แชร์ประสบการณ์ ท้องนอกมดลูก ใช้สิทธิ์ผ่าตัดด้วยประกันสังคมโรงพยาบาลกลาง

สวัสดีค่ะ แม่ๆทุกท่าน
ยาวหน่อยนะคะแต่ก็อาจจะเป็นข้อมูลเพื่อช่วยเหลือคุณแม่ที่เตรียมวางแผนตั้งครรภ์บางท่านได้

ต้องเริ่มเล่าจากประวัติส่วนตัวของเราก่อนนะคะ
ปัจจุบันอายุ 35 ปี ไม่มีประวัติแพ้ยา ไม่เคยทานยาคุมหรือฉีดยาคุมกำเนิด
รอบการมีประจำเดือน ประมาณ 1 เดือน กับ 15-20 วัน ต่อรอบการมาในครั้งถัดไป
ดังนั้นใน 1 ปีประจำเดือนจะมาปีละประมาณ 8 - 10 ครั้งต่อปี และเมนส์จะมา 5-7 วันแล้วแต่รอบ
อาการก่อนมีประจำเดือนจะมีปวดท้องแบบหนักหน่วงๆบ้างบางรอบ แต่ไม่ได้เป็นทุกรอบ ก็ทานยาปกติแค่วันแรก 1-2 เม็ด เท่านั้น
ช่วงอายุ 20 เริ่มมีอาการคัดหน้าอกก่อนมีรอบเดือน ช่วงก่อนอายุ 30 บางรอบคัดหน้าอก 2-3 อาทิตย์ก่อนรอบเดือนจะมา
อาการของรอบประจำเดือนมีเท่านี้นะคะ ไม่มีวูบหรือเวียนหัว ไม่มีอาการจากภายในเช่น ร้องไห้ หรือคิดมากใดๆ
ส่วนตัวก็ถือว่าอาการที่ตัวเองเป็นคือปกติมากๆ ของการมีรอบเดือน

ต่อมาเล่าถึงประสบการณ์ ท้องนอกมดลูก หรือ ตั้งครรภ์นอกมดลูกกันเลย

ท้องนี้เป็นท้องแรกของเรานะคะ ได้จดวันที่และเหตุการณืไว้หมดเลย เราแต่งงานเมื่อปี 66 เลยกำลังแพลนมีน้องกับสามีปี 67
เริ่มปล่อยกันมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 67 แต่ด้วยการมีรอบเดือนที่ไม่ได้มาตรงเหมือนคนอื่น ก็จะยากในการคำนวนวันไข่ตก
แต่ก็ใช่ผู้หญิงอย่างเราจะสังเกตตัวเองไม่ได้นะคะ มันก็พอมีทริคอยู่ (ศึกษามากจนสังเกตตัวเองได้เเล้วค่ะว่าช่วงไหนไข่ตก😃)
เอาไว้จะมาแชร์ทริคในกระทู้ต่อไปแล้วกันนะคะ

วันเสาร์ที่ 5/10/67 เราให้สามีไปซื้อที่ตรวจครรภ์เพราะคัดหน้าอกมากแบบนอนตะแคงก็ไม่ได้มาร่วมจะ 4 อาทิตย์ ประจำเดือนควรมาตั้งแต่ช่วงวันจันทร์-อังคารแล้ว เลยอยากลองตรวจดู ปรากฏว่าขึ้น 2 ขีด แบบเข้มมาก ชัดเจน ดีใจกันยกใหญ่สองคนสามีภรรยา แฟนก็คือนอนน้ำตาไหลเลยค่ะ ก็คุยกันว่าสักวันพุธเราไปตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ฝากท้องที่รพ.กัน เพราะแฟนติดงานอาทิตย์-อังคารช่วงกลางวัน
เราเลยบอกแฟนไปว่า ไปพรุ่งนี้เลยได้ไหมนะ รีบกลับบ้านหน่อยสัก 16.00 ก็ได้น่าจะมีหมอก่อน 18.00 เพราะเรามีอาการปวดท้องน้อย
ปวดหนักตั้งแต่วันจันทร์ ตอนนี้จะครบ1อาทิตย์แล้วด้วยความจะเป็นคุณแม่มือใหม่ก็กังวลนิดหน่อย แฟนก็เลยตกลงพวกเราจะไปหาหมอพรุ่งนี้กัน คืนนั้นพวกเราก็ช่วยกันศึกษาตามเน็ท ดูรายชื่อคุณหมอ ดูแพจเกจโรงพยาบาลต่างๆ เราก็สรุปกันที่รพ.พญาไท2 เพราะใกล้บ้านสุดและแพคเกจรพ.เอกชนที่เลือกมา ก็ต่างกัน 1-2 หมื่นบาทก็เลยเลือกโรงพยาบาลใกล้บ้าน

วันอาทิตย์ 6/10/67 เข้าพบคุณหมอแบบยังไม่ได้เลือกแพทย์ประจำ จริงๆก็เลือกในใจกันมาเเล้วละ แต่วันนี้มารพ.เย็นแล้วก็เลยจะมาตรวจยืนยันกันเฉยๆแล้วค่อยระบุแพทย์กันในรอบถัดไป คุณหมอก็ซักประวัติ วันที่ประจำเดือนมาวันแรกครั้งล่าสุดวันไหน ก็ตอบไปว่า 16/8/67 ค่ะ จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ครรภ์ก็น่าจะ 7 สัปดาห์ คุณหมอก็ชวนอัลตร้าซาวน์เพราะถ้า 7 สัปดาห์ก็น่าจะเห็นอะไรบ้างแล้วหล่ะ แต่ในใจเราก็คิดว่าไม่น่าจะถึง 7 สัปดาห์นะ เพราะวันที่เรามีสัมพันธ์กับสามีคือ ช่วงวีคต้นเดือนกันยายน เลยคำนวนในใจเองว่าอาจจะ 4 สัปดาห์ เราก็ไม่ได้แจ้งหมอเรื่องนี้เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ตรวจก็ได้เพราะราคาอัลตร้าซาวน์ 1,600 บาท ก็โอเคตอบคุณหมอว่าลองซาวน์ก็ได้ค่ะ

เข้าห้องตรวจ เปลี่ยนเสื้อผ้า ขึ้นเตียง หน้ามองไปที่จอ คุณหมอควานไปมาก็เป็นภาพโล่งๆไม่เจออะไรในมดลูก ตอนนั้นในใจเราก็ไม่ได้คิดอะไรหรืออาจจะเพราะมองภาพไม่ออกก็ไม่รู้  ในหัวเลยไม่ได้คิดอะไร หมอก็ควานต่อ ก็แว้บๆ เจอจุดเงาดำๆ ซึ่งเราเองก็เห็นดำๆนะ สักพักคุณหมอก็เรียกพยาบาลให้เชิญอาจารย์หมออีกท่านมาที่ห้องเพื่อช่วยกันยืนยันว่าถุงไข่อยู่นอกมดลูก ตอนนั้นได้ยินเราก็เริ่มรู้แล้วว่าไม่ปกติแน่นอน

กลับมาที่ห้องคุณหมอก็แจ้งด้วยข่าวร้ายของการท้องแรกว่า เรามีการตั้งครรภ์นอกมดลูกนะ ถุงไข่ที่ผสมแล้วไม่ได้เคลื่อนมาอยู่ที่มดลูกอย่างที่ควรจะเป็น หมอเจอถุงไข่ฝังตัวที่ปีกมดลูกด้านซ้าย ตรงท่อนำไข่ไม่สามารถขยายตัวได้ ซึ่งอันตรายกับเรามากถ้าเกิดว่ามันขยายจนแตกก็จะมีภาวะตกเลือดภายในได้ แต่ตอนนี้มันยังไม่แตก เรากับหมอก็คุยกันเรื่องอาการก่อนมาที่รพ. ว่ามีอการเลือดออกไหม เราก็ตอบหมอว่า ไม่มีเลย เลือดสักหยดก็ไม่มี มีแค่ปวดท้อง ซึ่งอาการปวดท้องเราเล่าให้คุณหมอฟังตั้งแต่ซักประวัติก่อนซาวน์แล้วค่ะ ... ไอ้เราก็ศึกษาในเน็ทมาเยอะไง ก็คิดว่าอาการปวดหน่วงท้องน้อยอาจจะอยู่ในช่วงมดลูกกำลังขยายตัว เลยอาจจะมีอารปวดหน่วงท้องน้อยบางครั้ง ก็ยังเล่าประโยคนี้ให้หมอฟังอยู่เลย

ซึ่งจะขอเล่า Time line ก่อนมาพบคุณหมอและอาการปวดท้องทั้งหมดตามนี้นะคะ

16/8/67     วันที่มีประจำเดือนวันแรกครั้งล่าสุด เมนส์มาแบบน้อยแค่เปรอะๆประมาณ 4 วัน
ช่วง 29/8/67-3/9/67 มีสัมพันธ์กับแฟน (จำไม่ได้วันไหนแต่ไม่ได้ทุกวันอย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันนะคะ^^)
9/9/67       เริ่มมีอาการคัดหน้าอก
15/9/67     ป่วยด้วยไข้หวัดสายพันธ์ A 
.................ยังคัดหน้าอก เจ็บคัดทุกวันนอนก็เจ็บมากๆ จิ้มไม่ได้เลย...
อา 29/9/67 คืนอาทิตมีปวดหัว ตัวรุมๆ
จ   30/9/67 ตื่นมาก็รุมๆ แต่ไม่ได้ร้อนมาก ช่วงหัวค่ำปวดหน่วงท้องมาก ตรงท้องน้อย
                  กินยาพอสแตนไม่หายเท่าไร เบาลง แต่ก็ปวดใหม่ นอนแล้วดีขึ้น (ตอนนี้คิดว่าเริ่มปวดท้อง เมนส์มาคืนนี้เเน่นอน)
อ   1/10/67 วันนี้ต้องลางาน นอนทั้งวัน ก็ปวดท้องเรื่อยๆ มีช่วงเบาช่วงหนัก ไม่ได้ปวดบิด คิดว่าถ้าเดินน่าจะปวดมากเลยลางาน
                  เวลาปวดจะมีรสน้ำลายเปรี้ยวๆออกคลื่นไส้  หน้าอกยังคัดอยู่เจ็บๆเหมือนเดิม
พ   2/10/67 มาทำงาน ปวดท้องน้อยลดลงแต่ก็ยังมีปวดหน่วงๆบ้าง ช่วงกลางวันไม่ค่อยปวด หรือเป็นเพราะออกมาทำงานข้างนอก
                  แล้วเดินก็เลยลืมความปวด แต่ตอน 6 โมงกว่าปวดหน่วงท้องน้อยมากเดินแทบไม่ไหว
                  ต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านถึงบ้านนั่งพักแล้วค่อยดีขึ้น ยังปวดหน้าอกนอนตะแคงพลิกซ้ายขวาก็ยังเจ็บอยู่มาก 
พฤ 3/10/67 มาทำงาน วันนี้ไม่มีอาการปวดท้องน้อยเลย เดินเยอะก็เหมือนจะหน่วงเบาๆ แต่ไม่ได้ปวดอะไร
...................ตอนนี้คิดว่าเมนส์ไม่มาควรจะซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์มาตรวจ แต่ก็ไม่ได้ซื้อเพราะยุ่งกับการเก็บของไป outing บริษัท.........
ศ   4/10/67 ขับรถไปพัทยา outing บริษัท 
ส   5/10/67 กลับจากพัทยา มาตรวจที่บ้านขึ้น 2 ขีด ตามที่เล่าด้านบน
อา 6/10/67 พบคุณหมอที่ รพ.พญาไท2 มีอาการหน่วงท้องแค่จะรู้สึกหน่วงบ้างเวลาเดิน
                  แต่ไม่ได้ปวด หรือเดินไม่ไหว ก็แค่รู้สึกเหมือนจะหน่วงเบาๆมากๆ

นั่นแหละคะ ความปิติความยินดีมันอยู่ในใจพวกเราได้แค่ 1 คืน ยิ่งตอนที่นั่งรอหมอ เราก็ยกหูโทรหาแม่เรา
บอกแม่ว่าท้องนอกมดลูกนะ มันคือตอนที่เสียใจสุดๆไปเลยค่ะ กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองจะเป็นแม่คนแล้วต้องเสียลูก
ไม่ว่าเค้าจะกี่สัปดาห์ คือเจ็บจี๊ดขึ้นสมองไปเลย ทั้งงง(ด้วยความท้องแรก) ทั้งเสียใจ ไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

มาต่อเรื่องการรักษากันค่ะ
คุณหมอก็เล่าละเอียดดีมากเลย และเราถามหมอเยอะมาก เลยเก็บข้อมูลมาได้ระดับนึงเลย
การรักษามีด้วยกัน 2 วิธี
1. การฉีดยา นอนรพ. 2-3 วัน ฉีดแล้วรอดูอาการ
2. การผ่าตัด มีผ่าแบบส่องกล้อง แผลเล็กพักฟื้นไวนอนรพ.1 คืน ของเรายังทำเคสนี้ได้เพราะปีกมดลูกยังไม่แตก
การรักษาก็มีแบบตัดปีดมดลูกออกไปเลย กับผ่าแล้วขูดเอาส่วนถุงออกมาก็จะมีปีกมดลูกสองข้างเหมือนเดิม
และการการผ่าแบบเปิดหน้าท้อง อันนี้แผลใหญ่พักฟื้นนาน ถ้าปีกมดลูกแตกก็จะผ่าด้วยเคสฉุกเฉินใช้วิธีนี้อย่างเดียว

ของเรายังเลือกได้ทั้งสองวิธี แต่วิธีที่ 1 ต้องตรวจเลือดเชคค่าฮอร์โมนก่อน ถ้าไม่เกิน 5,000 HCG สามารถฉีดยาได้
ตัวยาเป็นเหมือนยารักษาโรคมะเร็งแต่ตัวยาจะไม่ได้เข้มข้นสูงเท่า เป็นแค่โดสต่ำๆเท่านั้น
เราก็ไปตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน ใช้เวลา 1 ชม. มาตั้งแต่ 4 โมงเย็นรอผลก็ 6 โมงเย็นเป็นคนไข้คนสุดท้ายพอดี
สรุปผลที่ออกมาระดับฮอร์โมน ออกมาที่ 20,000 HCG กว่าๆ ซึ่งสูงมากๆแล้ว คุณหมอก็ไม่เเนะนำให้ฉีด ก็ต้องผ่าตัดอย่างเดียว
หมอก็น่ารักนะคะ กรณีเคสแบบนี้ประกันจะไม่รองรับ หมอก็แนะนำว่าลองดูตามสิทธิ์พื้นฐานที่เรามีก่อนไหม 
แต่ถ้ารักษากับคุณหมอที่รพ.พญาไท2 ค่าใช้จ่ายก็ให้เชคกับพยาบาลอีกที (ก็น่าจะมี 6 หลัก) ถ้าตกลงรักษา
พรุ่งนี้เช้าก็ผ่าได้เลย... omg!! ทุกอย่างคือไวมาก...เลยบอกคุณหมอว่าขอตัดสินใจกันคืนนี้ก่อนได้ไหม ถ้าตกลงพรุ่งนี้ก็จะมารพ.เลย

ตอนนั้นเราก็มีปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมนะคะ
เรา...เคสแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เกิดจากอะไร
หมอ...คุณหมอก็ไม่สามารถตอบได้ซึ่งแล้วแต่คนเลย (อันนี้คือคำตอบแรกของคุณหมอจริงๆนะคะไม่ได้ดัดแปลง) เราฟังเราก็งง หมอก็อธิบายเพิ่ม อาจจะเกิดจากการมีพังผืด หรือขนลำเลียงในท่อมีน้อยไป ก็เป็นไปได้ ซึ่งก็แล้วแต่คนเลย  
เรา...ก็ถามต่อถ้าเราผ่าแบบขูดส่วนถุงออกมาถ้าครั้งหน้าเราผสมที่ฝั่งนี้อีก มีโอกาสที่เป็นแบบนี้อีกไหม
หมอ...ตอบว่ามีอยู่แล้วเหมือนเราไปขูดก็เกิดแผลในส่วนตรงนั้นก็มีโอกาสที่ถุงไข่จะติดตรงจุดนั้นมากกว่าเดิม
เรา...พอเราได้ฟังคำตอบนี้ เชื่อไหมค่ะ เราตัดสินใจผ่าแบบส่องกล้องและตัดปีกมดลูกออกทันที เพราะเราคงใจสลายกว่าตอนนี้มาก ถ้าเค้าจะไม่ได้มาเกิด เพราะเหมือนเราเป็นคนทำถนนขรุขระไว้ให้เค้ามาตกหลุมให้เค้าเคลื่อนที่ไม่ได้
เรา...แล้วอย่างกรณีนี้ จะเหลือปีกมดลูกข้างเดียว ยังสามารถมีลูกได้ใช่ไหม
หมอ...ก็บอกว่าได้ปกตินะ
เรา...แล้วจะมีโอกาสที่จะเกิดท้องนอกมดลูกที่ฝั่งนี้ได้อีกไหมค่ะ 
หมอ...ก็มีโอกาส ซึ่งก็อย่างที่หมอบอก เคสเเบบนี้แล้วแต่กรณีเลย
เรา...แล้วจะรู้ยังไงว่าในปีกมดลูกอีกข้างปกติ คุณหมอสามารถส่องกล้องดูได้ไหม (คือตอนนั้นคิดว่าถ้ามีทางไหน ที่ทำให้ครั้งหน้า ท้องได้ปกติ ก็จะทำหมด)
หมอ...หมอไม่สามารถส่องกล้องได้เพราะในท่อมีขนาดเล็กจะไม่ทำกัน แต่ก็มีวิธีคือการฉีดสีเข้าไปแล้วตรวจผล
เรา...เลยถามหมอด้วยความสงสัยว่า แล้วเค้านิยมทำกันไหมการฉีดสี
หมอ...ก็ไม่ได้เป็นนิยมทำกัน
..........เราเลยไม่ได้ถามเรื่องการฉีดสีและเรื่องราคาต่อค่ะ แต่คุณหมอก็แนะนำพูดถึงเรื่องการทำเด็กหลอดแล้ว ว่าเรายังมีทางเลือกในการวางแผนตั้งครรภ์ครั้งต่อไป (ช่วงนี้เลยเริ่มศึกษาเรื่อง IVF และวิธีอื่นๆ ทั้งรพ.รัฐและเอกชน)

จากนั้นคุณหมอก็มีใบผลตรวจปริ้นให้เรา หมอก็ถามก่อนกลับนะ ว่าอยากได้อะไรเพิ่มจากหมอไหมให้หมอปริ้นอะไรให้เพิ่มไหม ตอนนั้นก็ไม่เอะใจเรื่องถ้าไปรพ.อื่นต้องมีใบส่งตัวหรือยังไง เพราะเราก็ยังไม่ใช่เคสฉุกเฉิน ยังไม่มีเลือด ยังไม่เเตก ก็ได้ใบรายการผลตรวจมาใบนึงก็กลับบ้านเลย

หลังจากนั้นพอที่บ้านรู้ก็วุ่นเรื่องกันทั้งคืน ก็กลายเป็นเรื่องอันตรายทันที ถ้าฉุกเฉินคืนนี้แตกจะทำยังไง เพราะมีอันตรายกับเราอาจจะถึงชีวิต เราต้องเดินแบบช้าๆ เบาๆ ขึ้นบันได จะนอนจะตะแครงตัวก็ไม่กล้า เราเลยโทรปรึกษากับอาจารย์หมอที่รู้จัก ขอคำแนะนำโรงพยาบาลควรไปที่ไหนยังไงดี ก็คุยกันเรื่องประกันสังคมเราอยู่ที่ไหน เราก็บอกว่าที่โรงพยาบาลกลาง ท่านก็บอกว่าเป็นโรงพยาบาลที่ดีมากนะ พรุ่งนี้ให้ไปเลยเเต่เช้า แต่ถ้าคืนนี้มีอะไรอย่าช้าถ้าเริ่มปวด หรือมีเลือดออกให้เข้าห้องฉุกเฉินใกล้บ้านก่อนได้เลย 

มาถึงตรงนี้ขอเล่าความรู้สึกเราเกี่ยวกับการจะต้องเข้าผ่าตัดนิดนึงนะคะ
เราว่าเรามีสติมากและไม่ได้ตกใจหรือกลัวเลยนะ เพราะนี่จะเป็นผ่าตัดครั้งแรกด้วย แค่คิดว่าอะไรที่อันตรายก็ต้องทำให้ปลอดภัย และส่วนตัวคิดว่าเดียวนี้เครื่องมือก็ทันสมัยและหมอไทยเก่งมากๆนะคะ แต่ก็แอบกลัวแค่ว่าจะเจอหมอที่มือหนักไหมนะ เพราะกลัวเรื่องแผลช้ำ จะต้องปวดแผล จะต้องรักษาแผลช้ำ ปวดแผลนานแค่นั้น ถ้าได้หมอที่ใส่ใจมือเบา ชำนาญการ ถึงหมอมือหนักแต่แผลดี ก็จะดีกับเรามากกว่าใช่ไหมค่ะ และในใจก็อยากได้หมอผ่าตัดผู้ชายมากกว่าหมอหญิง ไม่รู้ทำไม หรือดูหนังเยอะไป คิดว่าหมอผู้ชายจะตัดสินใจเด็ดขาดไม่รีรอมากกว่า😅 (อันนี้แค่ความคิดเห็นส่วนตัวคิดไปเองนะคะ)

รุ่งเช้าวันจันทร์ที่ต้องลางานล่วงหน้าเพื่อไปหาหมอที่รพ.กลาง

.......เดียวมาต่อช่วงที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลกลางนะคะ
ตอนนี้รักษามา 2 อาทิตย์ผลคือแผลหายดีแล้ว
เลยอยากออกไปทานข้าวนอกบ้านเย็นนี้บ้างค่ะ^^
ขอไปเที่ยวแปปนึงนะคะ....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่