ปชน.แนะรัฐบาลทำอีก 4 อย่างจัดการแก๊งคอลเซนเตอร์ ก้าวต่อไปหลังตัดไฟ!
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242176
พรรคประชาชนแนะรัฐบาลจัดการปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ก้าวแรกตัดไฟแล้ว ก้าวต่อไปต้องทำอีก 4 อย่าง ซัดอย่าทำงานสวนทางกับความเดือดร้อนของปชช.
หลังจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 มีมติให้ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อสกัดการดำเนินการของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก “
พรรคประชาชน” ได้โพสต์ข้อความเสนอแนะการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ในก้าวต่อไปที่ควรทำหลังจากมีการตัดไฟแล้ว
โดยระบุตอนหนึ่งว่า
เป็นเวลาหลายเดือนที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาตีแผ่ความร้ายแรงของปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และข้อเสนอหนึ่งที่นายรังสิมันต์พูดมาตลอด คือรัฐบาลไทยต้องตัดไฟที่ส่งข้ามชายแดนไปเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยหลังจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนในรัฐบาลและหน่วยงานรัฐต่างโยนความรับผิดชอบกันไปมาจนประชาชนเอือมระอา ในที่สุด 4 ก.พ. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม. ให้พิจารณามาตรการตัดไฟ และ 5 ก.พ. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอำนาจตามระเบียบอยู่แล้วในการตัดไฟ ก็ดำเนินการเสียที แต่นอกจากก้าวแรกอย่างการตัดไฟ รังสิมันต์เห็นว่ารัฐบาลควรออกมาตรการเชิงรุกอื่นๆ ในการปราบปรามแก็งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
1. สกัดการจัดหาเครื่องปั่นไฟ
รัฐบาลควรสกัดการจัดหาเครื่องปั่นไฟของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่ตอนนี้ ผ่านท่าข้ามชายแดนซึ่งเป็นท่าเรือทั้ง 59 ท่าในจังหวัดตาก โดยเป็นอำนาจของ รมว.มหาดไทย ในการควบคุมดูแลท่าข้ามฯ เหล่านี้ นอกจากนี้ควรทบทวนความจำเป็นของการมีท่าข้ามจำนวนมากเช่นนี้ เพราะในทางปฏิบัติประชาชนมักเดินทางเข้าออกผ่านท่าข้ามและส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง แต่ในแง่ความปลอดภัยในการตรวจตราแทบไม่มี
ท่าข้ามฯ จึงเป็นความอ่อนแอของความมั่นคงของประเทศ ทำให้สิ่งของผิดกฎหมายผ่านเข้ามาตลอดเวลา รัฐบาลควรพิจารณาปิดท่าข้ามฯ หรือหากจะคงไว้ ต้องทำให้มาตรฐานการตรวจตราของท่าข้ามฯ เทียบเท่าด่านชายแดนถาวรตามจุดต่าง ๆ
2. จัดตั้งพื้นที่พิเศษเพื่อจำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติ ป้องกันการค้ามนุษย์และมิจฉาชีพที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดน
นายกรัฐมนตรีควรทบทวนการเปิดการงดเว้นวีซ่า ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาตซ้ำ แม้เรื่องนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว แต่อาจเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว ข้ามจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมียวดี หรือข้ามจากด่านเจดีย์สามองค์ไปเมืองพญาตองซู
รัฐบาลควรพิจารณาจัดตั้งพื้นที่พิเศษเพื่อจำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติ เช่นพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคง เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์และมิจฉาชีพที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดน
3. เอาจริงจัดการบัญชีม้า
28 ม.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ คาดว่าบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สาระสำคัญคือการเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ หนึ่งในข้อกำหนดคือให้ธนาคารและผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายของประชาชน เรื่องนี้รังสิมันต์เห็นด้วยและหวังว่ารัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
4. เอาผิดข้าราชการทุจริต
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีข้าราชการทุจริตคอยให้การช่วยเหลือ จึงเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในการ “กวาดบ้าน” ของตัวเอง ทำความจริงให้กระจ่างและเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ทั้งหมดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นข้อครหาเรื่องนายตำรวจระดับสูงเข้าไปมีผลประโยชน์กับบ่อนพนันในเมืองเมียวดี หรือกรณีเจ้าหน้าที่รัฐไทยซึ่งรู้ช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน เอื้อให้เครือข่ายมิจฉาชีพข้ามไปมาระหว่างไทย-เมียนมาได้
ทั้งนี้ตราบใดที่การจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างถึงรากถึงโคนยังไม่ปรากฏ หรือดำเนินไปอย่างเนิบช้าสวนทางกับความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นรายวัน ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะถูกมองไม่ต่างจากนายหน้าในขบวนการค้ามนุษย์ที่กำลังใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ พรรคประชาชนหวังว่าหลังจากนี้เราจะได้เห็นการทำงานอย่างเอาจริงเอาจังและเห็นเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลที่จะสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน ไม่ยอมให้ขบวนการเหล่านี้ใช้ไทยเป็นทางผ่านอีกต่อไป
https://www.facebook.com/PPLEThai/posts/pfbid0VUYcGZp7UJsKhwJ5h9eoEvSXBszYPzfcyat1FpDbt5PbshG8mP6Aaj1HgkW7HUeol?
สภา เตรียมพิจารณากระทู้ถามตัดไฟปราบคอลเซ็นเตอร์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_837505/
สภา เตรียมพิจารณากระทู้ถาม ประเด็นตัดไฟ ตัดน้ำ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 ก.พ.68) โดยหลังเปิดให้ สส. นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เข้าปรึกษาหารือแล้ว จากนั้น เป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถาม แบ่งเป็นกระทู้ถามสดด้วยวาจา ที่ต้องจับตาว่า วันนี้ จะมีการซักถามเกี่ยวกับประเด็นตัดไฟ ตัดน้ำ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา รวมถึงควาทคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลหรือไม่
ส่วนกระทู้ถามทั่วไป มีทั้งหมด 4 กระทู้ อาทิ กระทู้ถามเรื่องแนวทางการจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร (นาย
ปารมี ไวจงเจริญ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี) กระทู้ถามเรื่องการแก้ปัญหาจราจรหนาแน่น บริเวณจุดผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา (นาง
ฐิติมา ฉายแสง เป็นผู้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม)
กระทู้ถามเรื่องการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ (นาย
ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี??ขณะกระทู้ถามแยกเฉพาะอีก 6 กระทู้ อาทิ เรื่องแนวทางการจัดการเรื่องที่อยู่อาศัย และค่าชดเชยเยียวยา กรณีชุมชนริมทางรถไฟ ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูง ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น (นาย
วีรนันท์ ฮวดศรี เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม)
เรื่องปัญหาความมั่นคงทางที่อยู่อาศัยในเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร (นาย
ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม) เรื่องเสนอให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วม (นาย
สมดุลย์ อุตเจริญ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม) เรื่องความเดือดร้อนของข้าราชการชั้นผู้น้อยในจังหวัดภูเก็ต (ว่าที่ร้อยตรี
สมชาติ เตชถาวรเจริญ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม) เรื่อง ขอให้ยกเลิกประกาศเขตปฏิรูปที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ครอบคลุมทั้งอำเภอ ของจังหวัดศรีสะเกษ และให้ประกาศ เขตปฏิรูปที่ดินตามพื้นที่จริง (นาย
อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม)
กรมควบคุมมลพิษ เตือน 7- 8 ก.พ. กทม. อากาศขมุกขมัว ส่งผลให้ทัศนวิสัยลดลง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9622380
กรมควบคุมมลพิษ เตือน 7- 8 ก.พ.กทม.อากาศขมุกขมัว ความชื้นสัมพัทธ์แนวโน้มสูงกว่า 90% ส่งผลให้ทัศนวิสัยลดลง หลังจากนั้นค่าฝุ่นจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์ ระหว่างวันที่ 7- 8 ก.พ.68 สภาพอากาศในตอนเช้าท้องฟ้าจะขมุกขมัว ส่งผลให้ทัศนวิสัยลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
สืบเนื่องจากค่าความชื้นสัมพัทธ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงกว่า 90% ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ประกอบกับฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ สถานการณ์ฝุ่นละอองจะลดลงในวัน 9-10 ก.พ. หลังจากนั้นจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
ศกพ. ขอแจ้งแตือนประชาสัมพันธ์ข้อมูลสภาพอากาศที่อาจมีผลกระทบต่อการทำกิจกรรมต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวป้องกันล่วงหน้า ลดกิจกรรมกลางแจ้ง เมื่อออกจากบ้านต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง
โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองได้ผ่านเว็บไซต์ Air4Thai.pcd.go.th หรือ แอปพลิเคชัน Air4Thai
JJNY : ปชน.แนะทำอีก 4 อย่าง│สภาเตรียมถามตัดไฟคอลเซ็นเตอร์│เตือน 7- 8 ก.พ. กทม. อากาศขมุกขมัว│สหรัฐยอมถอย แผนยึดกาซา
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242176
พรรคประชาชนแนะรัฐบาลจัดการปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ก้าวแรกตัดไฟแล้ว ก้าวต่อไปต้องทำอีก 4 อย่าง ซัดอย่าทำงานสวนทางกับความเดือดร้อนของปชช.
หลังจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2568 มีมติให้ตัดไฟ ตัดอินเตอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อสกัดการดำเนินการของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก “พรรคประชาชน” ได้โพสต์ข้อความเสนอแนะการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ในก้าวต่อไปที่ควรทำหลังจากมีการตัดไฟแล้ว
โดยระบุตอนหนึ่งว่า
เป็นเวลาหลายเดือนที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ออกมาตีแผ่ความร้ายแรงของปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และข้อเสนอหนึ่งที่นายรังสิมันต์พูดมาตลอด คือรัฐบาลไทยต้องตัดไฟที่ส่งข้ามชายแดนไปเอื้อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยหลังจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนในรัฐบาลและหน่วยงานรัฐต่างโยนความรับผิดชอบกันไปมาจนประชาชนเอือมระอา ในที่สุด 4 ก.พ. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม. ให้พิจารณามาตรการตัดไฟ และ 5 ก.พ. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีอำนาจตามระเบียบอยู่แล้วในการตัดไฟ ก็ดำเนินการเสียที แต่นอกจากก้าวแรกอย่างการตัดไฟ รังสิมันต์เห็นว่ารัฐบาลควรออกมาตรการเชิงรุกอื่นๆ ในการปราบปรามแก็งคอลเซ็นเตอร์ด้วย
1. สกัดการจัดหาเครื่องปั่นไฟ
รัฐบาลควรสกัดการจัดหาเครื่องปั่นไฟของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งแต่ตอนนี้ ผ่านท่าข้ามชายแดนซึ่งเป็นท่าเรือทั้ง 59 ท่าในจังหวัดตาก โดยเป็นอำนาจของ รมว.มหาดไทย ในการควบคุมดูแลท่าข้ามฯ เหล่านี้ นอกจากนี้ควรทบทวนความจำเป็นของการมีท่าข้ามจำนวนมากเช่นนี้ เพราะในทางปฏิบัติประชาชนมักเดินทางเข้าออกผ่านท่าข้ามและส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง แต่ในแง่ความปลอดภัยในการตรวจตราแทบไม่มี
ท่าข้ามฯ จึงเป็นความอ่อนแอของความมั่นคงของประเทศ ทำให้สิ่งของผิดกฎหมายผ่านเข้ามาตลอดเวลา รัฐบาลควรพิจารณาปิดท่าข้ามฯ หรือหากจะคงไว้ ต้องทำให้มาตรฐานการตรวจตราของท่าข้ามฯ เทียบเท่าด่านชายแดนถาวรตามจุดต่าง ๆ
2. จัดตั้งพื้นที่พิเศษเพื่อจำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติ ป้องกันการค้ามนุษย์และมิจฉาชีพที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดน
นายกรัฐมนตรีควรทบทวนการเปิดการงดเว้นวีซ่า ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวได้ทั่วประเทศโดยไม่ต้องขออนุญาตซ้ำ แม้เรื่องนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยว แต่อาจเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว ข้ามจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ไปเมียวดี หรือข้ามจากด่านเจดีย์สามองค์ไปเมืองพญาตองซู
รัฐบาลควรพิจารณาจัดตั้งพื้นที่พิเศษเพื่อจำกัดการเดินทางของชาวต่างชาติ เช่นพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคง เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์และมิจฉาชีพที่จะเดินทางไปยังพื้นที่ชายแดน
3. เอาจริงจัดการบัญชีม้า
28 ม.ค. ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (พ.ร.ก.ไซเบอร์) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ คาดว่าบังคับใช้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สาระสำคัญคือการเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ หนึ่งในข้อกำหนดคือให้ธนาคารและผู้ให้บริการโทรคมนาคมต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายของประชาชน เรื่องนี้รังสิมันต์เห็นด้วยและหวังว่ารัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
4. เอาผิดข้าราชการทุจริต
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่สามารถอยู่ได้ หากไม่มีข้าราชการทุจริตคอยให้การช่วยเหลือ จึงเป็นหน้าที่ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในการ “กวาดบ้าน” ของตัวเอง ทำความจริงให้กระจ่างและเอาผิดผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ทั้งหมดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ไม่ว่าจะเป็นข้อครหาเรื่องนายตำรวจระดับสูงเข้าไปมีผลประโยชน์กับบ่อนพนันในเมืองเมียวดี หรือกรณีเจ้าหน้าที่รัฐไทยซึ่งรู้ช่องทางธรรมชาติบริเวณชายแดน เอื้อให้เครือข่ายมิจฉาชีพข้ามไปมาระหว่างไทย-เมียนมาได้
ทั้งนี้ตราบใดที่การจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างถึงรากถึงโคนยังไม่ปรากฏ หรือดำเนินไปอย่างเนิบช้าสวนทางกับความเดือดร้อนของประชาชนที่เกิดขึ้นรายวัน ภาพลักษณ์ของประเทศไทยจะถูกมองไม่ต่างจากนายหน้าในขบวนการค้ามนุษย์ที่กำลังใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ พรรคประชาชนหวังว่าหลังจากนี้เราจะได้เห็นการทำงานอย่างเอาจริงเอาจังและเห็นเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลที่จะสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชน ไม่ยอมให้ขบวนการเหล่านี้ใช้ไทยเป็นทางผ่านอีกต่อไป
https://www.facebook.com/PPLEThai/posts/pfbid0VUYcGZp7UJsKhwJ5h9eoEvSXBszYPzfcyat1FpDbt5PbshG8mP6Aaj1HgkW7HUeol?
สภา เตรียมพิจารณากระทู้ถามตัดไฟปราบคอลเซ็นเตอร์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_837505/
สภา เตรียมพิจารณากระทู้ถาม ประเด็นตัดไฟ ตัดน้ำ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (6 ก.พ.68) โดยหลังเปิดให้ สส. นำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เข้าปรึกษาหารือแล้ว จากนั้น เป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถาม แบ่งเป็นกระทู้ถามสดด้วยวาจา ที่ต้องจับตาว่า วันนี้ จะมีการซักถามเกี่ยวกับประเด็นตัดไฟ ตัดน้ำ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา รวมถึงควาทคืบหน้าการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลหรือไม่
ส่วนกระทู้ถามทั่วไป มีทั้งหมด 4 กระทู้ อาทิ กระทู้ถามเรื่องแนวทางการจัดการศึกษาสำหรับกลุ่มเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร (นายปารมี ไวจงเจริญ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี) กระทู้ถามเรื่องการแก้ปัญหาจราจรหนาแน่น บริเวณจุดผ่านจังหวัดฉะเชิงเทรา (นางฐิติมา ฉายแสง เป็นผู้ตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม)
กระทู้ถามเรื่องการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ (นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี??ขณะกระทู้ถามแยกเฉพาะอีก 6 กระทู้ อาทิ เรื่องแนวทางการจัดการเรื่องที่อยู่อาศัย และค่าชดเชยเยียวยา กรณีชุมชนริมทางรถไฟ ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูง ในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น (นายวีรนันท์ ฮวดศรี เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม)
เรื่องปัญหาความมั่นคงทางที่อยู่อาศัยในเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร (นายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม) เรื่องเสนอให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วม (นายสมดุลย์ อุตเจริญ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม) เรื่องความเดือดร้อนของข้าราชการชั้นผู้น้อยในจังหวัดภูเก็ต (ว่าที่ร้อยตรี สมชาติ เตชถาวรเจริญ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม) เรื่อง ขอให้ยกเลิกประกาศเขตปฏิรูปที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ครอบคลุมทั้งอำเภอ ของจังหวัดศรีสะเกษ และให้ประกาศ เขตปฏิรูปที่ดินตามพื้นที่จริง (นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม)
กรมควบคุมมลพิษ เตือน 7- 8 ก.พ. กทม. อากาศขมุกขมัว ส่งผลให้ทัศนวิสัยลดลง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9622380
กรมควบคุมมลพิษ เตือน 7- 8 ก.พ.กทม.อากาศขมุกขมัว ความชื้นสัมพัทธ์แนวโน้มสูงกว่า 90% ส่งผลให้ทัศนวิสัยลดลง หลังจากนั้นค่าฝุ่นจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์ ระหว่างวันที่ 7- 8 ก.พ.68 สภาพอากาศในตอนเช้าท้องฟ้าจะขมุกขมัว ส่งผลให้ทัศนวิสัยลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
สืบเนื่องจากค่าความชื้นสัมพัทธ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงกว่า 90% ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ประกอบกับฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ สถานการณ์ฝุ่นละอองจะลดลงในวัน 9-10 ก.พ. หลังจากนั้นจะกลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
ศกพ. ขอแจ้งแตือนประชาสัมพันธ์ข้อมูลสภาพอากาศที่อาจมีผลกระทบต่อการทำกิจกรรมต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวป้องกันล่วงหน้า ลดกิจกรรมกลางแจ้ง เมื่อออกจากบ้านต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง
โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองได้ผ่านเว็บไซต์ Air4Thai.pcd.go.th หรือ แอปพลิเคชัน Air4Thai