“นิพิฏฐ์” สวน “จาตุรนต์” ตั้งธงแทรกแซงศาล ฉะไม่รักษาคำพูดที่พร้อมจะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลกรณียุบพรรค เตือนคนไทยอย่าลืมง่าย ตอกย้ำสังคมวุ่นไม่จบ คนแย่จ้องแก้กฎหมาย...
วันที่ 13 พ.ค. 2556 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่าจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยของประชาชน จึงจะเกิดความปรองดองได้ เพราะฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด แต่อีกฝ่ายทำอะไรกลับไม่มีความผิด และการแก้รัฐธรรนูญก็ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร น่าแปลกใจที่นายจาตุรนต์กล้าพูดเช่นนี้ เพราะกฎหมายที่นายจาตุรน์ว่าไม่เป็นธรรมนี้ก็คือ กฎหมายเดียวที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะเลือกตั้งคือ รัฐธรรมนูญปี 50 การที่บอกว่าฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด แต่อีกฝ่ายทำอะไรกลับไม่ผิดนั้น นายจาตุรนต์กำลังพูดถึงศาลฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นแนวทางการพูดต่อสังคม โดยอ้างคำว่า ประชาธิปไตยประชาชน และจะลงท้ายจบที่ศาล โดยเน้นความไม่เป็นธรรม แต่กลับไม่พูดต่อให้จบว่า บทสรุปจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็คือความพยายามแทรกแซงศาล เพื่อเข้าไปแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูง ศาลฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้ อำนาจตุลาการเป็นเพียงอำนาจเดียวที่ยืนขัดขวางการใช้อำนาจหรือขวางการทุจริตคอรัปชัน ที่บอกว่าทำอะไรก็ผิด ก็เพราะทำผิดกฎหมายจริง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า น่าสังเกตในหลายคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ชนะ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เคยพูดถึง เช่น คดีซุกหุ้นภาคหนึ่ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น พูดไว้หลังจากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดในฐานซุกหุ้นว่า “ศาลยุติธรรมแล้ว คนที่คิดคัดค้านอย่าคัดค้านเลย เพราะระบบเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่เห็นด้วยกับศาล อย่างทำอะไรวุ่นวายให้ระลึกว่า ท่านได้อะไรไปเยอะแล้ว” จึงขอให้ไปย้อนที่ตัวเองเคยพูด ส่วนตัวมองว่า นายจาตุรนต์ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่เลย จากอดีตที่เคยเป็นนักการเมืองน้ำดี มีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ เพราะหลังจากรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แล้วแพ้คดีถูกยุบพรรค นายจาตุนรต์ พฤติกรรมเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือ คือก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยว่า พูดว่าพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลทุกประการ แต่พอถูกศาลชี้ขาดเพราะทำผิด มีโทษยุบพรรค จากนั้นไม่ถึง 3 ชั่วโมง นายจาตุรนต์ก็มาแถลงที่พรรคว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ตนจึงอยากเตือนคนไทยว่าอย่าเป็นคนลืมง่าย ขี้สงสาร หรือรับข้อมูลแบบฟังๆ เล่าๆ กันมา แต่ขอให้จดจำ หมั่นให้ตรวจสอบความจริง โดยเฉพาะคำพูดของนักการเมือง
“บ้านเมืองที่สับสนวุ่นวายทุกวันนี้ เกิดจากการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารในสังคม จึงขอให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ต้องยอมรับกระบวนการตรวจสอบ และร่วมกันรักษาระบบโดยเฉพาะ ระบบตุลาการในกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะกฎหมายเขียนไว้ดีแล้ว แต่พฤติกรรมของคนต่างหาก พอไม่ได้ดั่งใจก็โทษกฎหมายว่าไม่เป็นธรรม หากเป็นเช่นนั้นก็ไร้หลักยึด เกิดความวุ่นวายไม่สิ้นสุด” นายนิพิฏฐ์ กล่าว.
'นิพิฏฐ์'อัด'จาตุรนต์' ตั้งธงแทรกแซงศาล (ข่าวเก่า)
วันที่ 13 พ.ค. 2556 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ระบุว่าจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยของประชาชน จึงจะเกิดความปรองดองได้ เพราะฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด แต่อีกฝ่ายทำอะไรกลับไม่มีความผิด และการแก้รัฐธรรนูญก็ไม่ได้ทำเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร น่าแปลกใจที่นายจาตุรนต์กล้าพูดเช่นนี้ เพราะกฎหมายที่นายจาตุรน์ว่าไม่เป็นธรรมนี้ก็คือ กฎหมายเดียวที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะเลือกตั้งคือ รัฐธรรมนูญปี 50 การที่บอกว่าฝ่ายหนึ่งทำอะไรก็ผิด แต่อีกฝ่ายทำอะไรกลับไม่ผิดนั้น นายจาตุรนต์กำลังพูดถึงศาลฎีกาหรือศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นแนวทางการพูดต่อสังคม โดยอ้างคำว่า ประชาธิปไตยประชาชน และจะลงท้ายจบที่ศาล โดยเน้นความไม่เป็นธรรม แต่กลับไม่พูดต่อให้จบว่า บทสรุปจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็คือความพยายามแทรกแซงศาล เพื่อเข้าไปแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูง ศาลฎีกา และศาลรัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้ อำนาจตุลาการเป็นเพียงอำนาจเดียวที่ยืนขัดขวางการใช้อำนาจหรือขวางการทุจริตคอรัปชัน ที่บอกว่าทำอะไรก็ผิด ก็เพราะทำผิดกฎหมายจริง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า น่าสังเกตในหลายคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ชนะ แต่คนเหล่านี้กลับไม่เคยพูดถึง เช่น คดีซุกหุ้นภาคหนึ่ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น พูดไว้หลังจากศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดในฐานซุกหุ้นว่า “ศาลยุติธรรมแล้ว คนที่คิดคัดค้านอย่าคัดค้านเลย เพราะระบบเป็นอย่างนี้ คนที่ไม่เห็นด้วยกับศาล อย่างทำอะไรวุ่นวายให้ระลึกว่า ท่านได้อะไรไปเยอะแล้ว” จึงขอให้ไปย้อนที่ตัวเองเคยพูด ส่วนตัวมองว่า นายจาตุรนต์ไม่มีความเป็นลูกผู้ชายหลงเหลืออยู่เลย จากอดีตที่เคยเป็นนักการเมืองน้ำดี มีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือ เพราะหลังจากรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แล้วแพ้คดีถูกยุบพรรค นายจาตุนรต์ พฤติกรรมเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือ คือก่อนที่ศาลจะวินิจฉัยว่า พูดว่าพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลทุกประการ แต่พอถูกศาลชี้ขาดเพราะทำผิด มีโทษยุบพรรค จากนั้นไม่ถึง 3 ชั่วโมง นายจาตุรนต์ก็มาแถลงที่พรรคว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล ตนจึงอยากเตือนคนไทยว่าอย่าเป็นคนลืมง่าย ขี้สงสาร หรือรับข้อมูลแบบฟังๆ เล่าๆ กันมา แต่ขอให้จดจำ หมั่นให้ตรวจสอบความจริง โดยเฉพาะคำพูดของนักการเมือง
“บ้านเมืองที่สับสนวุ่นวายทุกวันนี้ เกิดจากการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารในสังคม จึงขอให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ต้องยอมรับกระบวนการตรวจสอบ และร่วมกันรักษาระบบโดยเฉพาะ ระบบตุลาการในกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวาย เพราะกฎหมายเขียนไว้ดีแล้ว แต่พฤติกรรมของคนต่างหาก พอไม่ได้ดั่งใจก็โทษกฎหมายว่าไม่เป็นธรรม หากเป็นเช่นนั้นก็ไร้หลักยึด เกิดความวุ่นวายไม่สิ้นสุด” นายนิพิฏฐ์ กล่าว.