EP20 กองทัพประชิดเมือง (โจโฉได้เกงจิ๋ว เล่าปี่หนีตาย ซุนกวนปรับกลยุทธ)
เนื้อหายาวไปมีคลิปเสียงนะครับ
https://youtu.be/_G1OEF9tT8U
ที่มาเนื้อหา : อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก ซับไทย Ong China

ในตอนที่แล้ว เราพูดถึงเล่าเปียว ผู้โชคดีในความโชคร้าย ความโชคดีของเล่าเปียว ก็คือ ได้จิงโจว (เกงจิ๋ว) และการที่ได้ จิงโจว(เกงจิ๋ว) ก็เป็นเรื่องโชคร้ายเช่นกัน เรียกได้ว่า “สำเร็จก็จิงโจว พ่ายแพ้ก็จิงโจว เกิดขึ้นก็จิงโจว ดับสูญก็จิงโจว” เช่นกัน เพราะ จิงโจวเป็นชัยภูมิสำคัญที่ต้องแย้ง ในการชิงแผ่นดิน
เจี้ยนอันศกปีที่ 13 ซุนกวนเริ่มลงมือก่อน ตาม“ยุทธศาสตร์ยี่ภู่”ของโลซก ให้แม่ทัพกำเหลงโจมตี เมืองเจียงเซี่ย(กังแฮ) ผลคือ ได้รับชนะชัยและฆ่าเจ้าเมืองหองจอตาย ซึ่งโจโฉรู้ข่าวกับชัยชนะของซุนกวน เข้าใจดีว่า หากซุนกวนได้เมืองเจียงเซี่ย(กังแฮ)ไปแล้ว ก็จะสามารถบุกยึด เมืองเจียงหลิง(กังเหลง) และเซียงหยางจนสุดท้ายอาจจะได้ จิงโจวไปทั้งหมด ไม่เป็นผลดีแน่ ซึ่งโจโฉเองก็หมายตา อยากได้จิงโจวมานานแล้ว และก็ได้เตรียมการไว้นานแล้วเช่นกัน สิ่งที่โจโฉเตรียมการไว้ ก็คือ
หนึ่ง ขดทะเลสาบที่เมืองเย่ ฝึกทหารเรือ
สอง เปลี่ยนแปลงระบบสามเสนาบดี รื้อฟื้นระบบสมุหนายก แล้วตั้งตัวเองเป็นสมุหนายก กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งทางการเมืองและทางการทหาร
สาม วางกองกำลังป้องกัน นครฮูโต๋ โดยรอบ ให้เตียวเลี้ยวเป็นผู้ดูแล
สี่ ปลอบใจม้าเท้ง และนำคนในตระกูลม้าเท้งเป็นตัวประกัน ป้องกันการเกิดปัญหาแนวหลัง
และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด เจี้ยนอันศกปีที่ 13 เดือน 7 โจโฉมุ่งทัพลงใ้ต้หวังยึด จิงโจว

หลังจากโจโฉเคลื่อนทัพได้ไม่นาน เล่าเปียวเจ้าเมืองจิงโจว ป่วยหนักและ เดือน 8 ในปีเดียวกันก็เสียชีวิต ในเชิงอรรถของ “เผยซงจือ” ซึ่งอ้างอิงจาก “บันทึกแคว้นเว่ย” บอกว่า ก่อนตายเล่าเปียว ได้กล่าวกับเล่าปี่ให้รับช่วง ดูแล จิงโจว ต่อ เนื่องด้วยลูกชายทั้งสองของตนเอง ไม่เอาไหน ไม่มีความสามารถพอ แต่เล่าปี่ไม่รับ และก็ปฏิเสธเรื่องนี้ไป
อ.อี้จงเทียน แสดงความคิดตอนนี้ว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะการปฏิบัติต่อเล่าปี่ของเล่าเปียวนั้น ตามบันทึกจดหมายเหตุสามก๊กบอกว่า “ต้อนรับตามพิธี ใจคิดระแวง วางแผนระวัง” ดังนั้นเล่าเปียวภายนอกดูแลเล่าปี่ตามธรรมเนียม ภายในใจคิดระแวง ระแวดระวังในตัวเล่าปี่ แล้วจะให้ จิงโจว กับเล่าปี่ได้อย่างไร อีกทั้งเล่าเปียวก็ได้ ตระเตรียมผู้สืบทอด ให้กับเล่าจ๋องไว้ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลในการยกจิงโจวให้กับเล่าปี่ นี่คือประการแรก
ประการที่สอง ขณะที่เล่าเปียวป่วยหนัก เล่ากี๋เดินทางมาจาก เมืองเซี่ยโข่ว(แฮเค้า) เพื่อขอเข้าเยี่ยมเล่าเปียว ถูกซัวมอและเกงอวดขัดขวาง ไม่ให้พบ ขนาดเล่ากี๋ที่เป็นลูก ยังเข้าพบไม่ได้ แล้วเล่าปี่นั้นจะเข้าพบเล่าเปียวได้อย่างไร ซึ่งในประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจนว่า ในช่วงที่เล่าเปียวป่วยหนัก ถูกตระกูลซัว ควบคุมอำนาจ เบ็ดเสร็จ และเตรียมการสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ซึ่งซัวมอก็รู้ว่า เล่าปี่อยู่ฝ่ายต่อต้านโจโฉ ซัวมอไม่มีทางให้เล่าปี่เข้าพบเล่าเปียวเป็นแน่ ดังนั้นเกรงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง

แต่ถ้าหากว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง อ.อี้จงเทียน จึงแสดงความคิดเห็น เพิ่มเติมไว้เป็นสองแบบว่า
ประการที่หนึ่ง คือ เล่าปี่โกหก ไม่มีการฝากฝังอะไรทั้งนั้น ในสถานการณ์ที่ จิงโจว ถึงจุดวิกฤตและผู้คนต่างก็ระส่ำระสายอยู่นี้ แต่ก็ยังมีคนอีกมากมาย ที่ไม่คิดจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็รู้ดีว่า เล่าเปียว เล่ากี๋และรวมทั้งเล่าจ๋อง ต่างก็ไม่คิดจะยอมจำนนต่อโจโฉด้วย จึงคิดจะฝากจิงโจวไว้กับเล่าปี่ อย่างน้อยก็ คนแซ่เดียวกัน
ส่วนทางด้านเล่าปี่เอง ก็ไม่ได้อยากไปจาก จิงโจว อยู่แล้ว เพราะตามแผนยุทธศาสตร์ของขงเบ้ง จิงโจว คือดินแดนที่สำคัญ เป็นจุดเริ่มต้นในการแบ่งเป็นสามก๊ก เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ จึงเรียกได้ว่า “เล่าปี่ต้องการจิงโจว และจิงโจวก็ต้องการเล่าปี่” เล่าปี่จึงอ้างการฝากฝังครั้งนี้ของเล่าเปียว เพื่อไม่ให้เสียใจคน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแนวทางของการเมือง ไม่สามารถเอาเรื่องคุณธรรมมาตัดสินได้
ประการที่สอง คือ เป็นเพียงการลองใจของเล่าเปียว เนื่องด้วยเล่าเปียวมองออกว่า เล่าปี่นั้นไม่อาจยึดจิงโจวได้ ในขณะที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ จึงลองใจดูท่าทีเล่าปี่ว่า จะแสดงออกเป็นเช่นไร หากเล่าปี่แสดงถึงความทะเยอทะยานตอบรับ เล่าเปียวก็พร้อมที่จะให้ ซัวมอที่ซุ่มกำลังอยู่ จัดการเล่าปี่ทันที แต่เล่าปี่นั้นฉลาดกว่า จึงปฏิเสธไป

ต่อมาในตอนหลังจึงมีการตีความเรื่องนี้ไว้ว่า เล่าปี่นั้นที่ปฏิเสธเพราะมีคุณธรรมมาก ซึ่งจะมองเรื่องนี้เป็นเรื่องคุณธรรมนั้น คงจะเรียกได้ว่า เป็นการมองแค่ผิวเผินเกินไป
หากมองถึงสถานการณ์ปัจจุบันของจิงโจว ปัญหาที่แท้จริงของจิงโจว ไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่องคุณธรรมแต่อย่างใด แต่ปัญหาหลักที่แท้จริงของจิงโจว คือ ความอยู่รอดมากกว่า โดยถ้าหากให้เล่าปี่ปกครองจิงโจว เมื่อเทียบกับเล่าจ๋องหรือแม้แต่เล่ากี๋ก็ตาม ถือได้ว่าให้เล่าปี่ปกครองนั้นยังปลอดภัยมากกว่า เพราะด้วยเล่าปี่นั้นมีที่ปรึกษาอย่างจูกัดเหลียง แม่ทัพมีทั้ง กวนอู เตียวหุย และจูล่ง ไม่แน่ว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
แล้วหากถามว่า ทำไมเล่าปี่จึงไม่รับจิงโจวไว้ ตอบได้ว่าที่จริงแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากรับ แต่รับไม่ได้ เพราะว่า ความเป็นไปได้ไม่มี เงื่อนไขของเล่าปี่ก็ไม่พอ และเล่าปี่ก็ไม่มีความสามารถพอที่จะ เอาจิงโจวมาเป็นของตนเองได้ ดังนั้นที่เล่าปี่ไม่ได้รับจิงโจวจึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องคุณธรรมเลย
และเมื่อทัพโจโฉมาถึง แม้ว่าเล่าจ๋องจะไม่อยากยอมจำนน แต่ก็ต้องยอม เพราะพวกขุนนางทั้งหมด ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้สวามิภักดิ์
ซึ่งตามแผนที่นั้น โจโฉอยู่เมืองซินเหย่(ซินเอี๋ย) เล่าปี่อยู่ที่เมืองฝานเฉิน และเล่าจ๋องอยู่เมืองเซียงหยาง เมื่อยอมจำนนแล้วเล่าจ๋องก็เลยนำคนอ้อมผ่าน เมืองฝานเฉินไปยอมแพ้ต่อโจโฉที่เมืองซินเยว่(ซินเอี๋ย) เล่าปี่จึงไม่รู้เรื่องกับการยอมจำนนในครั้งนี้ พอเล่าปี่รู้ข่าวตกใจกับการกระทำของเล่าจ๋อง แต่ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว จึงสั่งอพยบหนีกองทัพของโจโฉ

ตอนนี้ในวรรณกรรม ก็คือ ขงเบ้งใช้กลลวงเผาเมืองซินเหย่ (ซินเอี๋ย) นั่นไม่จริง ไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น และก่อนหน้านั่น เผาทัพที่เนินพกป๋อง ก็ไม่ได้เป็นกลยุทธจาก ขงเบ้ง แต่เป็นเล่าปี่ที่เป็นคนทำ เป็นเพียงหลอกว้านจงที่ปั้นแต่งเพิ่มขึ้นมาเท่านั้นเอง
แต่เรื่องที่น่าเชื่อถือได้ก็คือ เมื่อเล่าปี่ถึงเซียงหยาง ก็มีคนในเซียงหยางหนีตามกองทัพเล่าปี่ไปด้วยเป็นจำนวนมาก เป้าหมายของเล่าปี่ก็คือเมืองเจียงหลิง(กังเหลง) ซึ่งเป็นเมืองที่เล่าเปียวนั้น เก็บเสบียงและยุทโธปกรณ์ไว้เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยมีชาวบ้านติดตามมานับแสน ทำให้การเดินทางล่าช้า เล่าปี่จึงสั่งให้กวนอู นำทหารเรือ เร่งเดินทัพทางน้ำไปเจียงหลิงก่อน โดยเล่าปี่เองนั้นจะร่วมเดินทางไปกับชาวบ้าน จึงเกิดประโยคที่โด่งดัง คือ “ผู้ทำการใหญ่ ต้องถือประชาเป็นหลัก” ซึ่ง อ.อี้จงเทียนแสดงความคิดเห็นว่า “ถือประชาเป็นหลัก” ของเล่าปี่นั้น ไม่ได้หมายความว่า ถือเอาประชาชนเป็นรากฐาน แต่เป็นการให้ประชาชนนั้น เป็นต้นทุนหลัก เพื่อให้ได้ใจคน จึงจะได้แผ่นดิน นี่คือความหมายและความคิดที่แท้จริงของเล่าปี่
มาถึงตอนนี้ เมื่อโจโฉรู้ข่าวว่า เล่าปี่กำลังจะหนีไปที่เมืองเจียงหลิง โจโฉจึงสั่งให้ทหารม้ารีบเร่งเดินทางวันละ 300 ลี้ และก็ตามทันที่ สะพานเตียงปันป๋อ (เตียงปันเกี้ยว-เตียงปันโป๋) ในจดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า “องค์เล่าปี่ ละเมียและลูก ไปพร้อมจูเก๋อเหลียง จางเฟย(เตียวหุย) จ้าวหยุน(จูล่ง) พร้อมทหารม้านับสิบ เฉาเซา ยึดได้คน ได้ทรัพย์ จำนวนมาก” ก็คือ สถานการณ์ในตอนนั้น เล่าปี่เองดูแลลูกเมียตัวเองไม่ได้ หันหลังหนีเตลิดไป พอถึงตอนนี้ เล่าปี่เอง คงคิดว่า “ถือประชาเป็นหลัก” คงจะใช้ไม่ได้แล้ว
และในวรรณกรรมก็เขียนเรื่องนี้ไว้ได้อย่างสนุก ทั้งจูล่งฝ่าทัพรับอาเต้า และก็เตียวหุยตะโกนที่สะพานเตียงปันโป๋ ซึ่งสองเรื่องนี้ก็มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่เตียวหุยก็ไม่ได้ตะโกนจนทำให้สะพานพังหรือแม่น้ำไหลทวนกระแสคืน เพียงแค่โจโฉคิดระแวง แล้วก็ให้สั่งถอยทัพไป แล้วเตียวหุยจึงสั่งให้รื้อสะพานทิ้ง ส่วนจูล่งเองก็ช่วยอาเต้าไว้จริงๆ แต่ที่เล่าปี่โยนลูกทิ้งนั้นไม่มี ไม่ได้มีบันทึกไว้

ข่าวการตายของเล่าเปียว แพร่ไปถึงเจียงตงของกลุ่มซุนกวน โลซกจึงรีบเข้าพบซุนกวนในทันที แล้วโลซกจึงเสนอตัวเอง ไปไว้อาลัยเล่าเปียว เพื่อดูสถานการณ์ภายในจิงโจว ว่าเป็นเช่นไร หากสถานการณ์ในจิงโจว เกิดการแตกแยก แบ่งพรรคแบ่งพวก ก็อาจเป็นโอกาสให้ทาง กลุ่มเจียงตง เข้ายึดจิงโจว ไว้ได้โดยง่าย ซุนกวนเห็นด้วย อนุมัติทันที
ในตอนนี้เราสามารถมองเห็นถึงความสามารถของซุนกวนได้เป็นอย่างดี ก็คือ แม้ว่ากลุ่มเจียงตงของซุนกวน กับกลุ่มจิงโจวของเล่าเปียวจะมีความแค้นกันมานาน ด้วยเล่าเปียวฆ่าซุนเกี๋ยน พ่อของซุนกวน ซุนกวนเอง ก็ฆ่าแม่ทัพใหญ่หองจอ ของเล่าเปียว แต่นักปกครองอย่างซุนกวนนี้ ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินใจ มองแต่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก จึงอนุมัติตามแผนการณ์ของโลซกในทันที
โลซกจึงรีบเร่งเดินทาง จากท่าเรือไฉซาง ผ่านเมืองเซี่ยโขว่(แฮเค้า) แล้วต่อไปที่เมืองเจียงหลิง(กังเหลง) จึงได้ข่าวการยอมแพ้ของเล่าจ๋อง ซึ่งเล่าปี่ในตอนนั้นหนีจากเมืองฝานเฉินลงมาทางใต้ โลซกจึงขึ้นเหนือแล้วไปพบกับเล่าปี่ที่ตังหยาง เตียงปันโป๋
พอโลซกเจอกับเล่าปี่ โลซกกลับเป็นคนเสนอแผนสร้างพันธมิตเพื่อต้านโจโฉกับเล่าปี่ก่อน และเล่าปี่กับขงเบ้งเอง ก็ไม่มีทางไปอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ปฏิเสธ ดังนั้นทั้งสามคนจึงตกลงร่วมมือกัน ด้วยวาจา ที่ตังหยาง

ต่อมาเมื่อกวนอูกับเล่ากี๋นำทัพมาช่วย ก็พากันหลบหนีโจโฉไปที่เมืองเซี่ยโขว่(แฮเค้า) ของเล่ากี๋ เล่าปี่จึงได้พักหายใจหายคอขึ้นมาหน่อย ส่วนโจโฉนั้น ละทิ้งจากการตามเล่าปี่ มุ่งยึดเมืองเจียงหลิง(กังเหลง)ก่อน ซึ่งเป็นเมืองที่มีทั้งเสบียงและยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไว้มากมาย
แต่โจโฉก็ไม่ยอมให้เล่าปี่ได้หายใจหายคอได้นานนัก หลังจากโจโฉยึดเจียงหลิง(กังเหลง)ได้แล้ว จึงเตรียมกองทัพทวนกระแสน้ำเข้าตี เซี่ยโขว่(แฮเค้า) เพื่อปราบเล่าปี่
สถานการณ์ของเล่าปี่กลับคับขันอีกครั้ง ถึงเวลาของ จูกัดเหลียง ออกโรงแล้ว จูกัดเหลียงจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า “สถานการณ์เร่งรัด โปรดออกบัญชา ขอท่านแม่ทัพซุนช่วย” เล่าปี่เห็นด้วยอนุมัติทันที จูกัดเหลียงกับโลซก จึงรีบเร่งเดินทางไป “ไฉซาง” เพื่อเข้าพบกับซุนกวน
เรื่องนี้นั้น สำหรับเล่าปี่แล้ว คือเรื่องชี้เป็นตาย จูกัดเหลียงจึงจำเป็นต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ แต่ปัญหาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่กลุ่มของเล่าปี่เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ทางการเมืองของ กลุ่มเจียงตงที่จะได้รับ เมื่อนักการเมือง นักปกครองวางแผนนโยบายแล้ว สิ่งแรกที่คิดก็คือ ผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองที่จะได้รับ ซึ่งซุนกวนและกลุ่มเจียงตง ต่างก็มีผลประโยชน์ และจุดยืนทางการเมืองไม่ตรงกับกลุ่มของเล่าปี่ แล้วจูกัดเหลียงจะทำภารกิจได้สำเร็จได้อย่างไร พบกันตอนหน้า กับ EP21 ภารกิจพลิกชะตา
EP20 กองทัพประชิดเมือง (โจโฉได้เกงจิ๋ว เล่าปี่หนีตาย ซุนกวนปรับกลยุทธ)
เนื้อหายาวไปมีคลิปเสียงนะครับ https://youtu.be/_G1OEF9tT8U
ที่มาเนื้อหา : อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก ซับไทย Ong China
เจี้ยนอันศกปีที่ 13 ซุนกวนเริ่มลงมือก่อน ตาม“ยุทธศาสตร์ยี่ภู่”ของโลซก ให้แม่ทัพกำเหลงโจมตี เมืองเจียงเซี่ย(กังแฮ) ผลคือ ได้รับชนะชัยและฆ่าเจ้าเมืองหองจอตาย ซึ่งโจโฉรู้ข่าวกับชัยชนะของซุนกวน เข้าใจดีว่า หากซุนกวนได้เมืองเจียงเซี่ย(กังแฮ)ไปแล้ว ก็จะสามารถบุกยึด เมืองเจียงหลิง(กังเหลง) และเซียงหยางจนสุดท้ายอาจจะได้ จิงโจวไปทั้งหมด ไม่เป็นผลดีแน่ ซึ่งโจโฉเองก็หมายตา อยากได้จิงโจวมานานแล้ว และก็ได้เตรียมการไว้นานแล้วเช่นกัน สิ่งที่โจโฉเตรียมการไว้ ก็คือ
หนึ่ง ขดทะเลสาบที่เมืองเย่ ฝึกทหารเรือ
สอง เปลี่ยนแปลงระบบสามเสนาบดี รื้อฟื้นระบบสมุหนายก แล้วตั้งตัวเองเป็นสมุหนายก กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ ทั้งทางการเมืองและทางการทหาร
สาม วางกองกำลังป้องกัน นครฮูโต๋ โดยรอบ ให้เตียวเลี้ยวเป็นผู้ดูแล
สี่ ปลอบใจม้าเท้ง และนำคนในตระกูลม้าเท้งเป็นตัวประกัน ป้องกันการเกิดปัญหาแนวหลัง
และเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด เจี้ยนอันศกปีที่ 13 เดือน 7 โจโฉมุ่งทัพลงใ้ต้หวังยึด จิงโจว
อ.อี้จงเทียน แสดงความคิดตอนนี้ว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะการปฏิบัติต่อเล่าปี่ของเล่าเปียวนั้น ตามบันทึกจดหมายเหตุสามก๊กบอกว่า “ต้อนรับตามพิธี ใจคิดระแวง วางแผนระวัง” ดังนั้นเล่าเปียวภายนอกดูแลเล่าปี่ตามธรรมเนียม ภายในใจคิดระแวง ระแวดระวังในตัวเล่าปี่ แล้วจะให้ จิงโจว กับเล่าปี่ได้อย่างไร อีกทั้งเล่าเปียวก็ได้ ตระเตรียมผู้สืบทอด ให้กับเล่าจ๋องไว้ เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลในการยกจิงโจวให้กับเล่าปี่ นี่คือประการแรก
ประการที่สอง ขณะที่เล่าเปียวป่วยหนัก เล่ากี๋เดินทางมาจาก เมืองเซี่ยโข่ว(แฮเค้า) เพื่อขอเข้าเยี่ยมเล่าเปียว ถูกซัวมอและเกงอวดขัดขวาง ไม่ให้พบ ขนาดเล่ากี๋ที่เป็นลูก ยังเข้าพบไม่ได้ แล้วเล่าปี่นั้นจะเข้าพบเล่าเปียวได้อย่างไร ซึ่งในประวัติศาสตร์บันทึกไว้ชัดเจนว่า ในช่วงที่เล่าเปียวป่วยหนัก ถูกตระกูลซัว ควบคุมอำนาจ เบ็ดเสร็จ และเตรียมการสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ซึ่งซัวมอก็รู้ว่า เล่าปี่อยู่ฝ่ายต่อต้านโจโฉ ซัวมอไม่มีทางให้เล่าปี่เข้าพบเล่าเปียวเป็นแน่ ดังนั้นเกรงว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง
ประการที่หนึ่ง คือ เล่าปี่โกหก ไม่มีการฝากฝังอะไรทั้งนั้น ในสถานการณ์ที่ จิงโจว ถึงจุดวิกฤตและผู้คนต่างก็ระส่ำระสายอยู่นี้ แต่ก็ยังมีคนอีกมากมาย ที่ไม่คิดจะสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ก็รู้ดีว่า เล่าเปียว เล่ากี๋และรวมทั้งเล่าจ๋อง ต่างก็ไม่คิดจะยอมจำนนต่อโจโฉด้วย จึงคิดจะฝากจิงโจวไว้กับเล่าปี่ อย่างน้อยก็ คนแซ่เดียวกัน
ส่วนทางด้านเล่าปี่เอง ก็ไม่ได้อยากไปจาก จิงโจว อยู่แล้ว เพราะตามแผนยุทธศาสตร์ของขงเบ้ง จิงโจว คือดินแดนที่สำคัญ เป็นจุดเริ่มต้นในการแบ่งเป็นสามก๊ก เมื่ออยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ จึงเรียกได้ว่า “เล่าปี่ต้องการจิงโจว และจิงโจวก็ต้องการเล่าปี่” เล่าปี่จึงอ้างการฝากฝังครั้งนี้ของเล่าเปียว เพื่อไม่ให้เสียใจคน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแนวทางของการเมือง ไม่สามารถเอาเรื่องคุณธรรมมาตัดสินได้
ประการที่สอง คือ เป็นเพียงการลองใจของเล่าเปียว เนื่องด้วยเล่าเปียวมองออกว่า เล่าปี่นั้นไม่อาจยึดจิงโจวได้ ในขณะที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ จึงลองใจดูท่าทีเล่าปี่ว่า จะแสดงออกเป็นเช่นไร หากเล่าปี่แสดงถึงความทะเยอทะยานตอบรับ เล่าเปียวก็พร้อมที่จะให้ ซัวมอที่ซุ่มกำลังอยู่ จัดการเล่าปี่ทันที แต่เล่าปี่นั้นฉลาดกว่า จึงปฏิเสธไป
หากมองถึงสถานการณ์ปัจจุบันของจิงโจว ปัญหาที่แท้จริงของจิงโจว ไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่องคุณธรรมแต่อย่างใด แต่ปัญหาหลักที่แท้จริงของจิงโจว คือ ความอยู่รอดมากกว่า โดยถ้าหากให้เล่าปี่ปกครองจิงโจว เมื่อเทียบกับเล่าจ๋องหรือแม้แต่เล่ากี๋ก็ตาม ถือได้ว่าให้เล่าปี่ปกครองนั้นยังปลอดภัยมากกว่า เพราะด้วยเล่าปี่นั้นมีที่ปรึกษาอย่างจูกัดเหลียง แม่ทัพมีทั้ง กวนอู เตียวหุย และจูล่ง ไม่แน่ว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
แล้วหากถามว่า ทำไมเล่าปี่จึงไม่รับจิงโจวไว้ ตอบได้ว่าที่จริงแล้ว ไม่ใช่ไม่อยากรับ แต่รับไม่ได้ เพราะว่า ความเป็นไปได้ไม่มี เงื่อนไขของเล่าปี่ก็ไม่พอ และเล่าปี่ก็ไม่มีความสามารถพอที่จะ เอาจิงโจวมาเป็นของตนเองได้ ดังนั้นที่เล่าปี่ไม่ได้รับจิงโจวจึงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องคุณธรรมเลย
และเมื่อทัพโจโฉมาถึง แม้ว่าเล่าจ๋องจะไม่อยากยอมจำนน แต่ก็ต้องยอม เพราะพวกขุนนางทั้งหมด ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้สวามิภักดิ์
ซึ่งตามแผนที่นั้น โจโฉอยู่เมืองซินเหย่(ซินเอี๋ย) เล่าปี่อยู่ที่เมืองฝานเฉิน และเล่าจ๋องอยู่เมืองเซียงหยาง เมื่อยอมจำนนแล้วเล่าจ๋องก็เลยนำคนอ้อมผ่าน เมืองฝานเฉินไปยอมแพ้ต่อโจโฉที่เมืองซินเยว่(ซินเอี๋ย) เล่าปี่จึงไม่รู้เรื่องกับการยอมจำนนในครั้งนี้ พอเล่าปี่รู้ข่าวตกใจกับการกระทำของเล่าจ๋อง แต่ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว จึงสั่งอพยบหนีกองทัพของโจโฉ
แต่เรื่องที่น่าเชื่อถือได้ก็คือ เมื่อเล่าปี่ถึงเซียงหยาง ก็มีคนในเซียงหยางหนีตามกองทัพเล่าปี่ไปด้วยเป็นจำนวนมาก เป้าหมายของเล่าปี่ก็คือเมืองเจียงหลิง(กังเหลง) ซึ่งเป็นเมืองที่เล่าเปียวนั้น เก็บเสบียงและยุทโธปกรณ์ไว้เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยมีชาวบ้านติดตามมานับแสน ทำให้การเดินทางล่าช้า เล่าปี่จึงสั่งให้กวนอู นำทหารเรือ เร่งเดินทัพทางน้ำไปเจียงหลิงก่อน โดยเล่าปี่เองนั้นจะร่วมเดินทางไปกับชาวบ้าน จึงเกิดประโยคที่โด่งดัง คือ “ผู้ทำการใหญ่ ต้องถือประชาเป็นหลัก” ซึ่ง อ.อี้จงเทียนแสดงความคิดเห็นว่า “ถือประชาเป็นหลัก” ของเล่าปี่นั้น ไม่ได้หมายความว่า ถือเอาประชาชนเป็นรากฐาน แต่เป็นการให้ประชาชนนั้น เป็นต้นทุนหลัก เพื่อให้ได้ใจคน จึงจะได้แผ่นดิน นี่คือความหมายและความคิดที่แท้จริงของเล่าปี่
มาถึงตอนนี้ เมื่อโจโฉรู้ข่าวว่า เล่าปี่กำลังจะหนีไปที่เมืองเจียงหลิง โจโฉจึงสั่งให้ทหารม้ารีบเร่งเดินทางวันละ 300 ลี้ และก็ตามทันที่ สะพานเตียงปันป๋อ (เตียงปันเกี้ยว-เตียงปันโป๋) ในจดหมายเหตุบันทึกไว้ว่า “องค์เล่าปี่ ละเมียและลูก ไปพร้อมจูเก๋อเหลียง จางเฟย(เตียวหุย) จ้าวหยุน(จูล่ง) พร้อมทหารม้านับสิบ เฉาเซา ยึดได้คน ได้ทรัพย์ จำนวนมาก” ก็คือ สถานการณ์ในตอนนั้น เล่าปี่เองดูแลลูกเมียตัวเองไม่ได้ หันหลังหนีเตลิดไป พอถึงตอนนี้ เล่าปี่เอง คงคิดว่า “ถือประชาเป็นหลัก” คงจะใช้ไม่ได้แล้ว
และในวรรณกรรมก็เขียนเรื่องนี้ไว้ได้อย่างสนุก ทั้งจูล่งฝ่าทัพรับอาเต้า และก็เตียวหุยตะโกนที่สะพานเตียงปันโป๋ ซึ่งสองเรื่องนี้ก็มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ แต่เตียวหุยก็ไม่ได้ตะโกนจนทำให้สะพานพังหรือแม่น้ำไหลทวนกระแสคืน เพียงแค่โจโฉคิดระแวง แล้วก็ให้สั่งถอยทัพไป แล้วเตียวหุยจึงสั่งให้รื้อสะพานทิ้ง ส่วนจูล่งเองก็ช่วยอาเต้าไว้จริงๆ แต่ที่เล่าปี่โยนลูกทิ้งนั้นไม่มี ไม่ได้มีบันทึกไว้
ในตอนนี้เราสามารถมองเห็นถึงความสามารถของซุนกวนได้เป็นอย่างดี ก็คือ แม้ว่ากลุ่มเจียงตงของซุนกวน กับกลุ่มจิงโจวของเล่าเปียวจะมีความแค้นกันมานาน ด้วยเล่าเปียวฆ่าซุนเกี๋ยน พ่อของซุนกวน ซุนกวนเอง ก็ฆ่าแม่ทัพใหญ่หองจอ ของเล่าเปียว แต่นักปกครองอย่างซุนกวนนี้ ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินใจ มองแต่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก จึงอนุมัติตามแผนการณ์ของโลซกในทันที
โลซกจึงรีบเร่งเดินทาง จากท่าเรือไฉซาง ผ่านเมืองเซี่ยโขว่(แฮเค้า) แล้วต่อไปที่เมืองเจียงหลิง(กังเหลง) จึงได้ข่าวการยอมแพ้ของเล่าจ๋อง ซึ่งเล่าปี่ในตอนนั้นหนีจากเมืองฝานเฉินลงมาทางใต้ โลซกจึงขึ้นเหนือแล้วไปพบกับเล่าปี่ที่ตังหยาง เตียงปันโป๋
พอโลซกเจอกับเล่าปี่ โลซกกลับเป็นคนเสนอแผนสร้างพันธมิตเพื่อต้านโจโฉกับเล่าปี่ก่อน และเล่าปี่กับขงเบ้งเอง ก็ไม่มีทางไปอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ปฏิเสธ ดังนั้นทั้งสามคนจึงตกลงร่วมมือกัน ด้วยวาจา ที่ตังหยาง
แต่โจโฉก็ไม่ยอมให้เล่าปี่ได้หายใจหายคอได้นานนัก หลังจากโจโฉยึดเจียงหลิง(กังเหลง)ได้แล้ว จึงเตรียมกองทัพทวนกระแสน้ำเข้าตี เซี่ยโขว่(แฮเค้า) เพื่อปราบเล่าปี่
สถานการณ์ของเล่าปี่กลับคับขันอีกครั้ง ถึงเวลาของ จูกัดเหลียง ออกโรงแล้ว จูกัดเหลียงจึงกล่าวกับเล่าปี่ว่า “สถานการณ์เร่งรัด โปรดออกบัญชา ขอท่านแม่ทัพซุนช่วย” เล่าปี่เห็นด้วยอนุมัติทันที จูกัดเหลียงกับโลซก จึงรีบเร่งเดินทางไป “ไฉซาง” เพื่อเข้าพบกับซุนกวน
เรื่องนี้นั้น สำหรับเล่าปี่แล้ว คือเรื่องชี้เป็นตาย จูกัดเหลียงจึงจำเป็นต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ แต่ปัญหาทั้งหมดนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่กลุ่มของเล่าปี่เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ ขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ทางการเมืองของ กลุ่มเจียงตงที่จะได้รับ เมื่อนักการเมือง นักปกครองวางแผนนโยบายแล้ว สิ่งแรกที่คิดก็คือ ผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองที่จะได้รับ ซึ่งซุนกวนและกลุ่มเจียงตง ต่างก็มีผลประโยชน์ และจุดยืนทางการเมืองไม่ตรงกับกลุ่มของเล่าปี่ แล้วจูกัดเหลียงจะทำภารกิจได้สำเร็จได้อย่างไร พบกันตอนหน้า กับ EP21 ภารกิจพลิกชะตา