NT เสือนอนกินตัวเดิม แต่ที่เปลี่ยนไป คือ อ้วน และต้วมเตียมกว่าเดิม

กว่า 1 ปี ที่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ - NT ที่เป็นการควบรวมของ 2 รัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมเมืองไทยเข้าด้วยกัน อย่าง บมจ.กสท โทรคมนาคม - CAT และ บมจ. ทีโอที - TOT เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 ตามมติคณะรัฐมนตรี และจดทะเบียนอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564

CAT + TOT = NT


National Telecom Public Company Limited หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) เรียกได้ว่าเป็น "รัฐวิสาหกิจไทย" ที่เป็นการควบรวมครั้งใหญ่ภายใต้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีการให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการลดความซ้ำซ้อนการลงทุนของภาครัฐ และเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน 

นำมาซึ่งการควบรวมกันของ 2 รัฐวิสาหกิจไทย กลายเป็นบริษัทใหม่ภายใต้การบริหารจัดการโดย บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ที่รับโอนกิจการ สิทธิ์ หนี้สิน ความรับผิดชอบ และสินทรัพย์ของทั้ง 2 รัฐวิสาหกิจเดิมทั้ง CAT และ TOT มาทั้งหมด ทำให้ NT มีทรัพย์สินมากกว่า 3 แสนล้านบาท ทั้งเสาโทรคมนาคม คลื่นความถี่ โครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ไฟเบอร์ออฟติก ไฟเบอร์ใยแก้วนำแสงใต้น้ำ (เคเบิ้ลใต้น้ำ) ท่อร้อยสายใต้ดิน ดาวเทียม และ Data Center

ความพร้อมของ NT เรียกได้ว่า หากทำธุรกิจเองสามารถแข่งขันกับบริษัทเอกชนทั้งใน และนอกประเทศได้อย่างสบาย ในประเทศต่อให้ AIS True และ dtac ควบรวมกันก็สามารถสู้กันได้อย่างสูสี เพราะ ...

NT มีคลื่นโทรศัพท์ที่พร้อมเปิดให้บริการ โดยเฉพาะ คลื่น 5G (Cat - 700 MHz จำนวน 2 Lots ขนาด 20 MHz และ TOT คลื่น 26 GHz จำนวน 4 Lots ขนาด 400 MHz ที่พร้อมจะเปิดให้บริการ 5G เพื่อแข่งขันกับเอกชนได้แล้ว

แต่ผ่านการควบรวมมากว่า 1 ปี ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่อย่าง NT เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่มีชัดเจนเลย นอกจากชื่อ และโลโก้  ตามสไตล์รัฐวิสาหกิจไทย ด้วยการทำงานที่ช้า และอุ้ยอ้ายเหมือนเดิม

การทำงานก็ตามสไตล์เดิม คือ ไม่คิดจะทำธุรกิจเอง แต่จะขายคลื่นความถี่ไปให้เอกชนจัดการเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หรือหารายได้ด้วยการฟ้องร้องเอกชนว่าผิดเงื่อนไขสัญญา เป็นต้น แทนที่รัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การบริหาร และจัดการของรัฐบาลจะเข้ามาทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และการติดต่อสื่อสาร

กลับยังคงทำงานตามสไตล์เดิมๆ คือ "เสือนอนกิน" ไม่คิดจะขยายธุรกิจให้มั่นคง และแข็งแรง ไม่เป็นดังหวังของคนไทย ที่ "เสือ + เสือ จะกลายเป็น พญาเสือ"  

สุดท้าย คนไทยก็ได้เสือตัวเดิม ที่เปลี่ยนไป ... คือ ... เสือตัวใหญ่ขึ้นกับพนักงาน 17,000 คน กินจุกว่าเดิม (มูลค่าทรัพย์สินกว่า 3 แสนล้าน) และไม่ต้องออกหากินเองอีกเช่นเคย (ให้เอกชนทำธุรกิจ และเอาเงินมาจ่ายให้) ตามสไตล์  

แถม NT เป็นเหมือนม้านอกสายตาของทั้งนักวิชาการ และกสทช. จากการเสวนา  “ดีล True – Dtac ต้องโปร่งใส กสทช. ต้องรับฟังผู้บริโภค” ของสมาคมองค์กรผู้บริโภค 

ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช.  บอกว่า 
"NT ก็เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ แต่ส่วนแบ่งตลาดไม่ถึงร้อยละ 5 ในรายงานการศึกษาบอกว่า ถ้าส่วนแบ่งตลาดไม่ถึงร้อยละ 5 ให้ตัดออกจากการศึกษา ถือว่าไม่มีนัยยะสำคัญต่อการแข่งขัน"

จะเห็นได้ว่า การควบรวมของ 2 รัฐวิสาหกิจไทยในครั้งนี้ เรียกได้ว่า แทบจะทำให้รัฐไม่ได้ประโยชน์อะไร คนไทยก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร นอกจาก 2 รัฐวิสาหกิจภายใต้ชื่อใหม่เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ไปอีกหลายปี

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐบาลควรจะเลิกสนับสนุนทั้งเงิน และทรัพยากร ให้กับรัฐวิสาหกิจที่ไม่คิดจะพึ่งพาตนเอง หวังแต่จะพึ่งพาเงินช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเงินภาษีของคนไทยทั้งประเทศกับรัฐวิสาหกิจเหล่านี้สักที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่