●● กระจ่าง!อดีตผู้พิพากษาไขปริศนา...ทำไม'ธนาธร'ถ่วงเวลาศาลรธน.วินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อ ●●
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า .....
ถ้านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และที่ปรึกษากฎหมายมั่นใจว่า นายธนาธรไม่มีความผิดกรณีการถือครองหุ้น
บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขอขยายเวลายื่นคำให้การถึง ๒ ครั้ง
.....นายธนาธรน่าจะรีบยื่นคำให้การภายในกำหนด 15 วันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อศาลรัฐธรรมนูญ
จะได้นัดไต่สวนพยาน กกต.ผู้ร้องและพยานนายธนาธรผู้ถูกร้อง เมื่อไต่สวนเสร็จก็จะมีคำวินิจฉัย
.....หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจให้ยกคำร้องของ กกต. คำสั่งห้ามชั่วคราวที่มิให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
ก็สิ้นผล นายธนาธรจะได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาต่อไป
.....การที่นายธนาธรขอขยายการยื่นคำให้การถึง ๒ ครั้ง จึงน่าเชื่อว่านายธนาธรและที่ปรึกษากฎหมาย
ไม่มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่มีน้ำหนักมั่นคงพอที่จะฟังได้ว่านายธนาธรบริสุทธิ์
.....ถ้ารีบยื่นคำให้การและศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานหลักฐานเสร็จแล้วมีคำวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส.
ของนายธนาธรสิ้นสุด เพราะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘(๓) คือ
เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
.....เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว นายธนาธรอาจถูก กกต. ดำเนินคดีตาม พรป.เลือกตั้ง มาตรา ๑๕๑
ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่
๑ ปีถึง ๑๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น
มีกําหนด ๒๐ ปี
.....นายธนาธรคงจะกลัวถูกดำเนินคดีตามมาตรานี้ จึงต้อง พยายามถ่วงเวลาเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้
มีคำวินิจฉัยช้าที่สุด
Cr.
https://www.thaipost.net/main/detail/39493
●● กระจ่าง!อดีตผู้พิพากษาไขปริศนา...ทำไม'ธนาธร'ถ่วงเวลาศาลรธน.วินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อ ●●
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่า .....
ถ้านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และที่ปรึกษากฎหมายมั่นใจว่า นายธนาธรไม่มีความผิดกรณีการถือครองหุ้น
บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขอขยายเวลายื่นคำให้การถึง ๒ ครั้ง
.....นายธนาธรน่าจะรีบยื่นคำให้การภายในกำหนด 15 วันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด เพื่อศาลรัฐธรรมนูญ
จะได้นัดไต่สวนพยาน กกต.ผู้ร้องและพยานนายธนาธรผู้ถูกร้อง เมื่อไต่สวนเสร็จก็จะมีคำวินิจฉัย
.....หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจให้ยกคำร้องของ กกต. คำสั่งห้ามชั่วคราวที่มิให้นายธนาธรปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
ก็สิ้นผล นายธนาธรจะได้เข้าไปทำหน้าที่ ส.ส.ในสภาต่อไป
.....การที่นายธนาธรขอขยายการยื่นคำให้การถึง ๒ ครั้ง จึงน่าเชื่อว่านายธนาธรและที่ปรึกษากฎหมาย
ไม่มั่นใจว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่มีน้ำหนักมั่นคงพอที่จะฟังได้ว่านายธนาธรบริสุทธิ์
.....ถ้ารีบยื่นคำให้การและศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยานหลักฐานเสร็จแล้วมีคำวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส.
ของนายธนาธรสิ้นสุด เพราะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๙๘(๓) คือ
เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
.....เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้ว นายธนาธรอาจถูก กกต. ดำเนินคดีตาม พรป.เลือกตั้ง มาตรา ๑๕๑
ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกต้ังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่
๑ ปีถึง ๑๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาทถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น
มีกําหนด ๒๐ ปี
.....นายธนาธรคงจะกลัวถูกดำเนินคดีตามมาตรานี้ จึงต้อง พยายามถ่วงเวลาเพื่อศาลรัฐธรรมนูญจะได้
มีคำวินิจฉัยช้าที่สุด
Cr. https://www.thaipost.net/main/detail/39493