"สุทิน" จัดหนัก อภิปรายไม่ไว้วางใจ ปชช.จะได้เห็นคณะคนบาปครองเมือง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1777651
สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ลั่น อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จัดหนัก คนจะได้เห็นคนบาปครองเมือง แน่ หวังกระแสโซเชียลฯ เป็นพลังโหวตนายกฯและพวก ออกจากการบริหารประเทศ
วันที่ 22 ก.พ. นาย
สุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เกิดขึ้นใน 3 ระดับ ได้แก่ ขั้นแรกคือเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ขั้นที่สองคือ การเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรี หรือปรับคณะรัฐมนตรี และเป้าหมายขั้นสูงสุด คือ คาดหวังให้เปลี่ยนรัฐบาล และเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
โดยบุคคลที่จะถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้านมากที่สุดคือ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากบริหารบ้านเมืองไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนเกิดความทุกข์ยาก ประเทศเจอภาวะวิกฤติหลายด้าน ทั้งสงครามการค้า ค่าเงินบาท การส่งออกชะลอตัว การรับมือกับไวรัสโควิด-19 และฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ที่ไร้ประสิทธิภาพ และประชาชนลำบาก สะท้อนจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโต เพียงร้อยละ 2.4 ซึ่งถือว่า ต่ำสุดในรอบหลายปี และมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะติดลบในปีนี้ เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว จึงเป็นเหตุผลให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีไม่ควรอยู่ต่อไป
“
จบการอภิปรายในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ฉายาคนบาปครองเมือง เพราะคนที่ยืนอยู่บนความลำบากของคนอื่น คุณก็จะได้รับเสียงสาปแช่ง และถ้าคุณยังทนเสียงสาปแช่งได้ก็คือ คนบาป ถ้าเป็นคณะก็คณะคนบาปครองเมือง” นายสุทิน กล่าว
ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และเป็นครั้งแรกที่เป็นการอภิปรายฯ มีช่องทางแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย โดย ส.ส.มีหน้าที่โหวตในสภา ขณะที่ประชาชนสามารถโหวตนอกสภาผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
เสธ.แมว เย้ย ประยุทธ์แค่ทองชุบ เตรียมบ๊ายบายหลัง อภิปรายไม่ไว้วางใจ
อภิปรายไม่ไว้วางใจ - วันที่ 22 ก.พ. พล.ท.
ภราดร พัฒนถาบุตร กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ (กพศ.) พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ไปแล้วก็ตาม แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ สืบทอดอำนาจและ 5 รัฐมนตรีนั้น ยังคงเดินหน้าต่อไปมิได้มีความหวั่นไหวแต่ประการใด เพียงแค่มีการปรับตัวผู้อภิปรายเสียใหม่ของปฏิบัติการพิน็อกคิโอของ อนค.ก็แค่นั้นเอง
ในส่วนของยุทธการอรุณรุ่งของ กพศ.พรรคเพื่อไทยนั้น ขออุบรายชื่อผู้อภิปรายไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้อภิปราย และให้เกิดความตื่นเต้นเมื่อไปถึงวันอภิปราย ส่วนบางรายชื่อที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ก็ขอให้อดใจรอกันสักนิด วันอภิปรายเราจะได้เห็นกัน
เมื่อถึงวันปฏิบัติการเช็กบิลอภิปรายไม่ไว้วางใจ 24 ก.พ.นี้แล้ว รับรองว่าพฤติการณ์ยอดแย่และการประพฤติมิชอบของนายกฯ สืบทอดอำนาจจะปรากฏต่อสายตาของพี่น้องประชาชน
โดยการอภิปรายของขุนพลพรรคร่วมฝ่ายค้าน และเมื่อนั้นเราจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายกฯ คนนี้ว่า เขาเป็นแค่พวกทองชุบ มิใช่ทองแท้ สร้างแต่ความทุกข์ยากให้กับประชาชน ไม่สมควรที่จะเป็นผู้นำบริหารประเทศอีกต่อไป
จึงขอส่งสัญญาณไปถึงนายกฯ ว่า นอกจากต้องเตรียมคำแก้ตัวในการถูกอภิปรายแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือขอให้เตรียมคำกล่าวขอโทษ และคำอำลาพี่น้องประชาชนเอาไว้ด้วยเลย เพราะเมื่อการอภิปรายได้เสร็จสิ้นลง เกียรติยศของตัวนายกฯ สืบทอดอำนาจก็จะหมดสิ้นลงด้วย จะเป็นเหตุให้ไม่กล้าที่จะอยู่เผชิญหน้ากับพี่น้องประชาชนได้อีกต่อไป
JJNY : สุทินจัดหนัก อภิปรายไม่ไว้วางใจ/เสธ.แมวเย้ยประยุทธ์แค่ทองชุบ/3พรรคเล็กยันไม่หนุนรมต.มีแผล/สายตรงบิ๊กแดงเงียบเหงา
https://www.thairath.co.th/news/politic/1777651
วันที่ 22 ก.พ. นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้เกิดขึ้นใน 3 ระดับ ได้แก่ ขั้นแรกคือเปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ ขั้นที่สองคือ การเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรี หรือปรับคณะรัฐมนตรี และเป้าหมายขั้นสูงสุด คือ คาดหวังให้เปลี่ยนรัฐบาล และเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี
โดยบุคคลที่จะถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้านมากที่สุดคือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องจากบริหารบ้านเมืองไร้ประสิทธิภาพ ประชาชนเกิดความทุกข์ยาก ประเทศเจอภาวะวิกฤติหลายด้าน ทั้งสงครามการค้า ค่าเงินบาท การส่งออกชะลอตัว การรับมือกับไวรัสโควิด-19 และฝุ่น พีเอ็ม 2.5 ที่ไร้ประสิทธิภาพ และประชาชนลำบาก สะท้อนจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง โดยในปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเติบโต เพียงร้อยละ 2.4 ซึ่งถือว่า ต่ำสุดในรอบหลายปี และมีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะติดลบในปีนี้ เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว จึงเป็นเหตุผลให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีไม่ควรอยู่ต่อไป
“จบการอภิปรายในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะได้ฉายาคนบาปครองเมือง เพราะคนที่ยืนอยู่บนความลำบากของคนอื่น คุณก็จะได้รับเสียงสาปแช่ง และถ้าคุณยังทนเสียงสาปแช่งได้ก็คือ คนบาป ถ้าเป็นคณะก็คณะคนบาปครองเมือง” นายสุทิน กล่าว
ทั้งนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และเป็นครั้งแรกที่เป็นการอภิปรายฯ มีช่องทางแสดงความคิดเห็นที่หลากหลาย โดย ส.ส.มีหน้าที่โหวตในสภา ขณะที่ประชาชนสามารถโหวตนอกสภาผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศไทย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3623460
ในส่วนของยุทธการอรุณรุ่งของ กพศ.พรรคเพื่อไทยนั้น ขออุบรายชื่อผู้อภิปรายไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวผู้อภิปราย และให้เกิดความตื่นเต้นเมื่อไปถึงวันอภิปราย ส่วนบางรายชื่อที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ก็ขอให้อดใจรอกันสักนิด วันอภิปรายเราจะได้เห็นกัน
เมื่อถึงวันปฏิบัติการเช็กบิลอภิปรายไม่ไว้วางใจ 24 ก.พ.นี้แล้ว รับรองว่าพฤติการณ์ยอดแย่และการประพฤติมิชอบของนายกฯ สืบทอดอำนาจจะปรากฏต่อสายตาของพี่น้องประชาชน
โดยการอภิปรายของขุนพลพรรคร่วมฝ่ายค้าน และเมื่อนั้นเราจะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของนายกฯ คนนี้ว่า เขาเป็นแค่พวกทองชุบ มิใช่ทองแท้ สร้างแต่ความทุกข์ยากให้กับประชาชน ไม่สมควรที่จะเป็นผู้นำบริหารประเทศอีกต่อไป
จึงขอส่งสัญญาณไปถึงนายกฯ ว่า นอกจากต้องเตรียมคำแก้ตัวในการถูกอภิปรายแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือขอให้เตรียมคำกล่าวขอโทษ และคำอำลาพี่น้องประชาชนเอาไว้ด้วยเลย เพราะเมื่อการอภิปรายได้เสร็จสิ้นลง เกียรติยศของตัวนายกฯ สืบทอดอำนาจก็จะหมดสิ้นลงด้วย จะเป็นเหตุให้ไม่กล้าที่จะอยู่เผชิญหน้ากับพี่น้องประชาชนได้อีกต่อไป