ตอนที่ 17 มือสังหารคนที่ ยี่สิบห้า
พรุ่งนี้...เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของนรี ธนูเดินทางไปกาญจนบุรี พร้อมศิริศร แต่บังเอิญ
เธอมีนัดกับบรรณาธิการจากฮ่องกง ที่เธอติดต่อไว้หลายเดือน ในวันพรุ่งนี้เขาเดินทางมาพอดี
เสร็จแล้ว จะเดินทางไปเชียงใหม่ต่อ ศิริศรจึงพลาดโอกาส ที่จะไปเคารพที่ฮวงซุ้ยซึ่งธนูจะจัด
ปีละครั้ง ในตอนนี้เขายิ่งตัองระวังตัว...ถึงแม้ว่า ภายในใจของธนู ก็ไม่คิดว่า เหล่าศัตรูของเขา
ไม่น่า จะกล้าลงมือในช่วงเวลานั้น แต่ธนูก็ไม่เคยประมาท เขาวางกำลังเพื่อคอยคุ้มกันในขณะ
ที่อยู่ในสุสาน...ทุกอย่างจึงเป็นการจัดการของเอก....คนที่เขาไว้ใจที่สุดในขณะนี้.....
ธนูสวมชุดสูทสีขาว เป็นชุดที่เขาสวมใส่ แล้วนรีเคยบอกว่า
"เวลาที่พี่ใส่ชุดนี้ แล้วดูเข้ากับพี่มากที่สุด...."
รถที่พาเขาไปเป็นรถจี๊ปคันใหญ่ โดยให้คนขับรถชื่อ บันเทิงเป็นคนขับ ธนูแวะซื้อดอกไม้ช่อใหญ่
ในร้านขายดอกไม้ จัดเป็นช่ออย่างสวยงาม ให้เหมือนครั้งที่ธนู ไปพบนรีในตอนที่เขากลับมาทำความ
คุ้นเคยในครั้งก่อน กลิ่นดอกไม้กระจายอยู่ภายในรถ เมื่อถึงประตูรั้วสุสาน ซึ่งในขณะนี้ ธนูได้กว้าน
ซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้อาณาเขตของสุสานกว้างขวางขึ้น และเขาก็ทำรั้วรอบเพื่อมิให้ใคร
เข้ามารบกวน ในเวลาที่เขามาค้างที่สุสาน เพราะใกล้ๆ สุสาน ธนูปลูกบ้านหลังเล็กไว้ ขนาดมันเท่ากับ
บ้านที่เขาเคยอาศัยอยู่กับอาแปะซา การตกแต่งเหมือนกันอย่างกับถอดแบบ หลังบ้านมีต้นหูกวาง
ซึ่งเขาย้ายมาจากบ้านเดิม ในระหว่าง ที่เขาอยู่ที่แห่งนี้ ธนูจะอยู่เพียงลำพังมิให้ใครเข้ามา ครั้งนี้ก็เช่น
กัน หลังจากที่เขาให้นายบันเทิงขับรถจากไป ธนูเดินหิ้วกระเป๋าเดินทาง ที่มือซ้าย มือขวาถือดอกไม้
ช่อนั้น เดินไปประมาณ ๑๐ นาที ก็ถึงที่หมาย
อติตาวางกรอบรูปของธนูไว้ที่ โต๊ะข้างที่นอนตลอด วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ อติตานั่งทำงาน ที่โต๊ะ
ทำงาน ระหว่างที่เธอจะเดินไปหยิบ หนังสือเพื่อใช้ทำงาน จู่ๆ ก็มีลมกระโชกภายในห้องอย่างไม่มีปี่มี
ขลุ่ย แรงลมหอบเอากรอบรูปภาพของธนูไปตกที่ข้างเธอเสียงดังสนั่น!!!!..กรอบกระจกแตก เป็นลาย
พาดที่คอของธนูอย่างน่ากลัว อติตาหยิบเอากรอบรูปขึ้นมามอง ด้วยหัวใจหวิว...มันเหมือนลางสังหรณ์
ที่จะเกิดเหตุร้ายกับชายคนนี้......
หลังจากที่ธนูเก็บสัมภาระ ที่บ้านพักที่ไม่ห่างจาก ฮวงซุ้ยมากเท่าใด...เขาเดินถือดอกไม้ช่อนั้น
มาวางที่หน้าป้ายชื่อของนรี แล้วเขาก็ไปคุกเข่าที่หน้าป้ายชื่อของอาแปะซา และภรรยาท่าน
จุดธูป และเทียน พร้อมของเซ่นไหว้ครบครัน จนเสร็จสิ้นพิธี เขาจึงไปจุดธูป เทียนที่หน้าป้ายชื่อ
ของนรี... ในขณะที่เขากำลังรำลึกถึงความหลัง ระหว่างเขากับภรรยา จนน้ำตาของธนูหลั่งออกมา
อย่างแช่มช้า เสียงที่เขาคุ้นหูก็ดังขึ้น!!!!....
"คุณชาญ สุริยแสง...คุณก็มีวันนี้....จนได้...หึ...ๆ..."
ธนูค่อยๆ หันหลังกลับไป...ก็พบ นฤมลที่ใส่ชุดสีดำรัดรูป เน้นทรวดทรง สวมหมวกสีดำ แว่นตาสีดำ
กระเป๋าสะพายลายหนังงู...สีดำ...ข้างกายมี สองสาวที่เป็นนักสู้คุ้มกัน ใส่เสื้อยีนส์ แล้วมีคนเดินตาม
เข้ามาเป็น จางหลี่ สิทธิชัย ชายคลุมหน้าด้วยโม่งดำ ใส่เสื้อยีนส์ นายปรีชา คนขับรถของสิทธิชัย
ในตอนแรกที่เข้ากรุงเทพ แล้ว ตามด้วย ชายฉกรรจ์ อีก ๒๐ คน จนทำให้ลานกว้างกลายเป็นคับแคบ
ลงไปถนัดตา...
ธนูลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ...สายตากวาดมองไปยัง เหล่าศัตรูที่ล้อมอย่างน่ากลัว ใบหน้าของทั้ง ๒๐ นั้น
มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่า มิใช่คนไทยโดยกำเนิด ร่างกายกำยำแข็งแกร่งเกินคนธรรมดาทั่วไป ธนูจับ
จ้องไปที่นฤมล อย่างปกติ เหมือนมิได้ตื่นตระหนก กับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในอีก ไม่กี่นาทีข้างหน้า...
เขานึกแปลกใจว่าเหตุใด ศัตรูทั้งหมดถึงเข้าถึงตัวเขาโดยง่ายขนาดนี้ ธนูนึกถึงความปลอดภัยของ
ลูกน้องที่มาคุ้มกัน ว่าตอนนี้อาจประสบเคราะห์กรรมไปแล้ว....
"คุณนฤมล... ต้องเกณฑ์คนมาคารวะภรรยาผม...มากมายขนาดนี้เลยหรือ...รู้สึกเกรงใจจริงๆ..."
ธนูกล่าวอย่างปกติ เหมือนมิได้มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่สถานะการณ์คับขันอย่างยิ่ง มันทำให้ สิทธิชัย
รู้สึกนับถือในจิตใจที่เข้มแข็งผิดมนุษย์ ตอนนี้เขาได้แต่สะท้อนในใจถึงชะตากรรมต่อจากนี้ ของศัตรู
ที่เขาคิดว่า เป็นคนที่เขาเกลียดชังที่สุด.... นฤมลแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ สายตาเป็นประกายกล่าวออกมา
ด้วยน้ำเสียงสดใส
"มิได้...มิได้...ที่ดิฉันเกณฑ์ คนมามากมายขนาดนี้ ก็เพราะคนเหล่านี้ จะเป็นผู้....ส่งวิญญาณคุณ ไปสู่
นรก...อเวจี...คุณชาญ อย่าเข้าใจผิดสิคะ!!..."
ธนูระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างขบขัน ก่อนจะเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงปกติ
"ทำไมต้องให้คนมากมายมาด้วยละ ความจริงแค่คุณหามือปืนมาสักคน ยิงผมที่ตรงนี้ ผม..หรือจะมี
สิทธิ์รอดออกไปได้..."
ธนูใช้นิ้วชี้ ชี้ไปที่ระหว่างคิ้วของตนเอง ใบหน้ายังคงเป็นปกติรอยยิ้มของเขานั้นเยือกเย็นอย่างยิ่ง
"คุณชาญ...ดิฉันนั้นถึงเป็นหญิง ที่รักสวยรักงามเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างหนึ่งที่ดิฉัน รักเป็นอันดับสอง...
ก็คือ...การต่อสู้...ด้วยศิลปะป้องกันตัวชั้นสูง...ที่หาได้ยาก...ในขณะนี้ คุณชาญเอง ก็มีฝีมือ เป็นที่
เลื่องลือในวงการนี้ มีหรือ ดิฉัน...จะปล่อยโอกาส ที่หาได้ยากยิ่งให้มัน...ผ่านเลยไป...หึ..ๆ..."
สายตาของนฤมลยังคงเป็นประกายไม่แปรเปลี่ยน เธอเดินขึ้นไปหาธนูอย่างเชื่องช้า และสง่างาม
ดั่งพญาหงส์ที่เยื้องกราย ธนูยังคงยืนนิ่ง มิไหวติง รอยยิ้มยังคงปรากฎอยู่ แต่ดวงตานั้น เป็นประกาย
เจิดจ้า ดุจข่มขวัญให้คนเผชิญหน้าต้องหลบสายตา...แต่ไม่ใช่ข่มขวัญเธอ...เพราะนฤมลไม่เคย
กลัวเกรงธนู...โดยเฉพาะตอนนี้ ทั้งสองยืนห่างกันเพียงสามก้าว นฤมลจับจ้องใบหน้าที่คม ดุจรูปปั้น
กรีกผมสีแดงสด ปลิวเมื่อลมพัดย้อนขึ้นมา ภายในใจของ นฤมลกลับรู้สึกประหลาดยามที่จับจ้อง
สายตาของ ธนูโดยตรง มันเป็นเสน่ห์โดยกำเนิดของเขา ยิ่งในยามนี้อำนาจของมันเพิ่มพลานุภาพ
มากยิ่งขึ้น นฤมลนึกเสียดายความสมบูรณ์แบบของ ชายผู้นี้ มันน่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ต้อง
ทำลาย...คนผู้นี้...ด้วยมือของเธอเอง...
"คุณชาญ...ดิฉันจะให้โอกาสคุณ...ทั้งที่ดิฉัน ไม่เคยได้โอกาสจากใคร... คุณจะลองเสี่ยงดูไหมคะ..."
ธนูใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วเอ่ยออกมา
เหนือตะวัน ตอนที่ 17
พรุ่งนี้...เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของนรี ธนูเดินทางไปกาญจนบุรี พร้อมศิริศร แต่บังเอิญ
เธอมีนัดกับบรรณาธิการจากฮ่องกง ที่เธอติดต่อไว้หลายเดือน ในวันพรุ่งนี้เขาเดินทางมาพอดี
เสร็จแล้ว จะเดินทางไปเชียงใหม่ต่อ ศิริศรจึงพลาดโอกาส ที่จะไปเคารพที่ฮวงซุ้ยซึ่งธนูจะจัด
ปีละครั้ง ในตอนนี้เขายิ่งตัองระวังตัว...ถึงแม้ว่า ภายในใจของธนู ก็ไม่คิดว่า เหล่าศัตรูของเขา
ไม่น่า จะกล้าลงมือในช่วงเวลานั้น แต่ธนูก็ไม่เคยประมาท เขาวางกำลังเพื่อคอยคุ้มกันในขณะ
ที่อยู่ในสุสาน...ทุกอย่างจึงเป็นการจัดการของเอก....คนที่เขาไว้ใจที่สุดในขณะนี้.....
ธนูสวมชุดสูทสีขาว เป็นชุดที่เขาสวมใส่ แล้วนรีเคยบอกว่า
"เวลาที่พี่ใส่ชุดนี้ แล้วดูเข้ากับพี่มากที่สุด...."
รถที่พาเขาไปเป็นรถจี๊ปคันใหญ่ โดยให้คนขับรถชื่อ บันเทิงเป็นคนขับ ธนูแวะซื้อดอกไม้ช่อใหญ่
ในร้านขายดอกไม้ จัดเป็นช่ออย่างสวยงาม ให้เหมือนครั้งที่ธนู ไปพบนรีในตอนที่เขากลับมาทำความ
คุ้นเคยในครั้งก่อน กลิ่นดอกไม้กระจายอยู่ภายในรถ เมื่อถึงประตูรั้วสุสาน ซึ่งในขณะนี้ ธนูได้กว้าน
ซื้อที่ดินบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้อาณาเขตของสุสานกว้างขวางขึ้น และเขาก็ทำรั้วรอบเพื่อมิให้ใคร
เข้ามารบกวน ในเวลาที่เขามาค้างที่สุสาน เพราะใกล้ๆ สุสาน ธนูปลูกบ้านหลังเล็กไว้ ขนาดมันเท่ากับ
บ้านที่เขาเคยอาศัยอยู่กับอาแปะซา การตกแต่งเหมือนกันอย่างกับถอดแบบ หลังบ้านมีต้นหูกวาง
ซึ่งเขาย้ายมาจากบ้านเดิม ในระหว่าง ที่เขาอยู่ที่แห่งนี้ ธนูจะอยู่เพียงลำพังมิให้ใครเข้ามา ครั้งนี้ก็เช่น
กัน หลังจากที่เขาให้นายบันเทิงขับรถจากไป ธนูเดินหิ้วกระเป๋าเดินทาง ที่มือซ้าย มือขวาถือดอกไม้
ช่อนั้น เดินไปประมาณ ๑๐ นาที ก็ถึงที่หมาย
อติตาวางกรอบรูปของธนูไว้ที่ โต๊ะข้างที่นอนตลอด วันนี้เป็นวันหยุดของเธอ อติตานั่งทำงาน ที่โต๊ะ
ทำงาน ระหว่างที่เธอจะเดินไปหยิบ หนังสือเพื่อใช้ทำงาน จู่ๆ ก็มีลมกระโชกภายในห้องอย่างไม่มีปี่มี
ขลุ่ย แรงลมหอบเอากรอบรูปภาพของธนูไปตกที่ข้างเธอเสียงดังสนั่น!!!!..กรอบกระจกแตก เป็นลาย
พาดที่คอของธนูอย่างน่ากลัว อติตาหยิบเอากรอบรูปขึ้นมามอง ด้วยหัวใจหวิว...มันเหมือนลางสังหรณ์
ที่จะเกิดเหตุร้ายกับชายคนนี้......
หลังจากที่ธนูเก็บสัมภาระ ที่บ้านพักที่ไม่ห่างจาก ฮวงซุ้ยมากเท่าใด...เขาเดินถือดอกไม้ช่อนั้น
มาวางที่หน้าป้ายชื่อของนรี แล้วเขาก็ไปคุกเข่าที่หน้าป้ายชื่อของอาแปะซา และภรรยาท่าน
จุดธูป และเทียน พร้อมของเซ่นไหว้ครบครัน จนเสร็จสิ้นพิธี เขาจึงไปจุดธูป เทียนที่หน้าป้ายชื่อ
ของนรี... ในขณะที่เขากำลังรำลึกถึงความหลัง ระหว่างเขากับภรรยา จนน้ำตาของธนูหลั่งออกมา
อย่างแช่มช้า เสียงที่เขาคุ้นหูก็ดังขึ้น!!!!....
"คุณชาญ สุริยแสง...คุณก็มีวันนี้....จนได้...หึ...ๆ..."
ธนูค่อยๆ หันหลังกลับไป...ก็พบ นฤมลที่ใส่ชุดสีดำรัดรูป เน้นทรวดทรง สวมหมวกสีดำ แว่นตาสีดำ
กระเป๋าสะพายลายหนังงู...สีดำ...ข้างกายมี สองสาวที่เป็นนักสู้คุ้มกัน ใส่เสื้อยีนส์ แล้วมีคนเดินตาม
เข้ามาเป็น จางหลี่ สิทธิชัย ชายคลุมหน้าด้วยโม่งดำ ใส่เสื้อยีนส์ นายปรีชา คนขับรถของสิทธิชัย
ในตอนแรกที่เข้ากรุงเทพ แล้ว ตามด้วย ชายฉกรรจ์ อีก ๒๐ คน จนทำให้ลานกว้างกลายเป็นคับแคบ
ลงไปถนัดตา...
ธนูลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ...สายตากวาดมองไปยัง เหล่าศัตรูที่ล้อมอย่างน่ากลัว ใบหน้าของทั้ง ๒๐ นั้น
มองเพียงครั้งเดียวก็รู้ว่า มิใช่คนไทยโดยกำเนิด ร่างกายกำยำแข็งแกร่งเกินคนธรรมดาทั่วไป ธนูจับ
จ้องไปที่นฤมล อย่างปกติ เหมือนมิได้ตื่นตระหนก กับเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นในอีก ไม่กี่นาทีข้างหน้า...
เขานึกแปลกใจว่าเหตุใด ศัตรูทั้งหมดถึงเข้าถึงตัวเขาโดยง่ายขนาดนี้ ธนูนึกถึงความปลอดภัยของ
ลูกน้องที่มาคุ้มกัน ว่าตอนนี้อาจประสบเคราะห์กรรมไปแล้ว....
"คุณนฤมล... ต้องเกณฑ์คนมาคารวะภรรยาผม...มากมายขนาดนี้เลยหรือ...รู้สึกเกรงใจจริงๆ..."
ธนูกล่าวอย่างปกติ เหมือนมิได้มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่สถานะการณ์คับขันอย่างยิ่ง มันทำให้ สิทธิชัย
รู้สึกนับถือในจิตใจที่เข้มแข็งผิดมนุษย์ ตอนนี้เขาได้แต่สะท้อนในใจถึงชะตากรรมต่อจากนี้ ของศัตรู
ที่เขาคิดว่า เป็นคนที่เขาเกลียดชังที่สุด.... นฤมลแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ สายตาเป็นประกายกล่าวออกมา
ด้วยน้ำเสียงสดใส
"มิได้...มิได้...ที่ดิฉันเกณฑ์ คนมามากมายขนาดนี้ ก็เพราะคนเหล่านี้ จะเป็นผู้....ส่งวิญญาณคุณ ไปสู่
นรก...อเวจี...คุณชาญ อย่าเข้าใจผิดสิคะ!!..."
ธนูระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างขบขัน ก่อนจะเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงปกติ
"ทำไมต้องให้คนมากมายมาด้วยละ ความจริงแค่คุณหามือปืนมาสักคน ยิงผมที่ตรงนี้ ผม..หรือจะมี
สิทธิ์รอดออกไปได้..."
ธนูใช้นิ้วชี้ ชี้ไปที่ระหว่างคิ้วของตนเอง ใบหน้ายังคงเป็นปกติรอยยิ้มของเขานั้นเยือกเย็นอย่างยิ่ง
"คุณชาญ...ดิฉันนั้นถึงเป็นหญิง ที่รักสวยรักงามเป็นอย่างยิ่ง แต่อย่างหนึ่งที่ดิฉัน รักเป็นอันดับสอง...
ก็คือ...การต่อสู้...ด้วยศิลปะป้องกันตัวชั้นสูง...ที่หาได้ยาก...ในขณะนี้ คุณชาญเอง ก็มีฝีมือ เป็นที่
เลื่องลือในวงการนี้ มีหรือ ดิฉัน...จะปล่อยโอกาส ที่หาได้ยากยิ่งให้มัน...ผ่านเลยไป...หึ..ๆ..."
สายตาของนฤมลยังคงเป็นประกายไม่แปรเปลี่ยน เธอเดินขึ้นไปหาธนูอย่างเชื่องช้า และสง่างาม
ดั่งพญาหงส์ที่เยื้องกราย ธนูยังคงยืนนิ่ง มิไหวติง รอยยิ้มยังคงปรากฎอยู่ แต่ดวงตานั้น เป็นประกาย
เจิดจ้า ดุจข่มขวัญให้คนเผชิญหน้าต้องหลบสายตา...แต่ไม่ใช่ข่มขวัญเธอ...เพราะนฤมลไม่เคย
กลัวเกรงธนู...โดยเฉพาะตอนนี้ ทั้งสองยืนห่างกันเพียงสามก้าว นฤมลจับจ้องใบหน้าที่คม ดุจรูปปั้น
กรีกผมสีแดงสด ปลิวเมื่อลมพัดย้อนขึ้นมา ภายในใจของ นฤมลกลับรู้สึกประหลาดยามที่จับจ้อง
สายตาของ ธนูโดยตรง มันเป็นเสน่ห์โดยกำเนิดของเขา ยิ่งในยามนี้อำนาจของมันเพิ่มพลานุภาพ
มากยิ่งขึ้น นฤมลนึกเสียดายความสมบูรณ์แบบของ ชายผู้นี้ มันน่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ต้อง
ทำลาย...คนผู้นี้...ด้วยมือของเธอเอง...
"คุณชาญ...ดิฉันจะให้โอกาสคุณ...ทั้งที่ดิฉัน ไม่เคยได้โอกาสจากใคร... คุณจะลองเสี่ยงดูไหมคะ..."
ธนูใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วเอ่ยออกมา