มาพบกันดึกอีกแล้ว เพราะบทนี้มันข้นเข้มจนเสี่ยต้องรีบลงมาให้ทันก่อนที่จะไปสนุกกันในวันสงกรานต์ อากาศที่ร้อนระอุ หรือจะสู้จิตใจคนที่เต็มไปด้วยไฟแค้นและความริษยา แต่จะเป็นใครอ่านในบทนะขอรับ
ถึงอากาศจะร้อนเยี่ยงไร แต่ที่นี่ ยังมีเรื่องราวเดิมที่ผ่านมา รอให้มาอ่านขอรับ
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 54)
https://ppantip.com/topic/38725808
บทที่ 55 มังกรไม้เพชร
มร.โจว หรือโจวเป่ยจง ได้มาถึงกรุงเทพได้สองสัปดาห์เขาได้รับการแต่งตั้งจากท่านประธานเฉิน หรือมังกรไม้ เขาทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขระบบการทำงานของหลิวตง (สิทธิชัย) ทั้งหมด และให้ทีมงานชาวไต้หวันมาจัดการโดยมีผู้ช่วยที่เขาเตรียมไว้คอยประสานงานอีกต่อ
เนื่องจาก มร.โจวเป็นคนรูปร่างผอมสูง แขนขายาว จนคล้ายนกกระยางแต่ดวงตากลับคมกล้า คล้ายเหยี่ยว เด็ดขาดไม่รอมชอม จึงมีพนักงานที่เคยช่วยงานหลิวตงถูกเชิญออกหลายคน เพราะเขาคิดว่าคนที่จะมาช่วยงาน ต้องเกี่ยวข้องกับ หลิวตง น้อยที่สุด ยกเว้นเพียงเลขาของหลิวตงที่ยังคงทำงานต่อ และเป็นเพียงคนเดียวที่ทำงานใกล้ชิดที่สุดของหลิวตง
ผู้ช่วยของ มร.โจวคือ อาเหว่ยอดสงสัยจึงถามกับหัวหน้าของเขาตรงๆ ที่ทำไมไม่ไล่เลขาของหลิวตงออกไปด้วย เพราะคนที่ไล่ออก ก็เกี่ยวพันกันแค่งานที่ต้องช่วยเหลือตามหน้าที่เท่านั้น แต่เลขาน่าจะสนิทกับหลิวตงในแทบทุกเรื่อง มร.โจว จึงเอ่ยออกมา
“ก็เพราะคนอื่นๆ มันไม่สนิทไง ถึงต้องไล่ออก ส่วนยัยเลขานั่นมันรู้เรื่องไอ้ตงเกือบทุกเรื่อง ถ้าเราจะเอาคนมาทำงานด้วย ก็ต้องคนที่มันรู้ทั้งหมดไม่ใช่แค่สายงาน เพราะแค่สายงานของมัน คนของเราก็ทำได้ แล้วอีกอย่าง ข้าต้องสืบให้ละเอียดว่าไอ้ตง มันทำอะไร สนิทกับใคร ไม่ชอบใคร แล้วอีกอย่าง เรื่องส่วนตัวของมัน อย่างเช่น เมีย หรือคนที่มันชอบ แกลองคิดดู เราจะเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหนล่ะ”
อาเหว่ยผู้ช่วยมือขวาคนสนิทของ มร.โจวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง
“แล้วจะให้ผมไปจัดการเรื่องประกันตัวไอ้หลิวตงเลยไหมครับ”
มร.โจว เหยียดยิ้ม ก่อนเอ่ยออกมา
“แกมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำอีกเยอะ ไอ้เรื่องเอาไอ้คนขี้ประจบออกจากคุกในตอนนี้ มันไม่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูกิจการแห่งนี้หรอก ให้มันได้พักผ่อน ยาวๆ ยาวที่สุดเท่าที่มันต้องโดนนะดีแล้ว”
อาเหว่ยอดสงสัยจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“แต่ท่านประธานอาจตำหนิหัวหน้านะครับ”
มร.โจวยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
“แกอย่ากังวลไปเลย แค่เราทำการฟื้นฟูให้สำเร็จ ไอ้คนไร้ค่าแบบไอ้ตง มันจะมีความหมายอะไร แกไปทำตามที่ฉันสั่งได้แล้ว เอ่อ แล้วที่มีคนชื่อว่า เอกเดชมาติดต่อ บอกกับมันไปว่าวันเสาร์นี้ไปเจอกันที่คลับโกลด์เลดี้ สองทุ่ม”
“ได้ครับหัวหน้า”
เมื่ออาเหว่ยออกจากห้องไปแล้ว มร.โจว จึงเดินไปดูทัศนียภาพภายนอก ก่อนจะเอ่ยออกมาในลำคอ
“ท่านประธาน แล้วท่านจะได้เห็นว่าท่านคิดผิดที่ส่งไอ้หมานั่นมาคุมที่นี่ เพราะอาโจวคนนี้ จะทำให้สาขาแห่งนี้เติบโตกว่าที่มันทำสิบเท่า ร้อยเท่า”
ดวงตาของ มร.โจวเป็นประกายด้วยไฟพยาบาทที่มีต่อหลิวตงมานาน เพราะเขาตั้งใจจะมาคุมที่สาขาประเทศไทย ตั้งแต่แรก แต่มังกรไม้หรือท่านประธานเฉินกลับแต่งตั้งหลิวตงมาแทน ทั้งที่ตนอยู่ในตำแหน่งที่จะได้มาคุมกิจการที่นี่ และที่เขารับคำเชิญจากเอกเดชก็เพราะข้อความในการ์ดที่เขียนเป็นภาษาจีน ที่เขาหยิบออกจากกระเป๋าเสื้อสูทมาอ่านอีกครั้ง
‘ถ้าคุณคือศัตรูของมังกรไม้ศิลา ผมคือเพื่อนแท้ของท่าน’
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เผยออกมาจากใบหน้า ยามที่ไม่มีใครเห็นสะท้อนออกมาทางกระจกที่อยู่เบื้องหน้า เสียงคำรามในลำคอดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ไอ้คนชั่วอย่างแก อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนเขาเกลียด ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านเกิดของแก มันก็ควร เป็นที่ตายของแกเช่นกัน ไอ้ตง”
เสียงหัวเราะในลำคอ ดังแผ่วๆ มันคล้ายการปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นที่กำลังจะได้ระบายออกอย่างสาสม เพราะตลอดมา มร.โจว ที่เปรียบเสมือนเป็นหัวหน้าของหลิวตง แต่มันกลับก้าวขึ้นมายืนเทียบเคียงกับตนในตำแหน่งหนึ่งในแปดมังกร ถึงตามศักดิ์เขาจะอยู่ตำแหน่งสูงกว่า แต่แท้จริง ก็คือตำแหน่งเดียวกัน ต่างกันแค่ความอสุโสเท่านั้น ความริษยาของเขาจึงมีเต็มเปี่ยม
+++++++++++++++++
ศิริศรบินด่วนมาเข้าร่วมพิธีจดทะเบียนสมรสระหว่างธนูกับเยาวเรศ เอกเดชขับรถมารับศิริศรที่สนามบิน ทันทีที่ได้ข่าวจากสายภายในบ้านที่เขาจ้างไว้เพื่อสืบข่าวของศิริศรโดยเฉพาะ ศิริศรตกใจที่พบเอกเดชยืนตรงทางออก เธอพยายามไม่แสดงอาการ เดินเข้าไปทักทายอย่างปกติที่สุด
“พี่เอก มารอใครหรือคะ”
เอกเดชยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยออกมา
“ก็มารอเรานั่นแหละ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาเจ็กจะรอนาน”
ศิริศรไม่พยายามมองฟันเลี่ยมทองของเอกเดช ที่ใครอาจมองว่าตลก แต่สำหรับศิริศร มันรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก เอกเดชหันไปมองลูกน้องที่ติดตามมาสองคน ให้ช่วยยกกระเป๋า ศิริศรจึงได้แต่เดินตามเอกเดชไป
ระหว่างนั่งรถ เอกเดชที่สวมแว่นดำ หยิบเอาเหรียญที่เขาสั่งทำขึ้นเป็นรูปหัวเสือกับอีกด้านเป็นรูปนกยูงกำลังรำแพนหางเป็นเหรียญที่มีส่วนผสมระหว่างทองคำบริสุทธิ์ทองคำขาวและแร่เหล็กมาประกอบเพื่อให้เนื้อมันแกร่งยิ่งขึ้น ศิริศรรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเอกเดชมากยิ่งขึ้น มันคล้ายมีเงาดำที่คลุมรอบตัว จนทำให้เธอรู้สึกเย็นเยือกจนร่างกายสะท้าน
แว่นดำที่สวมของเอกเดชนั้นทำให้คล้ายเหมือนมองไปข้างหน้า แต่ความจริงดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าอันหวานซึ้งของศิริศรไม่กระพริบ เมื่อเห็นศิริศรเผลอลูบแขนเพราะความหนาวเยือกจากภายใน เอกเดชจึงนำเหรียญเก็บเข้ากระเป๋า แล้วนำผ้าพันคอของตนออกมาพันคอให้ศิริศรอย่างอ่อนโยน
“ลูกศรคงหนาว อากาศช่วงนี้มันจะเย็นหน่อย ถ้าไม่ระวังตัวเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”
ศิริศรได้แต่รับผ้าพันคอนั้นมาพันคอตนเอง เอ่ยขอบคุณตามมารยาท
“ขอบคุณมากค่ะพี่เอก”
แล้วในที่สุด เอกเดชก็ถอดแว่นดำออกมา
“พี่เอกอยากจะขอโทษเรื่องในวันนั้น ลูกศรให้อภัยพี่ได้หรือเปล่า”
ศิริศรพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่เธอเกือบโดนเอกเดชขืนใจ เธอยังคงคิดว่าตนเองเป็นน้องสาวที่ดีเช่นเดิม
“พี่เอก…เอ่อ…ยังไม่ได้ทำอะไรน้องสักหน่อย น้องไม่มีอะไรให้อภัยหรอกค่ะ”
เอกเดช จึงคว้ามือของหญิงสาวขึ้นมาข้างหน้า ใช้สายตาที่มีแต่ความรักจ้องมอง ก่อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“พี่อยากบอกกับลูกศร อยากบอกมาตลอดว่าพี่รู้สึกอย่างไร เพราะตั้งแต่ตอนที่พี่ลืมตาขึ้นมาในวันที่พี่ตื่นจากการชกมวยครั้งสุดท้าย พี่ก็เห็นแต่หน้าลูกศรเพียงคนเดียว”
เอกเดชใจเต้นแรง ดวงตามีแต่ความจริงใจที่เขาไม่เคยใช้มองใครมาก่อน แล้วเผยความรู้สึกภายในใจออกมาอีก
“พี่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็นคนที่คู่ควรกับลูกศร เรียนรู้งาน เรียนหนังสือเพิ่ม ตั้งใจจะประสบความสำเร็จให้ลูกศรได้เห็นว่าเอกเดชคนนี้ มันก็คือคนคู่ควร ที่จะดูแลลูกศรไปตลอดชีวิต”
ศิริศรยังคงจ้องดวงตาของเอกเดชนิ่งไม่กล่าวคำใดๆ ออกมา เธอต้องการให้เอกเดชได้พูดความในใจออกมาให้หมด
“แล้วพี่จะไม่ควรหวงแหนดวงใจของพี่หรือไง เพราะเวลาที่เห็นผู้ชายหน้าไหนมาเข้าใกล้ลูกศร พี่อยากฆ่ามันทุกคน โดยเฉพาะ ไอ้สิทธิชัย ที่มันจะมาโขมยดวงใจของพี่ แล้วพี่ก็เลยทำอะไรโง่ๆ เพื่อไม่ให้ใครมาแย่งลูกศรไป ทุกอย่างที่พี่ทำพี่ไม่เคยเสียใจ เพราะพี่คิดว่ามันเป็นความรักของพี่ที่ให้กับลูกศรเท่านั้น”
ศิริศรค่อยๆ ปรับดวงตาให้เข้มขึ้นก่อนเอ่ยออกมา
“พี่เอกคะ ลูกศรเข้าใจพี่เอกดี ว่าที่พี่ทำไปในวันนั้นเป็นเพราะอะไร แต่ความรัก มันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าพี่ไม่แสดงออกมาอย่างถูกต้อง ถึงวันนั้นพี่จะได้ตัวน้องไป แต่หัวใจของลูกศรพี่จะได้ไปด้วยหรือคะ เพราะการหักหาญน้ำใจแบบนั้นคือการย่ำยีความรู้สึก ไม่ใช่ความรัก น้องให้อภัยพี่เอกได้เสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าพี่จะให้ลูกศรรักพี่ในแบบที่พี่รัก พี่ก็ต้องแสดงให้เห็นว่า พี่คือคนที่ลูกศรจะรักได้ อย่างแท้จริง”
เอกเดชดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง ก่อนที่ศิริศรจะบอกถึงความรู้สึกให้เขาได้รู้อีกครั้ง
“แต่ตอนนี้ ความรู้สึกที่ลูกศรมีให้ ก็คือความรักที่น้องสาวมีให้พี่ชายเท่านั้น และคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้”
เอกเดชดวงตาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพิงหลังกับเบาะรถ แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความผิดหวัง
“มันเป็นเพราะ ไอ้บูร์ใช่ไหม ที่ทำให้ลูกศรไม่รักพี่เหมือนที่พี่รัก”
ศิริศรมองเอกเดชด้วยสายตาเศร้า ก่อนเอ่ยออกมา
“ไม่ใช่นะคะ ถึงไม่มีพี่บูร์ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกแบบนี้ไปได้ พี่เอกเราเหมือนเป็นพี่น้องกันมาตลอด เราจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
เอกเดชตวาดกลับมาด้วยเสียงที่มีแต่ความเจ็บช้ำ
“ไม่ใช่ เราไม่ใช่พี่น้องกัน ลูกศรก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่พี่ชาย พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรัก มีความรักให้ลูกศรมาตลอด ไม่ใช่แบบพี่ชายไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้พี่มีเกือบทุกอย่าง แล้วพี่จะต้องมีลูกศรอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่ฐานะนั้น แต่เป็นคนที่จะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิต ถ้าไม่มีมัน น้องจะต้องรักพี่ ถ้าไม่มีมัน ไอ้คนชั่วที่ชื่อสิทธิชัย”
ศิริศรไม่ต้องการให้เอกเดชโกรธสิทธิชัยมากไปกว่านี้ เธอจึงบอกถึงเรื่องราวระหว่างสิทธิชัยกับเธอ เพื่อระงับความโกรธของเอกเดช
“พี่เอกคะ เรื่องระหว่างลูกศรกับพี่บูร์ มันก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้ว ถ้าลูกศรจะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน ก็คงไม่ใช่คนที่ทำร้ายคุณพ่อ เหมือนที่พี่เอกทำลงไป”
เอกเดชนิ่งเงียบ ก่อนจะหันกลับมาแล้วคว้ามือของศิริศรอีกครั้ง แล้วพูดเรื่องจริงผสมเรื่องโกหก
“พี่จะบอกกับลูกศรตามตรง ใช่พี่เป็นคนร่วมมือกับไอ้สิทธิชัย ทำร้ายอาเจ็ก แต่ที่พี่ทำไปเพราะพ่อของพี่ต้องตายด้วยน้ำมือของอาเจ็ก แล้วคนเป็นลูกมันไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นหรือ พ่อกับพี่มีกันแค่สองคน การถูกพรากให้เหลือตัวคนเดียว พี่ไม่ควรแก้แค้นให้พ่อของพี่หรือ”
“แต่คุณพ่อก็เป็นคนอุปการะพี่ รักพี่เหมือนเป็นลูกชาย แล้วเรื่องที่พ่อของพี่ต้องเสียชีวิต ก็เพราะคนอื่นใส่ร้าย จนพ่อต้องป้องกันตัวพลั้งมือทำให้คุณลุงต้องเสียชีวิต พี่เอกก็ทราบเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ”
เอกเดชดวงตาแดงก่ำจนมีน้ำตาไหลออกมา
“ใช่พี่รู้ แต่บุญคุณมันก็คือบุญคุณ ความแค้นก็ส่วนความแค้น ความรักมันก็อีกส่วน ตอนนี้ความแค้นระหว่างพี่กับอาเจ็กมันจบลงแล้ว ต่อไปพี่จะเป็นเอกคนเดิมที่ถือว่าอาเจ็กคือผู้มีพระคุณ และพี่ต้องการตอบแทนบุญคุณอาเจ็กด้วยการ ดูแลลูกศร ไปตลอดชีวิต แล้วถ้ามีใครหน้าไหนมันกล้ามาขวางทางของพี่ พี่จะฆ่ามัน ฆ่ามันทุกคน”
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 55)
ถึงอากาศจะร้อนเยี่ยงไร แต่ที่นี่ ยังมีเรื่องราวเดิมที่ผ่านมา รอให้มาอ่านขอรับ
เหนือ ตะวัน (ตอนที่ 54)
https://ppantip.com/topic/38725808
บทที่ 55 มังกรไม้เพชร
มร.โจว หรือโจวเป่ยจง ได้มาถึงกรุงเทพได้สองสัปดาห์เขาได้รับการแต่งตั้งจากท่านประธานเฉิน หรือมังกรไม้ เขาทำการเปลี่ยนแปลงแก้ไขระบบการทำงานของหลิวตง (สิทธิชัย) ทั้งหมด และให้ทีมงานชาวไต้หวันมาจัดการโดยมีผู้ช่วยที่เขาเตรียมไว้คอยประสานงานอีกต่อ
เนื่องจาก มร.โจวเป็นคนรูปร่างผอมสูง แขนขายาว จนคล้ายนกกระยางแต่ดวงตากลับคมกล้า คล้ายเหยี่ยว เด็ดขาดไม่รอมชอม จึงมีพนักงานที่เคยช่วยงานหลิวตงถูกเชิญออกหลายคน เพราะเขาคิดว่าคนที่จะมาช่วยงาน ต้องเกี่ยวข้องกับ หลิวตง น้อยที่สุด ยกเว้นเพียงเลขาของหลิวตงที่ยังคงทำงานต่อ และเป็นเพียงคนเดียวที่ทำงานใกล้ชิดที่สุดของหลิวตง
ผู้ช่วยของ มร.โจวคือ อาเหว่ยอดสงสัยจึงถามกับหัวหน้าของเขาตรงๆ ที่ทำไมไม่ไล่เลขาของหลิวตงออกไปด้วย เพราะคนที่ไล่ออก ก็เกี่ยวพันกันแค่งานที่ต้องช่วยเหลือตามหน้าที่เท่านั้น แต่เลขาน่าจะสนิทกับหลิวตงในแทบทุกเรื่อง มร.โจว จึงเอ่ยออกมา
“ก็เพราะคนอื่นๆ มันไม่สนิทไง ถึงต้องไล่ออก ส่วนยัยเลขานั่นมันรู้เรื่องไอ้ตงเกือบทุกเรื่อง ถ้าเราจะเอาคนมาทำงานด้วย ก็ต้องคนที่มันรู้ทั้งหมดไม่ใช่แค่สายงาน เพราะแค่สายงานของมัน คนของเราก็ทำได้ แล้วอีกอย่าง ข้าต้องสืบให้ละเอียดว่าไอ้ตง มันทำอะไร สนิทกับใคร ไม่ชอบใคร แล้วอีกอย่าง เรื่องส่วนตัวของมัน อย่างเช่น เมีย หรือคนที่มันชอบ แกลองคิดดู เราจะเอาเรื่องพวกนี้มาจากไหนล่ะ”
อาเหว่ยผู้ช่วยมือขวาคนสนิทของ มร.โจวพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนเอ่ยถามอีกครั้ง
“แล้วจะให้ผมไปจัดการเรื่องประกันตัวไอ้หลิวตงเลยไหมครับ”
มร.โจว เหยียดยิ้ม ก่อนเอ่ยออกมา
“แกมีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำอีกเยอะ ไอ้เรื่องเอาไอ้คนขี้ประจบออกจากคุกในตอนนี้ มันไม่จำเป็นสำหรับการฟื้นฟูกิจการแห่งนี้หรอก ให้มันได้พักผ่อน ยาวๆ ยาวที่สุดเท่าที่มันต้องโดนนะดีแล้ว”
อาเหว่ยอดสงสัยจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“แต่ท่านประธานอาจตำหนิหัวหน้านะครับ”
มร.โจวยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
“แกอย่ากังวลไปเลย แค่เราทำการฟื้นฟูให้สำเร็จ ไอ้คนไร้ค่าแบบไอ้ตง มันจะมีความหมายอะไร แกไปทำตามที่ฉันสั่งได้แล้ว เอ่อ แล้วที่มีคนชื่อว่า เอกเดชมาติดต่อ บอกกับมันไปว่าวันเสาร์นี้ไปเจอกันที่คลับโกลด์เลดี้ สองทุ่ม”
“ได้ครับหัวหน้า”
เมื่ออาเหว่ยออกจากห้องไปแล้ว มร.โจว จึงเดินไปดูทัศนียภาพภายนอก ก่อนจะเอ่ยออกมาในลำคอ
“ท่านประธาน แล้วท่านจะได้เห็นว่าท่านคิดผิดที่ส่งไอ้หมานั่นมาคุมที่นี่ เพราะอาโจวคนนี้ จะทำให้สาขาแห่งนี้เติบโตกว่าที่มันทำสิบเท่า ร้อยเท่า”
ดวงตาของ มร.โจวเป็นประกายด้วยไฟพยาบาทที่มีต่อหลิวตงมานาน เพราะเขาตั้งใจจะมาคุมที่สาขาประเทศไทย ตั้งแต่แรก แต่มังกรไม้หรือท่านประธานเฉินกลับแต่งตั้งหลิวตงมาแทน ทั้งที่ตนอยู่ในตำแหน่งที่จะได้มาคุมกิจการที่นี่ และที่เขารับคำเชิญจากเอกเดชก็เพราะข้อความในการ์ดที่เขียนเป็นภาษาจีน ที่เขาหยิบออกจากกระเป๋าเสื้อสูทมาอ่านอีกครั้ง
‘ถ้าคุณคือศัตรูของมังกรไม้ศิลา ผมคือเพื่อนแท้ของท่าน’
รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เผยออกมาจากใบหน้า ยามที่ไม่มีใครเห็นสะท้อนออกมาทางกระจกที่อยู่เบื้องหน้า เสียงคำรามในลำคอดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ไอ้คนชั่วอย่างแก อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนเขาเกลียด ในเมื่อที่นี่เป็นบ้านเกิดของแก มันก็ควร เป็นที่ตายของแกเช่นกัน ไอ้ตง”
เสียงหัวเราะในลำคอ ดังแผ่วๆ มันคล้ายการปลดปล่อยความรู้สึกอัดอั้นที่กำลังจะได้ระบายออกอย่างสาสม เพราะตลอดมา มร.โจว ที่เปรียบเสมือนเป็นหัวหน้าของหลิวตง แต่มันกลับก้าวขึ้นมายืนเทียบเคียงกับตนในตำแหน่งหนึ่งในแปดมังกร ถึงตามศักดิ์เขาจะอยู่ตำแหน่งสูงกว่า แต่แท้จริง ก็คือตำแหน่งเดียวกัน ต่างกันแค่ความอสุโสเท่านั้น ความริษยาของเขาจึงมีเต็มเปี่ยม
+++++++++++++++++
ศิริศรบินด่วนมาเข้าร่วมพิธีจดทะเบียนสมรสระหว่างธนูกับเยาวเรศ เอกเดชขับรถมารับศิริศรที่สนามบิน ทันทีที่ได้ข่าวจากสายภายในบ้านที่เขาจ้างไว้เพื่อสืบข่าวของศิริศรโดยเฉพาะ ศิริศรตกใจที่พบเอกเดชยืนตรงทางออก เธอพยายามไม่แสดงอาการ เดินเข้าไปทักทายอย่างปกติที่สุด
“พี่เอก มารอใครหรือคะ”
เอกเดชยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยออกมา
“ก็มารอเรานั่นแหละ ไปกันเถอะเดี๋ยวอาเจ็กจะรอนาน”
ศิริศรไม่พยายามมองฟันเลี่ยมทองของเอกเดช ที่ใครอาจมองว่าตลก แต่สำหรับศิริศร มันรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก เอกเดชหันไปมองลูกน้องที่ติดตามมาสองคน ให้ช่วยยกกระเป๋า ศิริศรจึงได้แต่เดินตามเอกเดชไป
ระหว่างนั่งรถ เอกเดชที่สวมแว่นดำ หยิบเอาเหรียญที่เขาสั่งทำขึ้นเป็นรูปหัวเสือกับอีกด้านเป็นรูปนกยูงกำลังรำแพนหางเป็นเหรียญที่มีส่วนผสมระหว่างทองคำบริสุทธิ์ทองคำขาวและแร่เหล็กมาประกอบเพื่อให้เนื้อมันแกร่งยิ่งขึ้น ศิริศรรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเอกเดชมากยิ่งขึ้น มันคล้ายมีเงาดำที่คลุมรอบตัว จนทำให้เธอรู้สึกเย็นเยือกจนร่างกายสะท้าน
แว่นดำที่สวมของเอกเดชนั้นทำให้คล้ายเหมือนมองไปข้างหน้า แต่ความจริงดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าอันหวานซึ้งของศิริศรไม่กระพริบ เมื่อเห็นศิริศรเผลอลูบแขนเพราะความหนาวเยือกจากภายใน เอกเดชจึงนำเหรียญเก็บเข้ากระเป๋า แล้วนำผ้าพันคอของตนออกมาพันคอให้ศิริศรอย่างอ่อนโยน
“ลูกศรคงหนาว อากาศช่วงนี้มันจะเย็นหน่อย ถ้าไม่ระวังตัวเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”
ศิริศรได้แต่รับผ้าพันคอนั้นมาพันคอตนเอง เอ่ยขอบคุณตามมารยาท
“ขอบคุณมากค่ะพี่เอก”
แล้วในที่สุด เอกเดชก็ถอดแว่นดำออกมา
“พี่เอกอยากจะขอโทษเรื่องในวันนั้น ลูกศรให้อภัยพี่ได้หรือเปล่า”
ศิริศรพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่เธอเกือบโดนเอกเดชขืนใจ เธอยังคงคิดว่าตนเองเป็นน้องสาวที่ดีเช่นเดิม
“พี่เอก…เอ่อ…ยังไม่ได้ทำอะไรน้องสักหน่อย น้องไม่มีอะไรให้อภัยหรอกค่ะ”
เอกเดช จึงคว้ามือของหญิงสาวขึ้นมาข้างหน้า ใช้สายตาที่มีแต่ความรักจ้องมอง ก่อนเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“พี่อยากบอกกับลูกศร อยากบอกมาตลอดว่าพี่รู้สึกอย่างไร เพราะตั้งแต่ตอนที่พี่ลืมตาขึ้นมาในวันที่พี่ตื่นจากการชกมวยครั้งสุดท้าย พี่ก็เห็นแต่หน้าลูกศรเพียงคนเดียว”
เอกเดชใจเต้นแรง ดวงตามีแต่ความจริงใจที่เขาไม่เคยใช้มองใครมาก่อน แล้วเผยความรู้สึกภายในใจออกมาอีก
“พี่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็นคนที่คู่ควรกับลูกศร เรียนรู้งาน เรียนหนังสือเพิ่ม ตั้งใจจะประสบความสำเร็จให้ลูกศรได้เห็นว่าเอกเดชคนนี้ มันก็คือคนคู่ควร ที่จะดูแลลูกศรไปตลอดชีวิต”
ศิริศรยังคงจ้องดวงตาของเอกเดชนิ่งไม่กล่าวคำใดๆ ออกมา เธอต้องการให้เอกเดชได้พูดความในใจออกมาให้หมด
“แล้วพี่จะไม่ควรหวงแหนดวงใจของพี่หรือไง เพราะเวลาที่เห็นผู้ชายหน้าไหนมาเข้าใกล้ลูกศร พี่อยากฆ่ามันทุกคน โดยเฉพาะ ไอ้สิทธิชัย ที่มันจะมาโขมยดวงใจของพี่ แล้วพี่ก็เลยทำอะไรโง่ๆ เพื่อไม่ให้ใครมาแย่งลูกศรไป ทุกอย่างที่พี่ทำพี่ไม่เคยเสียใจ เพราะพี่คิดว่ามันเป็นความรักของพี่ที่ให้กับลูกศรเท่านั้น”
ศิริศรค่อยๆ ปรับดวงตาให้เข้มขึ้นก่อนเอ่ยออกมา
“พี่เอกคะ ลูกศรเข้าใจพี่เอกดี ว่าที่พี่ทำไปในวันนั้นเป็นเพราะอะไร แต่ความรัก มันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าพี่ไม่แสดงออกมาอย่างถูกต้อง ถึงวันนั้นพี่จะได้ตัวน้องไป แต่หัวใจของลูกศรพี่จะได้ไปด้วยหรือคะ เพราะการหักหาญน้ำใจแบบนั้นคือการย่ำยีความรู้สึก ไม่ใช่ความรัก น้องให้อภัยพี่เอกได้เสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าพี่จะให้ลูกศรรักพี่ในแบบที่พี่รัก พี่ก็ต้องแสดงให้เห็นว่า พี่คือคนที่ลูกศรจะรักได้ อย่างแท้จริง”
เอกเดชดวงตาเป็นประกายด้วยความหวัง ก่อนที่ศิริศรจะบอกถึงความรู้สึกให้เขาได้รู้อีกครั้ง
“แต่ตอนนี้ ความรู้สึกที่ลูกศรมีให้ ก็คือความรักที่น้องสาวมีให้พี่ชายเท่านั้น และคงจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้”
เอกเดชดวงตาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพิงหลังกับเบาะรถ แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความผิดหวัง
“มันเป็นเพราะ ไอ้บูร์ใช่ไหม ที่ทำให้ลูกศรไม่รักพี่เหมือนที่พี่รัก”
ศิริศรมองเอกเดชด้วยสายตาเศร้า ก่อนเอ่ยออกมา
“ไม่ใช่นะคะ ถึงไม่มีพี่บูร์ มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกแบบนี้ไปได้ พี่เอกเราเหมือนเป็นพี่น้องกันมาตลอด เราจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ยังไง”
เอกเดชตวาดกลับมาด้วยเสียงที่มีแต่ความเจ็บช้ำ
“ไม่ใช่ เราไม่ใช่พี่น้องกัน ลูกศรก็รู้ว่าพี่ไม่ใช่พี่ชาย พี่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีความรัก มีความรักให้ลูกศรมาตลอด ไม่ใช่แบบพี่ชายไม่ใช่แบบนั้น ตอนนี้พี่มีเกือบทุกอย่าง แล้วพี่จะต้องมีลูกศรอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่ฐานะนั้น แต่เป็นคนที่จะอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิต ถ้าไม่มีมัน น้องจะต้องรักพี่ ถ้าไม่มีมัน ไอ้คนชั่วที่ชื่อสิทธิชัย”
ศิริศรไม่ต้องการให้เอกเดชโกรธสิทธิชัยมากไปกว่านี้ เธอจึงบอกถึงเรื่องราวระหว่างสิทธิชัยกับเธอ เพื่อระงับความโกรธของเอกเดช
“พี่เอกคะ เรื่องระหว่างลูกศรกับพี่บูร์ มันก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน เพราะเรื่องของเรามันจบไปแล้ว ถ้าลูกศรจะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน ก็คงไม่ใช่คนที่ทำร้ายคุณพ่อ เหมือนที่พี่เอกทำลงไป”
เอกเดชนิ่งเงียบ ก่อนจะหันกลับมาแล้วคว้ามือของศิริศรอีกครั้ง แล้วพูดเรื่องจริงผสมเรื่องโกหก
“พี่จะบอกกับลูกศรตามตรง ใช่พี่เป็นคนร่วมมือกับไอ้สิทธิชัย ทำร้ายอาเจ็ก แต่ที่พี่ทำไปเพราะพ่อของพี่ต้องตายด้วยน้ำมือของอาเจ็ก แล้วคนเป็นลูกมันไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นหรือ พ่อกับพี่มีกันแค่สองคน การถูกพรากให้เหลือตัวคนเดียว พี่ไม่ควรแก้แค้นให้พ่อของพี่หรือ”
“แต่คุณพ่อก็เป็นคนอุปการะพี่ รักพี่เหมือนเป็นลูกชาย แล้วเรื่องที่พ่อของพี่ต้องเสียชีวิต ก็เพราะคนอื่นใส่ร้าย จนพ่อต้องป้องกันตัวพลั้งมือทำให้คุณลุงต้องเสียชีวิต พี่เอกก็ทราบเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ”
เอกเดชดวงตาแดงก่ำจนมีน้ำตาไหลออกมา
“ใช่พี่รู้ แต่บุญคุณมันก็คือบุญคุณ ความแค้นก็ส่วนความแค้น ความรักมันก็อีกส่วน ตอนนี้ความแค้นระหว่างพี่กับอาเจ็กมันจบลงแล้ว ต่อไปพี่จะเป็นเอกคนเดิมที่ถือว่าอาเจ็กคือผู้มีพระคุณ และพี่ต้องการตอบแทนบุญคุณอาเจ็กด้วยการ ดูแลลูกศร ไปตลอดชีวิต แล้วถ้ามีใครหน้าไหนมันกล้ามาขวางทางของพี่ พี่จะฆ่ามัน ฆ่ามันทุกคน”