ตอนที่ 37 จอมสังหารปะทะจอมสังหาร
ปรีชานั้น เป็นคนเช็คข่าวด้วยตนเอง ว่าสิทธิชัยจะไปที่ไหน ไม่นานก็ทราบ จากสายรายงาน จาก
กลุ่มคนเล่นวิทยุสมัครเล่น ปรีชาอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะรู้ว่า สิทธิชัย ไปกับจางหลี่ ที่โรงแรมแมนดาริน
ปรีชารีบให้ ลูกน้อง ขับรถพาไปส่งที่นั่นโดยด่วน รวมทั้ง ใช้วิทยุสื่อสาร ระดมพลไปที่นั่น อีกหลายคน
โดยบอกให้คนเหล่านั้น เตรียมอาวุธไปด้วย หลังจากนั้น ปรีชาตรวจเช็คปืนประจำตัว พร้อมเครื่องบรรจุ
กระสุน....มีดสั้นแบบพกถึงสี่เล่ม มีสปาต้าแบบยาว มีลูกน้องที่ติดตามอีก ๗ คน ล้วนเป็นนักสู้มีฝีมือ
ที่ยากจะหาคนต่อสู้ได้ ปรีชาหันหน้ามา ที่เหล่าลูกน้องทั้งเจ็ด โดยปกติ ใบหน้าของปรีชาจะยิ้มแย้ม
ตลอดเวลา แต่เวลานี้แตกต่างกัน ปรีชาใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาฉายแววอำมหิต เขาพูดสั้น ๆ เพียง
"ไปกันเถอะ!!!!....เราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ...ห้ามล้มเหลว...เด็ดขาด..."
ทั้งหมดก็ออกไปพร้อมกัน ด้วยอาวุธครบมือ.....
สิทธิชัยนั้น กำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน เพื่อไป โรงแรมแมนดาริน ระหว่าง ที่เขาเก็บเอกสาร
จางหลี่ที่จะไปด้วยกัน ได้กล่าวเตือนสิทธิชัย ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
"ผมว่าการที่....หัวหน้าจะไปที่นั่นตามลำพัง มันดูเป็นการเสี่ยงเกินไป....ถึงแม้จะมีข่าวว่า ไอ้จอมมันตาย
ไปแล้ว...แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไร...ว่ายังมีคนที่คิดร้ายกับหัวหน้า...จะไม่เล่นตลบหลัง..."
สิทธิชัยยิ้ม ก่อนตบบ่าจางหลี่ แล้วเอ่ยออกมา
"ฉันถึงให้แกไปด้วยไง...แล้วอีกอย่างที่แกต้องรู้ไว้....ไอ้จอม...มันยังไม่ตาย...มันต้องอยู่ในมุมมืด เพื่อรอ
โอกาส...ที่จะจัดการ...กับฉันแน่..ๆ.."
จางหลี่คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
"หัวหน้า....ก็มันตายไปแล้วไม่ใช่หรือ...ศพมัน ก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือไม่ก็เผาไปแล้ว....
แล้วมันจะยังไม่ตายได้ไงครับ..."
สิทธิชัย เดินไปที่โต๊ะหยิบ หนังสือพิมพ์มาให้ วางต่อหน้า แล้วชี้ให้จางหลี่ดู
"หัวหน้า....ก็รู้ว่าผมอ่านภาษาไทยไม่ได้...แล้วให้ผมดูอะไรครับ..."
จางหลี่ก้มดู ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเป็นรูปรถ..ถูกยิงจนพรุนทั้งคัน แล้วมีศพสามศพ นอนเรียงกัน
สิทธิชัยเอ่ยออกมา ให้จางหลี่ทราบ
"คนที่ตายทั้งสามนั้นคือ นายกล้า กับลูก เมีย ถูกยิงถล่มจนตายทั้งหมด...เรื่องนี้ ผ่านมาเมื่อประมาณ
สัก สามอาทิตย์ก่อน...ตอนแรกฉันก็คิดว่า อาจจะเป็นการแก้แค้น จากดราก้อนกรุ๊ป...แต่มาคิดๆดู...
มันไม่น่าใช่การลงมือของ ดราก้อนกรุ๊ป....แต่เป็นกลุ่มอื่น...ที่ต้องการปิดปาก เรื่องที่นายกล้ารู้เห็น..."
จางหลี่คิดตาม แล้วดูรูปในข่าวประกอบ ก่อนออกความเห็นบ้าง
"ดูจากสภาพรถแล้ว ถูกยิงจนพรุนขนาดนี้....ไม่น่าจะยิงด้วยปืนกระบอกเดียวนะครับหัวหน้า ปืนที่ใช้ยิง
ก็ต้องมีประมาณ ๕ กระบอกเป็นอย่างน้อย...แต่ไอ้จอมถ้าจะฆ่าใคร มันมักทำคนเดียว...นี่ก็แสดงว่า...
ไม่ใช่ฝีมือของมัน..."
สิทธิชัยคิ้วขมวด ก่อนตอบให้จางหลี่ทราบ
"ก็นี่แหละ!!!...ที่น่ากลัว เพราะถ้ามันไม่ใช่ดราก้อนกรุ๊ป...ซึ่งไม่ใช่แน่ๆ...คนที่ส่งมาฆ่า นายกล้ากับลูกเมีย
มันต้องเป็นคนที่มีอิทธิพล...พอสมควร....แล้วที่มันต้องฆ่าลูกเมียของนายกล้าไปด้วยนั้น ก็แสดงว่า
มันต้องการปิดปากทั้งหมดไม่ให้มีความเชื่อมโยงไปถึงมัน...เป็นไปได้ว่า มันอาจไปหานายกล้าแล้วขอ
ให้นายกล้าช่วยติดต่อนายจอมให้....เมื่อติดต่อได้....มันก็จัดการฆ่าตัดตอนทั้งหมดไม่ให้เหลือ...."
สิทธิชัย จ้องดวงตาของจางหลี่ ก่อนจะเอ่ยต่อ
"แล้วตอนนี้...กลุ่มที่มีอิทธิพลขึ้นมา...อย่างน่ากลัว...ก็คือกลุ่มพยัคฆ์เหิร...ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างช้าๆ...
จากเมื่อก่อน มันจะมีอิทธิพล ที่ภาคเหนือ เมื่อประมาณ ปีที่แล้ว...ได้ยินว่ามันมีแบ๊คที่ใหญ่พอสมควร
แต่หลังจาก ที่ภาคีบาดเจ็บ กลุ่มพยัคฆ์เหิร ก็เติบโต แบบก้าวกระโดด จนเกือบเท่า กลุ่มของ...จิ้งจอก
ขาว...ของคุณน้า...."
จางหลี่ทราบทันที ว่าสิทธิชัยหมายถึงใคร จางหลี่เอ่ยออกมา
"เป็นนายเอก....ใช่ไหมครับหัวหน้า...ที่เป็นคนดำเนินแผนการทั้งหมด...แล้วดึงไอ้จอมมาเป็นพวก...
นายเอกคนนี้...มันร้ายกาจซับซ้อนขนาดนั้น...เลยหรือครับ...."
"ฉันพูดได้เต็มปาก...มัน...ไอ้เอกคนนี้...เป็นคนร้ายกาจ...อย่างที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน...มันมีส่วนที่
เหมือนนายภาคี...คือคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี...สามารถพลิกสถานะการณ์ได้...ฝีมือสูง
เจ้าเล่ห์....แต่ที่เหนือกว่านายภาคีก็คือ...ความอำมหิต...มันสามารถฆ่าใครก็ได้...ถ้าขวางทางของมัน
ถ้าฉันคิดไม่ผิด...ถ้าฉันไปโรงแรมแมนดาริน...ฉันก็น่าจะเจอกับ...ไอ้จอม..."
จางหลี่ จึงพูดสวนทันที
"หัวหน้า...ทราบดีแล้ว...ยังจะไปหามันอีกหรือครับ...ถ้าไอ้จอมยังไม่ตายจริงๆ...งั้นข่าวที่ว่า มันมี
เวทย์มนต์ ยิงแทงไม่เข้า ล่องหนหายตัวได้...ไม่เท่ากับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงนะสิ!!!..."
สิทธิชัย ยิ้มมุมปาก กล่าวออกมา
"มันก็น่าจะจริงบ้างข่าวลือบ้าง แต่ที่แน่ๆ...มันหนังเหนียวจริงๆ...ตอนที่ฉันยิงโดนมันที่หน้าอก กระสุนปืน
จุดสามแปด ยิงมันไม่เข้า แต่ตอนที่ยิงถูกมัน ฉันสังเกตว่า มันมีรอยสักสีแดง ขึ้นทั่วตัว...นั่นอาจเป็น
ความลับของมัน ที่ทำให้มัน...ยิงไม่เข้า...แกรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง..."
จางหลี่พยายามคิดตาม แต่ก็คิดไม่ออกว่าที่สิทธิชัยบอก หมายถึงอะไร จางหลี่ส่ายหน้าช้าๆ สิทธิชัย
ขยับเข้าใกล้ เอ่ยเน้นคำออกมา
"ถ้ามันหนังเหนียวเพราะรอยสัก...จุดอ่อนของมัน ก็คือ อวัยวะ ที่มันสักลงไปไม่ได้...มันเป็นจุดอ่อนที่ฉัน
จะทะลวงมันเข้าไป...เพื่อแก้แค้นแทน สารวัตรธงชัย และอีกหลายชีวิตที่ตายด้วยมือของมัน...แล้วฉัน
ต้องการลดความอหังการ์ของนายเอก...ให้มันรู้ว่า...มันมิได้เป็นคนเดียวที่มีอำนาจ ยังมีอีกหลายคน ที่มี
อำนาจเหนือมัน...แล้วฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น...."
จางหลี่เองก็ยังไม่สบายใจ เพราะถึงแม้ว่าสิ่งที่สิทธิชัยวิเคราะห์จะถูกต้อง...แต่นายจอมจะยอมเป็นเป้า
ให้สิทธิชัยยิงจุดอ่อนง่ายๆหรือ...เพราะถ้าเทียบประสบการณ์ในการล่าสังหาร สิทธิชัย ไม่มีทางเทียบ
จอมได้เลย....ถึงจางหลี่จะรู้ว่า สิทธิชัยยิงปืนแม่นที่สุด เท่าที่เขาเคยคลุกคลีในวงการนี้มา แต่การที่
ต้องดวลปืนกัน ในสถานะการณ์เป็นตาย แถมจุดตายของจอมยังเป็นจุดเล็กๆ...เพียงสองจุด...เท่านั้น...
......................
ระหว่างขับรถ โชติแอบลอบมองศิริศร ด้วยสายตาเป็นประกายประหลาด มันเป็นแววตาของ
สัตว์ร้าย...ที่ได้เจอคู่ของมัน...จอมมิได้เกิดอารมณ์แบบนี้มานาน...เมื่อเกิดขึ้น มันจึงรุนแรงเป็นพิเศษ
ส่วนเอกนั้น มิได้ระวังสายตาของโชติ เพราะเขาก็มัวแต่จับจ้องใบหน้าที่หวานซึ้ง ผมสีแดงเพลิงเปล่ง
ประกาย...ผิวขาวนวล ยามต้องแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ทำให้สะท้อนออกมา ริมฝีปากของศิริศรนั้น
อิ่มเอิบ ถึงมิได้ทาลิปติก แต่สีแดงตามธรรมชาติ มันทำให้เอกคิดเตลิด ศิริศรนั้นทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น
แต่เธอก็อึดอัด กับสายตาของทั้งสองที่จับจ้องเธอ แต่ก็มิได้แสดงออกมา เอกเห็นว่าภายในรถ
เงียบเกินไป เขาจึงเอ่ยถามขึ้น
"ลูกศรจะฝากอะไรให้ น้องณีหรือ ถ้าสำคัญ พรุ่งนี้เฮียจะส่งไปทางรถขนส่งของเฮียก็ได้ รับรองไม่
เกิน ๓ วัน น้องณีได้รับของแน่..."
ศิริศร เอียงศีรษะมาทางเอก ก่อนจะตอบกลับไป
"เป็นธุรกิจที่จะร่วมกับยัยณี...จะไปขายในมหาวิทยาลัย...นี่ลูกศรเป็นคนคิดเลยนะ....ถ้าเป็นที่นิยมละก็
ลูกศรจะเปิดโรงงานขายเป็นเรื่อง เป็นราว แล้วลูกศร จะให้ยัยณีมาเป็นผู้จัดการ เพื่อดูแลกิจการตัวนี้..."
ใบหน้าของศิริศร บ่งบอกถึงความ ภาคภูมิใจมากๆ...เอกนั้นไม่สงสัยอะไร เพราะศิริศรนั้น ชอบคิดค้น
อะไรใหม่ๆ...เพราะเขาเองก็เคยเป็นหนูทดลองให้ศิริศรมาแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอกก็อดหัวเราะออกมา
มิได้ ศิริศรแปลกใจที่เอก เผลอหัวเราะออกมา เธอใช้นิ้วชี้เรียวยาว ชี้ที่ปลายจมูกเอกเอ่ยถามออกมา
"นี่!!!..เฮียเอก หัวเราะเยาะลูกศรหรือ....คิดว่าสิ่งประดิษฐ์ของลูกศรมันจะล้มเหลวหรือ...สารภาพมา..."
"เปล่านะ!!...เฮียแค่คิดถึงตอนที่ลูกศร จับพี่เป็นหนูลองยา ที่เราทำแป้งรองพื้น จนพี่หน้าขึ้นเห่อ...จน
อาเจ็กเรียกเราไปต่อว่า...แล้วลูกศร ก็มาโกรธเฮีย หาว่าเฮียไปฟ้องอาเจ็ก...จนอาหญิงนรี พาเราไปเที่ยว
ถึงได้หายโกรธ....ลูกศรจำได้ไหม!!!..."
เอกไม่พูดเปล่า ใช้มือของเขา จับมืออันนุ่มนวลอบอุ่นขึ้นมาด้วย เอกกำลังยกมือเธอขึ้นจูบ โชติจึง
เหยียบเบรคกระทันหันจนมือของทั้งสองหลุดออกจากกัน โชติเอ่ยขอโทษที่เบรครถกระทันหัน
เหนือตะวัน ตอนที่ 37
ปรีชานั้น เป็นคนเช็คข่าวด้วยตนเอง ว่าสิทธิชัยจะไปที่ไหน ไม่นานก็ทราบ จากสายรายงาน จาก
กลุ่มคนเล่นวิทยุสมัครเล่น ปรีชาอุ่นใจขึ้นมาบ้าง เพราะรู้ว่า สิทธิชัย ไปกับจางหลี่ ที่โรงแรมแมนดาริน
ปรีชารีบให้ ลูกน้อง ขับรถพาไปส่งที่นั่นโดยด่วน รวมทั้ง ใช้วิทยุสื่อสาร ระดมพลไปที่นั่น อีกหลายคน
โดยบอกให้คนเหล่านั้น เตรียมอาวุธไปด้วย หลังจากนั้น ปรีชาตรวจเช็คปืนประจำตัว พร้อมเครื่องบรรจุ
กระสุน....มีดสั้นแบบพกถึงสี่เล่ม มีสปาต้าแบบยาว มีลูกน้องที่ติดตามอีก ๗ คน ล้วนเป็นนักสู้มีฝีมือ
ที่ยากจะหาคนต่อสู้ได้ ปรีชาหันหน้ามา ที่เหล่าลูกน้องทั้งเจ็ด โดยปกติ ใบหน้าของปรีชาจะยิ้มแย้ม
ตลอดเวลา แต่เวลานี้แตกต่างกัน ปรีชาใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาฉายแววอำมหิต เขาพูดสั้น ๆ เพียง
"ไปกันเถอะ!!!!....เราต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ...ห้ามล้มเหลว...เด็ดขาด..."
ทั้งหมดก็ออกไปพร้อมกัน ด้วยอาวุธครบมือ.....
สิทธิชัยนั้น กำลังจะเดินออกจากห้องทำงาน เพื่อไป โรงแรมแมนดาริน ระหว่าง ที่เขาเก็บเอกสาร
จางหลี่ที่จะไปด้วยกัน ได้กล่าวเตือนสิทธิชัย ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
"ผมว่าการที่....หัวหน้าจะไปที่นั่นตามลำพัง มันดูเป็นการเสี่ยงเกินไป....ถึงแม้จะมีข่าวว่า ไอ้จอมมันตาย
ไปแล้ว...แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไร...ว่ายังมีคนที่คิดร้ายกับหัวหน้า...จะไม่เล่นตลบหลัง..."
สิทธิชัยยิ้ม ก่อนตบบ่าจางหลี่ แล้วเอ่ยออกมา
"ฉันถึงให้แกไปด้วยไง...แล้วอีกอย่างที่แกต้องรู้ไว้....ไอ้จอม...มันยังไม่ตาย...มันต้องอยู่ในมุมมืด เพื่อรอ
โอกาส...ที่จะจัดการ...กับฉันแน่..ๆ.."
จางหลี่คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
"หัวหน้า....ก็มันตายไปแล้วไม่ใช่หรือ...ศพมัน ก็ยังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือไม่ก็เผาไปแล้ว....
แล้วมันจะยังไม่ตายได้ไงครับ..."
สิทธิชัย เดินไปที่โต๊ะหยิบ หนังสือพิมพ์มาให้ วางต่อหน้า แล้วชี้ให้จางหลี่ดู
"หัวหน้า....ก็รู้ว่าผมอ่านภาษาไทยไม่ได้...แล้วให้ผมดูอะไรครับ..."
จางหลี่ก้มดู ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเป็นรูปรถ..ถูกยิงจนพรุนทั้งคัน แล้วมีศพสามศพ นอนเรียงกัน
สิทธิชัยเอ่ยออกมา ให้จางหลี่ทราบ
"คนที่ตายทั้งสามนั้นคือ นายกล้า กับลูก เมีย ถูกยิงถล่มจนตายทั้งหมด...เรื่องนี้ ผ่านมาเมื่อประมาณ
สัก สามอาทิตย์ก่อน...ตอนแรกฉันก็คิดว่า อาจจะเป็นการแก้แค้น จากดราก้อนกรุ๊ป...แต่มาคิดๆดู...
มันไม่น่าใช่การลงมือของ ดราก้อนกรุ๊ป....แต่เป็นกลุ่มอื่น...ที่ต้องการปิดปาก เรื่องที่นายกล้ารู้เห็น..."
จางหลี่คิดตาม แล้วดูรูปในข่าวประกอบ ก่อนออกความเห็นบ้าง
"ดูจากสภาพรถแล้ว ถูกยิงจนพรุนขนาดนี้....ไม่น่าจะยิงด้วยปืนกระบอกเดียวนะครับหัวหน้า ปืนที่ใช้ยิง
ก็ต้องมีประมาณ ๕ กระบอกเป็นอย่างน้อย...แต่ไอ้จอมถ้าจะฆ่าใคร มันมักทำคนเดียว...นี่ก็แสดงว่า...
ไม่ใช่ฝีมือของมัน..."
สิทธิชัยคิ้วขมวด ก่อนตอบให้จางหลี่ทราบ
"ก็นี่แหละ!!!...ที่น่ากลัว เพราะถ้ามันไม่ใช่ดราก้อนกรุ๊ป...ซึ่งไม่ใช่แน่ๆ...คนที่ส่งมาฆ่า นายกล้ากับลูกเมีย
มันต้องเป็นคนที่มีอิทธิพล...พอสมควร....แล้วที่มันต้องฆ่าลูกเมียของนายกล้าไปด้วยนั้น ก็แสดงว่า
มันต้องการปิดปากทั้งหมดไม่ให้มีความเชื่อมโยงไปถึงมัน...เป็นไปได้ว่า มันอาจไปหานายกล้าแล้วขอ
ให้นายกล้าช่วยติดต่อนายจอมให้....เมื่อติดต่อได้....มันก็จัดการฆ่าตัดตอนทั้งหมดไม่ให้เหลือ...."
สิทธิชัย จ้องดวงตาของจางหลี่ ก่อนจะเอ่ยต่อ
"แล้วตอนนี้...กลุ่มที่มีอิทธิพลขึ้นมา...อย่างน่ากลัว...ก็คือกลุ่มพยัคฆ์เหิร...ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างช้าๆ...
จากเมื่อก่อน มันจะมีอิทธิพล ที่ภาคเหนือ เมื่อประมาณ ปีที่แล้ว...ได้ยินว่ามันมีแบ๊คที่ใหญ่พอสมควร
แต่หลังจาก ที่ภาคีบาดเจ็บ กลุ่มพยัคฆ์เหิร ก็เติบโต แบบก้าวกระโดด จนเกือบเท่า กลุ่มของ...จิ้งจอก
ขาว...ของคุณน้า...."
จางหลี่ทราบทันที ว่าสิทธิชัยหมายถึงใคร จางหลี่เอ่ยออกมา
"เป็นนายเอก....ใช่ไหมครับหัวหน้า...ที่เป็นคนดำเนินแผนการทั้งหมด...แล้วดึงไอ้จอมมาเป็นพวก...
นายเอกคนนี้...มันร้ายกาจซับซ้อนขนาดนั้น...เลยหรือครับ...."
"ฉันพูดได้เต็มปาก...มัน...ไอ้เอกคนนี้...เป็นคนร้ายกาจ...อย่างที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน...มันมีส่วนที่
เหมือนนายภาคี...คือคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี...สามารถพลิกสถานะการณ์ได้...ฝีมือสูง
เจ้าเล่ห์....แต่ที่เหนือกว่านายภาคีก็คือ...ความอำมหิต...มันสามารถฆ่าใครก็ได้...ถ้าขวางทางของมัน
ถ้าฉันคิดไม่ผิด...ถ้าฉันไปโรงแรมแมนดาริน...ฉันก็น่าจะเจอกับ...ไอ้จอม..."
จางหลี่ จึงพูดสวนทันที
"หัวหน้า...ทราบดีแล้ว...ยังจะไปหามันอีกหรือครับ...ถ้าไอ้จอมยังไม่ตายจริงๆ...งั้นข่าวที่ว่า มันมี
เวทย์มนต์ ยิงแทงไม่เข้า ล่องหนหายตัวได้...ไม่เท่ากับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงนะสิ!!!..."
สิทธิชัย ยิ้มมุมปาก กล่าวออกมา
"มันก็น่าจะจริงบ้างข่าวลือบ้าง แต่ที่แน่ๆ...มันหนังเหนียวจริงๆ...ตอนที่ฉันยิงโดนมันที่หน้าอก กระสุนปืน
จุดสามแปด ยิงมันไม่เข้า แต่ตอนที่ยิงถูกมัน ฉันสังเกตว่า มันมีรอยสักสีแดง ขึ้นทั่วตัว...นั่นอาจเป็น
ความลับของมัน ที่ทำให้มัน...ยิงไม่เข้า...แกรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง..."
จางหลี่พยายามคิดตาม แต่ก็คิดไม่ออกว่าที่สิทธิชัยบอก หมายถึงอะไร จางหลี่ส่ายหน้าช้าๆ สิทธิชัย
ขยับเข้าใกล้ เอ่ยเน้นคำออกมา
"ถ้ามันหนังเหนียวเพราะรอยสัก...จุดอ่อนของมัน ก็คือ อวัยวะ ที่มันสักลงไปไม่ได้...มันเป็นจุดอ่อนที่ฉัน
จะทะลวงมันเข้าไป...เพื่อแก้แค้นแทน สารวัตรธงชัย และอีกหลายชีวิตที่ตายด้วยมือของมัน...แล้วฉัน
ต้องการลดความอหังการ์ของนายเอก...ให้มันรู้ว่า...มันมิได้เป็นคนเดียวที่มีอำนาจ ยังมีอีกหลายคน ที่มี
อำนาจเหนือมัน...แล้วฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น...."
จางหลี่เองก็ยังไม่สบายใจ เพราะถึงแม้ว่าสิ่งที่สิทธิชัยวิเคราะห์จะถูกต้อง...แต่นายจอมจะยอมเป็นเป้า
ให้สิทธิชัยยิงจุดอ่อนง่ายๆหรือ...เพราะถ้าเทียบประสบการณ์ในการล่าสังหาร สิทธิชัย ไม่มีทางเทียบ
จอมได้เลย....ถึงจางหลี่จะรู้ว่า สิทธิชัยยิงปืนแม่นที่สุด เท่าที่เขาเคยคลุกคลีในวงการนี้มา แต่การที่
ต้องดวลปืนกัน ในสถานะการณ์เป็นตาย แถมจุดตายของจอมยังเป็นจุดเล็กๆ...เพียงสองจุด...เท่านั้น...
......................
ระหว่างขับรถ โชติแอบลอบมองศิริศร ด้วยสายตาเป็นประกายประหลาด มันเป็นแววตาของ
สัตว์ร้าย...ที่ได้เจอคู่ของมัน...จอมมิได้เกิดอารมณ์แบบนี้มานาน...เมื่อเกิดขึ้น มันจึงรุนแรงเป็นพิเศษ
ส่วนเอกนั้น มิได้ระวังสายตาของโชติ เพราะเขาก็มัวแต่จับจ้องใบหน้าที่หวานซึ้ง ผมสีแดงเพลิงเปล่ง
ประกาย...ผิวขาวนวล ยามต้องแสงแดดอ่อนๆ ยามเย็น ทำให้สะท้อนออกมา ริมฝีปากของศิริศรนั้น
อิ่มเอิบ ถึงมิได้ทาลิปติก แต่สีแดงตามธรรมชาติ มันทำให้เอกคิดเตลิด ศิริศรนั้นทำเป็นไม่รู้ ไม่เห็น
แต่เธอก็อึดอัด กับสายตาของทั้งสองที่จับจ้องเธอ แต่ก็มิได้แสดงออกมา เอกเห็นว่าภายในรถ
เงียบเกินไป เขาจึงเอ่ยถามขึ้น
"ลูกศรจะฝากอะไรให้ น้องณีหรือ ถ้าสำคัญ พรุ่งนี้เฮียจะส่งไปทางรถขนส่งของเฮียก็ได้ รับรองไม่
เกิน ๓ วัน น้องณีได้รับของแน่..."
ศิริศร เอียงศีรษะมาทางเอก ก่อนจะตอบกลับไป
"เป็นธุรกิจที่จะร่วมกับยัยณี...จะไปขายในมหาวิทยาลัย...นี่ลูกศรเป็นคนคิดเลยนะ....ถ้าเป็นที่นิยมละก็
ลูกศรจะเปิดโรงงานขายเป็นเรื่อง เป็นราว แล้วลูกศร จะให้ยัยณีมาเป็นผู้จัดการ เพื่อดูแลกิจการตัวนี้..."
ใบหน้าของศิริศร บ่งบอกถึงความ ภาคภูมิใจมากๆ...เอกนั้นไม่สงสัยอะไร เพราะศิริศรนั้น ชอบคิดค้น
อะไรใหม่ๆ...เพราะเขาเองก็เคยเป็นหนูทดลองให้ศิริศรมาแล้ว เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอกก็อดหัวเราะออกมา
มิได้ ศิริศรแปลกใจที่เอก เผลอหัวเราะออกมา เธอใช้นิ้วชี้เรียวยาว ชี้ที่ปลายจมูกเอกเอ่ยถามออกมา
"นี่!!!..เฮียเอก หัวเราะเยาะลูกศรหรือ....คิดว่าสิ่งประดิษฐ์ของลูกศรมันจะล้มเหลวหรือ...สารภาพมา..."
"เปล่านะ!!...เฮียแค่คิดถึงตอนที่ลูกศร จับพี่เป็นหนูลองยา ที่เราทำแป้งรองพื้น จนพี่หน้าขึ้นเห่อ...จน
อาเจ็กเรียกเราไปต่อว่า...แล้วลูกศร ก็มาโกรธเฮีย หาว่าเฮียไปฟ้องอาเจ็ก...จนอาหญิงนรี พาเราไปเที่ยว
ถึงได้หายโกรธ....ลูกศรจำได้ไหม!!!..."
เอกไม่พูดเปล่า ใช้มือของเขา จับมืออันนุ่มนวลอบอุ่นขึ้นมาด้วย เอกกำลังยกมือเธอขึ้นจูบ โชติจึง
เหยียบเบรคกระทันหันจนมือของทั้งสองหลุดออกจากกัน โชติเอ่ยขอโทษที่เบรครถกระทันหัน