▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
โฮสเทล
จังหวัดเชียงใหม่
ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
เที่ยวเชิงอนุรักษ์
การลาออกครั้งสุดท้ายของผม... แล้วมาทำ Hostel ของตัวเอง
ผมจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำแล้วมาทำHostel ที่บ้านเกิดที่เชียงใหม่
แรงบัลดาลใจส่วนลึก+นิสัย นิยมชมชอบการผจญภัย
ผมและครอบครัวนิยม ชมชอบ การผจญภัยเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่เราขับรถในระยะทางไกลจากเชียงใหม่ไปทั่วประเทศ จากเหนือลงสู่ใต้ นอนโรงแรมจิงโจ้ในปั๊มที่ชุมพร ข้ามสะพานทะลุไปถึงเกาะภูเก็ต แวะกินหมั่นโถกับขาหมูที่ตรัง ว่ายน้ำข้ามเกาะสุรินทร์เหนือและสุรินทร์ใต้(ฤดูน้ำลด)หลังจากนั้นประมาณ1อาทิตย์สึนามิก็เข้าถล่มประเทศ รอดตายมาได้ ทะลุไปถึงเกาะแห่งตำนาน เกาะลังกาวี หรือการขับรถไล่สำรวจประสาทหิน บริเวณอิสานใต้ และตะเข็บชายแดน มีทหารยื่นคุ้มอยู่เป็นระยะๆ สร้างความตื่นเต้นตลอดเส้นทาง หริอสายตะวันออกการขับรถจากเชียงใหม่ไปเกาะช้างก็สร้างความสนุกสนานให้เราไม่น้อย ในตอนนั้นถนนน่าจะมีอยู่เลนเดียวบนเกาะเช้าง ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่เช่นนั้นตกเหว ระบบจองที่พักออนไลน์ไม่มี เราพัก homestayแบบเดินเข้าไปถามชาวบ้านเลย สุดท้ายได้พักที่บ้านผู้ใหญ่เจษ(สุดถนนคอนกรีตที่รถสามารถไปถึงได้)ก็เป็นความประทับใจที่ไม่ลืมเช่นกัน ส่วนสายเหนือถิ่นของพวกเราก็นิยมไปสำรวจทุกจังหวัดเช่นกัน แต่ไม่ได้เป็นการเดินทางระยะยาวซักเท่าไหร่เพราะใกล้บ้าน ทุกๆที่ที่ไปเยือนนั้นส่วนใหญ่การค้างแรม เราจะนอนแบบกางเต้นท์หรือไม่ก็Homestay เสมอ
มีโอกาสไปใช้ชีวิตต่างประเทศ
หลังจากเรียนจบผมก็ทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่เกือบ10 ปี แล้วเกิดอยากเรียนปริญญาโท จึงตัดสินใจไปเรียนต่อที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย วันแรกที่ไปถึงรอโรงเรียนเปิด อยากใช้ภาษาอังกฤษแต่ไม่รู้จะไปคุยกับใครเลยไปคุยกับHomelessและนั้นคือคุณครูภาษาอังกฤษคนแรกของผมบนแผ่นดินจิงโจ้ ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นอยู่5 ปี ในช่วงที่เรียนหนังสือนั้นต้องทำงานไปด้วยและเรียนไปด้วย เลยไม่มีเวลาได้เที่ยวเลย ปีสุดท้ายหลังจากเรียนจบผมจึงเที่ยวแบบบ้าคลั่ง(ด้วยเงินเก็บจากการทำงานทั้งหมด)ผมเดินทางไปเกือบทุกรัฐของออสเตรเลีย และนั้นทำให้ผมรู้จักกับสถาณที่พักแบบHostel เป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าหลงใหลการท่องเที่ยวแบบนี้ไปเลย ในแต่ละ Hostelมันมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก มันทำให้การท่องเที่ยวของผมสนุกสนานขึ้นเป็นกอง ผมได้ไปในสถาณที่ใหม่ๆ พบเจอกับผู้คนใหม่ๆ เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ทดลองอาหารพิ้นถิ่นใหม่ๆ ผู้คนดูเป็นกันเองโดยไม่มีกำแพงอะไรมากั้นขวางเลย อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้การท่องเที่ยวของผมนั้น อร่อยเหาะก็คือ การที่ผมได้รู้จักกับคัมภีร์ของการเดินทางอย่างLonely Planet ขวัญใจชาวBackpacker
หลงเสน่ห์มันเข้าให้แล้ว
หลังจากนั้นผมกลับมาเมืองไทย พร้อมกับเก็บความน่าหลงใหลนั้นไว้ในใจ และยังคงกลับมาทำงานในสตูดิโอพร้อมกับไปเป็นอาจารย์พิเศษสำหรับมหาวิทยาลัยต่างๆ อยู่ประมาณ 2-3ปี โดยระหว่างนี้ผมก็หาข้อมูล ทำการบ้าน นู่นนี้นั้น สำหรับการทำ Hostelและแล้ว!เวลาก็สุกงอม ผมจึงลาออกจากงานประจำ แล้วมาทำ Hostel!!
1. ผมไม่มีหุ้นส่วน และมีงบประมาณค่อนข้างจำกัด เป็นธุรกิจแรกของครอบครับแบบเล็กๆ จึงมีเงื่อนไขไว้ที่ ต้องเป็นอาคารพานิชย์ 1คูหาเท่านั้น และอยู่ใกล้คูเมือง โดยค่าเช่าต้องไม่แพงจนเกินไป ยากกมากกก!! 5555 จนผมมาเจออาคารหลังนี้เข้าให้
2. ผมได้อาคารพานิชย์เก่าปิดตายมาเกือบ10 ปี โดยเมื่อก่อนเคยเป็นหอพักเก่า สภาพภายนอกอาจจะดูเก่าๆ หน่อย แต่โครงสร้างหลักของอาคารยังยอดเยี่ยม และแลกมากับค่าเช่าที่ยังพอรับไหว แต่งานรีโนเวทนี่สิ ปาดเหงื่อครับ!
3.ผมเริ่มจากการซ่อมแซมหลังคาเสียก่อน เพื่อแก้ไขเรื่องน้ำร่วงซึมและป้องกันนกที่จะเข้ามาอาศัยอยู่
4. ต่อไปก็เป็นการรื้อถอน อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว อาคารเดิมนั้นเป็นหอพักเก่า ถูกกั้นห้องด้วยไม้อัด จึงต้องรื้อถอนออกให้หมดครับ
5.ชั้นลอยเพื่อความโปร่งโล่งสบาย ก็ทุบพื้นออกซะเลยครับ ส่วนร่องรอยของคอนกรีตที่เว้าแหว่งออกมานั้นก็ปล่อยไว้ตามนั้นเลยครับ ก็เข้ากับ Modern Industrial Design เหมือนกัน
6. ผมเป็นคนที่หลงใหลในงานสถาปัตยกรรมที่มี Facade มาก ใน Hostel ของผมก็จะต้องมีงานออกแบบ Facade ในแบบที่ผมชอบอยู่ด้วย
7. งานติดตั้งป้าย
8. และแล้วบ้านหลังเล็กแห่งความสนุกสนานก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งผมและครอบครัวสูบพลังชีวิตแห่งอนาคตมาใช้เยอะมาก5555