อัตตา ตัณหา ๑๐๘
ทำให้เกิดกิเลส ๑๕๐๐
เมื่อเห็น
รูปโดยความเป็นตน
เวทนาโดยความเป็นตน
สัญญาโดยความเป็นตน
สังขารโดยความเป็นตน
วิญญาณโดยความเป็นตน
เพราะตัณหา ๑๐๘ เช่น ได้แก่
ตัณหา๓ คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ตัณหา ๓ นี้เกิดขึ้นเพราะอาศัยอารมณ์ ๖ คือ
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมมารมณ์
เกิดขึ้นได้ในกาล ๓ และอายตนะ12
และเกิดยึดถือสภาวะธรรมนั้น
เกิดกิเลส๑๕๐๐เป็นอารมณ์
คือมีกิเลส ๑๐ ได้แก่
โลภะ โทสะ โมหะ มานะ
ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อหิริกะ
อโนตตัปปะ อุทธัจจะและถีนะ
ปรมัตถธรรมทั้ง ๔ เว้นนิพพาน
จิต๑ เจตสิก ๕๒
รูป นับเพียง ๒๒ รูป คือ
นิปผันนรูป ๑๘ กับลักษณะรูป ๔
รวมกิลสภายใน และกิเลสภายนอก
ฉนั้นอัตตาเกิดได้ทุกขณะลมหายใจเข้าออก
ตนยึดลมหายใจเข้า
ไม่หายใจออกก็ตาย
หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย
คือยึดลมหายใจด้วยตัณหา คือกลัวตาย
ทำให้เกิดภพ ชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง
หายใจเข้า ครั้งหนึ่งก็เกิดภพชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง ครั้งหนึ่ง
หายใจออก ครั้งหนึ่งก็เกิดภพชาติ ชรา มรณะฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง ครั้งหนึ่ง
ส่วนผู้สดับมาดีแล้ว
ไม่ยึดมั่นถือมั่น
สภาวะธรรมกิเลส๑๕๐๐เป็นอารมณ์
คือไม่ยึดลมหายใจด้วยตัณหา ไม่กลัวตาย
ใจก็ไม่ทุกข์ ไม่เกิด
ภพ ชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง
อัตตาดับ
อุปาทานดับ
ตัณหาดับ
ตนจะรู้ว่าจะละสาเหตุของทุกข์ได้ที่ไหน
ถ้าไปบอกว่าตนไม่มีอัตตา
มีแต่อนัตตา
ก็ไม่รู้จะไปเริ่มต้น
ละสาเหตุของทุกข์ได้อย่างไร
เพราะมองไปทางไหนรู้แต่ว่าอนัตตา
เพราะตนไปจำคำว่าอนัตตา
ไปปฏิเสธอัตตา
เลยไม่รู้ว่าสภาวะอัตตาเป็นอย่างไร
สภาวะอัตตาเกิดทุกขณะลมหายใจเข้าออก
แต่ตนไม่รู้จักสภาวะนี้เพราะไปปฏิเสธอัตตา
ลมหายใจ เป็นสภาวะอนัตตา
คือไปบังคับให้หยุดหายใจไม่ได้
เพราะหยุดหายใจคือตาย
คนที่มี กามตัณหา ภวตัณหา
หายใจด้วยตัณหา ด้วยกิเลส แบบนี้ จะกลัวตาย
แต่เมื่อคนที่อยากตายก็บังคับให้หยุดหายใจได้
นี่คือสภาวะที่เป็นอัตตา
คือมีวิภวตัณหา อยากพ้นไปจากภพชาตินี้
บังคับตนเกิดอัตตา ให้หยุดการหายใจ
ด้วยวิธีต่างๆนาๆ
ตายด้วยตัณหาตายด้วยกิเลส
มีตัวอย่างที่
ฆ่าตนโดยไม่มีตัณหา ไม่มีกิเลส
พระอรหันต์เบื่อหน่ายในขันธ์5
ฆ่าขันธ์5ตาย ไม่มีตัณหา ไม่มีกิเลส
เพราะไม่มีการไปยึดมั่น แต่มีตนอยู่ในธรรม
ธรรมนั้นคือเบื่อหน่ายในขันธ์5
จึงฆ่าตน ฆ่าอัตตา
ละอัตตาในขันธ์5
อัตตามาจากไหน?
ทำให้เกิดกิเลส ๑๕๐๐
เมื่อเห็น
รูปโดยความเป็นตน
เวทนาโดยความเป็นตน
สัญญาโดยความเป็นตน
สังขารโดยความเป็นตน
วิญญาณโดยความเป็นตน
เพราะตัณหา ๑๐๘ เช่น ได้แก่
ตัณหา๓ คือกามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ตัณหา ๓ นี้เกิดขึ้นเพราะอาศัยอารมณ์ ๖ คือ
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธัมมารมณ์
เกิดขึ้นได้ในกาล ๓ และอายตนะ12
และเกิดยึดถือสภาวะธรรมนั้น
เกิดกิเลส๑๕๐๐เป็นอารมณ์
คือมีกิเลส ๑๐ ได้แก่
โลภะ โทสะ โมหะ มานะ
ทิฏฐิ วิจิกิจฉา อหิริกะ
อโนตตัปปะ อุทธัจจะและถีนะ
ปรมัตถธรรมทั้ง ๔ เว้นนิพพาน
จิต๑ เจตสิก ๕๒
รูป นับเพียง ๒๒ รูป คือ
นิปผันนรูป ๑๘ กับลักษณะรูป ๔
รวมกิลสภายใน และกิเลสภายนอก
ฉนั้นอัตตาเกิดได้ทุกขณะลมหายใจเข้าออก
ตนยึดลมหายใจเข้า
ไม่หายใจออกก็ตาย
หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย
คือยึดลมหายใจด้วยตัณหา คือกลัวตาย
ทำให้เกิดภพ ชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง
หายใจเข้า ครั้งหนึ่งก็เกิดภพชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง ครั้งหนึ่ง
หายใจออก ครั้งหนึ่งก็เกิดภพชาติ ชรา มรณะฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง ครั้งหนึ่ง
ส่วนผู้สดับมาดีแล้ว
ไม่ยึดมั่นถือมั่น
สภาวะธรรมกิเลส๑๕๐๐เป็นอารมณ์
คือไม่ยึดลมหายใจด้วยตัณหา ไม่กลัวตาย
ใจก็ไม่ทุกข์ ไม่เกิด
ภพ ชาติ ชรา มรณะ ฯลฯ กองทุกข์ทั้งปวง
อัตตาดับ
อุปาทานดับ
ตัณหาดับ
ตนจะรู้ว่าจะละสาเหตุของทุกข์ได้ที่ไหน
ถ้าไปบอกว่าตนไม่มีอัตตา
มีแต่อนัตตา
ก็ไม่รู้จะไปเริ่มต้น
ละสาเหตุของทุกข์ได้อย่างไร
เพราะมองไปทางไหนรู้แต่ว่าอนัตตา
เพราะตนไปจำคำว่าอนัตตา
ไปปฏิเสธอัตตา
เลยไม่รู้ว่าสภาวะอัตตาเป็นอย่างไร
สภาวะอัตตาเกิดทุกขณะลมหายใจเข้าออก
แต่ตนไม่รู้จักสภาวะนี้เพราะไปปฏิเสธอัตตา
ลมหายใจ เป็นสภาวะอนัตตา
คือไปบังคับให้หยุดหายใจไม่ได้
เพราะหยุดหายใจคือตาย
คนที่มี กามตัณหา ภวตัณหา
หายใจด้วยตัณหา ด้วยกิเลส แบบนี้ จะกลัวตาย
แต่เมื่อคนที่อยากตายก็บังคับให้หยุดหายใจได้
นี่คือสภาวะที่เป็นอัตตา
คือมีวิภวตัณหา อยากพ้นไปจากภพชาตินี้
บังคับตนเกิดอัตตา ให้หยุดการหายใจ
ด้วยวิธีต่างๆนาๆ
ตายด้วยตัณหาตายด้วยกิเลส
มีตัวอย่างที่
ฆ่าตนโดยไม่มีตัณหา ไม่มีกิเลส
พระอรหันต์เบื่อหน่ายในขันธ์5
ฆ่าขันธ์5ตาย ไม่มีตัณหา ไม่มีกิเลส
เพราะไม่มีการไปยึดมั่น แต่มีตนอยู่ในธรรม
ธรรมนั้นคือเบื่อหน่ายในขันธ์5
จึงฆ่าตน ฆ่าอัตตา
ละอัตตาในขันธ์5