●● จากอดีตผู้ต้องขังถึงผู้ต้องหาอนาคตใหม่ ●●
รศ.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเพจ
เฟซบุ๊กความว่า...
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ผมและพี่แซมดิน เลิศบุตร เดินยืดอก เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เราโดนคดีทาง
การเมือง เป็นผู้ชุมนุมที่อารยะขัดขืนต่ออำนาจไม่ชอบธรรมของนักการเมืองที่เรียกตนเองว่า "ประชาธิปไตย"
เรือนจำไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันเข้าไปอยู่ มันมีคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นละที่ต้องถูกกันเสรีภาพอยู่ในเรือนจำ
อันเนื่องมาจากการขับไล่พวกนักเลือกตั้ง แต่โกงประเทศทั้งหลาย
เรือนจำและสภามันต่างกัน บางคนยืนกางตำรา ท่องคำภีร์ในสภา แล้วพ่นน้ำลายใส่คนโน้น คนนี้ว่าเป็น
เผด็จการ ตัวเองนี่แหละประชาธิปไตย แต่ขาลอยจากข้อเท็จจริง
สิ่งที่นัก "สู้" เขายอมรับคือ ผลของการกระทำของตนเอง เรายืนยันว่าเจตนาเราดี ทำแล้วผลประโยชน์มัน
ตกเป็นของส่วนรวม เราก็ยอมรับผลการกระทำ ไม่ใช่เที่ยวหนีไปที่อื่น หรือพยายามใช้ประชาชนเป็นโล่
ป้องกันตัวเอง
ผมกลัวว่าพรรคอนาคตใหม่ และ เอกธนาธร กำลังจะเดินตามแนวทางของ ทักษิณ ชินวัตร คือเอาพรรคเป็น
เครื่องมือ ใช้มวลชนเป็นเกาะป้องกัน แล้วชูธนาธรเป็นฮีโร่ประชาธิปไตยทำอะไรไม่เคยผิด อย่างอดีตนายก
ทักษิณ
มันเป็นเรื่องดีที่พรรคอนาคตใหม่จะเดินเส้นทางมวลชนเพื่อขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา
แต่ประวัติศาสตร์มันคล้ายกับอดีตที่พรรคเพื่อไทยเดินเกมส์นี้แล้วสุดท้ายแก้สุดซอยในสภาโดยอ้างว่า
มวลชนเรียกร้อง
กรณีเอกธนาธรก็เช่นเดียวกัน
ผมกลัวว่าจะเอาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาอ้างกับมวลชนแล้วผสมเรื่องถือหุ้นสื่อเข้าไปด้วยแบบเนียนๆ
โดยอ้างว่า "กติกาไม่ชอบธรรม" และเอกถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรมจากกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ถึงเวลานั้นอารมณ์มวลชนคงแยกไม่ออก ระหว่าง "แก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา " กับ "ทำผิดกติกา" ก่อน
การเลือกตั้ง
ที่ผมพูดมาใช่ว่าจะคิดเลื่อนลอย เอาแค่คุณถูกหมายเรียก เอกยังดราม่า เหมือนถูกขังลืมมาแรมปี
แล้วใช้กระแสมวลชนผ่านโลกออนไลน์ ว่าถูกแกล้งเรื่องคดีเลย
เรื่องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ผมเห็นด้วยนะเอก ซึ่งต้องทำสัญญาประชาคม และทำความเข้าใจต่อสังคม
และพรรคการเมืองทุกพรรคอีกนาน ทำให้เป็นภารกิจร่วมเพื่อลดความขัดแย้งในอนาคต อย่าทำเป็นภารกิจ
เพื่อตนเอง
ดูจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็เห็นกันแล้วว่าท้ายสุดมันจะนำไปสู่ความขัดแย้งถ้าเอาเรื่องส่วนตนผสม
เรื่องส่วนรวม
ทุกวันนี้ผมยังต้องเดินขึ้นศาลกับพี่น้องร่วมการต่อสู้ นับจากนี้ขึ้นศาลทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 2 วัน อังคาร พุธ
เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ไปตลอดปี
แกนนำก็ติดคุกกันหมด แต่พวกเราไม่เคยย่อท้อและกล่าวหาว่า "กติกาบ้านเมืองผิด"
พวกผมต้องปรับตัวให้มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่แค่นั้นเอง
Cr.
https://siamrath.co.th/n/83791
●● จากอดีตผู้ต้องขังถึงผู้ต้องหาอนาคตใหม่ ●●
รศ.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเพจ
เฟซบุ๊กความว่า...
วันนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ผมและพี่แซมดิน เลิศบุตร เดินยืดอก เข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เราโดนคดีทาง
การเมือง เป็นผู้ชุมนุมที่อารยะขัดขืนต่ออำนาจไม่ชอบธรรมของนักการเมืองที่เรียกตนเองว่า "ประชาธิปไตย"
เรือนจำไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝันเข้าไปอยู่ มันมีคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้นละที่ต้องถูกกันเสรีภาพอยู่ในเรือนจำ
อันเนื่องมาจากการขับไล่พวกนักเลือกตั้ง แต่โกงประเทศทั้งหลาย
เรือนจำและสภามันต่างกัน บางคนยืนกางตำรา ท่องคำภีร์ในสภา แล้วพ่นน้ำลายใส่คนโน้น คนนี้ว่าเป็น
เผด็จการ ตัวเองนี่แหละประชาธิปไตย แต่ขาลอยจากข้อเท็จจริง
สิ่งที่นัก "สู้" เขายอมรับคือ ผลของการกระทำของตนเอง เรายืนยันว่าเจตนาเราดี ทำแล้วผลประโยชน์มัน
ตกเป็นของส่วนรวม เราก็ยอมรับผลการกระทำ ไม่ใช่เที่ยวหนีไปที่อื่น หรือพยายามใช้ประชาชนเป็นโล่
ป้องกันตัวเอง
ผมกลัวว่าพรรคอนาคตใหม่ และ เอกธนาธร กำลังจะเดินตามแนวทางของ ทักษิณ ชินวัตร คือเอาพรรคเป็น
เครื่องมือ ใช้มวลชนเป็นเกาะป้องกัน แล้วชูธนาธรเป็นฮีโร่ประชาธิปไตยทำอะไรไม่เคยผิด อย่างอดีตนายก
ทักษิณ
มันเป็นเรื่องดีที่พรรคอนาคตใหม่จะเดินเส้นทางมวลชนเพื่อขับเคลื่อนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา
แต่ประวัติศาสตร์มันคล้ายกับอดีตที่พรรคเพื่อไทยเดินเกมส์นี้แล้วสุดท้ายแก้สุดซอยในสภาโดยอ้างว่า
มวลชนเรียกร้อง
กรณีเอกธนาธรก็เช่นเดียวกัน
ผมกลัวว่าจะเอาเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญมาอ้างกับมวลชนแล้วผสมเรื่องถือหุ้นสื่อเข้าไปด้วยแบบเนียนๆ
โดยอ้างว่า "กติกาไม่ชอบธรรม" และเอกถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรมจากกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
ถึงเวลานั้นอารมณ์มวลชนคงแยกไม่ออก ระหว่าง "แก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา " กับ "ทำผิดกติกา" ก่อน
การเลือกตั้ง
ที่ผมพูดมาใช่ว่าจะคิดเลื่อนลอย เอาแค่คุณถูกหมายเรียก เอกยังดราม่า เหมือนถูกขังลืมมาแรมปี
แล้วใช้กระแสมวลชนผ่านโลกออนไลน์ ว่าถูกแกล้งเรื่องคดีเลย
เรื่องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ผมเห็นด้วยนะเอก ซึ่งต้องทำสัญญาประชาคม และทำความเข้าใจต่อสังคม
และพรรคการเมืองทุกพรรคอีกนาน ทำให้เป็นภารกิจร่วมเพื่อลดความขัดแย้งในอนาคต อย่าทำเป็นภารกิจ
เพื่อตนเอง
ดูจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็เห็นกันแล้วว่าท้ายสุดมันจะนำไปสู่ความขัดแย้งถ้าเอาเรื่องส่วนตนผสม
เรื่องส่วนรวม
ทุกวันนี้ผมยังต้องเดินขึ้นศาลกับพี่น้องร่วมการต่อสู้ นับจากนี้ขึ้นศาลทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 2 วัน อังคาร พุธ
เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ไปตลอดปี
แกนนำก็ติดคุกกันหมด แต่พวกเราไม่เคยย่อท้อและกล่าวหาว่า "กติกาบ้านเมืองผิด"
พวกผมต้องปรับตัวให้มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่แค่นั้นเอง
Cr. https://siamrath.co.th/n/83791