองที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ ที่สืบอำนาจจากคสช. ใช้ ส.ว. แต่งตั้ง 250 คน เป็นฐานรักษาอำนาจ ออกแบบระบบเลือกตั้ง ไม่ให้มีพรรคไหนมีเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เพื่อให้เสียงข้างมากกระจัดกระจายไปอยู่ตามพรรคต่างๆ จนเกิดวิกฤตร่วมรัฐบาล 19 พรรค บริหารประเทศไร้ประสิทธิภาพ ขาดเอกภาพ สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เกิดสภาเสียงปริ่มน้ำ จนมีเรื่องการซื้อ ส.ส. เกิดองค์กรอิสระที่เลือกปฏิบัติ และเกิดประบวนการยุติธรรมสองมาตรฐาน อีกทั้งมีการทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยาก
นายพิธา กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล การแก้ไขโควิด-19 ในวันนี้จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จะไม่เอาภาษีของคนไทยไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แล้วไปอุ้มตลาดทุน แต่เราจะนำเงินหมื่นล้านบาทสร้างอุตสาหกรรมสุขภาพ สร้างบุคคลากร สร้างงาน และเพิ่มงบวิจัย เพราะเชื่อว่านักวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยมีศักยภาพเพียงพอ หากมีห้องทดลองหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งงบประมาณ เราอาจจะมีวัคซีนหรือยาต้านโรคจากฝีมือคนไทยก็ได้ ซึ่งวิกฤตที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นเหตุผลให้พรรคก้าวไกลต้องเดินตามนโยบายของอดีตพรรคอนาคตใหม่ คือการแก้ไขปัญหาโครงสร้างมากว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และแน่นอนว่าเรายังคงเดินหน้า การร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. 17 ฉบับ เพื่อยุติมรดกกฎหมายยุครัฐประหารที่ยังคงริดรอนสิทธิประชาชนอยู่ และยังคงเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติยกเลิกการเกณฑ์ทหารเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย มีสวัสดิการที่ดี และทหารชั้นผู้น้อยอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เรายังคงเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เพื่อยกระดับสิทธิและสวัสดิการของแรงงาน ยังเดินหน้าร่างพระราชบัญญัติสุราก้าวหน้า เพื่อไม่ให้จำกัดอยู่ที่นายทุนไม่กี่ราย และสิ่งสำคัญพรรคจะคงเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจัดลำดับความสำคัญทางอำนาจใหม่ ให้ประชาชนมีอำนาจต่อรอง มีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น ให้สถาบันการเมืองจากการเลือกตั้ง มีอำนาจเป็นปากเสียงให้ประชาชน และต้องยกเลิก ส.ว. แต่งตั้ง ยกเลิกยุทธศาสตร์ 20 ปี และแก้ไขที่มาขององค์กรอิสระ ให้ยึดโยงกับประชาชนให้มากที่สุด ต้องปรับปรุงแก้ไขระบบรับสภาไม่ให้เป็นสภาตรายางให้รัฐบาล เดิมพรรคมี ส.ส. 87 คน ตอนนี้เหลือเพียง 54 คน จากสภาเสียงปริ่มน้ำ กลายเป็นสภางูเห่า สร้างความมั่นคงให้กับรัฐบาลในบรรยากาศมืดมิด แต่ยังมีแสงสว่างในปลายอุโมงค์
“พวกเราจะลุกขึ้นสู้ โดยเฉพาะจากกลุ่มเยาวชน สถาบันการศึกษามากกว่า 40 แห่ง นักเรียน นิสิตนักศึกษา ออกมารณรงค์เคลื่อนไหวเพื่อส่งเสียงไปถึงผู้มีอำนาจว่า เขาต้องการประเทศที่ดีกว่า มีความเป็นธรรมและมีอนาคตมากกว่านี้ แม้จะถูกขัดขวางกดดันถูกข่มขู่คุกคามจากผู้ใหญ่ แต่ทุกคนยังยืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้ท่ามกลางความมืดมิด พวกเรากำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาน่าตื่นเต้นมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จะเป็นโอกาสที่พรรคการเมืองจะได้เขยื้อนไปในทางที่ดีขึ้น เพราะพลังนักศึกษาจากทั่วประเทศที่ลุกขึ้นทวงสิทธิในการเป็นเจ้าของประเทศ เราได้เห็นประกายไฟและความหวังถูกปลุกขึ้นในกลุ่มคน ซึ่งเป็นไฟที่จะทำให้ส.ส. ของพรรคก้าวไกลต้องก้าวต่อไป โดยการยืนหยัดในรัฐสภา เพื่อเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม เพื่อทำให้ระเทศนี้ก้าวไกลไปกว่าที่เป็น รอความหวังและอนาคตที่จะกลับคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้ง เราจะทำหน้าที่ในสภาอย่างแข็งขันคู่ขนานไปกับความเคลื่อนไหวของประชนทุกกลุ่ม เพื่อนำประเทศฝ่าฝันวิกฤตและนำประเทศกลับสู่วิถีทางประชาธิปไตยที่ประชาชนมีอำนาจสูงสุดอีกครั้ง”