😝สวัสดียามเย็นค่า ขอปิดท้ายทริปยุโรปตะวันออก 🇪🇺 ด้วยสุดยอดร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินน้องใหม่ประจำปี 2019 และเป็นร้านอาหารระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวในประเทศออสเตรียและยุโรปตะวันออกทั้งหมด
ใครไม่อยากพลาดการอัพเดตร้านอาหารอร่อยๆได้ทุกวันที่
>>>FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
🇦🇹 Amador - อมาดอร์
⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Star - 3 ดาวมิชลิน
👨🏻🍳👨🏻🍳👨🏻🍳 18/20 Gault & Millau (3 Toques) - 18 คะแนนโกทมิโย (หมวก 3 ใบ)
🏵 Amador ร้านอาหารระดับสามดาวมิชลินเพียงร้านเดียวในประเทศออสเตรียและประเทศแถบยุโรปตะวันออกทั้งหมด เสิร์ฟอาหารสไตล์ Avant-garde European โดยอ้างอิงจากอาหารสเปนเป็นหลัก ควบคุมโดยเชฟ Juan Amador หนึ่งในเชฟผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการอาหารโลก และเป็นหนึ่งในเชฟไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดคือ 3 ดาวมิชลินตั้งแต่อายุก่อน 40 ปี
👨🏻🍳 Juan Amador หรือเชฟฆวน เป็นเชฟที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่อายุไม่มาก มีประวัติการย้ายที่ทำงานรวมถึงย้ายตำแหน่งร้านตัวเองบ่อยมาก เเต่สิ่งที่การันตีความสามารถของเชฟฆวนคือรางวัล Michelin Star ที่ไม่ว่าเชฟฆวนจะย้ายร้านสักกี่ครั้ง ก็จะได้รับดาวติดมือทันทีภายในหนึ่งหรือสองปีหลังจากเปิดร้าน เริ่มจากได้รับ ⭐️ 1 ดาวมิชลินครั้งเเรกในตำแหน่ง Chef de Cuisine ที่ Restaurant Peterselie ในเมือง Lüdenscheid ในปี ค.ศ. 1993 ถัดมาคือการย้ายไปทำงานที่ Restaurant Fährhaus Munkmarsch ที่ Isle of Sylt ในปี ค.ศ. 1997 และได้รับรางวัล ⭐️ 1 ดาวมิชลินทันทีในปีนั้น และข้อบ่งชี้ว่าเชฟฆวนมีฝีมือไม่ธรรมดาคือการย้ายเข้าทำงานที่ Schlosshotel Weyberhöfe ในเมือง Sailauf และได้รับรางวัล ⭐️ 1 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2000 และได้เลื่อนขั้นไปสู่ระดับ ⭐️⭐️ 2 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2002
จุดที่ทำให้เชฟฆวนกลายมาเป็นเชฟระดับโลกคือการเปิดร้านอาหารของตัวเองภายในชื่อ Restaurant Amador ครั้งแรกที่เมือง Frankfurt am Main ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2004 ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Restaurant of the Year ปี ค.ศ. 2005 พ่วงด้วยรางวัล ⭐️⭐️ 2 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2006 และได้เลื่อนขั้นสู่การเป็นร้านอาหารระดับสูงสุดคือ ⭐️⭐️⭐️ 3 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2007 เมื่อเชฟฆวนมีอายุได้เพียง 39 ปีเท่านั้น ปี ค.ศ. 2011 เชฟฆวนได้ย้ายร้านไปที่เมือง Mannheim ใช้ชื่อว่า Restaurant Amador in Mannheim และได้รับรางวัล ⭐️⭐️⭐️ 3 ดาวมิชลินทันทีซึ่งนับเป็นไม่กี่ร้านในประวัติศาสตร์ของมิชลินไกด์ ที่ได้รับรางวัลสูงสุด 3 ดาวทันทีในปีแรกที่ร้านเปิด สุดท้ายในปี ค.ศ. 2017 ร้านถูกย้ายมาที่ตำแหน่งปัจจุบันคือตอนเหนือของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ภายใต้ชื่อ Restaurant Amadors Wirtshaus และได้รับรางวัล ⭐️⭐️ 2 ดาวมิชลินทันทีในมิชลินไกด์ออสเตรียปี 2018 และล่าสุดในมิชลินไกด์ออสเตรียปี 2019 หรือเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง Restaurant Amador ก็ถูกยกระดับให้เป็นร้านอาหารระดับ ⭐️⭐️⭐️ 3 ดาวมิชลิน และนับเป็นร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินแห่งแรกและเดียวในประเทศออสเตรีย 🇦🇹 รวมถึงยุโรปตะวันออกทั้งหมด
🧱 จุดเด่นของห้องทานอาหารหลักของที่นี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไปจากห้องอาหารอื่นชัดเจนคือเพดานอิฐสีแดงโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่เชื่อมต่อบริเวณห้องทานอาหารหลักไปจนถึงห้องสำหรับบ่มไวน์ของ Hajszan Winery 🍷 ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์ในเครือ Fritz Wieninger โดยมีเพียงกระจกใสบางๆกั้นเท่านั้น ซึ่งเราสามารถมองเห็นถังบ่มไวน์เรียงต่อกันเป็นแถวๆจากห้องทานอาหารได้ชัดเจน ภายในร้านมีทางออกสู่ภายนอกจากหน้าร้านเพียงฝั่งเดียว เสมือนให้แขกหลุดเข้าไปนั่งทานข้าวอยู่ในอุโมงค์บ่มไวน์ ภายในไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต 📵 ฉะนั้นขอให้นักชิมที่แวะมามีความสุขกับอาหารตรงหน้าเเละคนรอบข้างอย่างเต็มที่ โต๊ะและเก้าอี้ใช้วัสดุไม้แบบมินิมอลิส มีผ้าปูโต๊ะสีขาวตัดกับผ้ารองพื้นสีแดง บนเพดานมีเพียงเชิงเทียนขนาดใหญ่ห้อยลงมาเพื่อให้ความสว่าง และมีเสี้ยวจานแตกห้อยมาอยู่เหนือศีรษะในแต่ละโต๊ะ บนโต๊ะอาหารมีสิ่งประดิษฐ์รูปสัตว์ต่างๆทำมาจากเครื่องครัวหลากหลายชนิด เคียงคู่กับแจกันทรงสี่เหลี่ยมบรรจุดอกไม้สีแดงพร้อมแฮชแท็ก ♥️ #amadorlovesyou
🇪🇸 เนื่องจากเชฟ Juan Amador เป็นลูกชายคนงานชาวสเปน แต่เกิดและเติบโตมาในประเทศเยอรมนี 🇩🇪 อาหารของเขาจึงอ้างอิงจากอาหารสเปนเป็นหลัก เเต่มีกลิ่นอายและสอดแทรกความเป็นเยอรมันเข้าไปด้วย อาหารทุกจานมีคุณภาพสูงมาก ทุกคอร์สใช้วัตถุดิบระดับสูงสุดเท่าที่จะหามาได้ในแต่ละฤดูกาล มีเทคนิคการปรุงที่ซับซ้อน และมีรสชาติที่เกินกว่าจะคาดการณ์จากรายชื่อของวัตถุดิบที่ให้มาในสมุดเมนูได้ ทันทีที่เรารับทราบการประกาศให้ Restaurant Amador เป็นร้านอาหารระดับสามดาวมิชลิน ⭐️⭐️⭐️ ในปี 2019 เพียงราวๆครึ่งชั่วโมง เราก็ตัดสินใจกดเข้าไปเพื่อจองร้านอาหารในเวปไซท์ทันที และพบว่าร้านถูกจองเต็มเกือบหมดเเละเหลือช่องว่างเพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ทำให้เราต้องปรับแพลนเที่ยวทั้งหมดและต้องขับรถมาจากกรุง Budapest ประเทศ Hungary 🇭🇺 เป็นระยะทางไกลกว่า 260 กิโลเมตรภายในวันเดียวเพื่อมาทานอาหารมื้อนี้ โดยเราได้โอกาสเข้าไปทานมื้อค่ำซึ่งจะมีเมนูให้เลือกแบบเดียวคือ 📃 MOMENTUM เซ็ตเมนู 8 คอร์สที่ดีที่สุดของทางร้านในราคา 235 ยูโรต่อคน แม้ว่าราคาจัดว่าสูงระดับหนึ่งแต่ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากอาหารที่เราทานในวันนี้ทั้งหมดไม่มีจานไหนด้อยเลย และมีคอร์สที่โดดเด่นจนประทับใจและลืมไม่ลงมากมาย เช่น CARABINERO 🦐 ที่ใช้กุ้งแดง carabinero ทานกับ variation of cauliflower ซึ่งถือว่าเป็น single plate ที่อร่อยที่สุดในการตามล่ามิชลินกว่าสิบร้านในทริปนี้ และขอยกให้เป็นคอร์สกุ้งแดงที่อร่อยที่สุดเท่าที่เราเคยทานมาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีคอร์ส signature ของทางร้านคือ MIERAL PIGEON 🕊 ที่ใช้นกพิราบเนื้อนุ่ม ทานกับ “แกงม่วง” สูตรลับของทางร้าน ก็จัดว่าเด็ดไม่แพ้กัน อย่างสุดท้ายที่ต้องขอพูด เพราะรสชาติดีอย่างคาดไม่ถึงคือคอร์ส AMUSE-BOUCHE หรือคอร์สเรียกน้ำย่อย Japanese bun 🎌 ที่ทำออกมาได้ดีเกินคาดมากๆ เนื้อขนมปังนุ่ม มีกลิ่นหอม จัดเป็นซาลาเปาลูกเดียวที่อร่อยที่สุดเท่าที่เราเคยทานมา อร่อยกว่าร้านอาหารจีนติดดาวเสียอีก นอกจากนี้พนักงานทุกคนยังมีความรู้อย่างละเอียด สามารถตอบรายละเอียดเชิงลึกของอาหารตั้งเเต่วัตถุดิบไปจนถึงเทคนิคการปรุง และรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายที่เราไม่คิดว่าพนักงานจะตอบได้ ขนาดที่ว่าเราหยิบมีดขึ้นมาลูบดู พนักงานที่เดินผ่านมายังเเวะบอกเราว่า 🔪 “ทางร้านได้มีดเล่มนี้มาจากบริษัทเครื่องเงิน Robbe & Berking ที่ก่อตั้งในประเทศ Germany มาตั้งเเต่ปี ค.ศ. 1874 คุณชอบมันใช่ไหม” สุดยอดจริงๆ
📃 MOMENTUM 8 COURSE MENUE (€ 235/p)
TAPAS & SNACKS
ICED BEURRE BLANC
Gillardeau No2 I Hazelnutmilk I Royal Kaviar
****
CARABINERO
Cauliflower I Kaffir Lime I Turon
****
ROUGE BARBET
Pea I Morrel I Vienna Snail
****
ST. JAQUES
Jalapeño I Avocado I Chicken Skin
****
PIKE PERCH
Cabbage I Pimenton I Luma Pork
****
MIERAL PIGEON
Mango I Coconut I Purple Curry
****
„LE PRINTEMPS"
Mara de Bois I Cucumber I Sorell
****
„EDELWEISS“
Rhubarb I Ginger I Tagetes
****
PEQUEÑAS LOCURAS
👍 อาหารรสชาติดี มีจุดให้ติไม่มากนัก ราคาสูงสมกับมาตรฐานของร้าน หากใครเเวะมาเที่ยวกรุงเวียนนาถือว่าควรค่าแก่การแวะมาชิมสักครั้ง
รสชาติ : 17/20
ราคา : 14/20
ความคุ้มค่า : 16/20
บรรยากาศ : 17/20
บริการ : 17/20
ความประทับใจโดยรวม : 17/20
🧱 จุดเด่นของห้องทานอาหารของที่นี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไปจากห้องอาหารอื่นชัดเจนคือเพดานอิฐสีแดงโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่เชื่อมต่อบริเวณห้องทานข้าวไปจนถึงห้องสำหรับบ่มไวน์โดยมีเพียงกระจกใสบางๆกั้นเท่านั้น ซึ่งเราสามารถมองเห็นถังบ่มไวน์เรียงต่อกันเป็นแถวๆจากห้องทานอาหารได้ชัดเจน
TAPAS & SNACKS
Vitello Tonnato
สำหรับสแนคคำแรกที่นำเสิร์ฟคือวิลเตลโล่ ทอนาโต อาหารพื้นบ้านเมดอเตอเรเนียน ที่ถูกนำมาปรับให้ดูทันสมัย เริ่มจากเนื้อวัวกลิ่นหอม มีรสเค็มอ่อนทานกับแผ่นแป้งบางกรอบ เข้ากันได้ดี (17/20)
TAPAS & SNACKS
Japanese Dumpling with Chorizo
ซาลาเปาแบบญี่ปุ่น แป้งนุ่มมาก เเทบจะชะลายในปาก ด้านบนเป็นโชริโซ่หรือไส้กรอกสเปนรสออกเค็ม อร่อยมากๆ จัดเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีที่สุดในรอบหลายเดือนที่ทานมาเลยทีเดียว (20/20)
TAPAS & SNACKS
Fried Egg with Périgord Black Truffle & Salted Caramel
ไข่ทอดทานคู่กับเปอริโกดทรัฟเฟิลจากฝรั่งเศส และคาราเมลรสเค็ม ทานเข้าไปจะได้รสของไข่ เพิ่มเติมคือมีกลิ่นหอมทรัฟเฟิล (17/20)
TAPAS & SNACKS
Gazpacho
กัสปาโช่ คือซุปเย็นของสเปน ทำจากผักดิบ นิยมเสิร์ฟมาเป็นสตาร์ทเตอร์ ช่วยเรียกความสดชื่นก่อนเข้ามื้ออาหารได้ดี (16/20)
TAPAS & SNACKS
Goose Liver Ice Cream with Apple Espuma & Smoked Eel
ไอศกรีมทำจากฟัวกราส์ เนื้อเนียนมาก มีกลิ่นที่ดีของตับ เเต่ไม่มีกลิ่นคาวเลย ทานกับโฟมแอปเปิ้ลรสเปรี้ยวและปลาไหลรมควันด้านล่าง (18/20)
ICED BEURRE BLANC
Gillardeau No2 I Hazelnutmilk I Royal Kaviar
สำหรับจานแรกคือ เบลอบล็องก์แช่แข็ง เป็นคอร์สที่เชฟหยิบยืมซอสเนยเบลอบล็องก์ชื่อดังของฝรั่งเศสที่ปกติจะทำเป็นซอสอุ่นมาทำเป็นไอศกรีมเสิร์ฟแล้วเย็นแทน อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญคือหอยนางรมจีราโดเบอ 2 ทานกับโฟมทำจากนมของถั่วฮาเซลนัท ทอปด้วยรอยัลคาเวีย ตัวคาเวียเหนียวหนึบ ไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยมากๆ ตัวคาเวียใส่มาเพื่อทานเอาเนื้อสัมผัสอย่างเดียว ส่วนไอศกรีมซอสเนยกับโฟมนมถั่วก็มีรสชาติเสริมกันอย่างพอเหมาะ เป็นคอร์สเริ่มที่หน้าตาดูเรียบง่าย แต่รสชาติซับซ้อนมากจริงๆ (18/20)
CARABINERO
Cauliflower I Kaffir Lime I Turon
สำหรับคอร์สนี้เป็นคอร์สอาหารที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุดในรอบปี จากการผ่านร้านอาหารระดับทอปมามากกว่า 100 แห่ง ขอยกให้อาหารจานนี้เป็นอาหารจานที่ดีที่สุดที่ทานมาในรอบปีเลย
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าตอนทานคอร์สนี้คำแรก เราตกใจกับรสชาติที่ได้ชิมมาก โดยปกติการมาทานที่ร้านอาหารระดับสามดาวมิชลินนั้นเราย่อมมาพร้อมความคาดหวังสูงสุด แต่สำหรับคอร์สนี้สิ่งที่ได้ชิมมีรสชาติเกินความคาดหวังไปไกลมาก และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทานอาหาร single plate จานเดียวที่ทำได้รสชาติได้อร่อยเเละน่าประทับใจขนาดนี้อีกเมื่อไหร่ ครั้งล่าสุดที่เราประทับใจกับอาหารจานหนึ่งมากขนาดนี้ต้องย้อนไปที่คอร์ส Five different ages of Parmigiano Reggiano in five different textures ของร้าน Osteria Francescana ระดับสามดาวมิชลินที่เรามีโอกาสได้ชิมเมื่อกลางปีที่แล้วนู่นเลย เกริ่นมามากขอเข้าเรื่องที่รูปถัดไปดีกว่า (20/20)
ต่อกันในคอมเม้นจ้าา
ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
[CR] 🇦🇹 Amador - อมาดอร์ ร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินเพียงร้านเดียวในประเทศออสเตรียและประเทศแถบยุโรปตะวันออก!!
ใครไม่อยากพลาดการอัพเดตร้านอาหารอร่อยๆได้ทุกวันที่
>>>FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
🇦🇹 Amador - อมาดอร์
⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Star - 3 ดาวมิชลิน
👨🏻🍳👨🏻🍳👨🏻🍳 18/20 Gault & Millau (3 Toques) - 18 คะแนนโกทมิโย (หมวก 3 ใบ)
🏵 Amador ร้านอาหารระดับสามดาวมิชลินเพียงร้านเดียวในประเทศออสเตรียและประเทศแถบยุโรปตะวันออกทั้งหมด เสิร์ฟอาหารสไตล์ Avant-garde European โดยอ้างอิงจากอาหารสเปนเป็นหลัก ควบคุมโดยเชฟ Juan Amador หนึ่งในเชฟผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการอาหารโลก และเป็นหนึ่งในเชฟไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดคือ 3 ดาวมิชลินตั้งแต่อายุก่อน 40 ปี
👨🏻🍳 Juan Amador หรือเชฟฆวน เป็นเชฟที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่อายุไม่มาก มีประวัติการย้ายที่ทำงานรวมถึงย้ายตำแหน่งร้านตัวเองบ่อยมาก เเต่สิ่งที่การันตีความสามารถของเชฟฆวนคือรางวัล Michelin Star ที่ไม่ว่าเชฟฆวนจะย้ายร้านสักกี่ครั้ง ก็จะได้รับดาวติดมือทันทีภายในหนึ่งหรือสองปีหลังจากเปิดร้าน เริ่มจากได้รับ ⭐️ 1 ดาวมิชลินครั้งเเรกในตำแหน่ง Chef de Cuisine ที่ Restaurant Peterselie ในเมือง Lüdenscheid ในปี ค.ศ. 1993 ถัดมาคือการย้ายไปทำงานที่ Restaurant Fährhaus Munkmarsch ที่ Isle of Sylt ในปี ค.ศ. 1997 และได้รับรางวัล ⭐️ 1 ดาวมิชลินทันทีในปีนั้น และข้อบ่งชี้ว่าเชฟฆวนมีฝีมือไม่ธรรมดาคือการย้ายเข้าทำงานที่ Schlosshotel Weyberhöfe ในเมือง Sailauf และได้รับรางวัล ⭐️ 1 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2000 และได้เลื่อนขั้นไปสู่ระดับ ⭐️⭐️ 2 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2002
จุดที่ทำให้เชฟฆวนกลายมาเป็นเชฟระดับโลกคือการเปิดร้านอาหารของตัวเองภายในชื่อ Restaurant Amador ครั้งแรกที่เมือง Frankfurt am Main ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2004 ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Restaurant of the Year ปี ค.ศ. 2005 พ่วงด้วยรางวัล ⭐️⭐️ 2 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2006 และได้เลื่อนขั้นสู่การเป็นร้านอาหารระดับสูงสุดคือ ⭐️⭐️⭐️ 3 ดาวมิชลินในปี ค.ศ. 2007 เมื่อเชฟฆวนมีอายุได้เพียง 39 ปีเท่านั้น ปี ค.ศ. 2011 เชฟฆวนได้ย้ายร้านไปที่เมือง Mannheim ใช้ชื่อว่า Restaurant Amador in Mannheim และได้รับรางวัล ⭐️⭐️⭐️ 3 ดาวมิชลินทันทีซึ่งนับเป็นไม่กี่ร้านในประวัติศาสตร์ของมิชลินไกด์ ที่ได้รับรางวัลสูงสุด 3 ดาวทันทีในปีแรกที่ร้านเปิด สุดท้ายในปี ค.ศ. 2017 ร้านถูกย้ายมาที่ตำแหน่งปัจจุบันคือตอนเหนือของกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ภายใต้ชื่อ Restaurant Amadors Wirtshaus และได้รับรางวัล ⭐️⭐️ 2 ดาวมิชลินทันทีในมิชลินไกด์ออสเตรียปี 2018 และล่าสุดในมิชลินไกด์ออสเตรียปี 2019 หรือเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง Restaurant Amador ก็ถูกยกระดับให้เป็นร้านอาหารระดับ ⭐️⭐️⭐️ 3 ดาวมิชลิน และนับเป็นร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินแห่งแรกและเดียวในประเทศออสเตรีย 🇦🇹 รวมถึงยุโรปตะวันออกทั้งหมด
🧱 จุดเด่นของห้องทานอาหารหลักของที่นี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไปจากห้องอาหารอื่นชัดเจนคือเพดานอิฐสีแดงโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่เชื่อมต่อบริเวณห้องทานอาหารหลักไปจนถึงห้องสำหรับบ่มไวน์ของ Hajszan Winery 🍷 ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์ในเครือ Fritz Wieninger โดยมีเพียงกระจกใสบางๆกั้นเท่านั้น ซึ่งเราสามารถมองเห็นถังบ่มไวน์เรียงต่อกันเป็นแถวๆจากห้องทานอาหารได้ชัดเจน ภายในร้านมีทางออกสู่ภายนอกจากหน้าร้านเพียงฝั่งเดียว เสมือนให้แขกหลุดเข้าไปนั่งทานข้าวอยู่ในอุโมงค์บ่มไวน์ ภายในไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต 📵 ฉะนั้นขอให้นักชิมที่แวะมามีความสุขกับอาหารตรงหน้าเเละคนรอบข้างอย่างเต็มที่ โต๊ะและเก้าอี้ใช้วัสดุไม้แบบมินิมอลิส มีผ้าปูโต๊ะสีขาวตัดกับผ้ารองพื้นสีแดง บนเพดานมีเพียงเชิงเทียนขนาดใหญ่ห้อยลงมาเพื่อให้ความสว่าง และมีเสี้ยวจานแตกห้อยมาอยู่เหนือศีรษะในแต่ละโต๊ะ บนโต๊ะอาหารมีสิ่งประดิษฐ์รูปสัตว์ต่างๆทำมาจากเครื่องครัวหลากหลายชนิด เคียงคู่กับแจกันทรงสี่เหลี่ยมบรรจุดอกไม้สีแดงพร้อมแฮชแท็ก ♥️ #amadorlovesyou
🇪🇸 เนื่องจากเชฟ Juan Amador เป็นลูกชายคนงานชาวสเปน แต่เกิดและเติบโตมาในประเทศเยอรมนี 🇩🇪 อาหารของเขาจึงอ้างอิงจากอาหารสเปนเป็นหลัก เเต่มีกลิ่นอายและสอดแทรกความเป็นเยอรมันเข้าไปด้วย อาหารทุกจานมีคุณภาพสูงมาก ทุกคอร์สใช้วัตถุดิบระดับสูงสุดเท่าที่จะหามาได้ในแต่ละฤดูกาล มีเทคนิคการปรุงที่ซับซ้อน และมีรสชาติที่เกินกว่าจะคาดการณ์จากรายชื่อของวัตถุดิบที่ให้มาในสมุดเมนูได้ ทันทีที่เรารับทราบการประกาศให้ Restaurant Amador เป็นร้านอาหารระดับสามดาวมิชลิน ⭐️⭐️⭐️ ในปี 2019 เพียงราวๆครึ่งชั่วโมง เราก็ตัดสินใจกดเข้าไปเพื่อจองร้านอาหารในเวปไซท์ทันที และพบว่าร้านถูกจองเต็มเกือบหมดเเละเหลือช่องว่างเพียงสล็อตเดียวเท่านั้น ทำให้เราต้องปรับแพลนเที่ยวทั้งหมดและต้องขับรถมาจากกรุง Budapest ประเทศ Hungary 🇭🇺 เป็นระยะทางไกลกว่า 260 กิโลเมตรภายในวันเดียวเพื่อมาทานอาหารมื้อนี้ โดยเราได้โอกาสเข้าไปทานมื้อค่ำซึ่งจะมีเมนูให้เลือกแบบเดียวคือ 📃 MOMENTUM เซ็ตเมนู 8 คอร์สที่ดีที่สุดของทางร้านในราคา 235 ยูโรต่อคน แม้ว่าราคาจัดว่าสูงระดับหนึ่งแต่ถือว่าคุ้มค่า เนื่องจากอาหารที่เราทานในวันนี้ทั้งหมดไม่มีจานไหนด้อยเลย และมีคอร์สที่โดดเด่นจนประทับใจและลืมไม่ลงมากมาย เช่น CARABINERO 🦐 ที่ใช้กุ้งแดง carabinero ทานกับ variation of cauliflower ซึ่งถือว่าเป็น single plate ที่อร่อยที่สุดในการตามล่ามิชลินกว่าสิบร้านในทริปนี้ และขอยกให้เป็นคอร์สกุ้งแดงที่อร่อยที่สุดเท่าที่เราเคยทานมาเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีคอร์ส signature ของทางร้านคือ MIERAL PIGEON 🕊 ที่ใช้นกพิราบเนื้อนุ่ม ทานกับ “แกงม่วง” สูตรลับของทางร้าน ก็จัดว่าเด็ดไม่แพ้กัน อย่างสุดท้ายที่ต้องขอพูด เพราะรสชาติดีอย่างคาดไม่ถึงคือคอร์ส AMUSE-BOUCHE หรือคอร์สเรียกน้ำย่อย Japanese bun 🎌 ที่ทำออกมาได้ดีเกินคาดมากๆ เนื้อขนมปังนุ่ม มีกลิ่นหอม จัดเป็นซาลาเปาลูกเดียวที่อร่อยที่สุดเท่าที่เราเคยทานมา อร่อยกว่าร้านอาหารจีนติดดาวเสียอีก นอกจากนี้พนักงานทุกคนยังมีความรู้อย่างละเอียด สามารถตอบรายละเอียดเชิงลึกของอาหารตั้งเเต่วัตถุดิบไปจนถึงเทคนิคการปรุง และรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายที่เราไม่คิดว่าพนักงานจะตอบได้ ขนาดที่ว่าเราหยิบมีดขึ้นมาลูบดู พนักงานที่เดินผ่านมายังเเวะบอกเราว่า 🔪 “ทางร้านได้มีดเล่มนี้มาจากบริษัทเครื่องเงิน Robbe & Berking ที่ก่อตั้งในประเทศ Germany มาตั้งเเต่ปี ค.ศ. 1874 คุณชอบมันใช่ไหม” สุดยอดจริงๆ
📃 MOMENTUM 8 COURSE MENUE (€ 235/p)
TAPAS & SNACKS
ICED BEURRE BLANC
Gillardeau No2 I Hazelnutmilk I Royal Kaviar
****
CARABINERO
Cauliflower I Kaffir Lime I Turon
****
ROUGE BARBET
Pea I Morrel I Vienna Snail
****
ST. JAQUES
Jalapeño I Avocado I Chicken Skin
****
PIKE PERCH
Cabbage I Pimenton I Luma Pork
****
MIERAL PIGEON
Mango I Coconut I Purple Curry
****
„LE PRINTEMPS"
Mara de Bois I Cucumber I Sorell
****
„EDELWEISS“
Rhubarb I Ginger I Tagetes
****
PEQUEÑAS LOCURAS
👍 อาหารรสชาติดี มีจุดให้ติไม่มากนัก ราคาสูงสมกับมาตรฐานของร้าน หากใครเเวะมาเที่ยวกรุงเวียนนาถือว่าควรค่าแก่การแวะมาชิมสักครั้ง
รสชาติ : 17/20
ราคา : 14/20
ความคุ้มค่า : 16/20
บรรยากาศ : 17/20
บริการ : 17/20
ความประทับใจโดยรวม : 17/20
🧱 จุดเด่นของห้องทานอาหารของที่นี่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างไปจากห้องอาหารอื่นชัดเจนคือเพดานอิฐสีแดงโค้งครึ่งวงกลมขนาดใหญ่เชื่อมต่อบริเวณห้องทานข้าวไปจนถึงห้องสำหรับบ่มไวน์โดยมีเพียงกระจกใสบางๆกั้นเท่านั้น ซึ่งเราสามารถมองเห็นถังบ่มไวน์เรียงต่อกันเป็นแถวๆจากห้องทานอาหารได้ชัดเจน
TAPAS & SNACKS
Vitello Tonnato
สำหรับสแนคคำแรกที่นำเสิร์ฟคือวิลเตลโล่ ทอนาโต อาหารพื้นบ้านเมดอเตอเรเนียน ที่ถูกนำมาปรับให้ดูทันสมัย เริ่มจากเนื้อวัวกลิ่นหอม มีรสเค็มอ่อนทานกับแผ่นแป้งบางกรอบ เข้ากันได้ดี (17/20)
TAPAS & SNACKS
Japanese Dumpling with Chorizo
ซาลาเปาแบบญี่ปุ่น แป้งนุ่มมาก เเทบจะชะลายในปาก ด้านบนเป็นโชริโซ่หรือไส้กรอกสเปนรสออกเค็ม อร่อยมากๆ จัดเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยที่ดีที่สุดในรอบหลายเดือนที่ทานมาเลยทีเดียว (20/20)
TAPAS & SNACKS
Fried Egg with Périgord Black Truffle & Salted Caramel
ไข่ทอดทานคู่กับเปอริโกดทรัฟเฟิลจากฝรั่งเศส และคาราเมลรสเค็ม ทานเข้าไปจะได้รสของไข่ เพิ่มเติมคือมีกลิ่นหอมทรัฟเฟิล (17/20)
TAPAS & SNACKS
Gazpacho
กัสปาโช่ คือซุปเย็นของสเปน ทำจากผักดิบ นิยมเสิร์ฟมาเป็นสตาร์ทเตอร์ ช่วยเรียกความสดชื่นก่อนเข้ามื้ออาหารได้ดี (16/20)
TAPAS & SNACKS
Goose Liver Ice Cream with Apple Espuma & Smoked Eel
ไอศกรีมทำจากฟัวกราส์ เนื้อเนียนมาก มีกลิ่นที่ดีของตับ เเต่ไม่มีกลิ่นคาวเลย ทานกับโฟมแอปเปิ้ลรสเปรี้ยวและปลาไหลรมควันด้านล่าง (18/20)
ICED BEURRE BLANC
Gillardeau No2 I Hazelnutmilk I Royal Kaviar
สำหรับจานแรกคือ เบลอบล็องก์แช่แข็ง เป็นคอร์สที่เชฟหยิบยืมซอสเนยเบลอบล็องก์ชื่อดังของฝรั่งเศสที่ปกติจะทำเป็นซอสอุ่นมาทำเป็นไอศกรีมเสิร์ฟแล้วเย็นแทน อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญคือหอยนางรมจีราโดเบอ 2 ทานกับโฟมทำจากนมของถั่วฮาเซลนัท ทอปด้วยรอยัลคาเวีย ตัวคาเวียเหนียวหนึบ ไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยมากๆ ตัวคาเวียใส่มาเพื่อทานเอาเนื้อสัมผัสอย่างเดียว ส่วนไอศกรีมซอสเนยกับโฟมนมถั่วก็มีรสชาติเสริมกันอย่างพอเหมาะ เป็นคอร์สเริ่มที่หน้าตาดูเรียบง่าย แต่รสชาติซับซ้อนมากจริงๆ (18/20)
CARABINERO
Cauliflower I Kaffir Lime I Turon
สำหรับคอร์สนี้เป็นคอร์สอาหารที่ทำให้เราประทับใจมากที่สุดในรอบปี จากการผ่านร้านอาหารระดับทอปมามากกว่า 100 แห่ง ขอยกให้อาหารจานนี้เป็นอาหารจานที่ดีที่สุดที่ทานมาในรอบปีเลย
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าตอนทานคอร์สนี้คำแรก เราตกใจกับรสชาติที่ได้ชิมมาก โดยปกติการมาทานที่ร้านอาหารระดับสามดาวมิชลินนั้นเราย่อมมาพร้อมความคาดหวังสูงสุด แต่สำหรับคอร์สนี้สิ่งที่ได้ชิมมีรสชาติเกินความคาดหวังไปไกลมาก และไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ทานอาหาร single plate จานเดียวที่ทำได้รสชาติได้อร่อยเเละน่าประทับใจขนาดนี้อีกเมื่อไหร่ ครั้งล่าสุดที่เราประทับใจกับอาหารจานหนึ่งมากขนาดนี้ต้องย้อนไปที่คอร์ส Five different ages of Parmigiano Reggiano in five different textures ของร้าน Osteria Francescana ระดับสามดาวมิชลินที่เรามีโอกาสได้ชิมเมื่อกลางปีที่แล้วนู่นเลย เกริ่นมามากขอเข้าเรื่องที่รูปถัดไปดีกว่า (20/20)
ต่อกันในคอมเม้นจ้าา
ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้