เทคโนโลยี 5G ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นนี้ ก็จัดว่ายังเป็นเทคโนโลยีสื่อสารที่ใหม่มากๆอยู่ จะให้ประเทศนี้มี 5G ซักปี 64 ก็ไม่ถือว่าช้าเกินไป และคงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมพอดีสำหรับประเทศเรา
ประเทศที่ทำโครงข่าย 5G กันจริงๆตั้งแต่ช่วงเวลานี้ ก็เป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อย่างเกาหลี จีน สหรัฐฯ ประเทศอื่นนอกจากที่กล่าวมาก็ไม่เห็นใครเร่งทำ 5G กันหนักหนาเหมือนบ้านเรา บ้านเรานี่รีบให้มีการประมูล 5G เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ไม่รู้ทำไมต้องรีบขนาดนั้น นี่ไม่ได้บอกว่ามี 5G เร็ว เป็นเรื่องไม่ดีนะ การที่บ้านเรามี 5G เร็วเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องมี 5G ในช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย รอหมดสัมปทานไทยคมปีหน้าก่อนก็ได้ เพื่อนำคลื่น 3500 mhz มาประมูลพร้อม 2600 ที่ยังจัดการได้ยังไม่เรียบร้อยในตอนนี้ก็ยังได้
ถ้าหากปีหน้ามีคลื่น 2600 และ 3500 mhz รวมกัน 490 mhz ก็จะทำให้มีคลื่นเพียงพอสำหรับทุกเจ้า คือ 3 เดิมและcat-tot ที่ควบรวมแล้ว รวมเป็น 4 เจ้า ลงตัวสำหรับทุกค่ายพอดี เช่น
ค่ายที่ 1 มีคลื่น 3400 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 2 มีคลื่น 3500 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 3 มีคลื่น 3600 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 4 มีคลื่น 2600 กว้าง 100 mhz
ปี 63 ประมูลแค่คลื่น 700 mhz และคลื่น 26 Ghz ก็น่าจะพอแล้ว คลื่น 700 สำหรับ cat-tot ส่วนคลื่น 26 Ghz สำหรับ 3 ค่ายเดิมและก็คงมีคลื่นเหลือพอให้ cat-tot ด้วย ส่วนคลื่น 2600,3500 mhz ค่อยประมูลช่วงต้นปีหน้าก็ได้ เพราะยิ่งประมูลทีเดียวเยอะๆก็ยิ่งเป็นภาระให้ค่ายต่างๆต้องระดมเงินมาจ่ายค่าคลื่นหลายๆคลื่นในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้ง 2600 mhz,26 Ghz ต้องระดมเงินมาจ่ายในช่วงเวลาเดียวกัน สู้แยกประมูลเพื่อให้จ่ายในช่วงเวลาที่ห่างกันประมาณนึง เพื่อจะได้ไม่มีภาระการจ่ายเงินหนักจนเกินไปและมีความคล่องตัวในการจ่ายเงินมากขึ้น และมีคลื่นที่เพียงพอทั้ง 4 ค่าย ไม่ต้องแข่งกันดันราคาจนราคาคลื่นสูง ทำให้ต้นทุนการวางโครงข่าย 5G ต้องเพิ่มขึ้นไปอีก และจะส่งผลให้การวางโครงข่าย 5G ของแต่ละค่ายทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และเครื่องที่รองรับ 5G mmwave แล้วตอนนี้ ก็เป็น sumsung s10 5G ต่อไปก็เป็น s11 แถมเครื่อง 5G ที่เป็น snap 765 ที่จะมาเร็วๆนี้ และเครื่องที่รองรับชิป mediatek ในครึ่งหลังของปีนี้ ก็เป็นเครื่องที่รองรับ mmwave ได้ เพราะฉะนั้นเครื่องที่รองรับ 5G mmwave ต่อไปก็คงหาไม่ยากหรอก ที่บอกกันว่า เครื่องที่รองรับ 5G 2600 มีเยอะกว่า แต่จริงๆดูไปก็ยังไม่เยอะ และราคาแพงมากด้วย ดูจากเหตุการณ์จำนวนเครื่องที่รองรับ 5G 2600 ก็คงไม่หนีจากเครื่อง 5G ที่รองรับ mmwave ซักเท่าไร ที่สำคัญคลื่น 2600 ตอนนี้ก็ยังใช้ได้เป็นแค่บางจังหวัด
การได้คลื่น 2600 มาขยายโครงข่ายก่อนคลื่น 26 Ghz หรือ จะได้ 26 Ghz มาขยายโครงข่ายก่อนคลื่น 2600 ดูๆไปแล้ว ก็ไม่ได้มีผลแตกต่างอะไรกันมาก เพราะต้องลงทุนจำนวนมากและใช้เวลาขยายโครงข่ายหลายปีกว่าที่คลื่นใดคลื่นหนึ่งจะเกิดความครอบคลุมหลายๆพื้นที่และคงใช้ได้เฉพาะเขตเมือง พื้นที่คนหนาแน่นด้วยกันทั้งคู่
อีกคลื่นหนึ่งที่ควรจะปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การประมูล ถ้าไม่ทำคงขายไม่ออกเป็นอีก 10 กว่าปี นั่นก็คือ คลื่น 1800 ที่ตั้งราคาไม่สอดคล้องกับความต้องการทางการตลาด คงเป็นเพียงเพราะว่า ค่ายเดิมๆกลัวต้นทุนอีกค่ายที่ประมูลทีหลังจะถูกกว่า ซึ่งตอนนี้ถ้าให้กลับไปตั้งราคาการประมูลตามความจริงทางการตลาด ก็คงไม่มีค่ายใหญ่ๆเอาอยู่ดี เพราะโฟกัสไปกับการประมูลและการลงทุนคลื่น 5G อย่าง 2600,3500,26 Ghz มากกว่า ซึ่งก็น่าจะตั้งราคาประมูลใหม่ได้ง่าย เพื่อเปิดโอกาสให้ cat-tot มาซื้อไปใช้บริการ เช่น คลื่น 1800 ขายซัก 10 mhz ในราคา 10,000 ล้าน หรือต่ำกว่านี้เล็กน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ขายได้มากขึ้น ไม่งั้นคงรอไปอีก 13 ปี หรือปี 76 ถึงจะขายได้อีกครั้ง
อีกเรื่องที่อ่านมา มีสื่อบางแห่งบอกว่า ถ้าขยาย 5G ได้ไม่ครอบคลุม ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน
"ระบบ 5G ของจีนยังมีปัญหาความเสถียรของคลื่น เพราะ เครือข่ายไม่ถี่พอ เช่นเดียวกับ 5G ของโวดาโฟนในกรุงลอนดอน คือ มีจุดบอดของคลื่น เพราะ เครือข่ายไม่ถี่พอ ความเร็วของโทรศัพท์ 5G ที่ระบุไว้คือ 500 Mbps ถ้าอยู่ใกล้จุดเสาสัญญาณก็สามารถดาวน์โหลดได้เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า แต่ถ้าไปอยู่ในมุมอับ ความเร็วก็จะลดลง เหมือน 4 G ที่เป็นอยู่ในเมืองไทยปัจจุบัน
นี่คือ จุดอ่อนของระบบ 5G ที่เกิดขึ้นแล้ว ผมขอฝาก กสทช. ให้บรรจุไว้ในเงื่อนไขสัญญา ผู้ให้บริการ 5G ต้องติดตั้งเครือข่ายสัญญาณให้เพียงพอที่จะทำให้คลื่นมีความเสถียรจริง มิฉะนั้นก็ถือว่าเอาเปรียบประชาชน"
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1735666
คนไม่ได้ลงทุนสร้างโครงข่ายเองก็พูดได้อ่ะนะ ไม่รู้ว่าคลื่นสั้นคลื่นยาวใน 5G เป็นไงบ้าง
แต่ของไทย สัญญาณ 5G ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่อยู่หรอก เพราะมีคลื่น 700 อยู่ แต่จะไปหวังความเร็วระดับ Gbps ทุกพื้นที่คงยาก คลื่น 2600,3500,26 Ghz ส่งได้ระยะสั้นทั้งนั้น ความเร็วระดับ Gbps คงได้เฉพาะเขตพื้นที่คนหนาแน่น ที่โล่งแจ้งนั่นแหละ และได้สัญญาณเป็นหย่อมๆไปเหมือนประเทศชั้นนำนั่นแหละ
สรุปว่าปี 63 นี้ประมูลกันแค่ 700,1800,26 Ghz คงพอ ที่เหลือ 2600,3500 ไว้ปีหน้าจะดีกว่า
แต่ในความจริงแล้ว อยากให้ประมูลทั้ง 2600,3500,26 Ghz ในช่วงปี 64 ทั้งหมดเลย ในปีนี้ 3 ค่ายและ cat-tot หากได้คลื่น 700 ทุกค่ายก็ต้องใช้เงินลงทุนโครงข่าย 5G 700 อยู่ดี จะให้ขยายโครงข่ายคลื่นไหนก็ตาม ก็ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากด้วยกันทั้งนั้น แต่เห็นข่าวภาครัฐอยากให้ประมูลกันจัง
ซึ่งถ้าอยากให้ประมูลเร็ว จากความเห็นส่วนตัวก็ว่า คลื่น 26 Ghz น่าจะคุ้มค่ากว่า
และเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึง คือ การออกกฎหมายให้ค่ายต่างๆสามารถนำอุปกรณ์ 5G ไปติดตามเสาไฟฟ้าได้โดยสะดวก ถ้ามีเงื่อนไขนี้ก็น่าประมูลมากขึ้น
ที่มา นโยบาย 5G เรื่องที่ 4 การติดตั้งเสาสัญญาณตามจุดต่างๆ ของคุณรีวิน
https://www.matichon.co.th/economy/news_1731837
ซึ่งถ้าได้ตามนี้ การขยาย 5G ของค่ายต่างไปก็จะมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
ทำไมประมูล 5G ถึงไม่รอให้ cat-tot รวมให้เสร็จก่อนแล้วมาประมูล และการขยาย 5G ไม่ครอบคลุมถือว่าเอาเปรียบมั้ย
ประเทศที่ทำโครงข่าย 5G กันจริงๆตั้งแต่ช่วงเวลานี้ ก็เป็นประเทศที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อย่างเกาหลี จีน สหรัฐฯ ประเทศอื่นนอกจากที่กล่าวมาก็ไม่เห็นใครเร่งทำ 5G กันหนักหนาเหมือนบ้านเรา บ้านเรานี่รีบให้มีการประมูล 5G เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ไม่รู้ทำไมต้องรีบขนาดนั้น นี่ไม่ได้บอกว่ามี 5G เร็ว เป็นเรื่องไม่ดีนะ การที่บ้านเรามี 5G เร็วเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องมี 5G ในช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย รอหมดสัมปทานไทยคมปีหน้าก่อนก็ได้ เพื่อนำคลื่น 3500 mhz มาประมูลพร้อม 2600 ที่ยังจัดการได้ยังไม่เรียบร้อยในตอนนี้ก็ยังได้
ถ้าหากปีหน้ามีคลื่น 2600 และ 3500 mhz รวมกัน 490 mhz ก็จะทำให้มีคลื่นเพียงพอสำหรับทุกเจ้า คือ 3 เดิมและcat-tot ที่ควบรวมแล้ว รวมเป็น 4 เจ้า ลงตัวสำหรับทุกค่ายพอดี เช่น
ค่ายที่ 1 มีคลื่น 3400 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 2 มีคลื่น 3500 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 3 มีคลื่น 3600 กว้าง 100 mhz
ค่ายที่ 4 มีคลื่น 2600 กว้าง 100 mhz
ปี 63 ประมูลแค่คลื่น 700 mhz และคลื่น 26 Ghz ก็น่าจะพอแล้ว คลื่น 700 สำหรับ cat-tot ส่วนคลื่น 26 Ghz สำหรับ 3 ค่ายเดิมและก็คงมีคลื่นเหลือพอให้ cat-tot ด้วย ส่วนคลื่น 2600,3500 mhz ค่อยประมูลช่วงต้นปีหน้าก็ได้ เพราะยิ่งประมูลทีเดียวเยอะๆก็ยิ่งเป็นภาระให้ค่ายต่างๆต้องระดมเงินมาจ่ายค่าคลื่นหลายๆคลื่นในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้ง 2600 mhz,26 Ghz ต้องระดมเงินมาจ่ายในช่วงเวลาเดียวกัน สู้แยกประมูลเพื่อให้จ่ายในช่วงเวลาที่ห่างกันประมาณนึง เพื่อจะได้ไม่มีภาระการจ่ายเงินหนักจนเกินไปและมีความคล่องตัวในการจ่ายเงินมากขึ้น และมีคลื่นที่เพียงพอทั้ง 4 ค่าย ไม่ต้องแข่งกันดันราคาจนราคาคลื่นสูง ทำให้ต้นทุนการวางโครงข่าย 5G ต้องเพิ่มขึ้นไปอีก และจะส่งผลให้การวางโครงข่าย 5G ของแต่ละค่ายทำได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และเครื่องที่รองรับ 5G mmwave แล้วตอนนี้ ก็เป็น sumsung s10 5G ต่อไปก็เป็น s11 แถมเครื่อง 5G ที่เป็น snap 765 ที่จะมาเร็วๆนี้ และเครื่องที่รองรับชิป mediatek ในครึ่งหลังของปีนี้ ก็เป็นเครื่องที่รองรับ mmwave ได้ เพราะฉะนั้นเครื่องที่รองรับ 5G mmwave ต่อไปก็คงหาไม่ยากหรอก ที่บอกกันว่า เครื่องที่รองรับ 5G 2600 มีเยอะกว่า แต่จริงๆดูไปก็ยังไม่เยอะ และราคาแพงมากด้วย ดูจากเหตุการณ์จำนวนเครื่องที่รองรับ 5G 2600 ก็คงไม่หนีจากเครื่อง 5G ที่รองรับ mmwave ซักเท่าไร ที่สำคัญคลื่น 2600 ตอนนี้ก็ยังใช้ได้เป็นแค่บางจังหวัด
การได้คลื่น 2600 มาขยายโครงข่ายก่อนคลื่น 26 Ghz หรือ จะได้ 26 Ghz มาขยายโครงข่ายก่อนคลื่น 2600 ดูๆไปแล้ว ก็ไม่ได้มีผลแตกต่างอะไรกันมาก เพราะต้องลงทุนจำนวนมากและใช้เวลาขยายโครงข่ายหลายปีกว่าที่คลื่นใดคลื่นหนึ่งจะเกิดความครอบคลุมหลายๆพื้นที่และคงใช้ได้เฉพาะเขตเมือง พื้นที่คนหนาแน่นด้วยกันทั้งคู่
อีกคลื่นหนึ่งที่ควรจะปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การประมูล ถ้าไม่ทำคงขายไม่ออกเป็นอีก 10 กว่าปี นั่นก็คือ คลื่น 1800 ที่ตั้งราคาไม่สอดคล้องกับความต้องการทางการตลาด คงเป็นเพียงเพราะว่า ค่ายเดิมๆกลัวต้นทุนอีกค่ายที่ประมูลทีหลังจะถูกกว่า ซึ่งตอนนี้ถ้าให้กลับไปตั้งราคาการประมูลตามความจริงทางการตลาด ก็คงไม่มีค่ายใหญ่ๆเอาอยู่ดี เพราะโฟกัสไปกับการประมูลและการลงทุนคลื่น 5G อย่าง 2600,3500,26 Ghz มากกว่า ซึ่งก็น่าจะตั้งราคาประมูลใหม่ได้ง่าย เพื่อเปิดโอกาสให้ cat-tot มาซื้อไปใช้บริการ เช่น คลื่น 1800 ขายซัก 10 mhz ในราคา 10,000 ล้าน หรือต่ำกว่านี้เล็กน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ขายได้มากขึ้น ไม่งั้นคงรอไปอีก 13 ปี หรือปี 76 ถึงจะขายได้อีกครั้ง
อีกเรื่องที่อ่านมา มีสื่อบางแห่งบอกว่า ถ้าขยาย 5G ได้ไม่ครอบคลุม ถือเป็นการเอาเปรียบประชาชน
"ระบบ 5G ของจีนยังมีปัญหาความเสถียรของคลื่น เพราะ เครือข่ายไม่ถี่พอ เช่นเดียวกับ 5G ของโวดาโฟนในกรุงลอนดอน คือ มีจุดบอดของคลื่น เพราะ เครือข่ายไม่ถี่พอ ความเร็วของโทรศัพท์ 5G ที่ระบุไว้คือ 500 Mbps ถ้าอยู่ใกล้จุดเสาสัญญาณก็สามารถดาวน์โหลดได้เร็วกว่า 4G ถึง 20 เท่า แต่ถ้าไปอยู่ในมุมอับ ความเร็วก็จะลดลง เหมือน 4 G ที่เป็นอยู่ในเมืองไทยปัจจุบัน
นี่คือ จุดอ่อนของระบบ 5G ที่เกิดขึ้นแล้ว ผมขอฝาก กสทช. ให้บรรจุไว้ในเงื่อนไขสัญญา ผู้ให้บริการ 5G ต้องติดตั้งเครือข่ายสัญญาณให้เพียงพอที่จะทำให้คลื่นมีความเสถียรจริง มิฉะนั้นก็ถือว่าเอาเปรียบประชาชน"
https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1735666
คนไม่ได้ลงทุนสร้างโครงข่ายเองก็พูดได้อ่ะนะ ไม่รู้ว่าคลื่นสั้นคลื่นยาวใน 5G เป็นไงบ้าง
แต่ของไทย สัญญาณ 5G ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่อยู่หรอก เพราะมีคลื่น 700 อยู่ แต่จะไปหวังความเร็วระดับ Gbps ทุกพื้นที่คงยาก คลื่น 2600,3500,26 Ghz ส่งได้ระยะสั้นทั้งนั้น ความเร็วระดับ Gbps คงได้เฉพาะเขตพื้นที่คนหนาแน่น ที่โล่งแจ้งนั่นแหละ และได้สัญญาณเป็นหย่อมๆไปเหมือนประเทศชั้นนำนั่นแหละ
สรุปว่าปี 63 นี้ประมูลกันแค่ 700,1800,26 Ghz คงพอ ที่เหลือ 2600,3500 ไว้ปีหน้าจะดีกว่า
แต่ในความจริงแล้ว อยากให้ประมูลทั้ง 2600,3500,26 Ghz ในช่วงปี 64 ทั้งหมดเลย ในปีนี้ 3 ค่ายและ cat-tot หากได้คลื่น 700 ทุกค่ายก็ต้องใช้เงินลงทุนโครงข่าย 5G 700 อยู่ดี จะให้ขยายโครงข่ายคลื่นไหนก็ตาม ก็ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากด้วยกันทั้งนั้น แต่เห็นข่าวภาครัฐอยากให้ประมูลกันจัง
ซึ่งถ้าอยากให้ประมูลเร็ว จากความเห็นส่วนตัวก็ว่า คลื่น 26 Ghz น่าจะคุ้มค่ากว่า
และเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึง คือ การออกกฎหมายให้ค่ายต่างๆสามารถนำอุปกรณ์ 5G ไปติดตามเสาไฟฟ้าได้โดยสะดวก ถ้ามีเงื่อนไขนี้ก็น่าประมูลมากขึ้น
ที่มา นโยบาย 5G เรื่องที่ 4 การติดตั้งเสาสัญญาณตามจุดต่างๆ ของคุณรีวิน
https://www.matichon.co.th/economy/news_1731837
ซึ่งถ้าได้ตามนี้ การขยาย 5G ของค่ายต่างไปก็จะมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว