JJNY : "โรม"ชี้ แค่ก้าวแรก│ตัดไฟส่งผล แต่แหล่งอาชญากรรมยังไม่หยุด│"กัณวีร์"ขำ"อิ๊งค์"ทำเอาหน้า│ข่าวกรองยันข่าวไร้ทหาร

"โรม" ชี้ ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แค่ก้าวแรก ต้องมีมาตรการเพิ่ม
https://www.pptvhd36.com/news/การเมือง/242129
 
 
"โรม" ชี้มาตรการตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ต้องร่วมมือหลายประเทศ ย้ำมาตรการซีลชายแดนไทย - เมียนมาควรเพิ่มให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
5 ก.พ. 68 นายรังสิมันต์ โรม เปิดเผยในรายการเปิดโต๊ะข่าว ทางช่อง PPTV HD36 ประเด็นการตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า การตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ตัดไฟแล้วยังไม่จบ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาศัยไฟฟ้าของไทยอาจต้องคิดใหม่ถ้าจะตั้งฐานเพิ่ม เพราะต้องใช้ทรัพยากรอื่น ๆ อีกมาก
 
นายรังสิมันต์ มองว่า ถ้ารัฐควบคุมอย่างอื่นเพิ่ม เช่น น้ำมัน อินเทอร์เน็ต น่าจะได้ผลมากขึ้น แต่แก็งคอลเซ็นเตอร์อาจจะอพยพไปอยู่ทางฝั่งกัมพูชา และใช้ทรัพยากรจากไทยได้เหมือนกัน

ประเทศไทยคงต้องร่วมมือกับหลายฝ่าย เช่น จีน กัมพูชา ลาว โดยเป็นการทำงานเชิงรุกและปราบปรามให้ได้ เพราะการมีอยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสร้างความเสียหายประมาณ 80 ล้านบาทต่อวัน ไม่ส่งผลดีต่อประเทศชาติ ทำให้เกิดความเสียหายมาก นี่คือวาระเร่งด่วนของชาติ

เมื่อถามว่าการตัดไฟ 5 จุด ครอบคลุมไหม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สายไฟที่มีอยู่เดิมที 21 จุด ยกเลิกสัญญาแล้ว 3 จุดเหลือ 18 จุด ดังนั้น คิดว่าคงจัดการถูกจุด แต่ไม่พอ เนื่องจากมีข่าวว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการสำรองน้ำมันมหาศาล ดังนั้น เราควรมีมาตรการจัดการเรื่องนี้เหมือนกัน และยังไม่ทราบว่าฝั่งอื่น ๆ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้พลังงานจากเรามากน้อยแค่ไหน ขอประเมินข้อมูลและศึกษาอย่างละเอียด ก่อนจะแนะวิธีการแก้ปัญหาฝั่งกัมพูชาต่อไป
เนื่องจากจริง ๆ แล้ว ก่อนจะมาฝั่งพม่า กัมพูชาก็เป็นแหล่งใหญ่อยู่เดิม และเขามีหลายสาขา ซึ่งที่เราจัดการก็อาจเป็นแค่สาขาเมียนมา แต่สาขาอื่นยังไม่ได้ทำลายโครงสร้างอย่างจริงจัง แค่ทำเป็นจุด ๆ ไป
 
ส่วนแก๊งคอลเซ็นเตอจะเปลี่ยนศูนย์กลางเป็นปอยเปตแทนหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้ปอยเปตก็เป็นศูนย์กลางสำคัญแล้ว มีคนไทยถูกหลอกไปเยอะมาก ตนคิดว่า มาตรการที่ต้องทำไม่ใช่แค่ตัดไฟ เช่น กรณีฝั่งพม่าที่หลอกลวงนักท่องเที่ยวต่างชาติมาด้วย ทำลายการท่องเที่ยวของไทย และเกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ วิธีแก้ต้องทำหลายส่วน ทั้งตัดไฟ พลังงาน น้ำมัน ซีลชายแดน ทั้งช่องทางธรรมชาติและช่องทางอื่น
 
แต่ในส่วนของท่าข้ามที่มีเยอะ ถ้าหน่วยงานรัฐไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุม ก็ต้องลดลงมา และให้หน่วยงานรัฐไปดำเนินการ เพราะทุกวันนี้ทั้งการเข้า – ออก ของสินค้า ของคน นั้นเสรีมาก นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเป็นห่วงเพราะไม่รู้ว่าศุลกากรดูรายละเอียดขนาดไหน และเวลาส่งสินค้าอาจมียาเสพติดปะปนเข้ามาด้วย
 
ซึ่งรัฐควรมีมาตรการออกมาว่าจะทำอย่างไรให้ท่าข้ามเหล่านี้เข้มแข็ง ปลอดภัย ต้องตรวจเข้มอย่างจริงจัง และถ้ามีเครื่องมือไม่เพียงพอ ควรระงับไว้ก่อนไหม และถ้าจะเพิ่มประสิทธิภาพของชายแดน สิ่งที่ต้องทำ คือ

1. เพิ่มคน
2. เพิ่มงบประมาณ
3. เพิ่มเครื่องมือ
4. ปรับเปลี่ยนวิธีการ
 
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มาตรการซีลชายแดน มีแค่การปรับเปลี่ยนวิธีการ จะเป็นการเพิ่มจุดอ่อนให้ภัยคุกคามอื่นด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเพิ่มคน เพิ่มงบประมาณ เพิ่มเครื่องมือ เช่น โดรน กล้องวงจรปิด หรืออุปกรณ์ที่บางประเทศใช้ตรวจสอบชายแดน ก็อาจจะทำให้ชายแดนมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
 
ส่วนการตัดไฟ จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนไหม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีโอกาส ทุกนโยบายมีผลได้ - ผลเสีย แต่แก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นสร้างความเสียหายให้ไทยมากเกินไป เมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องมีมาตรการที่ทำให้มันอ่อนแอที่สุด เพราะมันเป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ เราก็ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันคนไทย ถ้าอยากให้ผลกระทบเรื่องนี้น้อย ก็ต้องจบปัญหานี้ให้ไว
 
ส่วนการใช้ไฟในชเวก๊กโก ส่วนใหญ่เป็นไฟของการไฟฟ้าหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า ในปัจจุบันชเวก๊กโกอาจจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกมีการต่อไฟจากจุดที่อาศัยอยู่ สองอาจจะอาศัยการปั่นไฟ แต่ทำได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง อาจทำให้ประสิทธิภาพของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในการหลอกลวงต่าง ๆ น้อยลง ซึ่งหากมีการตัดไฟ เราอาจได้เห็นภาพการเปิด - ปิดไฟน้อยลงหรือไม่ ก็คงต้องดูว่ามันเปิด – ปิด 24 ชั่วโมงไหม ถ้าใช่ แสดงว่าศักยภาพในการปั่นไฟของเขาสูงมาก
และเมื่อถามว่า นายรังสิมันต์ ได้ประเมินไหมก่อนออกมาเสนอเรื่องการตัดไฟว่าเมียนมาจะตอบโต้เราได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า เรามีภาษีที่ดีกว่าหลายอย่าง เนื่องจากเมียนมายังมีสงครามกลางเมือง และทหารเมียนมาร์ก็พูดชัดเจนว่าไม่สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การที่เราตัดไฟ คำถามคือ เขาจะเอาอะไรมาตอบโต้เรา เพราะทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน การตัดไฟจึงไม่น่าจะส่งผลอะไร

ส่วนการคาดหวังการพบกันระหว่างนายกแพทองธาร ชินวัตร กับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน นายรังสิมันต์ ตอบว่า ตนคาดหวังเรื่องการแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต้องไปถึงการทำลายโครงสร้างของแก๊งนี้ โดยตนเชื่อว่าตำรวจจีนมีข้อมูลของพวกจีนเทา จีนมาเฟีย น่าจะเกือบทั้งหมด เราจะได้ดูว่ามีอะไรบ้างที่จะนำมาใช้เป็นโมเดลในการปราบปรามบรรดาจีนเทาที่อยู่ตามชายแดน ไทย – เมียนมา



มาตรการตัดไฟส่งผล ชาวเมียวดีเข้าคิวตุนน้ำมัน แต่แหล่งอาชญากรรมยังไม่หยุด เหตุเตรียมการรองรับไว้ดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_5034674
 
มาตรการตัดไฟฟ้า-น้ำมันเริ่มส่งผล ชาวเมียวดีเข้าคิวตุนน้ำมันยาวเหยียดแต่แหล่งอาชญากรรมยังเดินหน้าต้มตุ๋นต่อเหตุเตรียมการรองรับไว้ดี
 
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจ่ายกระแสไฟฟ้า 5 จุดในประเทศพม่าตั้งแต่เวลา 09.00 น.ปรากฏในหลายพื้นที่ที่เป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์บริเวณริมแม่น้ำเมย เมืองเมียวดี ประเทศพม่า ยังสามารถดำเนินธุรกิจต้มตุ๋นหลอกลวงต่อไปได้
 
โดยเหยื่อรายหนึ่งซึ่งเป็นชาวต่างชาติได้เล่าว่า ขณะนี้ (ช่วงเวลา10.00-11.00 น.) พวกตนยังต้องทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อหลอกลวงเหยื่อจากหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยต่อไป
 
จริงๆ แล้วพวกเราก็หวังว่าไฟฟ้าจะไม่มีใช้ ธุรกิจผิดกฏหมายพวกนี้ได้ยุติลง แต่ทราบว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีข่าวว่าจะตัดไฟฟ้า พวกเขาได้สั่งตุนน้ำมันจำนวนมากและซื้อเครื่องปั่นไฟสำรองไว้แล้ว” เหยื่อรายหนึ่ง กล่าว
 
ขณะที่ช่างไฟฟ้ารายหนึ่งใน อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า จริงๆแล้วเมืองเมียวดีทั้งหมดพึ่งพาการใช้ไฟฟ้าจากประเทศไทย ก่อนหน้านี้เคยมีไฟฟ้าที่ผลิตแถวเมืองมะละแหม่งส่งมา แต่เมื่อเกิดการสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) ทำให้สายส่งไฟฟ้าถูกทำลายเกือบหมด ดังนั้นในเมืองเมียวดีทั้งหมดต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากฝั่งไทย ซึ่งในอดีตเมื่อกว่า 20 ปีก่อน กฟภ.ขายไฟฟ้าให้ฝั่งพม่าเป็นปกติเพราะยังไม่มีแหล่งอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์เกิดขึ้นแบบนี้ และในยุคแรกๆที่มีการก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชเวก๊กโก่ก็ไม่มีใครคิดว่าไฟฟ้าที่ส่งไปจากไทยจะกลายเป็นเครื่องมือของเหล่ามิจฉาชีพ
 
ครั้งก่อนสมัย ครม.เศรษฐา ได้มีการทดลองตัดไฟฟ้าครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นฝั่งโน้นเขาจึงเตรียมตัวไว้ดี มีการตุนน้ำมันดีเซลไว้นับแสนลิตรเพื่อใช้กับเครื่องปั่นไฟ เขาคงอยู่ได้ระยะหนึ่งนั่นแหละ แต่เดี๋ยวก็เห็นผล เพราะระยะยาวอยู่ยาก หากถูกตัดไฟและน้ำมันเช่นนี้” ช่างไฟฟ้ารายนี้ กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้สถานการณ์ในเมืองเมียวดี ประชาชนเริ่มกักตุนน้ำมันโดยภายหลังที่รัฐบาลไทยประกาศตัดไฟและน้ำมัน ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต่อคิวตามปั้มต่างๆเพื่อซื้อน้ำมัน ซึ่งการนำเข้าน้ำมันในเมืองเมียวดีต้องผ่านช่องทางจากไทยอย่างเดียว เนื่องจากเส้นทางสายหลักที่เชื่อมโยงไปเมืองพะอันถูกตัดขาดตั้งแต่การสู้รบรุนแรงระหว่างกองทัพพม่าและ KNU เมื่อปีก่อน ซึ่งขณะนี้ KNU ยังยึดครองพื้นที่บนถนนหลวง AH1 ในช่วงที่ผ่านพื้นที่กอกะเร็กไว้ได้
 
ทั้งนี้จุดที่ทางการไทยสั่งระงับการส่งไฟฟ้าประกอบด้วย 1.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณพรมแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ถึงเมืองพญาตองซู รัฐมอญ 2.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ถึงเมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศเมียนมา 3.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายถึงเมืองท่าขี้เหล็กรัฐฉานประเทศเมียนมา 4.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง 5.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถึงเมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง



"กัณวีร์"  ขำ "นายกฯอิ๊งค์" ขึงขังตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซัดไม่อยากเห็นรัฐบาลไทยทำเอาหน้า ก่อนบินพบ "สี จิ้น ผิง" 
https://siamrath.co.th/n/598991
 
วันที่ 5 ม.ค.2568 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีราชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว กัณวีร์ สืบแสง Kannavee Suebsang ระบุว่า 
 
" มินอ่องลาย ยังโหนปราบจีนเทา รัฐบาลไทยต้องอย่าทำแค่เอาหน้าไปพบผู้นำจีน ไม่งั้นน่าอายชาวโลกมากครับ
 
เห็นข่าวนายกฯ แพทองธาร มาทำขึงขังสั่งให้ตัดไฟแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาวันนี้ แล้วนึกขำครับ จะมาขึงขังอะไรกันวันนี้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเถียงกันไปมาหาข้อสรุปไม่ได้ แล้วพอมาวันนี้ 4 ก.พ.ทั้งนายกฯ ทั้งรองภูมิธรรม จะมาตรัสรู้ ว่ามีอำนาจสั่งตัดไฟที่ขายให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กันซะงั้น
 
ที่ว่าขำหนักไปอีกเพราะเป็นวันเดียวกับที่ผู้นำเผด็จการทหารเมียนมา มินอ่องลาย จัดประชุมใหญ่ที่กรุงเนปิดอว์ ประกาศจะเอาจริงกับปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ อย่างที่เคยร่วมมือกับทางการจีนปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในเมืองเล้าก์ก่าย รัฐฉานเหนือมาแล้ว
 
เมื่อรัฐบาลตื่นตัวก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะผมก็เรียกร้องมาหลายเดือนแล้ว ก็ไม่อยากเห็นแค่รัฐบาลจะเอาหน้าทำมาตัดไฟแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อเอาหน้ารัฐบาลจีน ก่อนที่นายกฯ จะเดินทางพบผู้นำจีน สีจิ้นผิง ในวันที่ 6 ก.พ.นี้
 
แต่ต้องทำอย่างจริงจัง พิสูจน์ให้เห็นฝีมือของรัฐบาลไทย อย่าให้ผู้นำเผด็จการทหารเมียนมา อย่างมินอ่องลาย มาตีกินเอาหน้านะครับ มันน่าอายมากๆ
ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ผมจะตั้งกระทู้ถามรัฐบาลเรื่องนี้อีกครั้ง (ถ้ามี รมว.มาตอบ!!) โดยเฉพาะการช่วยเหลือเหยื่อชาวต่างชาติ กว่า 40 ชาติ อีกกว่า 6,500 คน ที่ผมเคยขอหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 16 ธันวาคม 2567 จนถึงตอนนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลไทย จะขยับในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เหล่านี้เลยครับ
 
เอาไงละทีนี้ เหมือนละครฉากใหญ่ที่เอาความมั่นคงระหว่างประเทศและชีวิตของเหยื่อค้ามนุษย์เป็นเดิมพัน !! "

https://www.facebook.com/NolKannavee/posts/pfbid02g3RyfUr4D9o3LMeYZsAVt3H9FAvnhiwn74Lp54sCuMXHLjmu4zADM1KdxUZipNMfl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่