ตอนที่ 6 ภารกิจทำตามหัวใจ
อากาศยามนี้ถูกความหนาวเข้ามาปกคลุม บนรถเมล์สายใต้ที่กำลังแล่นสู่ถนนตามเส้นทาง แพทย์หญิงสิริลักษณ์นั่งติดหน้าต่าง ข้างทางสว่างไสวด้วยไฟจากเสา ไม่ลืมเอียงหน้ามองคนที่นั่งมาด้วย ‘ครรชิต’ คนแปลกหน้าที่ได้กลายมาเป็นคนคนหนึ่งที่เธอยอมรับว่าเป็นคนพิเศษ แม้มิอาจเอ่ยออกมาได้เต็มปากว่าเขาคือคนสำคัญ ก็เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผู้ชายคนนี้เหมาะที่จะมาเป็นคนสำคัญของเธอหรือไม่
ท้ายที่สุดแล้วเราก็ไม่ได้ไปไหนไกล แต่ใช้รถเมล์ในการเดินทางกลับซึ่งจุดหมายปลายทางคือบ้านพักของแพทย์สาว หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป มารดาของเธอจะย้ายไปอยู่กับแพทย์หญิงขวัญฤทัยตามที่ได้พูดคุยกันไว้ก่อนหน้า
“คุณหมอกลับมาแล้วหรือคะ”
แพทย์หญิงสิริลักษณ์ยิ้มให้พยาบาลที่ทักมา วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับการจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลมารดา หญิงสาวกำลังถอดร้องเท้าหันมาตอบเสียงอ่อน
“ค่ะ แอมขอโทษนะคะที่กลับมาช้า พี่เลยต้องเสียเวลาไปด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“นี่แม่นอนแล้วหรือคะ”
“ค่ะ ทานยาแล้วก็หลับไป”
“ขอบคุณพี่มากนะคะ นี่ค่ะเงินค่าดูแลแม่” แพทย์หญิงสิริลักษณ์ควักซองเงินออกมาจากกระเป๋ายื่นให้พยาบาล อีกฝ่ายรับมาแล้วเอ่ยลา
“กลับบ้านดีๆ นะคะพี่” ปากอิ่มเอ่ยเสียงอ่อน เดินมาส่งถึงรั้วบ้านรอจนกระทั่งรถของพี่พยาบาลเคลื่อนออกจากบริเวณบ้าน จากนั้นรอเวลาอีกสักพักจนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดจึงเรียกคนที่กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ให้เข้าบ้านได้
“ทำไมต้องให้ผมหลบพี่พยาบาลคนนั้นด้วย ยังกับผมไปทำอะไรผิดมา” คนถามทำหน้าตาสงสัย กำลังเอามือขึ้นปัดฝุ่นที่ติดเสื้อมาตอนถูกแพทย์สาวผลักให้ไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่แถมยังห้ามไม่ให้ออกมาจนกว่าจะเรียก ยิ่งไปกว่านั้นยังขู่ซะใหญ่โตว่าถ้ามีคนเห็นจะไม่ให้เข้าบ้าน
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าพาผู้ชายมาค้างที่บ้าน มันดูไม่ดี”
“อีกเดี๋ยวก็ต้องรู้” เขาทำเสียงหลบพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเข้าบ้าน หากจะเปรียบเทียบกับที่ที่เขาจากมา บ้านพักที่นี่ดูเล็กกว่ามากแต่ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่นน่าอยู่กว่า
“บ้านพักน่าอยู่จัง”
“ตามสบายนะคะ” เธอเอ่ยแล้วหันหลังจะเดินแต่เขารั้งมือไว้เธอขมวดคิ้วใส่แต่เขาแค่ส่งยิ้มมา
“ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้ยังครับ”
“งั้นก็ปล่อยมือฉันสิคะ”
“ถ้าผมไม่ปล่อยมันจะมีปัญหาไหมครับ” คนถามหน้าตายพอๆ กับสายตาคู่นั้นที่มองมาทีแทบทำให้หัวใจแพทย์สาวสั่นไหว เตือนตัวเองเสมอว่าผู้ชายยังเป็นเป็นเพศที่น่ากลัวที่สุด ถึงตอนนี้ชักมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ย้ำเตือนเสมอมามันคือเรื่องจริง
“ปล่อยเถอะค่ะ ฉันต้องรีบไปจัดการกระเป๋าเดินทางต่อ” เธอเอ่ยเบาๆ
นายแพทย์ครรชิตเพียงยิ้มก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาว ความจริงมีเรื่องที่ไม่คาดคิดและไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้อย่างเช่น การได้มีโอกาสมานอนค้างอ้างแรมกับสาวสวยที่แอบหมายตา แล้วเธอล่ะ...รู้สึกยังไง
“คุณ...อยากอาบน้ำไหมคะ”
“ได้เหรอครับ คือผมไม่ได้เอาชุดมา ในกระเป๋าใบนี้ก็มีแค่กระเป๋าสตางค์และก็สมุดบันทึก” จริงอย่างที่บอกเพราะหลังแยกจากนายแพทย์คิมหันต์แล้วก็รีบโทรหานักบินทันทีซึ่งต้องกำชับไม่ให้รู้ไปถึงหูคุณหญิงรัตนาอีกหรือหากถูกจับได้ก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด
“คุณนี่ก็แปลก แปลกมาก”
“อันนี้ชมหรือยังไงครับ” นายแพทย์หนุ่มทำหน้าเหมือนสับสน เห็นเธอยิ้มแล้วอธิบายต่อ
“ก็จู่ๆ คุณก็โผล่มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวและก็...มาได้จังหวะพอดี” แพทย์สาวเปรยออกมา อีกฝ่ายทวงของตอบแทนทันที
“แบบนี้ก็น่าจะให้รางวัลกันซะหน่อย” เขาว่าและเห็นเธอทำหน้างง
“เบอร์โทรไงครับ พรุ่งนี้คุณหมอก็ต้องไปแล้ว จะได้เจอกันอีกหรือเปล่าก็ยังบอกไม่ได้ ดังนั้น ผมควรจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมอเอาไว้ เวลาคิดถึงจะได้โทรไปหา”
“แล้วถ้าฉันไม่ให้ละคะ”
“ผมก็จะรอต่อไป คุณหมอให้โอกาสผมแล้ว ก็น่าจะเอื้ออำนวยให้ผมบ้าง ถ้าเราไม่ติดต่อกันผมจะแสดงความจริงใจที่มีให้คุณหมอได้ยังไงกัน”
“ฟังดูมีเหตุผล เอาโทรศัพท์มาสิคะ” พูดจบโทรศัพท์ก็ถูกวางบนฝ่ามือแทบทันที หญิงสาวยิ้มเบาๆ นิ้วกำลังจิ้มไปเรื่อยก่อนจะยื่นให้ ชายหนุ่มรับมาถือไว้มองตัวเลขที่อยู่ในโทรศัพท์อย่างพอใจ
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเปิดใจให้ผม ว่าแต่ผมจะเมมชื่อว่าอะไรดี นางฟ้าหรือว่าคนสวย” เขาเงยหน้าถาม เธอตอบหน้าตาย
“อันไหนก็ได้ค่ะ เพราะฉันมีครบทั้งสองอย่าง” เธอบ้ายอแล้วหัวเราะคิกๆ ช่างเป็นรอบยิ้มที่วิเศษสุดในความคิดของเขา คงต้องบ้าตายแน่หากต่อไปจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกหรือไม่ต้องมีสักทางที่จะทำให้เขาไปที่นั่นได้โดยไม่ขัดแย้งกับมารดา
“คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้าขนหนูกับเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยน อ้อ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามเดินเพ่นพ่าน ห้ามให้ใครเห็นและก็ห้ามทำให้แม่ฉันตื่นนะคะ”
“ห้ามเยอะจังเลยครับ” ไม่วายบ่นให้ฟังแม้จะไม่เต็มปากนักแต่หญิงสาวก็ยังได้ยิน เธอยืนยันหนักแน่นว่าต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“แล้วก็ต้องปฏิบัติตามด้วยนะคะ” ชี้นิ้วใส่ทำเหมือนคุณครูกำลังอบรมลูกศิษย์แต่ถ้าเขาคือนักเรียนก็คงเป็นนักเรียนที่ติดท๊อปหล่อที่สุดในห้อง
“ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้ครับ ยังไงซะผมก็ยอมคุณหมอทุกอย่างอยู่แล้ว” เขายกมือยอมแพ้พร้อมส่งยิ้มหวาน แพทย์สาวเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะทนมองรอยยิ้มบาดใจนั่นไม่ไหว
แค่ความหล่อของเขาก็ทำเธอใจสั่นมากพอแล้ว นี่ยังจะมีรอยยิ้มแถมมาอีกหรอเห็นทีไม่ต้องรอระยะเวลาเพื่อพิสูจน์อีกแล้วแค่เพียงอยู่ด้วยกันไม่กี่ชั่วโมงหัวใจเธอก็พร้อมจะเทไปให้เขาหมดแล้ว
คงเพราะไม่คุ้นที่ นายแพทย์ครรชิตถึงยังไม่นอน ปกติเวลาแบบนี้ถ้าเขาไม่ได้เข้าเวรก็อาจจะไปสิงสถิตอยู่ที่ผับไหนสักแห่งในกรุงเทพฯ แสงสีเสียงมันทำให้เขาได้ผ่อนคลายจากการทำงานที่ตึงเครียด โดยมีเพื่อนและรุ่นพี่ในแก๊งไปสังสรรค์ด้วยกัน สำหรับคืนนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนักแต่บางคน...คืนนี้อาจเป็นคืนที่แสนเศร้า
ศัลยแพทย์หนุ่มกับเสื้อยืดคอกลมกางเกงผ้าร่มออกมานั่งรับลมที่ชิงช้าหน้าบ้าน เงยหน้าขึ้นมองเห็นดาวบนท้องฟ้า จะมีสักกี่ดวงที่มันจะมีไฟในตัวเอง บางดวงก็มองเห็นแสงเจิดจรัสแต่บางดวงแทบมองไม่เห็น เขาอยากรู้ว่าแพทย์หญิงสิริลักษณ์จะเป็นดาวดวงไหนกัน
“ออกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
เสียงนั้นทำเขาต้องเอนความสนใจมองหน้าหญิงสาวที่ทักเขาและกำลังนั่งลงอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพินิจพิจารณาความสวยที่ปรากฏให้เห็น ผมยาวถึงบ่าที่ยังไม่แห้งสนิท หน้าตาไร้การแต่งหน้าแต่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ อีกทั้งดวงตาแน่วแน่คู่นั้นยังคงแฝงความเศร้าเอาไว้
แพทย์หญิงสิริลักษณ์เอียงหน้ามองข้างเห็นสายตาคมที่มองอยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ไล่ให้เขาได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนตอนนี้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือเด็กน้อยวัยใส ดวงตาซื่อๆ คู่นั้นมันมีมนต์สะกดจนไม่สามารถสลัดทิ้งได้
อาจเพราะความใกล้ชิดหรือบรรยากาศพาไปก็ไม่อาจบอกได้ ใบหน้าคมค่อยๆ โน้มตัวมาหาแต่ความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมา บางทีก็ไม่ควรรีบร้อนเกินไป เขาบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะยิ้มให้เธอแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
“ผมนอนไม่หลับนะครับก็เลยออกมาดูดาว คุณหมอเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันหรือครับ” คำพูดของเขาถึงกับทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาพร้อมกับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่าใช่
“ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะช่วยให้คุณหมอรู้สึกดีขึ้น” เอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะหยิบมือเล็กขึ้นมากุมไว้ ก้มมองมือเล็กคู่นั้นอยู่นานแล้วจึงพูดต่อ
“แต่ก็อยากให้รู้ว่าผมจะไม่อยู่เฉย แค่อยากให้เชื่อมั่นและรอผมอีกหน่อย”
“ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดแต่ก็ขอบคุณมากๆ จริงๆ”
รอยยิ้มของจิตแพทย์สาวไม่ได้ทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเลย เขาจะทำยังไงดีเพื่อจะได้ตามเธอไปช่วยราชการพิเศษโดยที่มารดาของเขาจะไม่สามารถมาขัดขวางได้
50 %
นิยาย...emergency love วิกฤตรักฉบับฉุกเฉิน ตอนที่ 6
อากาศยามนี้ถูกความหนาวเข้ามาปกคลุม บนรถเมล์สายใต้ที่กำลังแล่นสู่ถนนตามเส้นทาง แพทย์หญิงสิริลักษณ์นั่งติดหน้าต่าง ข้างทางสว่างไสวด้วยไฟจากเสา ไม่ลืมเอียงหน้ามองคนที่นั่งมาด้วย ‘ครรชิต’ คนแปลกหน้าที่ได้กลายมาเป็นคนคนหนึ่งที่เธอยอมรับว่าเป็นคนพิเศษ แม้มิอาจเอ่ยออกมาได้เต็มปากว่าเขาคือคนสำคัญ ก็เพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผู้ชายคนนี้เหมาะที่จะมาเป็นคนสำคัญของเธอหรือไม่
ท้ายที่สุดแล้วเราก็ไม่ได้ไปไหนไกล แต่ใช้รถเมล์ในการเดินทางกลับซึ่งจุดหมายปลายทางคือบ้านพักของแพทย์สาว หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป มารดาของเธอจะย้ายไปอยู่กับแพทย์หญิงขวัญฤทัยตามที่ได้พูดคุยกันไว้ก่อนหน้า
“คุณหมอกลับมาแล้วหรือคะ”
แพทย์หญิงสิริลักษณ์ยิ้มให้พยาบาลที่ทักมา วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับการจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแลมารดา หญิงสาวกำลังถอดร้องเท้าหันมาตอบเสียงอ่อน
“ค่ะ แอมขอโทษนะคะที่กลับมาช้า พี่เลยต้องเสียเวลาไปด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“นี่แม่นอนแล้วหรือคะ”
“ค่ะ ทานยาแล้วก็หลับไป”
“ขอบคุณพี่มากนะคะ นี่ค่ะเงินค่าดูแลแม่” แพทย์หญิงสิริลักษณ์ควักซองเงินออกมาจากกระเป๋ายื่นให้พยาบาล อีกฝ่ายรับมาแล้วเอ่ยลา
“กลับบ้านดีๆ นะคะพี่” ปากอิ่มเอ่ยเสียงอ่อน เดินมาส่งถึงรั้วบ้านรอจนกระทั่งรถของพี่พยาบาลเคลื่อนออกจากบริเวณบ้าน จากนั้นรอเวลาอีกสักพักจนแน่ใจแล้วว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดจึงเรียกคนที่กำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ให้เข้าบ้านได้
“ทำไมต้องให้ผมหลบพี่พยาบาลคนนั้นด้วย ยังกับผมไปทำอะไรผิดมา” คนถามทำหน้าตาสงสัย กำลังเอามือขึ้นปัดฝุ่นที่ติดเสื้อมาตอนถูกแพทย์สาวผลักให้ไปหลบหลังต้นไม้ใหญ่แถมยังห้ามไม่ให้ออกมาจนกว่าจะเรียก ยิ่งไปกว่านั้นยังขู่ซะใหญ่โตว่าถ้ามีคนเห็นจะไม่ให้เข้าบ้าน
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าพาผู้ชายมาค้างที่บ้าน มันดูไม่ดี”
“อีกเดี๋ยวก็ต้องรู้” เขาทำเสียงหลบพร้อมกับจูงมือหญิงสาวเข้าบ้าน หากจะเปรียบเทียบกับที่ที่เขาจากมา บ้านพักที่นี่ดูเล็กกว่ามากแต่ทำไมถึงรู้สึกอบอุ่นน่าอยู่กว่า
“บ้านพักน่าอยู่จัง”
“ตามสบายนะคะ” เธอเอ่ยแล้วหันหลังจะเดินแต่เขารั้งมือไว้เธอขมวดคิ้วใส่แต่เขาแค่ส่งยิ้มมา
“ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ”
“ตอนนี้ยังครับ”
“งั้นก็ปล่อยมือฉันสิคะ”
“ถ้าผมไม่ปล่อยมันจะมีปัญหาไหมครับ” คนถามหน้าตายพอๆ กับสายตาคู่นั้นที่มองมาทีแทบทำให้หัวใจแพทย์สาวสั่นไหว เตือนตัวเองเสมอว่าผู้ชายยังเป็นเป็นเพศที่น่ากลัวที่สุด ถึงตอนนี้ชักมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่ย้ำเตือนเสมอมามันคือเรื่องจริง
“ปล่อยเถอะค่ะ ฉันต้องรีบไปจัดการกระเป๋าเดินทางต่อ” เธอเอ่ยเบาๆ
นายแพทย์ครรชิตเพียงยิ้มก่อนจะยอมปล่อยมือหญิงสาว ความจริงมีเรื่องที่ไม่คาดคิดและไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้อย่างเช่น การได้มีโอกาสมานอนค้างอ้างแรมกับสาวสวยที่แอบหมายตา แล้วเธอล่ะ...รู้สึกยังไง
“คุณ...อยากอาบน้ำไหมคะ”
“ได้เหรอครับ คือผมไม่ได้เอาชุดมา ในกระเป๋าใบนี้ก็มีแค่กระเป๋าสตางค์และก็สมุดบันทึก” จริงอย่างที่บอกเพราะหลังแยกจากนายแพทย์คิมหันต์แล้วก็รีบโทรหานักบินทันทีซึ่งต้องกำชับไม่ให้รู้ไปถึงหูคุณหญิงรัตนาอีกหรือหากถูกจับได้ก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด
“คุณนี่ก็แปลก แปลกมาก”
“อันนี้ชมหรือยังไงครับ” นายแพทย์หนุ่มทำหน้าเหมือนสับสน เห็นเธอยิ้มแล้วอธิบายต่อ
“ก็จู่ๆ คุณก็โผล่มาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวและก็...มาได้จังหวะพอดี” แพทย์สาวเปรยออกมา อีกฝ่ายทวงของตอบแทนทันที
“แบบนี้ก็น่าจะให้รางวัลกันซะหน่อย” เขาว่าและเห็นเธอทำหน้างง
“เบอร์โทรไงครับ พรุ่งนี้คุณหมอก็ต้องไปแล้ว จะได้เจอกันอีกหรือเปล่าก็ยังบอกไม่ได้ ดังนั้น ผมควรจะมีเบอร์โทรศัพท์ของคุณหมอเอาไว้ เวลาคิดถึงจะได้โทรไปหา”
“แล้วถ้าฉันไม่ให้ละคะ”
“ผมก็จะรอต่อไป คุณหมอให้โอกาสผมแล้ว ก็น่าจะเอื้ออำนวยให้ผมบ้าง ถ้าเราไม่ติดต่อกันผมจะแสดงความจริงใจที่มีให้คุณหมอได้ยังไงกัน”
“ฟังดูมีเหตุผล เอาโทรศัพท์มาสิคะ” พูดจบโทรศัพท์ก็ถูกวางบนฝ่ามือแทบทันที หญิงสาวยิ้มเบาๆ นิ้วกำลังจิ้มไปเรื่อยก่อนจะยื่นให้ ชายหนุ่มรับมาถือไว้มองตัวเลขที่อยู่ในโทรศัพท์อย่างพอใจ
“ขอบคุณนะครับที่ยอมเปิดใจให้ผม ว่าแต่ผมจะเมมชื่อว่าอะไรดี นางฟ้าหรือว่าคนสวย” เขาเงยหน้าถาม เธอตอบหน้าตาย
“อันไหนก็ได้ค่ะ เพราะฉันมีครบทั้งสองอย่าง” เธอบ้ายอแล้วหัวเราะคิกๆ ช่างเป็นรอบยิ้มที่วิเศษสุดในความคิดของเขา คงต้องบ้าตายแน่หากต่อไปจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกหรือไม่ต้องมีสักทางที่จะทำให้เขาไปที่นั่นได้โดยไม่ขัดแย้งกับมารดา
“คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปเอาผ้าขนหนูกับเสื้อผ้ามาให้คุณเปลี่ยน อ้อ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามเดินเพ่นพ่าน ห้ามให้ใครเห็นและก็ห้ามทำให้แม่ฉันตื่นนะคะ”
“ห้ามเยอะจังเลยครับ” ไม่วายบ่นให้ฟังแม้จะไม่เต็มปากนักแต่หญิงสาวก็ยังได้ยิน เธอยืนยันหนักแน่นว่าต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
“แล้วก็ต้องปฏิบัติตามด้วยนะคะ” ชี้นิ้วใส่ทำเหมือนคุณครูกำลังอบรมลูกศิษย์แต่ถ้าเขาคือนักเรียนก็คงเป็นนักเรียนที่ติดท๊อปหล่อที่สุดในห้อง
“ไม่ต้องทำหน้าจริงจังขนาดนั้นก็ได้ครับ ยังไงซะผมก็ยอมคุณหมอทุกอย่างอยู่แล้ว” เขายกมือยอมแพ้พร้อมส่งยิ้มหวาน แพทย์สาวเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะทนมองรอยยิ้มบาดใจนั่นไม่ไหว
แค่ความหล่อของเขาก็ทำเธอใจสั่นมากพอแล้ว นี่ยังจะมีรอยยิ้มแถมมาอีกหรอเห็นทีไม่ต้องรอระยะเวลาเพื่อพิสูจน์อีกแล้วแค่เพียงอยู่ด้วยกันไม่กี่ชั่วโมงหัวใจเธอก็พร้อมจะเทไปให้เขาหมดแล้ว
คงเพราะไม่คุ้นที่ นายแพทย์ครรชิตถึงยังไม่นอน ปกติเวลาแบบนี้ถ้าเขาไม่ได้เข้าเวรก็อาจจะไปสิงสถิตอยู่ที่ผับไหนสักแห่งในกรุงเทพฯ แสงสีเสียงมันทำให้เขาได้ผ่อนคลายจากการทำงานที่ตึงเครียด โดยมีเพื่อนและรุ่นพี่ในแก๊งไปสังสรรค์ด้วยกัน สำหรับคืนนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้ายนักแต่บางคน...คืนนี้อาจเป็นคืนที่แสนเศร้า
ศัลยแพทย์หนุ่มกับเสื้อยืดคอกลมกางเกงผ้าร่มออกมานั่งรับลมที่ชิงช้าหน้าบ้าน เงยหน้าขึ้นมองเห็นดาวบนท้องฟ้า จะมีสักกี่ดวงที่มันจะมีไฟในตัวเอง บางดวงก็มองเห็นแสงเจิดจรัสแต่บางดวงแทบมองไม่เห็น เขาอยากรู้ว่าแพทย์หญิงสิริลักษณ์จะเป็นดาวดวงไหนกัน
“ออกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
เสียงนั้นทำเขาต้องเอนความสนใจมองหน้าหญิงสาวที่ทักเขาและกำลังนั่งลงอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพินิจพิจารณาความสวยที่ปรากฏให้เห็น ผมยาวถึงบ่าที่ยังไม่แห้งสนิท หน้าตาไร้การแต่งหน้าแต่ดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ อีกทั้งดวงตาแน่วแน่คู่นั้นยังคงแฝงความเศร้าเอาไว้
แพทย์หญิงสิริลักษณ์เอียงหน้ามองข้างเห็นสายตาคมที่มองอยู่ก่อนแล้ว หลังจากที่ไล่ให้เขาได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนตอนนี้สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือเด็กน้อยวัยใส ดวงตาซื่อๆ คู่นั้นมันมีมนต์สะกดจนไม่สามารถสลัดทิ้งได้
อาจเพราะความใกล้ชิดหรือบรรยากาศพาไปก็ไม่อาจบอกได้ ใบหน้าคมค่อยๆ โน้มตัวมาหาแต่ความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมา บางทีก็ไม่ควรรีบร้อนเกินไป เขาบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะยิ้มให้เธอแล้วเงยหน้าขึ้นมองฟ้า
“ผมนอนไม่หลับนะครับก็เลยออกมาดูดาว คุณหมอเองก็นอนไม่หลับเหมือนกันหรือครับ” คำพูดของเขาถึงกับทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาพร้อมกับคำตอบเพียงสั้นๆ ว่าใช่
“ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะช่วยให้คุณหมอรู้สึกดีขึ้น” เอ่ยเสียงอ่อนก่อนจะหยิบมือเล็กขึ้นมากุมไว้ ก้มมองมือเล็กคู่นั้นอยู่นานแล้วจึงพูดต่อ
“แต่ก็อยากให้รู้ว่าผมจะไม่อยู่เฉย แค่อยากให้เชื่อมั่นและรอผมอีกหน่อย”
“ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่คุณพูดแต่ก็ขอบคุณมากๆ จริงๆ”
รอยยิ้มของจิตแพทย์สาวไม่ได้ทำให้ศัลยแพทย์หนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเลย เขาจะทำยังไงดีเพื่อจะได้ตามเธอไปช่วยราชการพิเศษโดยที่มารดาของเขาจะไม่สามารถมาขัดขวางได้
50 %