พ่อแม่เป็นภาระ ทำอะไรไม่เป็น สร้างแต่ปัญหา จะนำท่านไปไว้ที่ไหนดีครับ (ด้วยความรัก)

ก่อนอื่นขอความกรุณากระทู้ไม่โดนลบ และไม่ดราม่านะครับ อยากหาทางออกนะครับไม่มีคนให้ปรึกษา
และต้องการตอบแทนให้พ่อแม่สบาย

เอาแบบกระชับเลยนะครับ ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อแม่ก็ไม่ค่อยเลี้ยง จะมีพ่อให้เงินสนับสนุนเท่านั้น ที่เหลือดูแลตนเองหมดตั้งแต่ ป.5 เวลาเชิญผปค. เค้าก็ไม่ค่อยไปกัน มหาลัยค่าเทอมกู้เรียนเองหมด   ปัจจุบันมีทุกอย่างที่ต้องการพื้นฐานครับแต่ชีวิตแม่มไม่มีความสุขเลย

พ่อแม่คือทำอะไรไม่เป็นตั้งนานแล้วจบป.ตรี แต่เค้าไม่สามารถดูแลตัวเองขั้นพื้นฐานได้ IQ EQ เท่าที่ดูปกตินะครับ อายุ50กว่า เป็นพ่อค้าแม่ค้าสมัยก่อนเงินเยอะเพราะเหมือนหมูวิ่งชนปังตอ มีคนเอาของมาส่ง วางขาย คนซื้อ ได้เงิน วนลูบ

คำว่าทำอะไรไม่เป็นคือ ทำกับข้าวกินเองไม่เป็น ไปให้สั่งข้าวมันไก่ร้านที่ไม่เคยสั่งยังทำไม่ได้ เขินอาย ไม่กล้า กลับบ้านมาต้นมาม่ากิน   คุณไม่ต้องพูดถึงข้าวผัด ข้าวต้มเครื่องนะครับ ทอดไข่ยังทำไม่ได้ ทำได้แค่ไข่ต้ม      สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือไป7-11 และซื้อของกินนั้นคือสิ่งที่เค้าดูแลตัวเองได้ดีที่สุด

ขึ้นรถเมล์ต่างสายไม่เป็น โบกแท็กซี่ไม่เป็น เขาจะยืนรอแบบนั้นจนกว่าแท็กซี่จะมาถามเค้า 3 ชั่วโมงเขาก็รอ   ขับรถ มอไซ จักรยานไม่เป็น
ใช้ smartphone ไม่เป็นใด ๆ ทั้งสิ้น   ไม่มีเงิน  ไม่มีเงินในธนาคาร มีแต่หนี้ แม่ชอบบริจาควัด เท่าไหร่ก็บริจาคหมด แทบไม่ทำงาน    ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ใดๆทั้งสิ้น   แม่ขี้ขโมยของอะไรในบ้านขโมยหมด ปลอมลายเซ็นต์(เรื่องนี้ดันทำเป็น)     พ่อไม่เอาเรื่องหมดตัวไม่เหลืออะไร
ดังนั้นไม่ต้องพูดเรื่องให้เขาช่วยเหลือเราเล ยามฉุกเฉินครับ แค่ตัวเค้าเองพื้นฐานยังเอาไม่รอด เคยโดนมืดบาดตอนกลางคืน เขาไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลยเครับ จนคนข้างบ้านต้องพาไป
ล่าสุดแม่เป็นเบาหวานเพราะกินของหวานไม่หยุด เตือนไม่ฟัง ฝอยทองวันละ 40 บาทกินต่อกันไม่รู้กี่ปี แถมเป็นมะเร็งอีก ต้องไปหาหมอทุกสัปดาห์ ก็เป็นปัญหาใหม่มาอีก

ล่าสุดก็ต้องแยกกันอยู่ครับ อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่ไม่ได้ เพราะแม่จะขโมยทุกอย่างถ้าเผลอ เหรียญยังเอา  พ่อก็จะทำอะไรบื่อๆ ให้มีปัญหา แค่งานตำแหน่งผมที่ต้องรับผิดชอบเพื่อเงินก้อนใหญ่ที่จะเอามาดูแลได้ ก็เหนื่อยมากละครับ
ผมควรส่งพวกเขาไปอยู่ที่ไหนได้บ้างครับ  เพราะบ้านพวกเขาก็ไม่มีเช่าเอา ผมดูแลไม่ไหว คำพูดติดปากกันว่าส่งไปบ้านพักคนชราดิเท่าที่ฟังข่าวมาก็ไม่ได้ว่าง ไม่ใช่ที่พูดติดตลกกันว่าขับรถพาไปปล่อยกลับบ้านได้เลย 
เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาครับเดือนละ 2-3หมื่นผมก็จ่ายได้  แต่ให้พวกเขาอยู่บ้านเดิมที่โทรมไปเรื่อยๆและร้านอาหารรอบข้างเริ่มปิดตัวไปเรื่อยๆ หาอะไรกินเองไม่เป็นไปไหนไม่เป็นตายแน่นอน

ที่อยากหาที่คือ อยู่ที่เดิมเป็นแบบนี้ต่อไปอันตรายแน่นอนครับ และผสก็คงช่วยเหลือไม่ทัน

*ปล.ถ้าทางออกคือ บอกให้ผมทำงานอื่นที่ได้เงินน้อยกว่านี้แล้วเอาเวลาไปดูแลเค้าได้ ไม่เอานะครับ ปีนี้ใครจะกล้าเสี่ยง แถมพ่อแม่ก็ไม่ได้ดูแลผมนักตั้งแต่เด็กด้วย มรดกไม่มีมีแต่หนี้สินที่ไร้สาระ  ผมบอกตรงๆผมเลือกเงินก้อนใหญ่แล้วส่งไปดูแลพวกเขา ดีกว่าให้ผมลดเงินแล้วไปดูแลเอง
ขอทางออกด้วยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 39
งบตั้งสองสามหมื่น จ้างคนมาดูแลได้ค่ะ อะไรจ้างได้ก็จ้าง พ่อแม่ไม่ได้ง่อยเปลี้ยเสียขา ไม่ได้ป่วยติดเตียง งานไม่ยากหรอก เหมือนจ้างแม่บ้านมาคนนึงที่พ่อแม่พอจะไหว้วานให้ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ได้ ความสามารถพื้นฐานก็มีติดตัวครบถ้วน กินข้าว เข้าสุขา ใส่เสื้อผ้าเองได้ จ่ายเงินซื้อของได้ (ฉันประเมินความสามารถโดยเบื้องต้นไว้ที่ 12 ขวบ ซึ่งควรจะอายุ 80-90+ นะ อายุ 50 นี่ยังไม่แก่เลยค่ะ)

คุณทำเท่าที่ทำได้เถอะ ทำอะไรก็ได้ตราบใดที่ไม่เสียใจทีหลัง อย่าให้ถึงวันฌาปนกิจแล้วต้องทุกข์ใจว่าไม่ได้ทำนั่นทำนี่ให้เขา เพราะไม่งั้นคุณจะจมอยู่กับความรู้สึกนั้นชั่วชีวิต

ถ้าพ่อแม่ 50 คุณก็คงยังอายุไม่มาก ทำงานมาไม่กี่ปี
ฉันอยากจะเตือนเรื่องนึงก็คือ พ่อแม่ของคุณเข้าใกล้หรือกำลังอยู่ในเฟสคนแก่ค่ะ ปกติจะมาแถวๆ 65 ปี คือตอนทำงานอยู่ สมองยังออกกำลังกายจึงใช้งานได้ดี แต่ถ้าไม่ได้ทำงาน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย จะเข้าสู่เฟสคนแก่เร็วกว่าปกติ ซึ่งคนเป็นลูกจะต้องปรับตัวอย่างสุดแรงเกิด รับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงเชียวล่ะค่ะ จากที่เคยคิดได้ เขาจะคิดไม่ได้ จากที่มีวุฒิภาวะรับฟังก็จะกลายเป็นหลงเชื่อคนง่าย พวกเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เปลี่ยนไปในทางเลวลงจนกระทั่งสมองถึงขีดจำกัด เขาก็จะกลายเป็นเด็ก ไม่อาจตัดสินใจหรือรับผิดชอบอะไรได้อีก อันนี้เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ

เมื่อแก่ สมองก็ลดประสิทธิภาพตาม เขาจะเรียนรู้สิ่งใหม่ยากมากๆ ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายครั้งกว่าจะจำได้สักเล็กน้อย บอกวันนี้พรุ่งนี้ก็ลืม วันนี้ใช้สมาร์ทโฟนเป็น พรุ่งนี้เหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน นี่เป็นเรื่องธรรมดามากค่ะ
อีกอย่างคือความมั่นใจ แค่แก่ ความมั่นใจก็ลดลง ยิ่งถ้าถูกด่าบ่อยๆ เขาจะไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นสิ่งใหม่ จะกลัวและตื่นตระหนกเชียวล่ะ ฉันคิดว่าบางทีที่เขาไม่กล้าสั่งข้าวมันไก่หรือโบกแท็กซี อาจเพราะกลัวทำผิดพลาด ไม่กล้า มากกว่าจะเรียกว่าเขินอายนะคะ ถ้าเป็นเพราะกลัว คุณสนับสนุนเขาได้ด้วยการซ้อมก่อนสั่งจริง เชียร์ให้ผ่อนคลาย บอกว่าผิดได้ไม่เป็นไร ยืนข้างๆ ขณะเขาสั่ง เมื่อเขาทำได้ก็ชมให้มากๆ พอเขามั่นใจว่าตัวเองทำได้ ครั้งต่อไปก็ทำได้เองแล้วล่ะ กระบวนการเสริมความมั่นใจเชิงบวกกระตุ้นให้กล้าทำได้ดีค่ะ ซึ่งหากขาดตรงนี้มานานก็เป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้เวลา แต่เขายังเรียนรู้ได้ ได้อีกนานจนกว่าเขาจะเข้าเฟสกลับเป็นเด็กโน่นแหละ

เรื่องทำกับข้าว ที่จริงมันไม่ใช่ของง่ายนะคะ ที่ควรทำเป็นก็คือหุงข้าว แค่ตักข้าวสารยี่ห้อเดิมๆ ใส่หม้อตามจำนวนที่แน่นอน เช่น ข้าว 2 ถ้วย แล้วใช้ถ้วยเดียวกันตวงน้ำใส่ 2 ถ้วย เสียบปลั๊ก กดเครื่อง เท่านี้ก็พอ ต้มไข่เป็นถือว่ารอดแล้ว ไข่เจียวไม่ง่ายนะคะ ตัวฉันเองเคยเจอร้านตามสั่งที่เจียวไข่เละเทะจนฉันต้องไปสอนด้วยซ้ำ ยิ่งขั้นตอนเยอะก็ยิ่งยากค่ะ มันแค่ง่ายสำหรับเรา ไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน คุณเชื่อไหม ฉันอายุ 30+ ขึ้นชื่อเรื่องความหัวไวเรียนรู้เร็ว เพิ่งเคยใช้สมาร์ทโฟนมา 2.5 ปีนี่เอง วันแรกประสาทแตกค่ะ ใช้ไม่เป็น (ขนาดให้น้องคนขายสอนเบื้องต้นให้แล้วนะ) ฉันคล่องเรื่องคอม ไม่ค่อยพึ่งพาโทรศัพท์ ซึ่งสมาร์ทโฟนมีจุดที่ต่างจากคอมมาก เพราะฉันไม่มีพื้นฐานจึงไม่มีสัญชาติญาณว่าต้องการทำสิ่งนี้แล้วจะไปหากดได้จากตรงไหน ทั้งที่ถ้าเป็นคอมหรือโปรแกรมคอม ของใหม่รุ่นใหม่แค่ไหน จับแค่ไม่กี่นาทีก็เป็นแล้ว ประสาทแตกอยู่ 3 วันถึงเริ่มใช้เป็น ผู้คนหัวเราะหยามหยันในความโง่ 555 สองปีผ่านไปเพิ่งจะจับยี่ห้อไหนก็ใช้ได้

ความง่ายของคุณ แตกต่างจากความง่ายของพ่อแม่ค่ะ คุณเลยมองว่าเขาตกมาตรฐาน ด้อยกว่าปกติ
ขออนุญาตแนะนำให้ลดมาตรฐานความคาดหวังสำหรับพ่อแม่ลงอีกสักนิดนึง
และ...อืม ฉันไม่เข้าใจ ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์เรื่องขโมยเงินหรือบริจาควัดไม่อั้น ส่วนนี้เลยโนคอมเม้นต์น่ะค่ะ

ตอนนี้คุณพึ่งพาตัวเองได้แล้วจึงแยแสเขาน้อยลง เรียกว่าปีกกล้าขาแข็งก็จะทิ้งกิ่งที่เคยเกาะค่ะ ถ้าตระหนักเรื่องนี้ได้ คุณอาจจะมีใจอดทนกับพวกเขามากขึ้น คนเป็นลูกก็ต้องฝึกสอนพ่อแม่เหมือนกัน ส่วนมากก็ดูแลไม่ต่างจากเด็กหรอก ทั้งชมทั้งดุด้วยวิธีและโอกาสอันสมควร แต่ใช้ความอึดเยอะหน่อยเพราะคนแก่ดื้อกว่าเด็ก เอาแต่ใจมากกว่า ไม่สามารถสั่งให้ทำหรือหยุดทำอะไรได้แบบที่ทำกับเด็ก แต่นี่คือขั้นตอนของการเป็นผู้ใหญ่ในอีกระดับหนึ่งของมนุษย์ ไม่ใช่แค่รับผิดชอบตัวเองคนเดียว หรือสองคนซึ่งเป็นวัยใกล้เคียงกัน หรือสามคนกับเด็กเล็กที่จัดการได้ แต่คือความเป็นผู้ใหญ่ในแบบที่ดูแลใครก็ได้ทั้งนั้น เป็นที่สุดของการรับผิดชอบทั้งปวงค่ะ

ปกติฉันจะแนะนำให้คนวัยทำงานที่รำคาญพ่อแม่ตัวเอง นึกถึงสิ่งที่พ่อแม่เคยทำให้เรา ตอนที่เรายังเล็กมาก จะเอาอะไรก็มีแต่ร้องงอแง ขับถ่ายเรี่ยราด ป่วยไข้ หิวข้าว ง่วงนอน หรือแม้แต่เบื่อ ก็มีพ่อแม่นี่แหละที่จัดการให้ เราเป็นภาระของเขาอยู่หลายปี พอยืนด้วยขาตัวเองได้แล้วคิดจะทิ้งเขาก็ให้มานึกถึงตรงนี้ จะได้มีแรงอดทนพอให้มีเวลาคิดอย่างถี่ถ้วนสักหน่อย แต่ในกรณีของคุณเจ้าของกระทู้ ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกดูแลตามมาตรฐานของคุณสักเท่าไหร่ (ซึ่งอาจเป็นมาตรฐานสังคมด้วย) ฉันจึงคะยั้นคะยอได้ไม่เต็มปาก ตัวฉันเองไม่ยอมรับเหตุผลที่ว่าพ่อแม่ต้องหาเงินเลยจำเป็นต้องปล่อยปละละเลยลูกค่ะ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ละเลยคือละเลย สิ่งที่ทดแทนให้ควรจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่าที่เคยได้ทั้งในแง่เวลาและคุณภาพ ขอแค่คุณเจ้าของกระทู้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนลงมือทำก็พอ ใช้เวลาคิดให้ดี เอาให้แน่ใจ จะได้ไม่เสียใจภายหลังค่ะ

ฉันดูแลใกล้ชิดมาแล้วทั้งวัย 50+ 60+ 70+ 80+ และ 98 ปี ยอมรับโดยดีว่าถ้าแตะเลข 7 เริ่มมีโรคประจำตัวแล้ว ถือว่าเป็นงานยากค่ะ ยิ่งพอป่วยเป็นโรคหนักๆ นอนติดเตียง ก็เป็นงานระดับนรก/งานชดใช้กรรม คุณต้องอึดมากจริงๆ ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง ถึงจะไม่เสียสติตอนดูแลเขา แต่ลึกๆ ฉันก็รู้สึกดีที่ได้ดูแลรับผิดชอบชีวิตใคร แม้ว่าเขาจะไม่เคยเลี้ยงดูฉันเลยด้วยซ้ำ 98ปีจำนวน 2 คนได้เสียชีวิตไปแล้วค่ะ ฉันเลยย้ายมาดูแล 84 ขาเสียจำนวน 1 คน ซึ่งปีหน้าจะเพิ่ม 70 มาอยู่ในบ้านอีก 2 คน หนึ่งในนั้นป่วยหนักใกล้นอนติดเตียงเต็มที ดูท่าจะชวนประสาทเสียทั้งนั้น (หมู่คนแก่ผู้เอาแต่ใจสุดขีด กินยาก ไม่ยอมกินยา ไม่ประมาณตนว่าตัวเองแก่และป่วย ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับฉันเลยยยยยยยยย)

ดังนั้นแล้ว ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีเรี่ยวแรงพอ จองบ้านคนชราไว้แต่เนิ่นๆ จะดีค่ะ
อย่าไปเชื่อถ้าใครพูดว่า ลูกต้องกตัญญูต่อพ่อแม่ นัยว่าตกเป็นทาสชั่วชีวิตของพ่อแม่
ใครทำอะไรไว้ก็ควรได้ผลตอบแทนตามเนื้อผ้า ถ้าทิ้งขว้างกันมา จะให้ใส่ใจอย่างดีก็คงแปลกอยู่สักหน่อย
แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ว่า แม้เขาไม่เคยทำอะไรดีๆ ให้เรา เราก็มีความสุขที่ได้ทำดีต่อเขาด้วยตัวเองอยู่แล้ว
แม้ใครจะทำผิดต่อเรา เราก็รู้สึกดีที่ไม่เคยทำผิดต่อใคร

ก็ทำนองนี้ ลองพิจารณาดูค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
ฟังดูแปลกๆ. พาไปหาหมอก่อนดีไหม.  เช็คสมองหน่อยดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 25
อาการของอัลไซเมอร์ ระยะแรกๆ ไม่ก็ระยะ2ครับ รีบไปหาหมอด่วน ประสาทวิทยา กับ จิตเวช 2 แผนกครับ ไปเลยครับ
ความคิดเห็นที่ 13
ขอฟังหูไว้หู มันดูเหลือเชื่อไปหน่อย เลี้ยงมาแต่เด็ก แต่ทำไรไม่เป็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่