"กรรมใด ๆ ก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพ พระสัมพุทโธ"
ที่มาของพระคาถานี้ว่ากันว่าที่สาวัตถี มีตายาย สองคนมีอาชีพหาปลาตลอดชีวิตไม่เคยทำความดีเลย
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยปรมาภิเษกสัมโพธิญาณว่าตากับยายคู่นี้เคยถวายสังฆทานแก่สมเด็จพระพุทธตัณหังกรมาก่อนแต่ ก็มีการยักยอกเงินในสมัยพระพุทธเมธังกร ผลกรรมเลยต้องตกเป็นคนทุกข์ยากหลายชาติ
พระองค์ห็นว่าสองตายายนี้จะต้องตายไปใน 7 วัน จึงควรจะสอนให้ภาวนาเพื่อไม่ให้ไปทางอบาย
รุ่งเช้าพระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปที่ตากับยายพักอาศัยพอไปถึงพระองค์ทรงแสดงพระฉัพพรรณรังสีจนตายายสองคนเลื่อมใสได้ห่อข้าวยาคู ใส่บาตร
พระองค์ทรงถามว่า อยากรวยไหมตากับยายก็บอกว่าอยากพระองค์บอกว่า ตถาคตจะให้คำภาวนาแล้วจะรวยตายายก็ดีใจ แต่ต้องนั่งบ่นภาวนาไปนะ ห้ามจับปลานะ ตายยายทั้งสองก็รับคำก็นั่งภาวนาคำที่พระพุทธเจ้าทรงให้ก็คือ
"พุทโธ กัมมัฏฐาโมกรรมมะจุติ สัมพุทโธ"
ตายายก็ภาวนา ผ่านไปสิ้น 7 วันทั้งสองก็ตายลงนายนิริยบาลมารับตัวไปแต่จิตที่ภาวนาไว้ก่อน ตายทำให้ดวงวิญญาณทั้งสองจิตจับที่คำภาวนา ภาวนาไปตลอดทางพอไปสำนักพระยายมราช
นายบัญชีก็อ่านความดีความเลวของดวงวิญญาณทั้งสอง และเรียกวิญญาณกุ้งปลาเต่าที่ตายายเคยฆ่ามาให้การ ปรากฏว่าไม่มีใครมา ก็มีเต่ามาบอกว่าเธอทั้งสองภาวนาคาถา นี้เป็นการแผ่เมตตาขออโหสิกรรมฉันไม่โกรธเธอหรอก อโหสิกรรมให้
แล้วเต่าก็ เดินจากไปพระยายมราชจึงเสด็จลงมาจากบัลลังก์ตรัสว่า ไม่มีเจ้าทุกข์ตายายใส่บาตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเกิดที่จาตุมหาราชิกได้
ตายายก็งงว่าตนได้ฆ่ากุ้งปลาเต่ามามากมายทำไมได้ไปสวรรค์ พระยายมราชบอกว่าก็พระที่พวกเจ้าเจอคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และคาถาที่ให้
"พุทโธ กัมมัฏฐาโม กรรมมะจุติ สัมพุทโธ" แปลว่ากรรมใด ๆ ก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพ พระสัมพุทโธ
นะสิ พวกโจทก์ก็เลยอโหสิกรรมหมด ท่านก็ว่าดวงจิตเจ้าทั้งสองผูกกับคำภาวนานี้ ผู้ถึงพระพุทโธเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานไม่อาจลงอบายภูมิได้ไปได้จตุมหาราชิกา ขึ้นไป
หลังจากนั้นพระโมคคัลานะได้ไปพบเทพบุตรเทพธิดา ทั้งสองนี้ จึงได้จดจำพระคาถานี้ไว้ตกทอดมายังพระครูใหญ่ วัดเมืองพิจิตรอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตและหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานอีกทีได้เรียนกันจำสืบมา
กรรมใด ๆ ก็ขอให้อโหสิกรรม
ที่มาของพระคาถานี้ว่ากันว่าที่สาวัตถี มีตายาย สองคนมีอาชีพหาปลาตลอดชีวิตไม่เคยทำความดีเลย
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยปรมาภิเษกสัมโพธิญาณว่าตากับยายคู่นี้เคยถวายสังฆทานแก่สมเด็จพระพุทธตัณหังกรมาก่อนแต่ ก็มีการยักยอกเงินในสมัยพระพุทธเมธังกร ผลกรรมเลยต้องตกเป็นคนทุกข์ยากหลายชาติ
พระองค์ห็นว่าสองตายายนี้จะต้องตายไปใน 7 วัน จึงควรจะสอนให้ภาวนาเพื่อไม่ให้ไปทางอบาย
รุ่งเช้าพระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปที่ตากับยายพักอาศัยพอไปถึงพระองค์ทรงแสดงพระฉัพพรรณรังสีจนตายายสองคนเลื่อมใสได้ห่อข้าวยาคู ใส่บาตร
พระองค์ทรงถามว่า อยากรวยไหมตากับยายก็บอกว่าอยากพระองค์บอกว่า ตถาคตจะให้คำภาวนาแล้วจะรวยตายายก็ดีใจ แต่ต้องนั่งบ่นภาวนาไปนะ ห้ามจับปลานะ ตายยายทั้งสองก็รับคำก็นั่งภาวนาคำที่พระพุทธเจ้าทรงให้ก็คือ
"พุทโธ กัมมัฏฐาโมกรรมมะจุติ สัมพุทโธ"
ตายายก็ภาวนา ผ่านไปสิ้น 7 วันทั้งสองก็ตายลงนายนิริยบาลมารับตัวไปแต่จิตที่ภาวนาไว้ก่อน ตายทำให้ดวงวิญญาณทั้งสองจิตจับที่คำภาวนา ภาวนาไปตลอดทางพอไปสำนักพระยายมราช
นายบัญชีก็อ่านความดีความเลวของดวงวิญญาณทั้งสอง และเรียกวิญญาณกุ้งปลาเต่าที่ตายายเคยฆ่ามาให้การ ปรากฏว่าไม่มีใครมา ก็มีเต่ามาบอกว่าเธอทั้งสองภาวนาคาถา นี้เป็นการแผ่เมตตาขออโหสิกรรมฉันไม่โกรธเธอหรอก อโหสิกรรมให้
แล้วเต่าก็ เดินจากไปพระยายมราชจึงเสด็จลงมาจากบัลลังก์ตรัสว่า ไม่มีเจ้าทุกข์ตายายใส่บาตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเกิดที่จาตุมหาราชิกได้
ตายายก็งงว่าตนได้ฆ่ากุ้งปลาเต่ามามากมายทำไมได้ไปสวรรค์ พระยายมราชบอกว่าก็พระที่พวกเจ้าเจอคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และคาถาที่ให้
"พุทโธ กัมมัฏฐาโม กรรมมะจุติ สัมพุทโธ" แปลว่ากรรมใด ๆ ก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพ พระสัมพุทโธ
นะสิ พวกโจทก์ก็เลยอโหสิกรรมหมด ท่านก็ว่าดวงจิตเจ้าทั้งสองผูกกับคำภาวนานี้ ผู้ถึงพระพุทโธเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานไม่อาจลงอบายภูมิได้ไปได้จตุมหาราชิกา ขึ้นไป
หลังจากนั้นพระโมคคัลานะได้ไปพบเทพบุตรเทพธิดา ทั้งสองนี้ จึงได้จดจำพระคาถานี้ไว้ตกทอดมายังพระครูใหญ่ วัดเมืองพิจิตรอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตและหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานอีกทีได้เรียนกันจำสืบมา