“ขอบใจที่ยังคิดถึงคนเฒ่าคนแก่ แล้วหมอเคนล่ะไม่ได้มาด้วยเหรอ” คุณหญิงรัตนาถามถึงลูกชายเพราะนานแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ครั้นจะไปหาถึงที่ทำงานก็ยังไม่มีเวลาเพราะต่างก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง จะมีก็แต่ส่งข้อความคิดถึงแก่กัน เสียงมือถือบอกข้อความเข้า คุณหญิงรัตนาหยิบขึ้นมาเปิดอ่านก่อนจะฉีกยิ้มแล้วหันมาคุยกับแขกคนพิเศษ
“ตายยากจริงๆ ลูกชายคนนี้ ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแถมยังส่งรูปหัวใจมาให้แม่อีก ถามจริงเถอะ หมอเคนของแม่กำลังมีความรักอยู่ใช่ไหม”
คำถามนั้นทำเอานายแพทย์คิมหันต์เกิดอาการติดอ่างชั่วขณะ สำหรับเรื่องนี้เขาคิดว่าท่านน่าจะได้รู้จากปากของลูกชายตัวเองและที่สำคัญจะคุยเรื่องย้ายไปทำงานในพื้นที่พิเศษอย่างไรเพื่อไม่ให้คุณหญิงรัตนาอารมณ์เสียไปก่อน
“เออ เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับแต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างแน่ใจ” เขาเว้นระยะด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ
“ลูกชายของคุณแม่เขาเป็นคนมุ่งมั่นและตั้งใจมาก ไม่ว่าเส้นทางที่หมอเคนเลือกจะอันตรายและเสี่ยงมากแค่ไหน เขาก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด” เมื่อเกริ่นเรื่องเสร็จก็ลอบมองปฏิกิริยาของคุณหญิงรัตนาแต่ว่า...รอยยิ้มเมื่อครู่มันหายไปไหนหมดแล้ว
“คราวนี้ลูกชายแม่วานให้หมอคิมทำเรื่องอะไรอีกล่ะ”
สมกับเป็นมารดาของนายแพทย์ครรชิตที่สามารถอ่านเกมลูกชายตัวเองออก แต่ถ้าเป็นแบบนี้เขาจะเจรจาลำบาก ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ วินาทีนี้ค่อนข้างกดดัน จะมองหน้าท่านได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้ก็ไม่ต่างจากลูกไก่อยู่ในกำมือ
“เออ”
“หมอคิม เราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้วนะ หมอคิมน่าจะรู้ดีว่าแม่ไม่ชอบคนพูดจาอ้อมค้อม”
เล่นเอาแพทย์หนุ่มถึงกับเหงื่อซึมทั้งที่อุณหภูมิในห้องก็ไม่ได้ร้อนเลยแต่จากการประเมินทางสีหน้าก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าปฏิบัติการครั้งนี้อาจพบกับความล้มเหลว
“ผมทราบดีครับ มันคงเป็นเรื่องยากถ้าคุณแม่จะอนุญาตให้หมอเคนไปปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัด”
“อะไรนะ”
เสียงของคุณหญิงรัตนาดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าตกใจหลังได้ยินคำพูดประโยคนั้น ท่านถึงกับลุกขึ้นยืนทำหน้าฟัดเหวี่ยงจนคนที่นั่งด้วยทำอะไรไม่ถูก แพทย์หนุ่มหลับตาตั้งสติ วินาทีนี้เขาจะทำเช่นไรเพื่อโน้มน้าวจิตใจของอีกฝ่ายให้เย็นลงก่อนที่ไฟมันจะลุกไปทั่วห้อง
“ภารกิจนี้หมอเคนตั้งใจมาก เขาอยากลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือผู้คนที่นั่น โดยไม่สนถึงความยากลำบากหรือแม้แต่ความเสี่ยงที่อาจจะต้องเจอ หมอเคนบอกว่าที่นั่นต้องการหมอผ่าตัดมือดีเพื่อยื้อชีวิตคนบริสุทธิ์ไว้ ความเสียสละของหมอเคนถือว่ายิ่งใหญ่และเป็นประโยชน์กับคนจำนวนมาก ผมจึงมาที่นี่เพื่อมาขอ...”
“จะมาขอให้แม่อนุญาตให้หมอเคนไปที่นั่นนะเหรอ หมอคิมคิดว่าแม่จะปล่อยให้ลูกชายตัวเองไปอยู่ในที่อันตรายแบบนั้นได้งั้นหรือ แม่มีลูกชายอยู่แค่คนเดียวนะ ถ้าแม่อนุญาตก็เท่ากับว่าแม่ปล่อยให้ลูกชายของแม่ไปทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น”
นายแพทย์คิมหันต์ปาดเหงื่อที่ซึมมาเต็มหน้าผาก เป็นคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนโดยไม่ต้องแปลให้ยุ่งยาก เงยหน้ามองคุณหญิงรัตนาเห็นสายตาไม่พอใจ ทำให้เขาต้องหลบเลี่ยงที่จะเผชิญหน้า รู้ว่ามันไม่มีทางสำเร็จแต่เพราะคำขอร้องของแพทย์รุ่นน้องที่ตั้งความหวังไว้กับเขาให้จัดการเรื่องนี้ มันเลยยากมากที่จะปฏิเสธ
“คือคุณแม่ครับ...”
“พอ ยังไงแม่ก็ไม่อนุญาต หมอคิมกลับไปเถอะแล้วก็บอกลูกชายตัวดีของแม่ด้วยว่าแม่ไม่อนุญาต หมอเคนจะไปที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม่รู้ว่าหมอเคนขัดคำสั่ง แม่จะเล่นงานโรงพยาบาลรวมทั้งเราด้วยหมอคิม” คุณหญิงยื่นคำขาดและคำพูดทั้งหมดของท่านก็ถูกถ่ายทอดโดยนายแพทย์คิมหันต์ในหลายชั่วโมงต่อมา
ถือเป็นการรอคอยที่สูญเปล่าจริงๆ
“เห็นไหม เรื่องอนุมัติผมเซ็นให้ตอนนี้ยังได้เลย แต่ผมไม่อยากมีปัญหากับคุณแม่ของคุณ เอาจริงๆ นะท่านมีอำนาจมากพอที่จะสั่งปิดโรงพยาบาลผมได้เลยนะ” ผอ. กรรชัยว่า ยืนกอดอกเดินไปเดินมา หันมาจ้องหน้านายแพทย์ครรชิตที่ยังนั่งเงียบอยู่
“ผมว่าหมอเคนล้มเลิกที่จะไปที่นั่นเถอะ ปล่อยให้หมออาสาที่เขาไม่มีปัญหาติดพันไปดีกว่า บอกตามตรงผมยังไม่อยากมีปัญหากับแม่ของคุณ”
“พี่เห็นด้วยกับผอ. นะ ถึงเหตุผลที่นายต้องไปมันจะสำคัญกับตัวนายมากแค่ไหน แต่ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะยอมปล่อยให้ลูกตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น ถ้านายเห็นตรงกับสิ่งที่พี่พูด ก็ล้มเลิกเถอะ”
นายแพทย์ครรชิตสบตาแพทย์รุ่นพี่ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแย่ มันค่อนข้างแย่ที่สุดที่ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลยและเป็นครั้งแรกที่ได้รับการคัดค้านเสียงแข็งจากมารดา ปกติท่านเป็นคนมีเหตุผลและครั้งนี้ก็คงมีเหตุผลมากพอที่จะปฏิเสธคำขอของเขา
หลังจากแผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า การเจรจาล้มเหลวแถมยังถูกยื่นคำขาดไม่ให้ลงพื้นที่เสี่ยงภัยนั่นอีก ถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ ในเมื่อยังมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่อยากจะไป แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พังไม่มีชิ้นดี
นายแพทย์ครรชิตล้วงเอาบางสิ่งออกจากกระเป๋ากางเกง เป็นป้ายชื่อของแพทย์หญิงสิริลักษณ์ เขาดูอยู่สักพักด้วยความรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะรีบเก็บไว้ที่เดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคน ไม่นานก็รู้สึกว่าไหล่ข้างหนึ่งกำลังถูกโอบไว้
“พี่เข้าใจความรู้สึกของนายนะ กลับกันพี่ก็เข้าใจแม่นายด้วย ท่านมีนายเป็นลูกแค่คนเดียว ท่านคาดหวังกับนายไว้มาก จึงไม่อาจปล่อยให้นายไปใช้ชีวิตในที่ที่เสี่ยงอันตรายแบบนั้นได้”
“ทำไมจะต้องกลัวขนาดนั้นด้วย บางทีที่ที่ว่าอันตรายอาจไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด คนที่นั่นเค้ายังอยู่ได้เลย อย่างที่มาจากกรุงเทพไปประจำที่นั่นก็ตั้งหลายคน ผมก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะเป็นอะไรเลย”
“พูดแบบนี้คิดจะขัดคำสั่งแม่นายใช่ไหม” นายแพทย์คิมหันต์ชี้นิ้วถามด้วยความตกใจ ขืนทำแบบนั้นไม่เฉพาะแค่โรงพยาบาลเท่านั้นที่จะเดือดร้อน ตัวเขาเองก็เตรียมตัวขึ้นแท่นประหารได้เลย
“ถ้าผมขัดได้ผมคงขัดไปแล้ว ไม่มานั่งปวดหัวคิดไม่ตกแบบนี้หรอกครับ” นายแพทย์ครรชิตตอบสีหน้าไม่ราบรื่น เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แดดเริ่มอ่อนตัวลงตามเวลา นี่ก็ย่างเข้าบ่ายสองแล้วแต่เขายังจัดการเรื่องย้ายไม่สำเร็จ เห็นทีความหวังครั้งสุดท้ายคงไม่มีอีกแล้ว หรือไม่...ปาฏิหาริย์ก็ไม่มีอยู่จริง
“จริงสิ นายบอกพี่ว่าหมอคนนั้นจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”
นายแพทย์หนุ่มเอียงหน้ามองแพทย์รุ่นพี่ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นที่ฝีปากได้รูปคู่นั้นจึงถามกลับไปว่าต้องการจะบอกอะไรตนหรือเปล่า
“ก็จะมัวเศร้าอยู่ทำไม ไปหาเธอสิ เครื่องบินส่วนตัวก็มีนี่ โทรไปกริ๊งเดียวลูกน้องแม่นายก็จัดการให้ทันที แต่ต้องกำชับลูกน้องแม่นายให้ดี ไม่งั้นจะลำบาก”
“พี่...หมายถึงจะให้ผมไปหาเธอตอนนี้เลยหรือครับ”
“เออดิ หรือนายไม่อยากไปล่ะ” คำเย้าแหย่ของนายแพทย์คิมหันต์ ทำเอาคนฟังถึงกับหัวเราะออกมา ความจริงน่าจะคิดได้ตั้งแต่แผนการล่มแล้ว
“พี่นี่มัน...สุดยอดจริงๆ เลย” เอ่ยจบก็ดึงแพทย์รุ่นพี่มากอด ทำทีจะหอมแก้มแต่อีกฝ่ายมีท่าทีรังเกียจเห็นได้จากที่ผลักเขาออกโดยเร็ว นายแพทย์ครรชิตมองแล้วยิ้มเอ่ยขอบคุณจากใจแล้ววิ่งออกไปไม่ทันฟังเสียงทักของแพทย์หญิงดาวิกาที่สวนทางกันตรงทางขึ้นดาดฟ้า
“นั่นหมอเคนจะรีบไปไหนคะ” แพทย์สาวถามขึ้นแต่ไม่ได้เสียงตอบนอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ
“ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงคะรุ่นพี่”ดวงตาคู่สวยมองจ้องอีกฝ่ายอย่างจับผิดแต่ถูกย้อนถามกลับหน้าตาเฉย
“แล้วหมอดาคิดว่าพี่หมายความว่ายังไงล่ะ”
“รุ่นพี่อย่าลีลาซิคะ บอกดามาเถอะว่าหมอเคนจะรีบไปไหน ขนาดดาดักด้วยยังไม่ทันตอบดาเลย”
“ไปตามหาเสียงหัวใจนะ” คนตอบยิ้มให้เล็กน้อยแต่คนฟังถึงกับใบ้รับประทาน
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากแพทย์รุ่นพี่อย่างคร่าวๆ ก็พอจับใจความสำคัญได้ว่าเป็นอะไร ถึงตอนนี้กลับรู้สึกเห็นใจนายแพทย์ครรชิต คิดว่าหนทางจะได้ไปช่วยราชการในพื้นที่เสี่ยงภัยคงไม่มีหวังอีกแล้ว ลองคุณหญิงรัตนายืนยันหนักแน่นขนาดนั้นคงไม่มีใครหน้าไหนกล้าขัดคำสั่งแน่
แล้วเช่นนั้น ความลับของเธอจะเป็นเช่นไรล่ะ
“หมอดาคิดว่าหมอเคนจะได้เจอหมอคนนั้นไหม” คำพูดประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากหนาแต่น่ามองของนายแพทย์คิมหันต์ cแต่ฟังจากคำตอบที่ได้รับเหมือนคู่สนทนาจะยังไม่มั่นใจ
“ก็น่าจะได้เจอ”
“งั้นเสียใจหรือเปล่าที่หมอเคนได้เจอคนที่ใช่แล้ว” เขาเอียงหน้าถามมองหญิงสาวที่กำลังยืนจับราวระเบียง ท่าทีเธอดูนิ่งจนเดาไม่ออกว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
“ดีใจซะมากกว่าค่ะ” เธอหันมาตอบเสียงใสเห็นเขาเพียงพยักหน้าเหมือนรับทราบแต่ให้ตายเถอะ หน้าตาการรับรู้ของเขาทำเธอโมโห นี่คงจะคิดว่าเธอจะเสียใจสินะที่นายแพทย์ครรชิตได้เจอสาวที่ชอบแล้ว ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย
“จริงสิ หมอเคนบอกผมว่าวันก่อนเจอหมอดามาด้อมๆ มองๆ ที่แผนกผม ว่าแต่ไปทำอะไรที่นั่นครับ” คนถามหน้าตาใสซื่อหากคนถูกถามตอนนี้หัวใจเต้นตุบๆ
ในที่สุดความลับของเธอก็ถูกเปิดเผยจนได้ น่าจะชะล่าใจตั้งแต่แรกว่าคนอย่างหมอเคนจะต้องเอาคืนเธอสักวันแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายไม่กะพริบ หน้าหล่อๆ แถมปากน่าจุ๊บแบบนี้ หากสารภาพรักซะตอนนี้เลยจะดีไหม หรือถ้าถูกปฏิเสธล่ะ คงไม่ดีแน่
“เออ...”
“เออ...” คิมหันต์พูดตามบ้างแล้วก็ยิ้มออกมา
“ผมรู้แล้ว”
“หะ...”
แพทย์หญิงดาวิกาอ้าปากค้าง เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นจริงๆ ยิ่งสายตาที่เขามองมาก็ยิ่งทำให้ใจสั่น เท้าหนาค่อยๆ ก้าวมาหาขณะที่หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง
100 %
นิยาย...emergency love วิกฤตรักฉบับฉุกเฉิน ตอนที่ 4
“ตายยากจริงๆ ลูกชายคนนี้ ส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงแถมยังส่งรูปหัวใจมาให้แม่อีก ถามจริงเถอะ หมอเคนของแม่กำลังมีความรักอยู่ใช่ไหม”
คำถามนั้นทำเอานายแพทย์คิมหันต์เกิดอาการติดอ่างชั่วขณะ สำหรับเรื่องนี้เขาคิดว่าท่านน่าจะได้รู้จากปากของลูกชายตัวเองและที่สำคัญจะคุยเรื่องย้ายไปทำงานในพื้นที่พิเศษอย่างไรเพื่อไม่ให้คุณหญิงรัตนาอารมณ์เสียไปก่อน
“เออ เรื่องนี้ผมก็ไม่แน่ใจครับแต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมค่อนข้างแน่ใจ” เขาเว้นระยะด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดต่อ
“ลูกชายของคุณแม่เขาเป็นคนมุ่งมั่นและตั้งใจมาก ไม่ว่าเส้นทางที่หมอเคนเลือกจะอันตรายและเสี่ยงมากแค่ไหน เขาก็พร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด” เมื่อเกริ่นเรื่องเสร็จก็ลอบมองปฏิกิริยาของคุณหญิงรัตนาแต่ว่า...รอยยิ้มเมื่อครู่มันหายไปไหนหมดแล้ว
“คราวนี้ลูกชายแม่วานให้หมอคิมทำเรื่องอะไรอีกล่ะ”
สมกับเป็นมารดาของนายแพทย์ครรชิตที่สามารถอ่านเกมลูกชายตัวเองออก แต่ถ้าเป็นแบบนี้เขาจะเจรจาลำบาก ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกๆ วินาทีนี้ค่อนข้างกดดัน จะมองหน้าท่านได้อย่างไรในเมื่อตอนนี้ก็ไม่ต่างจากลูกไก่อยู่ในกำมือ
“เออ”
“หมอคิม เราก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้วนะ หมอคิมน่าจะรู้ดีว่าแม่ไม่ชอบคนพูดจาอ้อมค้อม”
เล่นเอาแพทย์หนุ่มถึงกับเหงื่อซึมทั้งที่อุณหภูมิในห้องก็ไม่ได้ร้อนเลยแต่จากการประเมินทางสีหน้าก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าปฏิบัติการครั้งนี้อาจพบกับความล้มเหลว
“ผมทราบดีครับ มันคงเป็นเรื่องยากถ้าคุณแม่จะอนุญาตให้หมอเคนไปปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัด”
“อะไรนะ”
เสียงของคุณหญิงรัตนาดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าตกใจหลังได้ยินคำพูดประโยคนั้น ท่านถึงกับลุกขึ้นยืนทำหน้าฟัดเหวี่ยงจนคนที่นั่งด้วยทำอะไรไม่ถูก แพทย์หนุ่มหลับตาตั้งสติ วินาทีนี้เขาจะทำเช่นไรเพื่อโน้มน้าวจิตใจของอีกฝ่ายให้เย็นลงก่อนที่ไฟมันจะลุกไปทั่วห้อง
“ภารกิจนี้หมอเคนตั้งใจมาก เขาอยากลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหลือผู้คนที่นั่น โดยไม่สนถึงความยากลำบากหรือแม้แต่ความเสี่ยงที่อาจจะต้องเจอ หมอเคนบอกว่าที่นั่นต้องการหมอผ่าตัดมือดีเพื่อยื้อชีวิตคนบริสุทธิ์ไว้ ความเสียสละของหมอเคนถือว่ายิ่งใหญ่และเป็นประโยชน์กับคนจำนวนมาก ผมจึงมาที่นี่เพื่อมาขอ...”
“จะมาขอให้แม่อนุญาตให้หมอเคนไปที่นั่นนะเหรอ หมอคิมคิดว่าแม่จะปล่อยให้ลูกชายตัวเองไปอยู่ในที่อันตรายแบบนั้นได้งั้นหรือ แม่มีลูกชายอยู่แค่คนเดียวนะ ถ้าแม่อนุญาตก็เท่ากับว่าแม่ปล่อยให้ลูกชายของแม่ไปทิ้งชีวิตไว้ที่นั่น”
นายแพทย์คิมหันต์ปาดเหงื่อที่ซึมมาเต็มหน้าผาก เป็นคำตอบที่ค่อนข้างชัดเจนโดยไม่ต้องแปลให้ยุ่งยาก เงยหน้ามองคุณหญิงรัตนาเห็นสายตาไม่พอใจ ทำให้เขาต้องหลบเลี่ยงที่จะเผชิญหน้า รู้ว่ามันไม่มีทางสำเร็จแต่เพราะคำขอร้องของแพทย์รุ่นน้องที่ตั้งความหวังไว้กับเขาให้จัดการเรื่องนี้ มันเลยยากมากที่จะปฏิเสธ
“คือคุณแม่ครับ...”
“พอ ยังไงแม่ก็ไม่อนุญาต หมอคิมกลับไปเถอะแล้วก็บอกลูกชายตัวดีของแม่ด้วยว่าแม่ไม่อนุญาต หมอเคนจะไปที่นั่นไม่ได้เด็ดขาด ถ้าแม่รู้ว่าหมอเคนขัดคำสั่ง แม่จะเล่นงานโรงพยาบาลรวมทั้งเราด้วยหมอคิม” คุณหญิงยื่นคำขาดและคำพูดทั้งหมดของท่านก็ถูกถ่ายทอดโดยนายแพทย์คิมหันต์ในหลายชั่วโมงต่อมา
ถือเป็นการรอคอยที่สูญเปล่าจริงๆ
“เห็นไหม เรื่องอนุมัติผมเซ็นให้ตอนนี้ยังได้เลย แต่ผมไม่อยากมีปัญหากับคุณแม่ของคุณ เอาจริงๆ นะท่านมีอำนาจมากพอที่จะสั่งปิดโรงพยาบาลผมได้เลยนะ” ผอ. กรรชัยว่า ยืนกอดอกเดินไปเดินมา หันมาจ้องหน้านายแพทย์ครรชิตที่ยังนั่งเงียบอยู่
“ผมว่าหมอเคนล้มเลิกที่จะไปที่นั่นเถอะ ปล่อยให้หมออาสาที่เขาไม่มีปัญหาติดพันไปดีกว่า บอกตามตรงผมยังไม่อยากมีปัญหากับแม่ของคุณ”
“พี่เห็นด้วยกับผอ. นะ ถึงเหตุผลที่นายต้องไปมันจะสำคัญกับตัวนายมากแค่ไหน แต่ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะยอมปล่อยให้ลูกตัวเองไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้น ถ้านายเห็นตรงกับสิ่งที่พี่พูด ก็ล้มเลิกเถอะ”
นายแพทย์ครรชิตสบตาแพทย์รุ่นพี่ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกแย่ มันค่อนข้างแย่ที่สุดที่ไม่สามารถจัดการอะไรได้เลยและเป็นครั้งแรกที่ได้รับการคัดค้านเสียงแข็งจากมารดา ปกติท่านเป็นคนมีเหตุผลและครั้งนี้ก็คงมีเหตุผลมากพอที่จะปฏิเสธคำขอของเขา
หลังจากแผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า การเจรจาล้มเหลวแถมยังถูกยื่นคำขาดไม่ให้ลงพื้นที่เสี่ยงภัยนั่นอีก ถึงตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ ในเมื่อยังมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่อยากจะไป แต่สุดท้ายทุกอย่างก็พังไม่มีชิ้นดี
นายแพทย์ครรชิตล้วงเอาบางสิ่งออกจากกระเป๋ากางเกง เป็นป้ายชื่อของแพทย์หญิงสิริลักษณ์ เขาดูอยู่สักพักด้วยความรู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะรีบเก็บไว้ที่เดิมเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคน ไม่นานก็รู้สึกว่าไหล่ข้างหนึ่งกำลังถูกโอบไว้
“พี่เข้าใจความรู้สึกของนายนะ กลับกันพี่ก็เข้าใจแม่นายด้วย ท่านมีนายเป็นลูกแค่คนเดียว ท่านคาดหวังกับนายไว้มาก จึงไม่อาจปล่อยให้นายไปใช้ชีวิตในที่ที่เสี่ยงอันตรายแบบนั้นได้”
“ทำไมจะต้องกลัวขนาดนั้นด้วย บางทีที่ที่ว่าอันตรายอาจไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด คนที่นั่นเค้ายังอยู่ได้เลย อย่างที่มาจากกรุงเทพไปประจำที่นั่นก็ตั้งหลายคน ผมก็ไม่เห็นว่าพวกเขาจะเป็นอะไรเลย”
“พูดแบบนี้คิดจะขัดคำสั่งแม่นายใช่ไหม” นายแพทย์คิมหันต์ชี้นิ้วถามด้วยความตกใจ ขืนทำแบบนั้นไม่เฉพาะแค่โรงพยาบาลเท่านั้นที่จะเดือดร้อน ตัวเขาเองก็เตรียมตัวขึ้นแท่นประหารได้เลย
“ถ้าผมขัดได้ผมคงขัดไปแล้ว ไม่มานั่งปวดหัวคิดไม่ตกแบบนี้หรอกครับ” นายแพทย์ครรชิตตอบสีหน้าไม่ราบรื่น เงยหน้ามองท้องฟ้าที่แดดเริ่มอ่อนตัวลงตามเวลา นี่ก็ย่างเข้าบ่ายสองแล้วแต่เขายังจัดการเรื่องย้ายไม่สำเร็จ เห็นทีความหวังครั้งสุดท้ายคงไม่มีอีกแล้ว หรือไม่...ปาฏิหาริย์ก็ไม่มีอยู่จริง
“จริงสิ นายบอกพี่ว่าหมอคนนั้นจะออกเดินทางพรุ่งนี้เช้า”
นายแพทย์หนุ่มเอียงหน้ามองแพทย์รุ่นพี่ ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นที่ฝีปากได้รูปคู่นั้นจึงถามกลับไปว่าต้องการจะบอกอะไรตนหรือเปล่า
“ก็จะมัวเศร้าอยู่ทำไม ไปหาเธอสิ เครื่องบินส่วนตัวก็มีนี่ โทรไปกริ๊งเดียวลูกน้องแม่นายก็จัดการให้ทันที แต่ต้องกำชับลูกน้องแม่นายให้ดี ไม่งั้นจะลำบาก”
“พี่...หมายถึงจะให้ผมไปหาเธอตอนนี้เลยหรือครับ”
“เออดิ หรือนายไม่อยากไปล่ะ” คำเย้าแหย่ของนายแพทย์คิมหันต์ ทำเอาคนฟังถึงกับหัวเราะออกมา ความจริงน่าจะคิดได้ตั้งแต่แผนการล่มแล้ว
“พี่นี่มัน...สุดยอดจริงๆ เลย” เอ่ยจบก็ดึงแพทย์รุ่นพี่มากอด ทำทีจะหอมแก้มแต่อีกฝ่ายมีท่าทีรังเกียจเห็นได้จากที่ผลักเขาออกโดยเร็ว นายแพทย์ครรชิตมองแล้วยิ้มเอ่ยขอบคุณจากใจแล้ววิ่งออกไปไม่ทันฟังเสียงทักของแพทย์หญิงดาวิกาที่สวนทางกันตรงทางขึ้นดาดฟ้า
“นั่นหมอเคนจะรีบไปไหนคะ” แพทย์สาวถามขึ้นแต่ไม่ได้เสียงตอบนอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ
“ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงคะรุ่นพี่”ดวงตาคู่สวยมองจ้องอีกฝ่ายอย่างจับผิดแต่ถูกย้อนถามกลับหน้าตาเฉย
“แล้วหมอดาคิดว่าพี่หมายความว่ายังไงล่ะ”
“รุ่นพี่อย่าลีลาซิคะ บอกดามาเถอะว่าหมอเคนจะรีบไปไหน ขนาดดาดักด้วยยังไม่ทันตอบดาเลย”
“ไปตามหาเสียงหัวใจนะ” คนตอบยิ้มให้เล็กน้อยแต่คนฟังถึงกับใบ้รับประทาน
หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากแพทย์รุ่นพี่อย่างคร่าวๆ ก็พอจับใจความสำคัญได้ว่าเป็นอะไร ถึงตอนนี้กลับรู้สึกเห็นใจนายแพทย์ครรชิต คิดว่าหนทางจะได้ไปช่วยราชการในพื้นที่เสี่ยงภัยคงไม่มีหวังอีกแล้ว ลองคุณหญิงรัตนายืนยันหนักแน่นขนาดนั้นคงไม่มีใครหน้าไหนกล้าขัดคำสั่งแน่
แล้วเช่นนั้น ความลับของเธอจะเป็นเช่นไรล่ะ
“หมอดาคิดว่าหมอเคนจะได้เจอหมอคนนั้นไหม” คำพูดประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากปากหนาแต่น่ามองของนายแพทย์คิมหันต์ cแต่ฟังจากคำตอบที่ได้รับเหมือนคู่สนทนาจะยังไม่มั่นใจ
“ก็น่าจะได้เจอ”
“งั้นเสียใจหรือเปล่าที่หมอเคนได้เจอคนที่ใช่แล้ว” เขาเอียงหน้าถามมองหญิงสาวที่กำลังยืนจับราวระเบียง ท่าทีเธอดูนิ่งจนเดาไม่ออกว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
“ดีใจซะมากกว่าค่ะ” เธอหันมาตอบเสียงใสเห็นเขาเพียงพยักหน้าเหมือนรับทราบแต่ให้ตายเถอะ หน้าตาการรับรู้ของเขาทำเธอโมโห นี่คงจะคิดว่าเธอจะเสียใจสินะที่นายแพทย์ครรชิตได้เจอสาวที่ชอบแล้ว ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย
“จริงสิ หมอเคนบอกผมว่าวันก่อนเจอหมอดามาด้อมๆ มองๆ ที่แผนกผม ว่าแต่ไปทำอะไรที่นั่นครับ” คนถามหน้าตาใสซื่อหากคนถูกถามตอนนี้หัวใจเต้นตุบๆ
ในที่สุดความลับของเธอก็ถูกเปิดเผยจนได้ น่าจะชะล่าใจตั้งแต่แรกว่าคนอย่างหมอเคนจะต้องเอาคืนเธอสักวันแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
ดวงตากลมโตมองอีกฝ่ายไม่กะพริบ หน้าหล่อๆ แถมปากน่าจุ๊บแบบนี้ หากสารภาพรักซะตอนนี้เลยจะดีไหม หรือถ้าถูกปฏิเสธล่ะ คงไม่ดีแน่
“เออ...”
“เออ...” คิมหันต์พูดตามบ้างแล้วก็ยิ้มออกมา
“ผมรู้แล้ว”
“หะ...”
แพทย์หญิงดาวิกาอ้าปากค้าง เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นจริงๆ ยิ่งสายตาที่เขามองมาก็ยิ่งทำให้ใจสั่น เท้าหนาค่อยๆ ก้าวมาหาขณะที่หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง
100 %