EP17 ยุทธศาสตร์หลงจง (ยุทธศาสตร์โลซก - ขงเบ้ง)

EP17 ยุทธศาสตร์หลงจง (ยุทธศาสตร์โลซก - ขงเบ้ง)
ลิ้งคลิปเสียง https://youtu.be/ZQptMwvJaeg
อ้างอิงประวัติศาสตร์ เนื้อหาต้นฉบับ อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก (ซับไทย Ongchina)
ยุทธศาสตร์หลงจง คืออะไร ยุทธศาสตร์หลงจง คือ บทสนทนาลับระหว่าง เล่าปี่ กับ ขงเบ้ง คุยกันที่หลงจง โดยเล่าปี่เริ่มก่อน เล่าปี่ว่า “ราชวงศ์ฮั่นตกต่ำ กังฉินชิงเมือง ประมุขแปดเปื้อน กำลังข้ามีน้อย มิอาจถึงขั้น หวังซื่อสัตย์ภัคดีต่อใต้หล้า แต่สติปัญญาต่ำต้อย ได้แต่พ่ายแพ้ จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่ละทิ้งปณิธาน จึงขอถาม แผนท่านวางไว้อย่างไร”
อ.อี้จงเทียน อธิบาย คำพูดในตอนนี้ของเล่าปี่ว่า ไม่ใช่เป็นคำพูดลอยๆ ที่ไม่มีความหมาย แต่เล่าปี่นั้น เริ่มต้นที่ “ราชวงศ์ตกต่ำกับกังฉินชิงเมือง” คำพูดแบบนี้ เป็นคำพูดที่เล่าปี่ใช้เพื่อยืนยันถึงสถานะของตนเองว่า ตนเองนั้นเป็นเชื้อพระวงศ์ มีความห่วงใยราชวงศ์ กังวลในความทุกข์ร้อน ของบ้านเมือง เพื่อบอกถึงว่า ตัวเองนั้นมีจุดยืน และมีความถูกต้องทางการเมืองที่จะเข้าแย่งชิงอำนาจในครั้งนี้
ประโยคต่อมา เป็นการอธิบายถึงสถานการณ์ ว่าตอนนี้เป็นอย่างไร การตัดสินใจอย่างไร “สติปัญญาข้าต่ำต้อย ได้แต่พ่ายแพ้ คือ สถานการณ์ของเล่าปี่ในตอนนี้ “ส่วนการตัดสินใจ ก็คือ ยังไม่ละทิ้งปณิธาน” และต่อมาจึงคำถามต่อว่า “แผนท่านวางไว้อย่างไร” ข้านั้นควรทำเช่นไร
จูกัดเหลียงในตอนนี้ เข้าใจเล่าปี่ได้ชัดเจน ว่าคำถามที่สำคัญที่สุดของเล่าปี่นั้น คืออะไร หากวิเคราะห์ คำพูดของเล่าปี่นั้นให้ดี คำที่ของเลาปี่พูดนั้น ไม่ได้มุ่งมาที่ว่า “ไม่ได้เน้นหนักไปที่ว่า ราชวงศ์ตกต่ำ กังฉินชิงเมือง ประมุขแปดเปื้อน แต่คำถามที่สำคัญที่สุด ก็คือ “ตอนนี้มีกำลังมีน้อย ที่ผ่านมาได้แต่พ่ายแพ้โดยตลอด จนมาถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เลิกคิดเรื่องทำการใหญ่ ข้าจึงขอถามแผนการของท่าน ว่าข้าควรจะทำอย่างไรดี”
ดังนั้น จูกัดเหลียง จึงไม่ได้ตอบ เกี่ยวกับเรื่อง “กังฉินชิงเมือง ประมุขแปดเปื้อน” แต่สิ่งที่จูกัดเลี่ยงตอบ ก็คือ “ตั้งแต่ตั๋งโต๊ะก่อความวุ่นวาย เจ้าเมืองขุนศึก ต่างแก่งแย่งดินแดน สถานการณ์มาถึงจุดนี้ ทุกคนต่างไม่ได้สนใจว่า องค์ฮ่องเต้นั้นจะเป็นเช่นไร สนใจเพียงแต่การแย่งชิงดินแดนเท่านั้น และเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ควรทำอย่างไร เราก็ต้องแย่งชิงดินแดนด้วยเช่นกัน ซึ่งไม่ว่าความใฝ่ฝัน ความมุ่งมั่น จุดประสงค์ทางการเมืองของท่านจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าท่านต้องการจะปกป้องฮ่องเต้อย่างจริงใจหรือไม่ ไม่ใช่จุดประสงค์หลักอีกต่อไป มีเรื่องเดียวที่ต้องทำก่อนในตอนนี้ ก็คือ ต้องมีดินแดนเสียก่อน
อ.อี้จงเทียน อธิบายในบทสนทนาของเล่าปี่กับจูกัดเหลียงในตอนนี้ว่า เมื่ออยู่กันตามลำพังสองคน ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมค้อมอะไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่อง “กังฉินชิงเมือง ประมุขแปดเปื้อน” ไม่จำเป็นแล้ว พูดกันแบบเนื้อๆ เลยดีกว่า ว่าจะทำการใหญ่ในตอนนี้ ต้องทำอย่างไร คำตอบที่ได้ก็คือ ต้องหาดินแดนก่อน

ปัญหาต่อมา เมื่อต้องการดินแดนของตนเอง แต่เล่าปี่นั้นพเนจรมาโดยตลอด พึ่งพิงคนโน้นทีคนนี้ที แล้วจะมีดินแดนได้อย่างไร จูกัดเหลียงจึงตอบว่า “โจโฉเทียบกับอ้วนเสี้ยวในตอนนั้น ชื่อเล็กกำลังน้อย แต่โจโฉภายหลังชนะอ้วนเสี้ยวได้ มิใช่แค่พึ่งชะตาฟ้า แต่อยู่ที่แผนการมนุษย์ด้วย” ก็คือ กำลังโจโฉนั้นน้อยกว่าอ้วนเสี้ยว แต่กลับเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้ เพราะเป็นชะตาฟ้า และคนวางแผน ความหมายของจูกัดเหลียงก็คือ สถานการณ์ของเล่าปี่ในตอนนี้ก็เหมือนกับโจโฉในตอนนั้น ส่วนโจโฉในตอนนี้ก็คืออ้วนเสี้ยวในตอนนั้น เมื่อโจโฉนั้นด้อยกว่า แต่กลับชนะอ้วนเสี้ยวได้ เล่าปี่ก็สามารถชนะโจโฉในตอนนี้ได้เช่นกัน จึงเรียกได้ว่า “ความสำเร็จนั้นอยู่ที่ฟ้า ส่วนแผนการณ์นั้นอยู่ที่คน”
จูกัดเหลียง จึงอธิบายถึงแผนการณ์ต่อว่า “โจโฉนั้นเข้มแข็งและมีกำลังมาก อีกทั้งยังใช้ฮ่องเต้ บัญชาเหล่าขุนนาง จึงไม่อาจต่อกรได้” คือ โจโฉในตอนนี้นั้น ได้เปรียบในการเมือง มีความชอบธรรม ใช้ฮ่องเต้บีบขุนนางและขุนศึก อีกทั้งมีกำลังมาก จึงไม่อาจสู้ซึ่งๆหน้าได้ “ซุนกวนตั้งอยู่เจียงตง ยาวนานสามรุ่น อำนาจมั่นคง ใช้ร่วมมือเป็นพันธมิตร ไม่ควรคิดกำจัด” ดังนั้นดินแดนที่ต้องแย่งมาให้ได้ในตอนนี้ ก็คือ จิงโจว(เกงจิ๋ว) จูกัดเหลียงจึงว่า “เจ้าดินแดนไม่อาจรักษา แทบเรียกได้ว่าฟ้ามอบให้ท่านแม่ทัพ อยู่ที่ท่านแม่ทัพว่าจะมีใจหรือไม่”
อ.อี้จงเทียน อธิบายตอนนี้ว่า ในตอนนี้ เล่าปี่นั้น ด้านบนไร้ที่คุ้มหัว ด้านล่างไร้ที่ให้ยืน ให้ที่ไหน เล่าปี่ก็เอา แล้วที่ดีๆ อย่างจิงโจว มีหรือ จะไม่อยากได้ ซึ่งคำถามนี้ เล่าปี่จึงไม่จำเป็นต้องตอบเลย ต่างก็รู้กันอยู่ในใจ
จูกัดเหลียงจึงกล่าวต่อว่า “นอกจากนี้ยังมี อี้โจว เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ มีทั้ง ฮั่นจง ปาจง สู่จวิ้น โดยเฉพาะที่ราบฮั่นจง และเฉิงตู อุดมสมบูรณ์ เป็นดินแดนแห่งสวรรค์ รักษาง่าย โจมตียาก เล่าปังเคยใช้เป็นฐานตั้งราชวงศ์ฮั่น อี้โจวเป็นของเล่าเจี้ยง ส่วนฮั่นจงนั้นเป็นของเตียวฬ่อ สองคนนี้ใช้ไม่ได้ ไม่มีทางเป็นใหญ่ ดังนั้นดินแดนนี้จึงรอท่านแม่ทัพให้ไปเป็นผู้นำ เมื่อได้ครองสองดินแดนนี้แล้ว ใช้ชื่อเสียงของท่านแม่ทัพ แสดงคุณธรรมทั่วหล้า ใช้สถานะที่เป็นพระญาติพระวงศ์ ชักจูงรวบรวมจอมคน ผู้ปรีชาสามารถ โดยเริ่มที่จิงโจวและอี้โจวเป็นฐาน ด้านนึงจัดการปกครองบริหารให้ดี อีกด้านผูกสัมพันธ์กับภายนอก ร่วมมือกับซุนกวน รอเหตุการณ์ เปลี่ยนแปลง แล้วจึงให้แม่ทัพจากจิงโจว มุ่งทัพขึ้นเหนือยึดเมืองหว่านเฉิน โจมตีลั่วหยาง ส่วนท่านแม่ทัพ เดินทัพจากอี้โจว ยึดเอาฉิงฉวน โจมตีซีอาน ถึงตอนนั้นเหล่าราษฎรก็จะมารอต้อนรับท่านแม่ทัพ หากทำตามนี้ การใหญ่จะสำเร็จ บัลลังก์ฮั่นจะฟื้นคืน”
คำพูดของ จูกัดเหลียงนี้ ทำให้เล่าปี่เหมือนกับ “ตื่นจากความฝัน รู้ซึ้งในความจริง รับรู้ว่าการใหญ่จะสำเร็จได้นั้น ต้องใช้วิธีนี้เอง” เรียกได้ว่า แผนการณ์ที่จูกัดเหลียงวางไว้ให้นั้น อยากตีก็รุกได้ อยากถอยก็ป้องกันได้ หากการณ์ใหญ่สำเร็จ ก็สามารถตั้งตนเป็นฮ่องเต้ รวบรวมแผ่นดินได้ทั้งหมด หากไม่สำเร็จ แผ่นดินก็แบ่งเป็นสามส่วน ซึ่งก็ยังถือได้ว่า เล่าปี่นั้นก็ยังเป็นใหญ่ได้อยู่ดี
แต่แผนการณ์ขั้นแรกของจูกัดเหลียงนั้น คือ ยึดจิงโจวให้ได้ก่อน ซึ่งจิงโจวในตอนนี้เป็นของเล่าเปียว และเล่าเปียวนั้น แซ่เดียวกับเล่าปี่ ตระกูลเดียวกัน อีกด้านเล่าเปียวนั้น ก็เป็นน้าเขยของเมียจูกัดเหลียง
ดังนั้นจูกัดเหลียง จึงพูดไว้ชัดเจนมากว่า “เจ้าดินแดนไม่อาจรักษา เรียกได้ว่าฟ้ามอบให้ท่านแม่ทัพ” คือ จิงโจว เอามาไว้ได้ แต่ต้องรอจนถึงเจ้าของดินแดนไม่อาจรักษาไว้ได้ รอเวลาเขาส่งให้กับเราเอง
ดังนั้น จิงโจวสำหรับเล่าปี่แล้ว จึงได้แต่รอรับเท่านั้น ไม่อาจยื้อแย่งได้ และสุดท้ายเล่าเปียวก็เสียจิงโจวไปตามที่ จูกัดเหลียง คาดการณ์ไว้

เมื่อ 7 ปีก่อน ก็มีอีกคนๆนึง ที่เสนอความคิดเห็น คล้ายคลึงแบบนี้ไว้ก่อนแล้ว ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “ยุทธศาสตร์หลงจง ฉบับง่อก๊ก” ก็ว่าได้ คนๆนั้นคือ “โลซก”
หากเราพูดถึงโลซก หลายคนอาจมีความคิดว่า เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ เถรตรงไม่ทันคนอื่น นั้นเป็นเพียงแค่ในวรรณกรรมเท่านั้น แต่ความจริงในประวัติศาสตร์แล้ว โลซกนั้น เรียกได้ว่า เป็นคนฉลาด มีความสามารถ รักในความยุติธรรม กล้าได้กล้าเสีย และโลซกคนนี้ยังมีหัวทางการเมืองอย่างมากอีกด้วย
หลังจากที่โลซกสวามิภักดิ์ต่อซุนกวนแล้ว ซุนกวนเคยถามโลซกว่า “ราชวงศ์ฮั่น ตอนนี้อยู่ในช่วงตกต่ำ ข้าซุนกวนรับมรดกจากบิดาและพี่ชาย ข้าคิดอยากเป็นอย่าง ฉีหวนกง จิ้นหวินกง เป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องฮ่องเต้ (ซึ่งก็เหมือนกับที่ โจโฉเคยพูดไว้) ขอถามท่านโลซกว่า มีวิธีอะไรแนะนำได้บ้าง”
โลซกตอบเหมือนราดน้ำมันใส่ซุนกวน โลซกกล่าวว่า “ตามความเห็นข้าน้อย จะเป็น ฉีหวนกง จิ้นเหวินกง คงไม่สำเร็จ เพราะราชวงศ์ฮั่นนั้น ไม่อาจฟี้นคืน โจโฉนั้นก็ไม่สามารถปราบได้ จึงต้องยันค้ำที่เจียงตง รอดูใต้หล้าปั่นป่วน หลังจากนั้น ท่านแม่ทัพจึงรุกไปทางตะวันตก โจมตีหองจอก่อน กำจัดเล่าเปียว แล้วค่อยไปตีอี้โจว เอาดินแดนของเล่าเจี้ยง แบ่งดินแดนกับโจโฉ ด้วยเส้นแม่น้ำ เป็นเหนือใต้ พอถึงเวลานั้นจึงตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ ยกทัพขึ้นเหนือ รวบรวมแผ่นดิน”
ดังนั้น ยุทธศาสตร์หลงจง ของโลซกของจูกัดเหลียง จึงมีความคล้ายคลึงกันอยู่ แต่แม้จะคล้ายคลึงกันแต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ ก็คือ
ข้อหนึ่ง การแบ่งแผ่นดินออกเป็นสามนั้นต่างกัน ของโลซก คือ ซุนกวน เล่าเปียว และโจโฉ ส่วนของขงเบ้งนั้น คือ ซุนกวน เล่าปี่ และโจโฉ ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า เมื่อโลซกเสนอแผนเมื่อ 7 ปีก่อนนั้น เล่าปี่ยังไม่บทบาทเท่าไหร่ จึงไม่แปลกที่โลซกจะมองข้ามเล่าปี่ แต่ต่อมาเมื่อเล่าเปียวตาย โลซกก็ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ว่า อีกคนที่จะแย่งชิงอำนาจกันนั้น ก็คือเล่าปี่แน่นอน
ข้อสอง ภารกิจหลัก จุดยืนต่างกัน คือ ของจูกัดเหลียงนั้น ชัดเจนว่า “ฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น ค้ำชูเล่าปี่” แต่โลซกก็พูดไว้ชัดเจนว่า “ราชวงศ์ฮันไม่อาจฟื้นฟู ตั้งซุนกวนเป็นฮ่องเต้แทน” นี่คือจุดยืนที่ต่างกัน
ข้อสาม คือ ยุทธศาตร์หลักทางการทหารต่างกัน ของโลซกคือ กำจัดเล่าเปียวก่อน แล้วจึงยึดอี้โจวของเล่าเจี้ยง แบ่งเขตดินแดนกับโจโฉด้วยแม่น้ำ เริ่มต้นจากสามก๊ก เปลี่ยนเป็น ก๊กเหนือใต้ แล้วจึงรวมแผ่นดิน ส่วนของจูกัดเหลียง เริ่มที่ยึดจิงโจวให้ได้ก่อน แล้วจึงไปเอาอี้โจว ตั้งหลักรอ ซุนกวนกับโจโฉ ขัดแย้งกัน ตีกันเอง จากนั้นรุกขึ้นเหนือ ตีตะวันออก แล้วจึงรวบแผ่นดิน

แต่ในตอนนั้น ซุนกวนก็ไม่ได้เอาแผนของโลซกมาใช้ อ.อี้จงเทียน แสดงความคิดเห็นในตอนนี้ว่า ตอนนั้นซุนกวนอายุได้แค่ 18 ปี เพิ่งเริ่มรับตำแหน่งต่อจาก ซุนเซ็ก พี่ชาย รากฐานยังไม่มั่นคง จึงไม่มีความคิดอ่านเรื่องการรวบรวมแผ่นดิน จำเป็นต้องจัดการเรื่องฝ่ายใน ให้เรียบร้อยเสียก่อน ซุนกวนจึงปฏิเสธโลซกไป
ต่อมา 7 ปีให้หลัง มีอีกคนนึงแนะนำซุนกวน ในวิธีการด้วยกันนี้ว่า ให้เข้าตี หองจอ และเร่งยึด จิงโจว(เกงจิ๋ว) มาไว้ให้ได้ก่อนโจโฉ คนนั้นก็คือ กำเหลง โดยกำเหลงคนนั้น แต่เดิมเป็นลูกน้องหองจอและเล่าเปียวมาก่อน ต่อมากำเหลงมาเข้าซุนกวน จากคำแนะนำของ จิวยี่และลิบอง โดยกำเหลงกล่าวว่า “ราชวงศ์ฮั่นเสื่อม โจโฉต่อไปต้องชิงราชสมบัติเป็นแน่ และจิงโจวคือชัยภูมิสำคัญ ส่วนเล่าเปียวนั้นมีวิสัยทัศน์คับแคบ ไร้ซึ่งแผนการณ์ ลูกสองคนก็ไม่เอาไหน ใช้การใหญ๋ไม่ได้ ดินแดนตรงนี้ รักษาไว้ไม่ได้แน่นอน ดังนั้นท่านแม่ทัพควรรีบเร่งยึดจิงโจวให้ได้โดยเร็ว อย่าช้ากว่าโจโฉ”
แต่ก็มีคนคัดค้านความคิดเห็นนี้ ก็คือ เตียวเจียว ที่ปรึกษาใหญ่ เตียวเจียว “พวกเราตั๋งง่อ กลุ่มเจียงตง ตอนนี้ยังขับขันอยู่ จะทำอะไรต้องระวัง ละเอียดรอบคอบ จะออกไปรบรามั่วซั่ว ตามใจชอบไม่ได้” แล้วทำไมเตียวเจียวถึงคัดค้าน แล้วซุนกวนตัดสินใจแบบไหน หลังจากนั้นเป็นอย่างไร พบกันตอนหน้าครับ กับ EP18 รากฐานแห่งเจียงตง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่