เราจะปล่อยวางได้อย่างไรเมื่อใจยังไม่ตระหนักชัดถึงภาวะสุญญตา
ผลึกหินเขียนในกระทู้ จริงแท้คือว่างเปล่า ต่อจากกระทู้ สรรพสิ่งจริงแท้มีเพียงสภาวะเดียว
และสภาวะเดียวนั้นก็คือสุญญตา ว่างเปล่า ไร้ตัวตน
และผลึกหินได้นิยามความว่างเปล่า ไว้ว่าว่างเปล่าในที่นี้ มิใช่ว่างเปล่าไม่มีอะไร
คือมันจะอยู่ในสภาวะเสมอเหมือนกันหมด ไม่แตกต่าง ไม่แบ่งแยก ไม่ชัดในสิ่งใด จึงไร้รูป
จึงดูไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม ภูเขาก็มิใช่ภูเขา ต้นไม้ก็มิใช่ต้นไม้ มันกลืนเป็นสิ่งเดียวกัน
จนมิอาจแยกแยะ มันเสมอเหมือนและไร้ขอบเขต จนดูดังว่า ว่างเปล่า
และแม้กระทั่งตัวเราเองก็เช่นกัน ก็อยู่ในสภาวะเช่นนั้น กลมกลืนเป็นสิ่งเดียวกันกับสรรพสิ่ง
เราจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเสมอเหมือนไร้ขอบเขตนั้น
ในสภาวะนั้น เราจึงตระหนักชัดถึงความว่างเปล่า ไร้ตัวตน
เมื่อใจเราตระหนักชัดในสภาวะธรรมหนึ่งเดียวนี้ ใจเราก็จะเกิดอุเบกขาขึ้นมาอัติโนมัติ
ความยึดมั่นถือมั่น มันจะหายไป จิตมันจะรู้สึกว่า เมื่อเวลาเรารู้เราเห็นเราสัมผัสอะไรมันจะ
มีความรู้สึกเฉยๆขึ้นมาเอง ในความรู้สึกเฉยๆนั้น ทำให้การปรุงแต่งต่อไปมันหยุดชะงักอัตโนมัติ
ไม่มีความรู้สึก รัก ชอบ โกรธ หรือหลงไหลได้ปลื้ม มันหยุดตั้งแต่มันรู้สึกเฉยๆขึ้นมา
เหมือนมันตัดวงจรปรุงแต่งไปให้เองเลย
บางคนบอกว่าการปล่อยวางจะทำได้ เมื่อเราเบื่อ หากการเบื่อทำให้เกิดการปล่อยวาง
มันก็เพียงปล่อยวางได้ชั่วขณะ หายเบื่อก็กลับมาอยากอีก
ดังนั้นผลึกหินคิดว่า จริงแล้วเราต้องตระหนักถึงสภาวะที่จริงแท้นั้นให้ได้
ใจเราถึงจะคงความเป็นกลาง เมื่อใจคงความเป็นกลาง ใจเราจะวางเฉยต่อสิ่งกระทบ
เมื่อนั้นจิตมันจะเริ่มกระจ่างใสและว่างเปล่าไปเรื่อยๆ จึงเป็นที่มากระทู้ก่อนหน้า ความเป็นกลางคือความว่างเปล่า
:
:
:
กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้ ก่อนที่จะห่างหาย ที่จะฝากเพื่อนๆผลึกหินในห้องนี้ว่า
อย่ามัวเสียเวลาทะเลาะกันอยู่เลย สิ่งสำคัญในชีวิตเมื่อเกิดมาหาใช่อยู่ไปเพื่อรอวัน
หากแต่ควรอยู่เพื่อยกระดับจิตวิญญาณ เพื่อให้มีดวงตาเห็นธรรม
เราคงมิมีเวลามากพอให้กับทุกสิ่ง ด้วยเราต่างมิรู้ว่าเรามีโอกาสอีกมากน้อยเพียงใด
จงให้เวลากับสิ่งที่คู่ควรเถิด
สำหรับผลึกหินลองผิดลองถูกมาเป็นระยะๆ หากใครได้ตามอ่านสิ่งที่ผลึกหินเขียนมานานคงทราบ
แต่หนึ่งในแนวทางที่ที่ตระหนักชัดอยู่ในตอนนี้ คือการตระหนักชัดในความเป็นสภาวะเดียวว่า
สรรพสิ่งจริงแท้ล้วนว่างเปล่า ในความตระหนักชัดนี้ทำให้จิตเราวางตัวเป็นกลางอัติโนมัติ
:
:
:
ผลึกหินคงไม่มีอะไรจะฝากก่อนห่างหาย…นอกจากกระทู้ที่เคยเขียนมาให้ได้อ่าน
ความเป็นกลางคือความว่างเปล่า
สรรพสิ่งจริงแท้มีสภาวะเดียว
จริงแท้คือว่างเปล่า
…ด้วยรักในความเป็นเพื่อนร่วมบอร์ด…
:
:
:
—-ผลึกหิน—-
@@@ก่อนจะห่างหาย@@@ —-ผลึกหิน—-
ผลึกหินเขียนในกระทู้ จริงแท้คือว่างเปล่า ต่อจากกระทู้ สรรพสิ่งจริงแท้มีเพียงสภาวะเดียว
และสภาวะเดียวนั้นก็คือสุญญตา ว่างเปล่า ไร้ตัวตน
และผลึกหินได้นิยามความว่างเปล่า ไว้ว่าว่างเปล่าในที่นี้ มิใช่ว่างเปล่าไม่มีอะไร
คือมันจะอยู่ในสภาวะเสมอเหมือนกันหมด ไม่แตกต่าง ไม่แบ่งแยก ไม่ชัดในสิ่งใด จึงไร้รูป
จึงดูไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม ภูเขาก็มิใช่ภูเขา ต้นไม้ก็มิใช่ต้นไม้ มันกลืนเป็นสิ่งเดียวกัน
จนมิอาจแยกแยะ มันเสมอเหมือนและไร้ขอบเขต จนดูดังว่า ว่างเปล่า
และแม้กระทั่งตัวเราเองก็เช่นกัน ก็อยู่ในสภาวะเช่นนั้น กลมกลืนเป็นสิ่งเดียวกันกับสรรพสิ่ง
เราจึงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความเสมอเหมือนไร้ขอบเขตนั้น
ในสภาวะนั้น เราจึงตระหนักชัดถึงความว่างเปล่า ไร้ตัวตน
เมื่อใจเราตระหนักชัดในสภาวะธรรมหนึ่งเดียวนี้ ใจเราก็จะเกิดอุเบกขาขึ้นมาอัติโนมัติ
ความยึดมั่นถือมั่น มันจะหายไป จิตมันจะรู้สึกว่า เมื่อเวลาเรารู้เราเห็นเราสัมผัสอะไรมันจะ
มีความรู้สึกเฉยๆขึ้นมาเอง ในความรู้สึกเฉยๆนั้น ทำให้การปรุงแต่งต่อไปมันหยุดชะงักอัตโนมัติ
ไม่มีความรู้สึก รัก ชอบ โกรธ หรือหลงไหลได้ปลื้ม มันหยุดตั้งแต่มันรู้สึกเฉยๆขึ้นมา
เหมือนมันตัดวงจรปรุงแต่งไปให้เองเลย
บางคนบอกว่าการปล่อยวางจะทำได้ เมื่อเราเบื่อ หากการเบื่อทำให้เกิดการปล่อยวาง
มันก็เพียงปล่อยวางได้ชั่วขณะ หายเบื่อก็กลับมาอยากอีก
ดังนั้นผลึกหินคิดว่า จริงแล้วเราต้องตระหนักถึงสภาวะที่จริงแท้นั้นให้ได้
ใจเราถึงจะคงความเป็นกลาง เมื่อใจคงความเป็นกลาง ใจเราจะวางเฉยต่อสิ่งกระทบ
เมื่อนั้นจิตมันจะเริ่มกระจ่างใสและว่างเปล่าไปเรื่อยๆ จึงเป็นที่มากระทู้ก่อนหน้า ความเป็นกลางคือความว่างเปล่า
:
:
:
กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้ ก่อนที่จะห่างหาย ที่จะฝากเพื่อนๆผลึกหินในห้องนี้ว่า
อย่ามัวเสียเวลาทะเลาะกันอยู่เลย สิ่งสำคัญในชีวิตเมื่อเกิดมาหาใช่อยู่ไปเพื่อรอวัน
หากแต่ควรอยู่เพื่อยกระดับจิตวิญญาณ เพื่อให้มีดวงตาเห็นธรรม
เราคงมิมีเวลามากพอให้กับทุกสิ่ง ด้วยเราต่างมิรู้ว่าเรามีโอกาสอีกมากน้อยเพียงใด
จงให้เวลากับสิ่งที่คู่ควรเถิด
สำหรับผลึกหินลองผิดลองถูกมาเป็นระยะๆ หากใครได้ตามอ่านสิ่งที่ผลึกหินเขียนมานานคงทราบ
แต่หนึ่งในแนวทางที่ที่ตระหนักชัดอยู่ในตอนนี้ คือการตระหนักชัดในความเป็นสภาวะเดียวว่า
สรรพสิ่งจริงแท้ล้วนว่างเปล่า ในความตระหนักชัดนี้ทำให้จิตเราวางตัวเป็นกลางอัติโนมัติ
:
:
:
ผลึกหินคงไม่มีอะไรจะฝากก่อนห่างหาย…นอกจากกระทู้ที่เคยเขียนมาให้ได้อ่าน
ความเป็นกลางคือความว่างเปล่า
สรรพสิ่งจริงแท้มีสภาวะเดียว
จริงแท้คือว่างเปล่า
…ด้วยรักในความเป็นเพื่อนร่วมบอร์ด…
:
:
:
—-ผลึกหิน—-