JJNY : พิธาแนะใช้วิธี 3 ป.ยกระดับสินค้าเกษตรฯ/คนกะรนฉุนสิระไม่รับหนังสือ จ่อร้องหนีประชุมสภาฯ/รง.แห่ปิดกระทบธุรกิจเช่ารถ

“พิธา” แนะใช้วิธี 3 ป.ยกระดับสินค้าเกษตร เลิกเถียง ประกัน-จำนำข้าว แบบไหนดีกว่า
https://workpointnews.com/2019/11/14/rice-3/
 
วันที่ 14 พ.ย. ที่รัฐสภา การประชุมเพื่อพิจารณารายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ ได้อภิปรายเรื่องการทำงานใน กมธ. ว่า ถ้าจะสรุปบทเรียนจากการทำงานคณะกรรมาธิการครั้งนี้ในประโยคเดียว คือ “การเพิ่มราคาสินค้าทางการเกษตรกับการยกระดับสินค้าเกษตรไม่เหมือนกัน”
 
วันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมามีการอภิปรายเพื่อตั้งคณะกรรมาธิการชุดนี้ ราคาข้าวอยู่ที่ระดับค่อนข้างต่ำ วันนี้ราคาข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมปทุมขึ้นมาสูงกว่าราคาที่รัฐบาลจะประกันด้วยซ้ำไป ซึ่งถ้าปล่อยให้แล้งไปหรือน้ำท่วมไป ราคาก็จะขึ้นมาโดยปริยาย แต่คำถามคือข้าวนี้อยู่ในมือของชาวนาหรือไม่ ชาวนาจะได้รับประโยชน์ตรงนี้หรือไม่
 
สำหรับเรื่องข้าว ตนเห็นว่า ถ้าจะสรุปเป็นประโยคเดียวอีกครั้ง เราต้องยกระดับข้าวจาก “โภคภัณฑ์” ให้เป็น “ผลิตภัณฑ์” ซึ่งต้องมีการคิดแบบบูรณาการเป็นระบบ ยกตัวอย่างในระยะสั้น
 
ในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีวิธีคิดในการอุดหนุนอยู่สองขั้ว มีทั้งประกันราคาและจำนำ แต่สำหรับตน ไม่ว่าจะประกันหรือจำนำมีทั้งข้อดีข้อเสีย รัฐบาลต้องเลือกใช้เครื่องมือความหลากหลายทางนโยบายให้ถูกต้องกับประเภทของข้าว ผ่านวิธี 3 ป. คือ
 
“ประกัน” – การประกันราคาข้าวนั้น มีข้อดีตรงที่ว่ามีผู้เล่นน้อย โรงสีไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง องค์การคลังสินค้าไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะฉะนั้นโอกาสในการรั่วไหล โอกาสในการทุจริตก็มีน้อย เหมาะแก่การทำข้าวที่มีการออกมาหลายๆ รอบ 
 
ส่วนการจำนำ มีข้อดี คือการดึงข้าวออกจากระบบสำหรับข้าวที่มีการเก็บเกี่ยวรอบเดียวต่อปี ตอนที่ข้าวออกมาราคาต้องตกลง แต่พอออกมาเรื่อยๆ ช่วงปลายของการเก็บเกี่ยวราคาก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราสามารถดึงข้าวออกจากระบบได้และทำให้อุปสงค์สมดุลได้ ราคาข้าวจะทรง ไม่มีราคาที่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป

“เพราะฉะนั้นความหลากหลายทางนโยบายเพื่อช่วยเหลือชาวนาในระยะสั้นนั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องคิดเป็นขั้วอีกต่อไป หมดยุคแล้วที่จะประกันดีหรือจะจำนำดี มันได้ทั้งสองอย่าง ขึ้นอยู่กับประเภทของข้าวที่ท่านจะใช้ต่างหาก”
 
“ปรับพอร์ท” – ถ้าเราดูราคาตอนนี้ ข้าวเจ้า 5% เป็นข้าวชนิดเดียวที่ราคาอยู่ที่ประมาณ 7 พันกว่าบาท แต่รัฐบาลประกันไว้ที่หมื่นกว่าบาท เป็นพันธุ์เดียวที่มีปัญหาอยู่ จากการที่คณะกรรมาธิการได้ลงพื้นที่ จากการเรียกข้าราชการมาชี้แจง ตนถามว่าข้าวที่เป็นพอร์ทมีพันธุ์อะไรบ้าง กรมการข้าวบอกว่ามีการวิจัยออกมา สรุปว่ามีเป็นพันเป็นหมื่นพันธุ์ แต่เมื่อถามว่าที่ปลูกจริงๆ อยู่ในประเทศไทยมีอยู่กี่พันธุ์ มีข้าวแข็งกี่พันธุ์ที่จะส่งออกไปแอฟริกา เป็นข้าวนุ่มที่จะส่งออกไปจีนอีกกี่เปอร์เซ็นต์ ไม่มีใครทราบในส่วนนี้ ตนคิดว่านี่คือสิ่งที่เราจะต้องทำ เพราะว่าถ้าเกิดเราปลูกข้าวแบบเดียวซ้ำไป ไม่มีความหลากหลายทางพันธุ์เมื่อไหร่ ก็หมายความว่าอุปทานของข้าวประเภทนั้นจะออกมาเยอะ วันใดที่แอฟริกาไม่เอาแล้วหรือขึ้นภาษีก็ขายไม่ได้ ถ้าวันไหนเรามีคู่แข่งที่ไปขายให้จีนมากขึ้นเราก็ขายไม่ได้ การทำให้สมดุลต้องมีอยู่
 
“แปรรูป” – ดังที่ประธานคณะกรรมาธิการได้พูดไปแล้ว ว่าข้าวสามารถแปรรูปเป็นเหล้าชุมชนได้ เชิงอรรถที่ตนได้ให้ไว้ครั้งที่แล้วเมื่อเดือน ก.ค.คือการแปรรูปเป็นสุราชุมชน ไม่ได้หมายถึงการสนับสนุนให้มีการดื่มสุราเพิ่ม แต่เป็นการสนับสนุนเกษตรกรของเรา
 
“ท่านทราบหรือไม่ ว่าเหล้าอะวาโมริ ที่ดังที่สุดของโอกินาว่าราคาขวดละสองพันกว่าบาท แต่ต้องนำเข้าข้าวจากประเทศไทย เราส่งข้าวจากเมืองไทยไปที่โอกินาว่าให้เขาทำแบรนด์ แล้วส่งกลับมาขายร้านอาหารญี่ปุ่นเราที่ทองหล่อทุกวันนี้ เก็บข้าวไว้ในขวดราคามีแต่ขึ้น เก็บข้าวไว้ในโกดังราคามีแต่ลง”



คนกะรนฉุน'สิระ'ไม่รับหนังสือ จ่อร้องสส.หนีประชุมสภา
https://www.dailynews.co.th/politics/741688
 
"สิระ เจนจาคะ" ลงพื้นที่ภูเก็ตติดตามผลสอบกรณีก่อสร้างคอนโดหรูพื้นที่ต.กะรน ขณะที่ชาวบ้านจะยื่นหนังสือร้องเรียนนายทุนรุกคลองกลับเดินหนีขึ้นรถ เตรียมร้องกมธ.สภาผู้แทนราษฎรฯ หนีประชุมทำหน้าที่นอกสภาหรือไม่ 
 
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต มอบหมายให้ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างอาคารชุดของโครงการเดอะพีคเรสซิเดนซ์ ในเขตต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต ตามคำสั่งจังหวัดภูเก็ตที่ 3096/2562 ลงวันที่ 16 ส.ค.62 ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงผลการตรวจสอบการก่อสร้างอาคารชุดของโครงการเดอะพีคเรสซิเดนซ์ต่อนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ และคณะซึ่งเดินทางลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีดังกล่าว
 
นายสุพจน์ กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีการก่อสร้างอาคารชุดของโครงการเดอะพีคเรสซิเดนซ์ ในเขตต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏเป็นข่าวเผยแพร่ทางสื่อมวลชน กรณีการก่อสร้างโครงการอาคารชุดพักอาศัยซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยศาลปกครองนครศรีธรรมราชมีคำพิพากษาเพิกถอนหนังสือรับรองประโยชน์น.ส. 3 ก แต่นายกเทศมนตรีได้อนุญาตให้มีการก่อสร้างโครงการนี้ต่ออีก และจังหวัดภูเก็ตได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วปรากฏว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องร้องเรียนมาแล้วจำนวนหลายครั้ง ทั้งนี้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงคณะกรรมการได้ดำเนินการใน 3 ประเด็นที่สำคัญ ประกอบด้วย 
1. การออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว 
2. การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม 
และ 3. การอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโดยเทศบาลตำบลกะรน
 
นายสิระ กล่าวว่า การเดินทางมาติดตามในครั้งนี้ไม่มีประเด็นที่จะซักถามแต่ขอให้จังหวัดภูเก็ตได้จัดทำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 3 ประเด็น เป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อแจ้งให้ทราบต่อไป ทั้งนี้ในวันที่ 25 พ.ย.62 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง
 
โดยก่อนปิดการประชุม นายสุพจน์ รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าวว่า ทางจังหวัดจะจัดทำรายงานสรุปข้อเท็จจริงของการตรวจสอบดังกล่าว ส่งให้นายสิระ ในวันพรุ่งนี้ (15 พ.ย.) 
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายสิระเดินออกจากห้องประชุม ทางชาวบ้านและผู้นำท้องถิ่นในต.กะรน นำโดย นายอิทธิพร สังข์แก้ว รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลกะรน ได้เดินตามมาเพื่อยื่นหนังสือแก่นายสิระ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีมีนายทุนซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่หาดกะตะ ต.กะรนได้มีการก่อสร้างโรงแรมทับลำรางสาธารณะ หรือ คลองบางรัก แต่ทางนายสิระไม่ได้สนใจที่จะรับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว โดยเดินขึ้นรถและเดินทางออกไปทันที ทำให้กลุ่มชาวบ้านเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
 
นายอิทธิพร กล่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ ส.ส.สิระไม่รับหนังสือร้องเรียน เนื่องจากครั้งที่นายสิระเดินทางมาภูเก็ตรอบที่ผ่านมาเคยรับปากกับตนว่าจะรับเรื่องร้องเรียน กรณีนายทุนถมคลองบางรักและครอบครองถนนสาธารณะในพื้นที่ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต แต่เมื่อตนและชาวบ้านนำเอกสารพร้อมหนังสือร้องเรียนมายื่นจริงกลับไม่รับ จึงไม่เข้าใจว่านายสิระจะเดินทางมาภูเก็ตทำไม มาเพื่ออะไร แต่เท่าที่ตนทราบวันนี้เชื่อว่า นายสิระหนีการประชุมสภามา เพราะที่กรุงเทพฯ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แทนที่นายสิระจะอยู่ทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยกลับมาในพื้นที่จ.ภูเก็ต ทำหน้าที่นอกสภาและนอกพื้นที่รับผิดชอบด้วย

อยากฝากถึงผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐและประธานสภาฯ ช่วยตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ส.ส.รายนี้ว่า สมบูรณ์แบบหรือไม่ และหลังจากนี้ตนและกลุ่มชาวบ้านยังดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปเพื่อให้มีการตรวจสอบนายทุนรายดังกล่าวที่รุกล้ำพื้นที่คลองบางรักและครอบครองถนนสาธารณะพื้นที่ ต.กะรน และจะยื่นกรรมมาธิการสภาผู้แทนราษฎรฯ ที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบ ส.ส.สิระ เจนราคะ ด้วยว่าการมาในพื้นที่ภูเก็ตส่อแววไปในทางทุจริตหรือไม่.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่