๑.อปุญญาภิสังขาร = อกุศลเจตนา ๑๒
๑.๑ อกุศลเจตนา ๑๑ เว้นอุทธัจจะเจตสิก ส่งผลในปฏิสนธิกาลได้ดวงเดียวคือ อุเบกขาสันตีระณะอกุศล ๑ ไปเกิดใน อบาย เป็นทุคคติ
๑.๒ อกุศลเจตนา ๑๒ ส่งผลในปวัตติกาลได้ ๒๖ภูมิ ได้แก่ อกุศลวิปากจิต ๗ รูปภูมิ ๑๕ อรูปภูมิ ๔
๒.ปุญญาภิสังขาร = มหากุศลเจตนา ๘ และ รูปกุศลเจตนา ๕
๒.๑ ปุญญาภิสังขาร ที่เป็นมหากุศลเจตนา ๘ ส่งผลใน ปฏิสนธิกาลได้ ๙ ดวง ได้แก่ อุเบกขาสันตีรณกุศล ๑ และมหาวิปาก ๘ ส่งผลในปวัตติกาล ได้ ๑๖ ดวงคือ อุเบกขาสันตีรณกุศล ๘ และมหาวิปาก ๘
๒.๒ ปุญญาภิสังขาร ที่เป็น รูปกุศลเจตนา ๕ ส่งผลใน ปฏิสนธิกาลได้ ๕ ได้แก่ รูปวิปาก ๕ และส่งผลในปวัตติกาลได้ ๕ ได้แก่ รูปวิปาก ๕
๓.อาเนญชาภิสังขาร ส่งผลในปฏิสนธิกาลได้ ๔ คือ อรูปวิปาก ๔ และส่งผลในปวัตติกาลได้ ๔ ได้แก่ อรูปวิปาก ๔
สรุป สังขาร ๓ ส่งผลในปฏิสนธิกาลได้ ๑๙ ดวง และส่งผลในปวัตติกาลได้ ๓๒ ดวง
สงฺขาร ปจฺจยา วิญญานํ = โลกิยะวิปากจิต ๓๒ ปรากฏเกิดขึ้นเพราะอาศัยสังขาร ๓ เป็นเหตุ
๑.๑ อกุศลเจตนา ๑๑ เว้นอุทธัจจะเจตสิก ส่งผลในปฏิสนธิกาลได้ดวงเดียวคือ อุเบกขาสันตีระณะอกุศล ๑ ไปเกิดใน อบาย เป็นทุคคติ
๑.๒ อกุศลเจตนา ๑๒ ส่งผลในปวัตติกาลได้ ๒๖ภูมิ ได้แก่ อกุศลวิปากจิต ๗ รูปภูมิ ๑๕ อรูปภูมิ ๔
๒.ปุญญาภิสังขาร = มหากุศลเจตนา ๘ และ รูปกุศลเจตนา ๕
๒.๑ ปุญญาภิสังขาร ที่เป็นมหากุศลเจตนา ๘ ส่งผลใน ปฏิสนธิกาลได้ ๙ ดวง ได้แก่ อุเบกขาสันตีรณกุศล ๑ และมหาวิปาก ๘ ส่งผลในปวัตติกาล ได้ ๑๖ ดวงคือ อุเบกขาสันตีรณกุศล ๘ และมหาวิปาก ๘
๒.๒ ปุญญาภิสังขาร ที่เป็น รูปกุศลเจตนา ๕ ส่งผลใน ปฏิสนธิกาลได้ ๕ ได้แก่ รูปวิปาก ๕ และส่งผลในปวัตติกาลได้ ๕ ได้แก่ รูปวิปาก ๕
๓.อาเนญชาภิสังขาร ส่งผลในปฏิสนธิกาลได้ ๔ คือ อรูปวิปาก ๔ และส่งผลในปวัตติกาลได้ ๔ ได้แก่ อรูปวิปาก ๔
สรุป สังขาร ๓ ส่งผลในปฏิสนธิกาลได้ ๑๙ ดวง และส่งผลในปวัตติกาลได้ ๓๒ ดวง