ไม่ได้เล่าเรื่องๆต่างในชีวิตมาเป็นเวลานานมากทั้งที่มีเรื่องราวมากมาย แต่บางครั้งต้องใช้สมาธิและสติในการเล่าเรื่อง(ประมาณว่ามีอารมณ์จะเล่าว่างั้นเถอะ)
💔🖤หลายวันที่ผ่านมาอาจหลายเดือนด้วยซ้ำไป ที่มีข่าวคนฆ่าตัวตายที่สรุปสาเหตุการตายนั้นคือ การป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
❤️เราในฐานะที่เป็นผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าคนหนึ่งที่ไม่เคยปกปิด
❤️เวลานี้เรายังไม่คิดฆ่าตัวตาย
❤️วันนี้ เวลานี้ เรายังคงมีความสุขในชีวิต
❤️และวันนี้เราอยากเห็นวันพรุ่งนี้
🖤💔ก่อนหน้านี้เราเคยไม่อยากมีวันพรุ่งนี้
อยากหลับแล้วไม่ขอตื่นมาได้จะดีมาก
🖤เราเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่อยากทำอะไร หรือไม่กล้าทำอะไร
🖤ความมั่นใจที่เคยมีมันหายไป เกิดความสับสนเข้ามาแทนที่
🖤เพราะก่อนหน้านี้เราเจอความกดดันบีบคั้นอย่างหนักหน่วงในเรื่องงาน
🖤เรามีความกังวลและความเครียดในการอยู่กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์
เราก็ผ่านมันมาได้ถึงวันนี้ จากชีวิตที่จมดิ่งลงไปในหลุมดำจนขึ้นมาไม่ได้ถึงแม้ว่าจะยอมรับและรู้ตัวตั้งแต่ต้น ว่าเรามีอาการของโรคซึมเศร้าแล้วก็ตามทั้งนี้เป็นเพราะเรายังมีสติที่รับรู้การเปลี่ยนไปของตัวเอง และทันทีที่มีความคิดว่า-ตายดีกว่ามั้ย- เท่านั้นแหละ เราก็รีบพุ่งตัวไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดก็ได้ยาต้านเศร้ามาทาน
ช่วงหนึ่งที่เรากินยาแต่เราก็ยังรู้สึกไม่ดี เพราะเราต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กดดันทุกๆวัน อยู่กับคนที่ไม่เคยเข้าใจคนที่ป่วยด้วยอาการซึมเศร้า
❌คำที่ได้ยินเสมอยามท้อแท้(ป่วย)ก็คือ
- อย่าไปคิดอะไรมาก
- อย่าเครียด
- สู้สู้นะ
- บลาๆ อื่นๆอีกมากมายมากมาย
- พีคสุดคือ "ไปพบจิตแพทย์แล้วได้ยามากินด้วย-ก็บ้าน่ะสิ"
🖤นี่คือคำปลอบใจของเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวสาธารณสุข🖤
ถ้าหากโลกนี้หรือคนรอบข้างเข้าใจ ใส่ใจ สังเกตุ คนใกล้ตัวบ้าง ว่าเขาเปลี่ยนไปจากคนเดิมๆ
💔จากคนชอบเฮฮาปาร์ตี้ก็ไม่อยากออกไปพบปะผู้คน
💔ชอบแต่งตัวดูแลตัวเองกลับกลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว
💔กว่าจะขุดตัวออกจากที่นอนมันยากเข็ญเหลือเกิน มันฝืนใจมากๆ
เราโชคดีที่แม้จะเกิดมาในครอบครัวเล็กๆและมีเวลานี้ก็มีครอบครัวเล็กๆคือเราและลูกสาวสองคนของเรา
เรามีเพื่อนที่น่ารักเพื่อนที่อยู่ไกลๆมากมายหลายคนเหลือเกิน เพื่อนนี่เราไม่นับอายุนะคะ เพื่อนลูกก็เป็นเพื่อนเรา
ทั้งครอบครัวทั้งเพื่อนคือผู้ที่ดึงเราขึ้นจากหลุมดำนั้น และเราก็ไม่เคยคิดต่อต้าน เราจึงขึ้นมาจากหลุมดำได้
❤️คนในครอบครัวนี่แหละสำคัญ ลูกเห็นเราแย่ลงมากๆหลังจาก🖤พ่อเราตาย🖤ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทั้งที่ก็ทานยาอย่างเคร่งครัดแถมยังมีอาการแพนิคเวลาที่จะต้องออกไปเจอผู้คน
‼️ลูกเราพยายามเสิร์ชข้อมูลจิตแพทย์ที่น่าจะเหมาะกับจริตเราแล้วลูกก็พาเราไปเจอจิตแพทย์ท่านนั้น ถือว่าเป็นจิตแพทย์ท่านที่สองนะคะ (ท่านแรกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด)
เราก็เล่าเรื่องราวประจำวันที่เราต้องเจอทุกวันให้คุณหมอฟัง รวมถึงโรคประจำตัวอื่นๆที่เราเป็น คือภูมิแพ้ ไมเกรนและโรคออฟฟิศซินโดรม ที่ปวดเมื่อยหลังและคอ จนกระดูกคอข้อ 3-4 เบียดชิดจนทำให้มือข้างซ้ายชาอยู่เสมอๆ ไปทำกายภาพด้วยการดึงคออาการก็ดีขึ้นไปนวดก็แค่บรรเทาสบายตอนนวดเท่านั้นแล้วเราก็เอายาเดิมที่รักษาจากโรงพยาบาลที่เคยรักษามาให้หมอดูด้วย
ความล้มเหลวในชีวิตคู่ ความกดดันลึกๆในการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่จะต้องเลี้ยงลูกให้เขาเป็นเด็กดีที่สุด อย่าให้พ่อเขามาตำหนิได้ว่าเราไปไม่รอด ทำลูกเขาเสียคน
แล้วยังประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์รุนแรงหวิดตายบ้างการสูญเสียคนที่รักบ้าง
การดูแลมารดาที่นอนติดเตียงร่วมปี เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของแม่ทุกๆคืน แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
การดูแลบิดาซึ่งเริ่มสมองเสื่อมลงไปเรื่อยๆ มันเหมือนสนุกสนานนะถ้าฟังพ่อกับแม่คุยกัน แม่ที่นอนติดเตียงเมื่อโดนขัดใจก็จะน้อยใจ ชวนพ่อกลับน่าน มาลองฟังเขาคุยกันค่ะ
💙แม่-- ตาๆไปซื้อตั๋วรถไฟหน่อยจะกลับบ้านที่น่านแล้ว ไม่อยู่แล้วที่นี่มีแต่คนใจดำ
💛พ่อ-- กุลีกุจอรีบสวมรองเท้า ขณะจะออกจากบ้าน นังลูกใจร้ายก็ถามว่า
🖤ลูก-- คุณพ่อคนหล่อจะไปไหนคะ
💛พ่อ-- ไปสถานีรถไฟ แม่บอกให้ไปซื้อตั๋วกลับน่าน
🖤ลูก-- พยักหน้าาไปทางแม่ที่นอนติดเตียง แล้วถามพ่อว่าจะเอาไปยังไง หืมมมมมมมมม
💙แม่-- เมื่อได้ยินดังนั้นก็เปล่งเสียงดังทันทีว่าก็ไปจ้างผู้ชายมาสักสองคนมาหามไป
อ่ะจร้าาาาาา ตอนนี้สติพ่อเริ่มมา กลับมานั่งหน้าเศร้ามองเมียรักด้วยความสงสาร
เรื่องตลกร้ายของพ่อกับแม่มีอีกมากมาย ทั้งคนต้องจ้างแนนนี่ดูแลใกล้ชิดเพราะเราก็ยังต้องออกไปทำมาหากิน
***อันนี้ฝากบอกคนที่คิดมีลูกคนเดียวนี่ ลองคิดใหม่ดูนะคะ คิดถึงตอนเราแก่ตัวลง เขาต้องดูแลพ่อแม่ ดูแลครอบครัวเขา ไหนจะต้องทำมาหากินอีก ลูกคนเดียวนี่รับเต็มๆ การดูแลผู้ใหญ่มันหนักกว่าดูแลเด็กมากมายก่ายกอง หลายกอง กองไว้บนพุง***
❤️❤️กลับมาคุยกับจิตแพทย์ท่านที่สองต่อนะคะ
การทำงานที่บางครั้งไม่ได้โชคดีไปเสียหมด ที่คิดว่าทำดีก็อาจไม่ดี ที่ไม่ดีก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เอาเป็นว่าทำอะไรก็ผิดไปหมด เป็นเรื่องไปหมด แม้แต่เรื่องเล็กๆแค่จิ๋มมดก็ผิดประหนึ่งฆ่าคนตาย คาดโทษไว้เสียมากมาย
เมื่อมาถึงทางตันที่สุดจนทนไหว ด้วยจิตใจถึงจุดที่อ่อนแอที่สุด ทางที่จะยืนหยัดต่อไปได้ก็คือ เฟดตัวเองออกจากสถานที่แห่งนั้น
🖤💔 หลังจากออกจากที่เดิมมาอยู่ที่ทำงานใหม่ แน่นอนที่สุดก็ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด ทั้งพ่อทั้งเรา การเดินทางเส้นใหม่ไปทำงาน มันก็สบายใจไปอีกแบบ กระนั้นก็ยังคงทานยาซึมเศร้าเหมือนเดิม พบแพทย์ตามนัดเสมอ
เมื่อเราเจอหัวหน้าคนใหม่ซึ่งอยู่ในแวดวงสาธารณสุขเช่นกันก็มีการซักถามความเป็นมาเป็นไปเล็กน้อย เราก็เลยบอกแถมไปด้วยว่าหนูไฮเปอร์ สมาธิสั้นและซึมเศร้าด้วยนะคะ ต้องรีบบอกไว้ก่อน จะได้เข้าใจเวลามีพฤติกรรมที่แปลกๆ เพราะนั่งนิ่งๆได้ไม่นาน ต้องยุกยิกๆตลอดจะได้ไม่งง
หัวหน้าก็ถามว่าที่เป็นซึมเศร้าคือคิดเอาเองหรือหมอวินิจฉัย เราก็กระพริบตาถี่ๆสองสามที งงในงง คือส่วนใหญ่คนที่เป็นโรคทางใจมักจะปกปิดไม่อยากให้คนอื่นรู้เพราะเกรงเขาจะมองว่าเป็นคนบ้า
แต่นี่เราบอกเลยว่ามีอาการซึมเศร้าอยู่ระหว่างการรักษาไม่มีคำตอบใดดีไปกว่ายื่นยาที่หมอให้ดูเอาเอง ว่าคิดไปเองหรือจิตแพทย์วินิจฉัย
❤️❤️เราคิดว่านี่คือการได้รับการรักษาจากจิตแพทย์อย่างแท้จริง คือได้นั่งคุยโน่นนั่นนี่ไปเรื่อยๆ จิตแพทย์มีเวลาพร้อมรับฟังด้วยความเข้าใจ ให้เราคุยบอกเล่าแบบไม่เร่งเร้าให้จบๆไปเพื่อเรียกคนไข้ใหม่
แล้วคนที่มารอก็รอด้วยความใจเย็น นั่งทำงานบ้าง นั่งเล่นเกมส์บ้าง รอไปเพราะรู้วาเวลาถึงคิวตัวเองก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ทุกคนรอด้วยความสงบ
คุณหมอจิตแพทย์บอกว่า สิ่งที่เราเจอมาทั้งหมดก็ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาการซึมเศร้า ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดบ่าปวดแขนหรือใดๆที่เป็นอาการเรื้อรัง อีกทั้งอายุเข้าสู่วัยทองบ้าง วัยเงินบ้าง มาๆหายๆ พอให้ได้ลุ้นเหมือนวันหวยออก
คุณหมอก็บอกให้เราไปทำกายภาพ ดึงคอบ้าง เดือนละครั้งสองครังก็ยังดี แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปทำเลยฮาาาาาาาาาาา
แล้วคุณหมอก็เพิ่มยาบางตัวบ้าง ยาเดิมบ้าง หมอก็เปรยๆว่าก่อนนี้ได้ยาทานแค่เนี๊ย สงสารนาง แล้วเราก็ได้ยาดังที่เห็นมาทานใหม่อาการจึงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‼️อ่อ... ลืมบอกไป ว่าเราไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ไปช่วงนอกเวลา คุณหมอท่านนี้จะออกตรวจตั้งแต่ 17.00 - 24.00 น. เริ่ดมั้ยคะ รู้สึกว่ารับจำกัดประมาณยี่สิบเคสไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ราวๆนี้แหละ
เราเคยนั่งรอจนถึงตีหนึ่ง วันนั้นเป็นคิวสุดท้าย เสร็จสรรพรับยาก็ตีสองกว่า
❤️❤️เพราะอะไรครอบครัวและเพื่อนสามารถฉุดเราขึ้นมาได้
❤️ความเข้าใจในโรคซึมเศร้าที่แท้ทรูนั่นเอง❤️
เมื่อเขาเหล่านั้นเข้าใจในอาการประกอบกับเรายังทานยาสม่ำเสมอ พบจิตแพทย์ทุกๆ สองเดือนตามนัด
ลูกปลอบเราว่า ตัวเองไม่ใช่คนอ่อนแอหรอก แค่ตัวเองเข้มแข็งมากไปใช้จนสารเคมีหลั่งความสุขในสมองจนหมดต่างหาก
เราได้ยินถึงกับสตั๊นไป 5 วินาที นึกในใจว่าลูกใส่ใจคุณแม่แม้ว่าจะไม่ค่อยได้แสดงออก แต่เมื่อลูกรู้ว่าคุณแม่เป็นโรคซึมเศร้าก็ทำการบ้านเกี่ยวกับโรคนี้เพื่อรับมือกันอย่างดีทั้งสองคน
หลายๆครั้งที่คุณแม่เหวี่ยงคุณแม่วีน ลูกๆก็จะเข้าใจ เราเคยถามลูกว่า อายมั้ยที่คุณแม่เป็นโรคซึมเศร้า ลูกบอกทำไมต้องอาย ไม่ใช่เป็นคนบ้าสักหน่อย
คนที่รู้จักเราจะทราบว่าลูกเราไม่ใช่คนในวงการสาธารณสุข แต่พวกเขากลับเข้าใจคนที่ป่วยเป็นโรคนี้อย่างดี ดีกว่าคนในวงการส่วนใหญ่เลยที่ไม่เข้าใจโรคนี้อย่างถ่องแท้
บ้างก็คิดว่าเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ไม่เชื่อว่าเขากำลัง down ดิ่งลงหลุมดำ บอกให้เขาสู้ทั้งที่เวลานั้นเขาหมดพลังใจในการต่อสู้ใดๆทั้งสิ้น
‼️บ้างก็บอกว่าเรื่องแค่นี้เอง คนอื่นเขาแย่กว่าเธออีก..เอิ่มมมม มันคนละคนคนละอารมณ์กันมั้ย
‼️ที่หนักที่สุดคือแนะนำให้หันหน้าเข้าหาวัดนั่งสมาธิจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
‼️‼️เราอยากบอกว่าคำพูดแบบนี้คือทำร้ายใจกันที่สุด มันทำให้เขาแย่ลงไปอีก ที่เขาคุยเขาเล่าก็เพื่อได้มีทางระบายหรือแจ้งให้ทราบ แต่เมื่อเล่าจบก็กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว คนอื่นไม่เห็นเป็นไรไปซะงั้น
‼️ถ้ารู้ตัวว่ามีอาการซึมเศร้า ต้องไปพบจิตแพทย์เป็นอันดับแรกค่ะ ไม่ต้องแคร์คำครหาว่าการไปพบจิตแพทย์ต้องเป็นบ้าแน่ๆ เราแค่มีสารเคมีในสมองไม่สมดุลย์เท่านั้นระหว่างฮอร์โมนหลั่งสุขกับทุกข์เท่านั้น
💔💔ตรงไปตรงมา เจ้าตัวเขาอยากเป็นอยู่แบบนั้นมั้ยแบบที่ไม่ใช่อย่างที่ตัวเองเคยเป็น ความสดชื่น ความสดใสของตัวเองมันหายไปไหน
จึงไม่แปลกใจที่ทุกๆวันนี้มีข่าวคนฆ่าตัวตายให้ได้ยินอยู่ถี่ๆ บางคนเขาส่งสัญญาณแล้ว นั่นคือเขาต้องการความช่วยเหลือ
แต่คนรอบข้างก็คิดไปว่า คงบ่นไปงั้นๆหรือเรียกร้องความสนใจ ไม่ได้เฝ้าระวัง จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมอดสู คนเศร้าที่ตายไปแล้ว เขาไม่รับรู้สิ่งใดๆ แต่คนที่อยู่และเคยได้ยินพวกเขาบ่นพวกเขาส่งสัญญาณบางอย่างแต่ละเลยนั่นแหละที่จะต้องเสียใจ
❤️❤️ในเมื่อครอบครัวและเพื่อนๆดูแลเราอย่างดี สิ่งที่เราอยากตอบแทนพวกเขาก็คือเราต้องรีบรักษาตัว นอกจากยาหมอ เราต้องช่วยตัวเองด้วย สิ่งที่ดีที่สุดคือการออกกำลัง อย่างที่รู้กีฬาๆเป็นยาวิเศษ
เราต้องฝืนใจเพื่อออกกำลังกาย ทั้งที่ไม่ชอบเลย ก็ต้องหาบัดดี้มาเป็นเพื่อน บัดดี้ของเราก็คือเทรนเนอร์ รับรู้ได้เลยว่าการออกกำลังกายมันทำให้เรามีความสุข สดชื่นจริงๆกลางคืนหลับสบาย ตื่นเช้ามาขับถ่ายอย่างกับวิ่งบนทางด่วน ไม่ต้องพึ่งยาระบายอีกต่อไป
การปวดเมื่อยเนื้อตัวที่เป็นอยู่ก็หายวับ รู้สึกสนุกอยากไปเทรนทุกๆวัน อยากไปต่อยมวยทุกๆเย็น
ภูมิแพ้ต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่างก็เริ่มทน เมื่อก่อนอากาศเปลี่ยนก็ป่วยตลอด เวลานี้มีบ้างแต่ไม่ถี่เหมือนเมื่อก่อน
อยากมีสุขภาพกายใจที่แข็งแรงเผื่อว่ามีโอกาสที่มีชีวิตยืนยาวจะได้แก่แบบมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระต่อลูกหลาน
ท่านใดที่ยังออกกำลังกายไม่ได้ลองทำแบบเราดูนะคะ หาเพื่อนออกไปด้วยกัน มันจะทำได้ต่อเนื่องและสนุกกว่าออกกำลังกายคนเดียว ถ้าหาเพื่อนไปออกไม่ได้ก็เข้ายิมเลยค่ะมีเทรนเนอร์พร้อมเป็นบัดดี้ให้คุณ
ใครนะช่างคิดสโลแกนนี้ "สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอาเอง" มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ขอขอบคุณทุกๆความห่วงใยจากครอบครัวและมิตรสหาย
ถึงเวลานี้_เราแข็งแรงทั้งสุขภาพใจและกายแล้วค่ะ_อ่อ_แต่ไฮเปอร์กับสมาธิสั้นยังคงเดิมและเราคงจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ที่เล่าเรื่องราวต่างๆก็เผื่อว่าพอมีประโยชน์บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะคะ ว่าเราเกิดจะป่วยขึ้นอีกเมื่อไร
ตอนนี้ก็รักตัวเอง ดูแลสุขภาพ หัดออกกำลังกาย และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ใช่ค่ะ เราเรียกว่า_หัด_ออกกำลังกาย เพราะไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อนเราออกกำลังกายในทุกๆวัน ทั้งเรียนต่อยมวย ฝึกเวทเทรนนิ่งอย่างสนุกสนาน
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในทางที่ดีกับตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก และตัวเราเอง
ต้องขอขอบคุณในทุกๆกำลังใจที่มีให้ต่อกันเสมอมาขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งให้เราโดดเดี่ยวแม้แต่ครั้งเดียวเลยจริงๆ_รักนะคะ
โรคซึมเศร้า_คุณสามารถช่วยได้
💔🖤หลายวันที่ผ่านมาอาจหลายเดือนด้วยซ้ำไป ที่มีข่าวคนฆ่าตัวตายที่สรุปสาเหตุการตายนั้นคือ การป่วยด้วยโรคซึมเศร้า
❤️เราในฐานะที่เป็นผู้ป่วยด้วยโรคซึมเศร้าคนหนึ่งที่ไม่เคยปกปิด
❤️เวลานี้เรายังไม่คิดฆ่าตัวตาย
❤️วันนี้ เวลานี้ เรายังคงมีความสุขในชีวิต
❤️และวันนี้เราอยากเห็นวันพรุ่งนี้
🖤💔ก่อนหน้านี้เราเคยไม่อยากมีวันพรุ่งนี้
อยากหลับแล้วไม่ขอตื่นมาได้จะดีมาก
🖤เราเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่อยากทำอะไร หรือไม่กล้าทำอะไร
🖤ความมั่นใจที่เคยมีมันหายไป เกิดความสับสนเข้ามาแทนที่
🖤เพราะก่อนหน้านี้เราเจอความกดดันบีบคั้นอย่างหนักหน่วงในเรื่องงาน
🖤เรามีความกังวลและความเครียดในการอยู่กับผู้ป่วยอัลไซเมอร์
เราก็ผ่านมันมาได้ถึงวันนี้ จากชีวิตที่จมดิ่งลงไปในหลุมดำจนขึ้นมาไม่ได้ถึงแม้ว่าจะยอมรับและรู้ตัวตั้งแต่ต้น ว่าเรามีอาการของโรคซึมเศร้าแล้วก็ตามทั้งนี้เป็นเพราะเรายังมีสติที่รับรู้การเปลี่ยนไปของตัวเอง และทันทีที่มีความคิดว่า-ตายดีกว่ามั้ย- เท่านั้นแหละ เราก็รีบพุ่งตัวไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดก็ได้ยาต้านเศร้ามาทาน
ช่วงหนึ่งที่เรากินยาแต่เราก็ยังรู้สึกไม่ดี เพราะเราต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่กดดันทุกๆวัน อยู่กับคนที่ไม่เคยเข้าใจคนที่ป่วยด้วยอาการซึมเศร้า
❌คำที่ได้ยินเสมอยามท้อแท้(ป่วย)ก็คือ
- อย่าไปคิดอะไรมาก
- อย่าเครียด
- สู้สู้นะ
- บลาๆ อื่นๆอีกมากมายมากมาย
- พีคสุดคือ "ไปพบจิตแพทย์แล้วได้ยามากินด้วย-ก็บ้าน่ะสิ"
🖤นี่คือคำปลอบใจของเพื่อนร่วมงานที่เป็นชาวสาธารณสุข🖤
ถ้าหากโลกนี้หรือคนรอบข้างเข้าใจ ใส่ใจ สังเกตุ คนใกล้ตัวบ้าง ว่าเขาเปลี่ยนไปจากคนเดิมๆ
💔จากคนชอบเฮฮาปาร์ตี้ก็ไม่อยากออกไปพบปะผู้คน
💔ชอบแต่งตัวดูแลตัวเองกลับกลายเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว
💔กว่าจะขุดตัวออกจากที่นอนมันยากเข็ญเหลือเกิน มันฝืนใจมากๆ
เราโชคดีที่แม้จะเกิดมาในครอบครัวเล็กๆและมีเวลานี้ก็มีครอบครัวเล็กๆคือเราและลูกสาวสองคนของเรา
เรามีเพื่อนที่น่ารักเพื่อนที่อยู่ไกลๆมากมายหลายคนเหลือเกิน เพื่อนนี่เราไม่นับอายุนะคะ เพื่อนลูกก็เป็นเพื่อนเรา
ทั้งครอบครัวทั้งเพื่อนคือผู้ที่ดึงเราขึ้นจากหลุมดำนั้น และเราก็ไม่เคยคิดต่อต้าน เราจึงขึ้นมาจากหลุมดำได้
❤️คนในครอบครัวนี่แหละสำคัญ ลูกเห็นเราแย่ลงมากๆหลังจาก🖤พ่อเราตาย🖤ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาทั้งที่ก็ทานยาอย่างเคร่งครัดแถมยังมีอาการแพนิคเวลาที่จะต้องออกไปเจอผู้คน
‼️ลูกเราพยายามเสิร์ชข้อมูลจิตแพทย์ที่น่าจะเหมาะกับจริตเราแล้วลูกก็พาเราไปเจอจิตแพทย์ท่านนั้น ถือว่าเป็นจิตแพทย์ท่านที่สองนะคะ (ท่านแรกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด)
เราก็เล่าเรื่องราวประจำวันที่เราต้องเจอทุกวันให้คุณหมอฟัง รวมถึงโรคประจำตัวอื่นๆที่เราเป็น คือภูมิแพ้ ไมเกรนและโรคออฟฟิศซินโดรม ที่ปวดเมื่อยหลังและคอ จนกระดูกคอข้อ 3-4 เบียดชิดจนทำให้มือข้างซ้ายชาอยู่เสมอๆ ไปทำกายภาพด้วยการดึงคออาการก็ดีขึ้นไปนวดก็แค่บรรเทาสบายตอนนวดเท่านั้นแล้วเราก็เอายาเดิมที่รักษาจากโรงพยาบาลที่เคยรักษามาให้หมอดูด้วย
ความล้มเหลวในชีวิตคู่ ความกดดันลึกๆในการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่จะต้องเลี้ยงลูกให้เขาเป็นเด็กดีที่สุด อย่าให้พ่อเขามาตำหนิได้ว่าเราไปไม่รอด ทำลูกเขาเสียคน
แล้วยังประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์รุนแรงหวิดตายบ้างการสูญเสียคนที่รักบ้าง
การดูแลมารดาที่นอนติดเตียงร่วมปี เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของแม่ทุกๆคืน แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
การดูแลบิดาซึ่งเริ่มสมองเสื่อมลงไปเรื่อยๆ มันเหมือนสนุกสนานนะถ้าฟังพ่อกับแม่คุยกัน แม่ที่นอนติดเตียงเมื่อโดนขัดใจก็จะน้อยใจ ชวนพ่อกลับน่าน มาลองฟังเขาคุยกันค่ะ
💙แม่-- ตาๆไปซื้อตั๋วรถไฟหน่อยจะกลับบ้านที่น่านแล้ว ไม่อยู่แล้วที่นี่มีแต่คนใจดำ
💛พ่อ-- กุลีกุจอรีบสวมรองเท้า ขณะจะออกจากบ้าน นังลูกใจร้ายก็ถามว่า
🖤ลูก-- คุณพ่อคนหล่อจะไปไหนคะ
💛พ่อ-- ไปสถานีรถไฟ แม่บอกให้ไปซื้อตั๋วกลับน่าน
🖤ลูก-- พยักหน้าาไปทางแม่ที่นอนติดเตียง แล้วถามพ่อว่าจะเอาไปยังไง หืมมมมมมมมม
💙แม่-- เมื่อได้ยินดังนั้นก็เปล่งเสียงดังทันทีว่าก็ไปจ้างผู้ชายมาสักสองคนมาหามไป
อ่ะจร้าาาาาา ตอนนี้สติพ่อเริ่มมา กลับมานั่งหน้าเศร้ามองเมียรักด้วยความสงสาร
เรื่องตลกร้ายของพ่อกับแม่มีอีกมากมาย ทั้งคนต้องจ้างแนนนี่ดูแลใกล้ชิดเพราะเราก็ยังต้องออกไปทำมาหากิน
***อันนี้ฝากบอกคนที่คิดมีลูกคนเดียวนี่ ลองคิดใหม่ดูนะคะ คิดถึงตอนเราแก่ตัวลง เขาต้องดูแลพ่อแม่ ดูแลครอบครัวเขา ไหนจะต้องทำมาหากินอีก ลูกคนเดียวนี่รับเต็มๆ การดูแลผู้ใหญ่มันหนักกว่าดูแลเด็กมากมายก่ายกอง หลายกอง กองไว้บนพุง***
❤️❤️กลับมาคุยกับจิตแพทย์ท่านที่สองต่อนะคะ
การทำงานที่บางครั้งไม่ได้โชคดีไปเสียหมด ที่คิดว่าทำดีก็อาจไม่ดี ที่ไม่ดีก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ เอาเป็นว่าทำอะไรก็ผิดไปหมด เป็นเรื่องไปหมด แม้แต่เรื่องเล็กๆแค่จิ๋มมดก็ผิดประหนึ่งฆ่าคนตาย คาดโทษไว้เสียมากมาย
เมื่อมาถึงทางตันที่สุดจนทนไหว ด้วยจิตใจถึงจุดที่อ่อนแอที่สุด ทางที่จะยืนหยัดต่อไปได้ก็คือ เฟดตัวเองออกจากสถานที่แห่งนั้น
🖤💔 หลังจากออกจากที่เดิมมาอยู่ที่ทำงานใหม่ แน่นอนที่สุดก็ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด ทั้งพ่อทั้งเรา การเดินทางเส้นใหม่ไปทำงาน มันก็สบายใจไปอีกแบบ กระนั้นก็ยังคงทานยาซึมเศร้าเหมือนเดิม พบแพทย์ตามนัดเสมอ
เมื่อเราเจอหัวหน้าคนใหม่ซึ่งอยู่ในแวดวงสาธารณสุขเช่นกันก็มีการซักถามความเป็นมาเป็นไปเล็กน้อย เราก็เลยบอกแถมไปด้วยว่าหนูไฮเปอร์ สมาธิสั้นและซึมเศร้าด้วยนะคะ ต้องรีบบอกไว้ก่อน จะได้เข้าใจเวลามีพฤติกรรมที่แปลกๆ เพราะนั่งนิ่งๆได้ไม่นาน ต้องยุกยิกๆตลอดจะได้ไม่งง
หัวหน้าก็ถามว่าที่เป็นซึมเศร้าคือคิดเอาเองหรือหมอวินิจฉัย เราก็กระพริบตาถี่ๆสองสามที งงในงง คือส่วนใหญ่คนที่เป็นโรคทางใจมักจะปกปิดไม่อยากให้คนอื่นรู้เพราะเกรงเขาจะมองว่าเป็นคนบ้า
แต่นี่เราบอกเลยว่ามีอาการซึมเศร้าอยู่ระหว่างการรักษาไม่มีคำตอบใดดีไปกว่ายื่นยาที่หมอให้ดูเอาเอง ว่าคิดไปเองหรือจิตแพทย์วินิจฉัย
❤️❤️เราคิดว่านี่คือการได้รับการรักษาจากจิตแพทย์อย่างแท้จริง คือได้นั่งคุยโน่นนั่นนี่ไปเรื่อยๆ จิตแพทย์มีเวลาพร้อมรับฟังด้วยความเข้าใจ ให้เราคุยบอกเล่าแบบไม่เร่งเร้าให้จบๆไปเพื่อเรียกคนไข้ใหม่
แล้วคนที่มารอก็รอด้วยความใจเย็น นั่งทำงานบ้าง นั่งเล่นเกมส์บ้าง รอไปเพราะรู้วาเวลาถึงคิวตัวเองก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน ทุกคนรอด้วยความสงบ
คุณหมอจิตแพทย์บอกว่า สิ่งที่เราเจอมาทั้งหมดก็ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้มีอาการซึมเศร้า ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดบ่าปวดแขนหรือใดๆที่เป็นอาการเรื้อรัง อีกทั้งอายุเข้าสู่วัยทองบ้าง วัยเงินบ้าง มาๆหายๆ พอให้ได้ลุ้นเหมือนวันหวยออก
คุณหมอก็บอกให้เราไปทำกายภาพ ดึงคอบ้าง เดือนละครั้งสองครังก็ยังดี แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปทำเลยฮาาาาาาาาาาา
แล้วคุณหมอก็เพิ่มยาบางตัวบ้าง ยาเดิมบ้าง หมอก็เปรยๆว่าก่อนนี้ได้ยาทานแค่เนี๊ย สงสารนาง แล้วเราก็ได้ยาดังที่เห็นมาทานใหม่อาการจึงดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
‼️อ่อ... ลืมบอกไป ว่าเราไปพบจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา ไปช่วงนอกเวลา คุณหมอท่านนี้จะออกตรวจตั้งแต่ 17.00 - 24.00 น. เริ่ดมั้ยคะ รู้สึกว่ารับจำกัดประมาณยี่สิบเคสไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ราวๆนี้แหละ
เราเคยนั่งรอจนถึงตีหนึ่ง วันนั้นเป็นคิวสุดท้าย เสร็จสรรพรับยาก็ตีสองกว่า
❤️❤️เพราะอะไรครอบครัวและเพื่อนสามารถฉุดเราขึ้นมาได้
❤️ความเข้าใจในโรคซึมเศร้าที่แท้ทรูนั่นเอง❤️
เมื่อเขาเหล่านั้นเข้าใจในอาการประกอบกับเรายังทานยาสม่ำเสมอ พบจิตแพทย์ทุกๆ สองเดือนตามนัด
ลูกปลอบเราว่า ตัวเองไม่ใช่คนอ่อนแอหรอก แค่ตัวเองเข้มแข็งมากไปใช้จนสารเคมีหลั่งความสุขในสมองจนหมดต่างหาก
เราได้ยินถึงกับสตั๊นไป 5 วินาที นึกในใจว่าลูกใส่ใจคุณแม่แม้ว่าจะไม่ค่อยได้แสดงออก แต่เมื่อลูกรู้ว่าคุณแม่เป็นโรคซึมเศร้าก็ทำการบ้านเกี่ยวกับโรคนี้เพื่อรับมือกันอย่างดีทั้งสองคน
หลายๆครั้งที่คุณแม่เหวี่ยงคุณแม่วีน ลูกๆก็จะเข้าใจ เราเคยถามลูกว่า อายมั้ยที่คุณแม่เป็นโรคซึมเศร้า ลูกบอกทำไมต้องอาย ไม่ใช่เป็นคนบ้าสักหน่อย
คนที่รู้จักเราจะทราบว่าลูกเราไม่ใช่คนในวงการสาธารณสุข แต่พวกเขากลับเข้าใจคนที่ป่วยเป็นโรคนี้อย่างดี ดีกว่าคนในวงการส่วนใหญ่เลยที่ไม่เข้าใจโรคนี้อย่างถ่องแท้
บ้างก็คิดว่าเป็นโรคเรียกร้องความสนใจ ไม่เชื่อว่าเขากำลัง down ดิ่งลงหลุมดำ บอกให้เขาสู้ทั้งที่เวลานั้นเขาหมดพลังใจในการต่อสู้ใดๆทั้งสิ้น
‼️บ้างก็บอกว่าเรื่องแค่นี้เอง คนอื่นเขาแย่กว่าเธออีก..เอิ่มมมม มันคนละคนคนละอารมณ์กันมั้ย
‼️ที่หนักที่สุดคือแนะนำให้หันหน้าเข้าหาวัดนั่งสมาธิจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน
‼️‼️เราอยากบอกว่าคำพูดแบบนี้คือทำร้ายใจกันที่สุด มันทำให้เขาแย่ลงไปอีก ที่เขาคุยเขาเล่าก็เพื่อได้มีทางระบายหรือแจ้งให้ทราบ แต่เมื่อเล่าจบก็กลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว คนอื่นไม่เห็นเป็นไรไปซะงั้น
‼️ถ้ารู้ตัวว่ามีอาการซึมเศร้า ต้องไปพบจิตแพทย์เป็นอันดับแรกค่ะ ไม่ต้องแคร์คำครหาว่าการไปพบจิตแพทย์ต้องเป็นบ้าแน่ๆ เราแค่มีสารเคมีในสมองไม่สมดุลย์เท่านั้นระหว่างฮอร์โมนหลั่งสุขกับทุกข์เท่านั้น
💔💔ตรงไปตรงมา เจ้าตัวเขาอยากเป็นอยู่แบบนั้นมั้ยแบบที่ไม่ใช่อย่างที่ตัวเองเคยเป็น ความสดชื่น ความสดใสของตัวเองมันหายไปไหน
จึงไม่แปลกใจที่ทุกๆวันนี้มีข่าวคนฆ่าตัวตายให้ได้ยินอยู่ถี่ๆ บางคนเขาส่งสัญญาณแล้ว นั่นคือเขาต้องการความช่วยเหลือ
แต่คนรอบข้างก็คิดไปว่า คงบ่นไปงั้นๆหรือเรียกร้องความสนใจ ไม่ได้เฝ้าระวัง จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมอดสู คนเศร้าที่ตายไปแล้ว เขาไม่รับรู้สิ่งใดๆ แต่คนที่อยู่และเคยได้ยินพวกเขาบ่นพวกเขาส่งสัญญาณบางอย่างแต่ละเลยนั่นแหละที่จะต้องเสียใจ
❤️❤️ในเมื่อครอบครัวและเพื่อนๆดูแลเราอย่างดี สิ่งที่เราอยากตอบแทนพวกเขาก็คือเราต้องรีบรักษาตัว นอกจากยาหมอ เราต้องช่วยตัวเองด้วย สิ่งที่ดีที่สุดคือการออกกำลัง อย่างที่รู้กีฬาๆเป็นยาวิเศษ
เราต้องฝืนใจเพื่อออกกำลังกาย ทั้งที่ไม่ชอบเลย ก็ต้องหาบัดดี้มาเป็นเพื่อน บัดดี้ของเราก็คือเทรนเนอร์ รับรู้ได้เลยว่าการออกกำลังกายมันทำให้เรามีความสุข สดชื่นจริงๆกลางคืนหลับสบาย ตื่นเช้ามาขับถ่ายอย่างกับวิ่งบนทางด่วน ไม่ต้องพึ่งยาระบายอีกต่อไป
การปวดเมื่อยเนื้อตัวที่เป็นอยู่ก็หายวับ รู้สึกสนุกอยากไปเทรนทุกๆวัน อยากไปต่อยมวยทุกๆเย็น
ภูมิแพ้ต่อหลายๆสิ่งหลายๆอย่างก็เริ่มทน เมื่อก่อนอากาศเปลี่ยนก็ป่วยตลอด เวลานี้มีบ้างแต่ไม่ถี่เหมือนเมื่อก่อน
อยากมีสุขภาพกายใจที่แข็งแรงเผื่อว่ามีโอกาสที่มีชีวิตยืนยาวจะได้แก่แบบมีคุณภาพ ไม่เป็นภาระต่อลูกหลาน
ท่านใดที่ยังออกกำลังกายไม่ได้ลองทำแบบเราดูนะคะ หาเพื่อนออกไปด้วยกัน มันจะทำได้ต่อเนื่องและสนุกกว่าออกกำลังกายคนเดียว ถ้าหาเพื่อนไปออกไม่ได้ก็เข้ายิมเลยค่ะมีเทรนเนอร์พร้อมเป็นบัดดี้ให้คุณ
ใครนะช่างคิดสโลแกนนี้ "สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอาเอง" มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ขอขอบคุณทุกๆความห่วงใยจากครอบครัวและมิตรสหาย
ถึงเวลานี้_เราแข็งแรงทั้งสุขภาพใจและกายแล้วค่ะ_อ่อ_แต่ไฮเปอร์กับสมาธิสั้นยังคงเดิมและเราคงจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ที่เล่าเรื่องราวต่างๆก็เผื่อว่าพอมีประโยชน์บ้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่เราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจนะคะ ว่าเราเกิดจะป่วยขึ้นอีกเมื่อไร
ตอนนี้ก็รักตัวเอง ดูแลสุขภาพ หัดออกกำลังกาย และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
ใช่ค่ะ เราเรียกว่า_หัด_ออกกำลังกาย เพราะไม่เคยจริงจังขนาดนี้มาก่อนเราออกกำลังกายในทุกๆวัน ทั้งเรียนต่อยมวย ฝึกเวทเทรนนิ่งอย่างสนุกสนาน
ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในทางที่ดีกับตัวเอง เพื่อคนที่เรารัก และตัวเราเอง
ต้องขอขอบคุณในทุกๆกำลังใจที่มีให้ต่อกันเสมอมาขอบคุณที่ไม่เคยทิ้งให้เราโดดเดี่ยวแม้แต่ครั้งเดียวเลยจริงๆ_รักนะคะ