ผลการประมูล5G ก็จบไปตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทุกค่ายที่เข้าประมูลก็ได้คลื่นไปทำ 5G ด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่ทำให้ใครหลายคนประหลาดใจคือ ผู้ประกอบการรายใหญ่อย่าง dtac ประมูล 26 Ghz มาแค่ 2 ใบอนุญาต ได้คลื่นไป 200 mhz
หากจะถามว่าได้คลื่นมาน้อยไหม ก็ไม่ถือว่าน้อยนะ เป็นจำนวนคลื่นที่ได้มาตราฐาน 5G อยู่ เพราะตามมาตราฐานคือ คลื่นในช่วง mid band ให้มีความกว้าง 80-100 mhz ในช่วง high band ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า 100 mhz
นี่ได้ high band มา 200 mhz ก็ถือว่าได้มาตราฐานอยู่นะ จำนวนคลื่นขนาดนี้สามารถรองรับผู้ใช้บริการจำนวนมากได้สบายๆ แต่ถ้าหากนำไปเทียบกับค่ายอื่นที่เข้าประมูล 5G ด้วยกัน ก็ทำให้ dtac ดูอ่อนดูด้อยกว่าเขาล่ะ ถึงแม้ว่าคลื่นที่ได้มาจะรองรับผู้ใช้บริการจำนวนมากได้แบบสบายๆก็ตาม
และถ้ามีใครมาถามความเห็นส่วนตัวเรื่องนี้ ก็ขอตอบอีกอย่างนึงว่า ในแง่ marketing ดูน้อยดูด้อยไปจริงล่ะ นี่ยังคิดว่า dtac น่าได้คลื่น 26 Ghz ซัก 4 ใบ ถ้าได้อย่างนี้คงสร้างความเชื่อมั่นหรือได้ใจลูกค้าในแง่ marketing มากกว่าเดิมพอสมควร
แต่หากพูดถึงในแง่การใช้งานจริง จำนวนคลื่น 200 mhz ถือว่าทำให้เกิดความเร็วในการใช้งานที่เกินความต้องการอยู่แล้ว อนาคตค่อยประมูลคลื่น 3500 mhz ซึ่งเป็นคลื่นหลัก และถ้าหากมีคลื่น 28 หรือ 39 Ghz ออกมาให้ประมูลเหมือนบางประเทศ ก็น่าประมูลมาซัก 8 ใบอนุญาต จะได้มี high band ที่เร็วแรงหลุดโลก
คลื่น 3500 ที่จะหมดสัมปทาน ก.ย.64 เอามาประมูลช่วงปี 65 ก็ได้ เพราะเท่าที่ดูกระแส 5G ไม่ค่อยแรงเท่าไร
มีนักวิเคราะห์บางท่านบอกก่อนการประมูลว่า dtac น่าจะไปโรมมิ่ง 2600 กับ cat พอจบหลังประมูลก็บอกว่า dtac น่าจะไปโรมมิ่ง 2600 กับ ais
เมื่อมาพิจารณาเหตุผลเองแล้ว ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ dtac จะต้องไปโรมมิ่งกับใคร คลื่นก็ยังเหลือให้มีบริการอีกเยอะ ตลาด 5G ตอนนี้คนยังสนใจน้อยมาก ยังไม่คุ้มค่าที่จะโรมมิ่ง
ถ้าซัก 3 ปีขึ้นไป มีคนสนใจใช้ 5G กันเป็นจำนวนมาก เครื่องรองรับมีราคาถูก แล้ว dtac ยังขาดคลื่นทำ 5G ค่อยมาว่ากัน
มีหลายคนบอกว่าคลื่น high band อย่าง 26 Ghz ส่งสัญญาณได้ใกล้กว่าคลื่น mid band อย่าง 2600,3500 mhz ซึ่งจริงๆก็ใช่อยู่ แต่บางทีบางครั้งบางค่ายที่มีคลื่นสั้นกว่าก็สามารถขยายโครงข่ายคลื่นความถี่สูงที่ส่งสัญญาณได้สั้นให้ครอบคลุมเทียบเคียงกับโครงข่ายที่มีคลื่นความถี่ต่ำซึ่งส่งสัญญาณได้ไกล
ตอน 3G ก็มีค่ายที่ใช้คลื่น 2100 เอาชนะ 850 ได้
ตอน 4G ก็มีค่ายที่ขยายโครงข่าย 1800 ให้ครอบคลุมเทียบเคียงกับโครงข่าย 900 ได้
ก็รอดูไปว่า จะมีค่ายที่ขยายโครงข่าย 26 Ghz มาสู้หรือมาเทียบเคียงกับ 2600 mhz ได้มั้ย
จริงๆจะได้คลื่นมากหรือน้อยก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เอาคลื่นไปทำอะไร นำไปบริหารให้เกิดประโยชน์ได้ขนาดไหน
คลื่น 26 Ghz นี้ก็คงนำไปทำเน็ตบ้านไร้สายได้ ทำโครงข่าย 5G ตามห้างสรรพสินค้า,แหล่งชุมชนที่มีคนหนาแน่น,สถานที่สำคัญ อะไรประมาณนี้ได้
ถ้าทำโครงข่าย 5G 26 Ghz ให้มีคุณภาพดี ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆได้เร็ว ก็คงเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้มาก แล้ว dtac ก็จ่ายเงินน้อยกว่าค่ายอื่น น่าจะเอาเงินที่เก็บไว้อยู่มาเร่งลงทุนให้ 5G 26 Ghz ครอบคลุมในหลายๆพื้นที่ของประเทศได้เยอะ
อีกปัญหาหนึ่งของทาง dtac ก็คือยังไม่สามารถเปิดคลื่น 900 ได้ อย่างนี้อาจจะได้ขอศาลให้พิจารณาเยียวยา 850 ต่อไปอีกก็ได้ โดยชี้แจงต่อศาลว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรก็ว่ากันไป ซึ่งในความเป็นจริงถ้าหากไม่ดูแง่กฎหมายแล้ว จะเยียวยา 850 ไปอีก 3 ปี ก็คงทำได้ เพราะรถไฟความเร็วสูงถึงตอนนี้ ยังไม่ได้เริ่มก็สร้างเลย แต่ในแง่กฎหมายจะเยียวยาได้ขนาดไหนไม่รู้
หากเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็คงขอเยียวยาไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมได้มั้ง
ทางพัฒนาที่ดีที่สุดของ dtac ตอนนี้คือเร่งขยายโครงข่าย 2100 ให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 เสาทั่วประเทศยิ่งดี ช่วยในการลดการพึ่งพาคลื่นความถี่ต่ำ สามารถต่อยอด 5G mid band และ high band ได้ดี
บางทีการที่คิดว่า พื้นที่นั้นลูกค้าน้อย ไม่ตั้งเสาดีกว่า อาจเป็นความคิดที่ผิดก็ได้
ไม่ขยายเสาในพื้นที่ใหม่ ก็ไม่มีสิทธิ์แย่งลูกค้าใหม่ แถมกลุ่มลูกค้าที่ชอบสัญจรเดินทางก็ไม่เลือกใช้งานด้วย
ขยายเสาพื้นที่ใหม่ มีสิทธิ์แย่งลูกค้าใหม่ๆมา ลูกค้าในพื้นที่อื่นที่ชอบสัญจรเดินทาง ก็ขอเลือกใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้น เร่งขยายโครงข่าย 2100 ให้เยอะๆ น่าจะเป็นคำตอบการพัฒนาที่ดีที่สุด ต่อยอดไป 4G 2300 ต่อยอดไป 5G mid band,high band ได้สบาย
Dtac ประมูล 26 Ghz มาแค่ 2 ใบอนุญาต น้อยไปหรือเปล่า
หากจะถามว่าได้คลื่นมาน้อยไหม ก็ไม่ถือว่าน้อยนะ เป็นจำนวนคลื่นที่ได้มาตราฐาน 5G อยู่ เพราะตามมาตราฐานคือ คลื่นในช่วง mid band ให้มีความกว้าง 80-100 mhz ในช่วง high band ให้มีความกว้างไม่ต่ำกว่า 100 mhz
นี่ได้ high band มา 200 mhz ก็ถือว่าได้มาตราฐานอยู่นะ จำนวนคลื่นขนาดนี้สามารถรองรับผู้ใช้บริการจำนวนมากได้สบายๆ แต่ถ้าหากนำไปเทียบกับค่ายอื่นที่เข้าประมูล 5G ด้วยกัน ก็ทำให้ dtac ดูอ่อนดูด้อยกว่าเขาล่ะ ถึงแม้ว่าคลื่นที่ได้มาจะรองรับผู้ใช้บริการจำนวนมากได้แบบสบายๆก็ตาม
และถ้ามีใครมาถามความเห็นส่วนตัวเรื่องนี้ ก็ขอตอบอีกอย่างนึงว่า ในแง่ marketing ดูน้อยดูด้อยไปจริงล่ะ นี่ยังคิดว่า dtac น่าได้คลื่น 26 Ghz ซัก 4 ใบ ถ้าได้อย่างนี้คงสร้างความเชื่อมั่นหรือได้ใจลูกค้าในแง่ marketing มากกว่าเดิมพอสมควร
แต่หากพูดถึงในแง่การใช้งานจริง จำนวนคลื่น 200 mhz ถือว่าทำให้เกิดความเร็วในการใช้งานที่เกินความต้องการอยู่แล้ว อนาคตค่อยประมูลคลื่น 3500 mhz ซึ่งเป็นคลื่นหลัก และถ้าหากมีคลื่น 28 หรือ 39 Ghz ออกมาให้ประมูลเหมือนบางประเทศ ก็น่าประมูลมาซัก 8 ใบอนุญาต จะได้มี high band ที่เร็วแรงหลุดโลก
คลื่น 3500 ที่จะหมดสัมปทาน ก.ย.64 เอามาประมูลช่วงปี 65 ก็ได้ เพราะเท่าที่ดูกระแส 5G ไม่ค่อยแรงเท่าไร
มีนักวิเคราะห์บางท่านบอกก่อนการประมูลว่า dtac น่าจะไปโรมมิ่ง 2600 กับ cat พอจบหลังประมูลก็บอกว่า dtac น่าจะไปโรมมิ่ง 2600 กับ ais
เมื่อมาพิจารณาเหตุผลเองแล้ว ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ dtac จะต้องไปโรมมิ่งกับใคร คลื่นก็ยังเหลือให้มีบริการอีกเยอะ ตลาด 5G ตอนนี้คนยังสนใจน้อยมาก ยังไม่คุ้มค่าที่จะโรมมิ่ง
ถ้าซัก 3 ปีขึ้นไป มีคนสนใจใช้ 5G กันเป็นจำนวนมาก เครื่องรองรับมีราคาถูก แล้ว dtac ยังขาดคลื่นทำ 5G ค่อยมาว่ากัน
มีหลายคนบอกว่าคลื่น high band อย่าง 26 Ghz ส่งสัญญาณได้ใกล้กว่าคลื่น mid band อย่าง 2600,3500 mhz ซึ่งจริงๆก็ใช่อยู่ แต่บางทีบางครั้งบางค่ายที่มีคลื่นสั้นกว่าก็สามารถขยายโครงข่ายคลื่นความถี่สูงที่ส่งสัญญาณได้สั้นให้ครอบคลุมเทียบเคียงกับโครงข่ายที่มีคลื่นความถี่ต่ำซึ่งส่งสัญญาณได้ไกล
ตอน 3G ก็มีค่ายที่ใช้คลื่น 2100 เอาชนะ 850 ได้
ตอน 4G ก็มีค่ายที่ขยายโครงข่าย 1800 ให้ครอบคลุมเทียบเคียงกับโครงข่าย 900 ได้
ก็รอดูไปว่า จะมีค่ายที่ขยายโครงข่าย 26 Ghz มาสู้หรือมาเทียบเคียงกับ 2600 mhz ได้มั้ย
จริงๆจะได้คลื่นมากหรือน้อยก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า เอาคลื่นไปทำอะไร นำไปบริหารให้เกิดประโยชน์ได้ขนาดไหน
คลื่น 26 Ghz นี้ก็คงนำไปทำเน็ตบ้านไร้สายได้ ทำโครงข่าย 5G ตามห้างสรรพสินค้า,แหล่งชุมชนที่มีคนหนาแน่น,สถานที่สำคัญ อะไรประมาณนี้ได้
ถ้าทำโครงข่าย 5G 26 Ghz ให้มีคุณภาพดี ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆได้เร็ว ก็คงเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้มาก แล้ว dtac ก็จ่ายเงินน้อยกว่าค่ายอื่น น่าจะเอาเงินที่เก็บไว้อยู่มาเร่งลงทุนให้ 5G 26 Ghz ครอบคลุมในหลายๆพื้นที่ของประเทศได้เยอะ
อีกปัญหาหนึ่งของทาง dtac ก็คือยังไม่สามารถเปิดคลื่น 900 ได้ อย่างนี้อาจจะได้ขอศาลให้พิจารณาเยียวยา 850 ต่อไปอีกก็ได้ โดยชี้แจงต่อศาลว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรก็ว่ากันไป ซึ่งในความเป็นจริงถ้าหากไม่ดูแง่กฎหมายแล้ว จะเยียวยา 850 ไปอีก 3 ปี ก็คงทำได้ เพราะรถไฟความเร็วสูงถึงตอนนี้ ยังไม่ได้เริ่มก็สร้างเลย แต่ในแง่กฎหมายจะเยียวยาได้ขนาดไหนไม่รู้
หากเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็คงขอเยียวยาไปจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมได้มั้ง
ทางพัฒนาที่ดีที่สุดของ dtac ตอนนี้คือเร่งขยายโครงข่าย 2100 ให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 เสาทั่วประเทศยิ่งดี ช่วยในการลดการพึ่งพาคลื่นความถี่ต่ำ สามารถต่อยอด 5G mid band และ high band ได้ดี
บางทีการที่คิดว่า พื้นที่นั้นลูกค้าน้อย ไม่ตั้งเสาดีกว่า อาจเป็นความคิดที่ผิดก็ได้
ไม่ขยายเสาในพื้นที่ใหม่ ก็ไม่มีสิทธิ์แย่งลูกค้าใหม่ แถมกลุ่มลูกค้าที่ชอบสัญจรเดินทางก็ไม่เลือกใช้งานด้วย
ขยายเสาพื้นที่ใหม่ มีสิทธิ์แย่งลูกค้าใหม่ๆมา ลูกค้าในพื้นที่อื่นที่ชอบสัญจรเดินทาง ก็ขอเลือกใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย
เพราะฉะนั้น เร่งขยายโครงข่าย 2100 ให้เยอะๆ น่าจะเป็นคำตอบการพัฒนาที่ดีที่สุด ต่อยอดไป 4G 2300 ต่อยอดไป 5G mid band,high band ได้สบาย