ตอนที่ 3 ทำ Local Hostel มีรายรับเท่าไหร่ (แบ่งปันประสบการณ์การทำ Local Hostel ในระยะสองปีครึ่ง)

สืบเนื่องมาจากกระทู้แรก
https://ppantip.com/topic/38758968
และกระทู้ที่ 2
https://ppantip.com/topic/38804254

คิดว่าไม่ปกติธรรมดาที่จะใครกล้าเปิดเผยข้อมูลธุรกิจส่วนตัวแบบนี้
แต่เนื่องจากว่าเราคิดต่างออกไปนะคะ  
เราว่าจำนวนเม็ดเงินมันไม่ได้มากมาย  ไม่ได้เป็นธุรกิจที่มีความลับซับซ้อนอะไร
ดังนั้นเราก็ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะเปิดเผย  เพียงแต่ยังหาเวลาสะดวกไม่ได้

วัตถุประสงค์มีเพียงอย่างเดียวค่ะ  คืออยากให้ข้อมูล  เพื่อเป็นแรงจูงใจ
ให้คนที่ทำงานเมืองกรุงได้คิดวางแผน  พิจารณาเผื่อหาลู่ทาง "กลับบ้าน"
เรามีความเชื่อว่าคนในเมืองใหญ่  ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจนชิน  เขาจะมีวินัย
และมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน  ต่างจากคนบ้านนอกที่ใช้ชีวิตสบายๆ 
เวลาคุณๆ ทั้งหลายกลับบ้านพร้อมกับเงินทุน  แผนการ  โครงการที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
มันจะช่วยพัฒนาชนบทได้มากกว่าการใช้ความคิดเดิมๆ จากคนรุ่น baby boomer  

เอาล่ะเข้าเรื่องได้เลย  รายรับของ Hostel แห่งแรกของอำเภอจอมทอง เชียงใหม่
อยู่ในตัวอำเภอห่างจากวัดพระธาตุศรีจอมทอง 500 เมตร 
ให้ชื่อว่า Hostel เพราะตอนนี้เราไม่มีห้องที่มีเตียง Queen size หรือ King size ซึ่งคนไทยจะไม่ชินตรงนี้
อารมณ์ประมาณ  อะไรวะ  ได้นอนกับฝรั่งหัวทองเตียงข้างๆ ห้องเดียวกัน  ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย
ภาษาอังกฤษเราก็จะป๊อดๆ บางครั้งก็ต้องนอนรวมหญิงชาย  และไม่รู้จักกันมาก่อน  หนุ่มสาวไทยไปไม่เป็น

คำถามคือ  เราคิดมากไป  รู้สึกมากไป  เรื่องความเป็นหญิงหรือความเป็นชายรึเปล่าคะ
อันที่จริงเราสามารถที่จะมีปฎิสัมพันธ์กับผู้คนได้โดยที่ไม่ต้องแยกเพศเลยนะคะ 
(นี่พูดถึงเฉพาะกรณีที่เราอึดอัด  เวลาได้อยู่ร่วมห้องกับคนอื่น เพศเดียวกันหรือต่างเพศ มาจากที่อื่น)
เพราะโดยมากเรา say Hi  อีกไม่นานข้ามวัน  อย่างมากก็สองวัน เราก็ต้อง say Bye  กันแล้ว
ทำไมเราไม่เก็บเกี่ยวประสบการณ์  โอกาสที่เราจะได้พูดคุยกับคนที่เดินทางมาเป็นแรมเดือนแรมปี
ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่  พวกเขาเหล่านั้นย่อมจะมีเรื่องราวมาแบ่งปันกับผู้คนเสมอ
เราอยากให้คนไทยมองการท่องเที่ยว  การเข้าพักที่พักในลักษณะนี้กันใหม่
ยกเว้นคนที่มากับคู่รักนะคะ  แบบนั้นเข้าใจได้ว่าทำไมห้องพักทั่วโลกถึงระบุผู้เข้าพักสองท่านเสมอ

เราว่าเราออกนอกประเด็นอีกละ  เราไม่อยากแก้นะ  เพราะมันจะไม่สำเร็จและจะไม่ได้โพสต์ซักที 55 5
รายรับในที่นี้คือลบคอมมิชชั่น 15% จากเอเจนซี่เรียบร้อยนะคะ  แต่ยังไมได้หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

รายรับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2017 เทียบปี 2018 นะคะ
Oct          - / 8177
Nov         11300 / 12000
Dec         11800 / 31800
Jan          14300 / 20700
Feb          11700 / 17600
Mar          11500 / 8600
Apr           10000 / 10000
May          9200 / 11400
Jun           5600 / 6600
Jul            7000 / 5600
Aug           4500 / 7100
Sep           5700 / 7000

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรานับหนึ่งปีทางธุรกิจของเราเริ่มจากเดือนตุลาคม ถึง กันยายน อีกปี
การตลาดออฟไลน์อย่างเดียวที่ทำคือคิดป้ายแถวๆ บ้านและ แยกอินทนนท์
น่าจะมีน้องคนนึงโพสต์ในพันทิปเมื่อนานมาแล้ว  ใจดีมาก ขอบคุณมาณ.ที่นี้ด้วยนะคะ

ความคิดของเรา  แบบโลกไม่สวยมาตั้งแต่แรก  เราคิดแค่ 10-15%  จากรายรับเต็มทุกห้องและเต็มทุกคืน ต่อเดือน

ชั้นบน 8 เตียง เตียงละ 200  คูณ 30 = 48000
ห้องล่าง 1 ห้องเล็ก 500 คูณ 30 = 15000
ห้องสี่คน 350 ต่อคน คูณ 4 เตียง คูณ 30 = 42000

รวมทั้งหมด 105000 บาทต่อเดือน  (โลกไม่สวยคิดแค่รายรับ 10%  เท่ากับว่าเราจะมีรายรับจากตรงนี้แค่ 10500 บาทต่อเดือน) แถมยังไม่ได้ลบค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก  หินมั๊ยล่ะคะ

(ยังไม่ได้ทำการตลาดแบบอื่นๆ นะคะ  เพราะตอนนี้อยากให้มันอยู่ประมาณนี้  จะได้แบ่งเวลาไปทำอย่างอื่น)

เป็นไงคะ  ขี้เหร่มากมั๊ย
อยากเลิกคิดจะทำไปเลยล่ะซิ 555
แต่ดูให้ดีก่อนนะคะ  ตัวเลขจะมากขึ้นเฉพาะช่วงไฮ  ส่วนช่วงโลก็เหมือนอยู่บ้านธรรมดาๆ เลย  ถ้าคุณออกแบบบ้านให้ถูก  ใช้พื้นที่ให้คุ้ม  สมมุติเงินห้าแสน  ได้ที่อยู่  ได้ทำเงินเล็กๆ น้อยๆ จากบ้านของเราเอง  

สมมุติว่าตัดรายรับรายจ่ายเดือนสิงหาคม, กันยายนออกไป  ค่าเฉลี่ยต่อเดือน  หารแค่เฉลี่ย 10 เดือน  % รายรับก็จะสูงขึ้นนะคะ  เราว่ามันก็โอเคอยู่นะ  ถ้าเราชอบอยู่แบบนี้ (ในทางบัญชีคงทำไม่ได้มั๊ง) 

ทีนี้  เราลองมามองในมิติอื่นๆ นอกเหนือจากเม็ดเงินดีมั๊ยคะ

วิถีชีวิต
คุณภาพชีวิต
การลงทุนในบ้านของตัวเอง (ซึ่งแม้จะอยู่อาศัยเองก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว  หลักแสนหลักล้าน)
ปฏิสัมพันธ์กับชุมชน
อันนี้สำคัญ...คือ  "เวลา"  ที่จะได้ดูแลลูกหลานเหลน ความผูกพันแน่นแฟ้นในครอบครัว
ค่าครองชีพที่แสนถูก  (ส่วนตัวใช้เงินไม่เกินสามพันต่อเดือน  และมันถูกแบ่งไปเป็นค่าปลาทูแมวด้วยนี่ซิ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรามีโอกาสที่จะได้นำเสนอ  ความเป็นไทย  ความเป็นไปของโลก  แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
แม้จะใช้เวลากับลูกค้าไม่นาน  แต่มันเป็นการสนทนาที่มีคุณภาพมากนะคะ
เงิน  ซื้อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถ้าเราไม่เปิดโอกาสให้ตัวเอง (ได้ลงทุนในสิ่งนี้  เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่แบบนี้)

ทีนี้มาถึง  ต้นทุนต่อเดือนมีค่าอะไรบ้าง
ตีเป็นค่าเฉลี่ยต่อเดือนหมดเลยนะคะ  เพราะเก็บข้อมูลมาพอประมาณแล้ว

ค่าน้ำใช้ 400
ค่าไฟ  900
ค่าน้ำดื่มฟรี 200
ค่ากาแฟฟรี 250
ของใช้ในห้องน้ำฟรี 300
detergent ต่างๆ ซักผ้าเช็ดบ้านล้างจาน 300
ไวไฟ  ไม่คิดมั๊ง  เพราะถ้าไม่ทำที่พักก็ต้องติดอยู่แล้วรึเปล่า คิดก็ 450
ค่าอาหาร ค่าแก็ส ค่าเก็บขยะ บางทีลูกค้าพักนานสนิทๆ กันก็ไม่ได้คิด  เอาเป็น 300 ละกัน
ค่าพนักงานไม่มี  ทำอยู่คนเดียว

รายปีจะมีค่าภาษีป้ายและภาษีโรงเรือนรวมๆ ประมาณ 3000
ค่าไวนิลที่สั่งปริ้นใหม่ทุกปีประมาณ 1500
ซื้อผ้าปู ปลอกหมอน และอื่นๆ ประมาณ 3000
รวมๆ แล้วค่าใช้จ่ายต่อเดือน 3500-4000 นะคะ

ในส่วนค่าใช้จ่ายรายเดือน  เราว่าเราผลักภาระให้คำว่าธุรกิจมากไปรึเปล่า  อย่าง wifi  ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าdetergent ต่างๆ สมมุติว่าเป็นบ้านที่ไม่ได้ทำ hostel ค่าใช้จ่ายจะตกอยู่ที่ราวๆ 70 % ของค่าใช้จ่ายรายเดือน (ของโฮสเทล) เลยนะคะ  
คือเราไม่ได้มองว่ามันเป็นธุรกิจ 100%  เรามองว่ามันรวมอยู่ในวิถีชีวิตเรา  บางครั้งเอาตัวเลขจริงๆ มาคิดมันก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากมายอะไรเลยนะคะ 

โดยมากตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายนจะว่างมาก รายรับจำนวนนั้นก็จะมีลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ นอนสองคืนก็ได้ละค่ะสามสี่พัน วันเวลาที่เหลือคือว่าง  ไปทำงานอย่างอื่นได้  ถ้ามีลูกค้าเข้าพักเขาจะหาอ่านเอาตามบอร์ดที่เราเขียนข้อความไว้  กาแฟอยู่ตรงไหน น้ำดื่มอยู่ไหน  ห้องคุณอยู่ไหน  เขาบริการตนเองได้หมดค่ะ เราไม่ต้องเฝ้าบ้านตลอดเวลา 

ถ้าเราทำห้องเพิ่ม  เราก็จะหาอาสาสมัครมาอยู่ที่โฮสเทลแทน  แล้วเราจะได้ไปทำอาชีพอื่นๆ อีกตามที่ฝันไว้  

เป็นไงคะ  ขี้เหร่หนักเข้าไปอีกรึเปล่า 555
ก็นานาจิตตังนะคะ  
ใครมีอะไรจะแนะนำ  ท่านผู้มีประสบการณ์อยากจะเสนอแนะอะไรบ้าง  น้อมรับนะคะ  ขอบคุณค่ะ 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่