.
สำหรับชายหนุ่มหน้ามนคนหล่ออย่างโจว์ อะไรจะมีความหมายมากเกินไปกว่าการได้นั่งสองต่อสองกับสาวแสนสวย ภายใต้ม่านปีกเย็นเฉียบแห่งรัตติกาล เพลงพลิ้วแผ่วคลอชวนเคลิ้มฝัน แสงเทียนไหววับแวมเรียงรายบนโต๊ะหรู ลูบไล้ใบหน้าสาวสวยที่นั่งตรงกันข้ามในระยะปากว่ามือถึง
เจนนี่เป็นหญิงสาวที่สวยจริงๆ
สวยพอที่จะละลายหัวใจแข็งแกร่งแห่งบุรุษทั้งหลายทั้งปวงให้ซวนซบสยบลงตรงแทบเท้า ตาวาววามคู่นั้นมีอำนาจแห่งความงามบาดใจพอที่จะทะลุความแข็งแกร่งแห่งเกราะป้องกันหัวใจชายให้แตกแยกสลาย ทุกท่วงท่าทุก อริยาบท สะกดความรู้สึกวาบหวามลึกลงไปในห้วงแห่งมายาฝันอันเพริดแพร้ว
โจว์โชคดีที่มาก่อนเวลา
งานเลี้ยงเล็ก ๆ
แต่อยู่ในสถานที่ส่วนตัวแพงระยับประดับสิ่งของเครื่องใช้วิลิศมาหรา อาหารเครื่องดื่มถ้วยชามประณีตราคาแพง แสงไฟบนเพดานริบหรี่เพื่อขับเน้นแสงเทียนให้กระจ่างสร้างเสริมบรรยากาศแสนโรแมนติก
ใบหน้าของหญิงสาวมีแสงเทียนลูบไล้เปล่งปลั่งจนหัวใจของโจว์เต้นแรง
ทั้งสองมาก่อนงานเลี้ยงก่อนใคร ๆ บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นคนที่ไม่ชอบรอคนอื่น และไม่ต้องการให้คนอื่นรอคอยเหมือนกันก็เป็นได้ น่าแปลกที่สาวสวยแบบนี้จะไร้หนุ่มหน้ามนคนอื่นควงแขนคอยดูแล แต่โจว์ไม่แปลกใจเหมือนกันว่าคนอย่างเขาปราศจากสาวสวยเคียงคู่คลอเคลียมางาน
ดีแล้ว...ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสใกล้ชิดสนิทใจกับสาวคนนี้
จังหวะและโอกาสย่อมรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมของมันเอง
เวลาส่วนใหญ่ที่ละลายไปกับคำว่า งาน งาน และงาน บางทีคนเราต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ให้สิ่งที่ดีๆกับชีวิต เติมเต็มอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปนานแสนนานจนแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าเคยมีวันดีๆครั้งสุดท้ายเมื่อไร ชายหนุ่มอย่างเขาควรจะให้เวลากับหัวใจของตัวเองบ้างไม่ใช่หรือ
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งสองสนิทสนมกันรวดเร็ว บางทีหัวใจและความรักมันก็ไม่จำต้องต้องรอเวลาอะไรมากมาย บางครั้งเวลาก็ฉกฉวยโอกาสที่ดีพัดหายไปอย่างไม่มีวันกลับ จะมีอะไรเลวร้ายมากไปกว่าความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้
สิบนาทีแรกทั้งสองพูดคุยสบตา ยิ้มแย้มพูดคุย ความเข้าใจความเข้ากันได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนสิบนาทีต่อมาทั้งสองยื่นมือเกาะกุมกันบนโต๊ะแนบแน่น เป็นเวลาเกือบนาที ก่อนเจนนี่จะค่อยดึงมือกลับอย่างสุภาพนุ่มนวลจนยากจะเหนี่ยวรั้ง
และสิบนาทีอีกต่อมาเขาแทบจะได้ประทับจูบลงบนริมฝีปากสวยหอมหวานถ้าไม่ติดบริกรหนุ่มหน้าจืด ซึ่งคอยบริการเครื่องดื่มอยู่ในห้องนั้นอีกคนหนึ่ง
ทำไมแกไม่หนีไปที่อื่นเสียทีฟะ... โจนึกในใจอย่างแค้นเคือง ทำไมงานเลี้ยงพิเศษต้องมีคนมาขัดขวางบรรยากาศแสนหวาน ทำไมแกไม่เกรงใจคนอื่นบ้าง คนจะสวีท ทะลึ่งมายืนเป็นก้างขวางคออยู่ได้
เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าถ้าบรรจงจูบสักนิด กับอ้อมแขนประคองกอดสักหน่อย หล่อนจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ และเขาก็ไม่ใช่ไอ้หน้าโง่และไร้เดียงสากับเรื่องนี้ เหลือบมองนาฬิกา...อีกหน่อยแขกคนอื่น ๆ คงทยอยมา และบรรยากาศแห่งความเป็นส่วนตัวคงหดหายจนเหลือเท่านิ้วก้อย โจว์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเล็กๆ
“เป็นอะไรไปคะ” เจนนี่เลิกคิ้วถามเสียงใสหวานสายตาเป็นประการพราว ขณะยกแก้วเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์จดริมฝีปากด้วยท่วงท่างดงามชวนให้อิจฉาแก้วเครื่องดื่ม จนอยากจะเตะปากแก้วใบนั้น และทำหน้าที่แทนเสียเอง จะให้จอบว่าอยากเตะปากบริกรหนุ่มจอมก้างขวางคอ ก็พูดไม่ได้ ดูเหมือนเธอจะจับความรู้สึกขุ่นมัวของเขาได้ จึงยิ้มอย่างเข้าใจ
“เปล่าครับ..” โจว์ปฏิเสธตามความเคยชิน แบบปากไม่ตรงกับใจ อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เขามักจะปฏิเสธไว้ก่อน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหลุดอารมณ์บางส่วนออกมากับคำพูดต่อไป
“ผมเพียงแต่...เอ่อ..แบบว่าอยากคุยกับคุณสองต่อสองเท่านั้น”
ประกายตาสวยคู่นั้นระยิบวิบวับทันที สวยราวดารารายพรายพราวบนฟากฟ้า เจนนี่หัวเราะเบาๆ มือหมุนแก้วเครื่องดื่มเล่นไปมาอย่างไม่ตั้งใจ
นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าโจว์เหมือนจะรู้ทันความคิด
“ตอนนี้เราก็อยู่กันสองต่อสองแล้วนี่คะ คุณยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้”
ชายหนุ่มหันไปมองบริกรหนุ่มหน้าจืดอย่างไม่ตั้งใจ หมอนั่นเกิดมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพียงอย่างเดียว ท่าทางไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าคอยรับคำสั่งผสมเครื่องดื่มตามใจแขกเท่านั้น แต่โจว์ก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก
“เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าหน้าที่ของเขาหรอกค่ะ” เจนนี่เอ่ยขึ้นอีกเหมือนดักคอ ทำเอาโจว์ฝืนยิ้มแห้งๆ การอยู่ต่อหน้าสาวสวยทำให้ใจสั่นมือสั่นประหม่าได้อย่างเหลือเชื่อ สุดท้ายเลยเฉไฉยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มช้าๆ กลบเกลื่อนอาการสั่นไหวของอารมณ์ปกติเขาไม่ค่อยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ่อยนัก ด้วยความที่เป็นโรคภูมิแพ้ ที่ตามราวีตั้งแต่เป็นเด็กเล็กกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ จะดื่มบ้างในวันดีๆ คืนดีๆ และโอกาสดี ๆ เท่านั้น ซึ่งมีไม่บ่อยนัก
และการได้รู้จักสาวสวยคนนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสดี และดีมากด้วย โอกาสแบบนี้แทบไม่เคยมีมาก่อนด้วยซ้ำไป
“เต้นรำกันไหมคะ” เสียงใสหวานบอกแผ่ว จู่ๆ โอกาสก็ถามหามาถึงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โจว์สะดุ้งอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ประกายคาสวยคู่นั้นยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันทั้งที่ยังตื่น
“ผมเต้นรำไม่เก่งนะครับ” ปากออกตัวถ่อมตัว แต่เท้าก้าวออกไปแล้ว เจนนี่หัวเราะเสียงใสเยื้องย้ายตรงมายังอ้อมกอดของจังหวะเนิบนาบแห่งมนต์เพลงและลีลาเริงร่าย โจว์ใจเต้นแรงจนแทบย่างเท้าผิดพลาดหลายครั้งเพราะใจจดดใจจ่อกับสัมผัสตามเอวอ้อนแอ้น บ่ากลมกลึงนวลเนียน ลมหายใจอุ่นๆ และกลิ่นหอมจรุงจิตจนปั่นป่วนรัญจวน
เจนนี่ไม่ใช่คนคอแข็งกับแอลกอฮอล์ นัยน์ตาของเธอตอนนี้จึงเริ่มหรี่เยิ้มหวานพราวพรายรายรบกวนความคิดกระเจิดกระเจิง น้ำหอมราคาแพงปลุกเร้าเผาผลาญอารมณ์จนร้อนวูบวาบไปทั้งตัวและหัวใจ วินาทีนั้น ราวกับมีเพียงสองเราในโลกนี้เท่านั้น อ้อมแขนอ้อมใจกระชับขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากบางสวยห่างออกไปเพียงนิดเดียว แหงนหน้าหรี่ตาราวรอรับ..โจว์แทบขาดใจตายแล้ว
”เจนนี่...” เขาครางเสียงแผ่วสะท้านสั่น
“อะไรคะ..”
โจว์ใจสั่น ความเชื่อมั่นในตัวเองเหมือนละลายหาย มือของหญิงสาวเลื่อนเคลื่อนไหวกระชับมากขึ้นและมีความหมาย
“มันน่าจะมากกว่านั้น…” โจว์ครางเสียงแผ่ว... เจนนี่ลืมตาวาววามขึ้นมามองเล็กน้อย
ยิ้มบางปรากฎที่มุมปากของเธอแล้วจึงค่อยเลื่อนเรียวแขนมาเบื้องหน้า
และริมฝีปากที่กำลังก้มลงมา
.
เสียงเพลง แสงเทียน ราตรี และสาวสวย
สำหรับชายหนุ่มหน้ามนคนหล่ออย่างโจว์ อะไรจะมีความหมายมากเกินไปกว่าการได้นั่งสองต่อสองกับสาวแสนสวย ภายใต้ม่านปีกเย็นเฉียบแห่งรัตติกาล เพลงพลิ้วแผ่วคลอชวนเคลิ้มฝัน แสงเทียนไหววับแวมเรียงรายบนโต๊ะหรู ลูบไล้ใบหน้าสาวสวยที่นั่งตรงกันข้ามในระยะปากว่ามือถึง
เจนนี่เป็นหญิงสาวที่สวยจริงๆ
สวยพอที่จะละลายหัวใจแข็งแกร่งแห่งบุรุษทั้งหลายทั้งปวงให้ซวนซบสยบลงตรงแทบเท้า ตาวาววามคู่นั้นมีอำนาจแห่งความงามบาดใจพอที่จะทะลุความแข็งแกร่งแห่งเกราะป้องกันหัวใจชายให้แตกแยกสลาย ทุกท่วงท่าทุก อริยาบท สะกดความรู้สึกวาบหวามลึกลงไปในห้วงแห่งมายาฝันอันเพริดแพร้ว
โจว์โชคดีที่มาก่อนเวลา
งานเลี้ยงเล็ก ๆ แต่อยู่ในสถานที่ส่วนตัวแพงระยับประดับสิ่งของเครื่องใช้วิลิศมาหรา อาหารเครื่องดื่มถ้วยชามประณีตราคาแพง แสงไฟบนเพดานริบหรี่เพื่อขับเน้นแสงเทียนให้กระจ่างสร้างเสริมบรรยากาศแสนโรแมนติก
ใบหน้าของหญิงสาวมีแสงเทียนลูบไล้เปล่งปลั่งจนหัวใจของโจว์เต้นแรง
ทั้งสองมาก่อนงานเลี้ยงก่อนใคร ๆ บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นคนที่ไม่ชอบรอคนอื่น และไม่ต้องการให้คนอื่นรอคอยเหมือนกันก็เป็นได้ น่าแปลกที่สาวสวยแบบนี้จะไร้หนุ่มหน้ามนคนอื่นควงแขนคอยดูแล แต่โจว์ไม่แปลกใจเหมือนกันว่าคนอย่างเขาปราศจากสาวสวยเคียงคู่คลอเคลียมางาน
ดีแล้ว...ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสใกล้ชิดสนิทใจกับสาวคนนี้
จังหวะและโอกาสย่อมรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสมของมันเอง
เวลาส่วนใหญ่ที่ละลายไปกับคำว่า งาน งาน และงาน บางทีคนเราต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ให้สิ่งที่ดีๆกับชีวิต เติมเต็มอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปนานแสนนานจนแทบจะลืมเลือนไปแล้วว่าเคยมีวันดีๆครั้งสุดท้ายเมื่อไร ชายหนุ่มอย่างเขาควรจะให้เวลากับหัวใจของตัวเองบ้างไม่ใช่หรือ
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งสองสนิทสนมกันรวดเร็ว บางทีหัวใจและความรักมันก็ไม่จำต้องต้องรอเวลาอะไรมากมาย บางครั้งเวลาก็ฉกฉวยโอกาสที่ดีพัดหายไปอย่างไม่มีวันกลับ จะมีอะไรเลวร้ายมากไปกว่าความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้
สิบนาทีแรกทั้งสองพูดคุยสบตา ยิ้มแย้มพูดคุย ความเข้าใจความเข้ากันได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนสิบนาทีต่อมาทั้งสองยื่นมือเกาะกุมกันบนโต๊ะแนบแน่น เป็นเวลาเกือบนาที ก่อนเจนนี่จะค่อยดึงมือกลับอย่างสุภาพนุ่มนวลจนยากจะเหนี่ยวรั้ง และสิบนาทีอีกต่อมาเขาแทบจะได้ประทับจูบลงบนริมฝีปากสวยหอมหวานถ้าไม่ติดบริกรหนุ่มหน้าจืด ซึ่งคอยบริการเครื่องดื่มอยู่ในห้องนั้นอีกคนหนึ่ง
ทำไมแกไม่หนีไปที่อื่นเสียทีฟะ... โจนึกในใจอย่างแค้นเคือง ทำไมงานเลี้ยงพิเศษต้องมีคนมาขัดขวางบรรยากาศแสนหวาน ทำไมแกไม่เกรงใจคนอื่นบ้าง คนจะสวีท ทะลึ่งมายืนเป็นก้างขวางคออยู่ได้
เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าถ้าบรรจงจูบสักนิด กับอ้อมแขนประคองกอดสักหน่อย หล่อนจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ และเขาก็ไม่ใช่ไอ้หน้าโง่และไร้เดียงสากับเรื่องนี้ เหลือบมองนาฬิกา...อีกหน่อยแขกคนอื่น ๆ คงทยอยมา และบรรยากาศแห่งความเป็นส่วนตัวคงหดหายจนเหลือเท่านิ้วก้อย โจว์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเล็กๆ
“เป็นอะไรไปคะ” เจนนี่เลิกคิ้วถามเสียงใสหวานสายตาเป็นประการพราว ขณะยกแก้วเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์จดริมฝีปากด้วยท่วงท่างดงามชวนให้อิจฉาแก้วเครื่องดื่ม จนอยากจะเตะปากแก้วใบนั้น และทำหน้าที่แทนเสียเอง จะให้จอบว่าอยากเตะปากบริกรหนุ่มจอมก้างขวางคอ ก็พูดไม่ได้ ดูเหมือนเธอจะจับความรู้สึกขุ่นมัวของเขาได้ จึงยิ้มอย่างเข้าใจ
“เปล่าครับ..” โจว์ปฏิเสธตามความเคยชิน แบบปากไม่ตรงกับใจ อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เขามักจะปฏิเสธไว้ก่อน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะหลุดอารมณ์บางส่วนออกมากับคำพูดต่อไป “ผมเพียงแต่...เอ่อ..แบบว่าอยากคุยกับคุณสองต่อสองเท่านั้น”
ประกายตาสวยคู่นั้นระยิบวิบวับทันที สวยราวดารารายพรายพราวบนฟากฟ้า เจนนี่หัวเราะเบาๆ มือหมุนแก้วเครื่องดื่มเล่นไปมาอย่างไม่ตั้งใจ
นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าโจว์เหมือนจะรู้ทันความคิด
“ตอนนี้เราก็อยู่กันสองต่อสองแล้วนี่คะ คุณยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้”
ชายหนุ่มหันไปมองบริกรหนุ่มหน้าจืดอย่างไม่ตั้งใจ หมอนั่นเกิดมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพียงอย่างเดียว ท่าทางไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าคอยรับคำสั่งผสมเครื่องดื่มตามใจแขกเท่านั้น แต่โจว์ก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก
“เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าหน้าที่ของเขาหรอกค่ะ” เจนนี่เอ่ยขึ้นอีกเหมือนดักคอ ทำเอาโจว์ฝืนยิ้มแห้งๆ การอยู่ต่อหน้าสาวสวยทำให้ใจสั่นมือสั่นประหม่าได้อย่างเหลือเชื่อ สุดท้ายเลยเฉไฉยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มช้าๆ กลบเกลื่อนอาการสั่นไหวของอารมณ์ปกติเขาไม่ค่อยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ่อยนัก ด้วยความที่เป็นโรคภูมิแพ้ ที่ตามราวีตั้งแต่เป็นเด็กเล็กกระทั่งเป็นผู้ใหญ่ จะดื่มบ้างในวันดีๆ คืนดีๆ และโอกาสดี ๆ เท่านั้น ซึ่งมีไม่บ่อยนัก
และการได้รู้จักสาวสวยคนนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสดี และดีมากด้วย โอกาสแบบนี้แทบไม่เคยมีมาก่อนด้วยซ้ำไป
“เต้นรำกันไหมคะ” เสียงใสหวานบอกแผ่ว จู่ๆ โอกาสก็ถามหามาถึงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย โจว์สะดุ้งอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ประกายคาสวยคู่นั้นยืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันทั้งที่ยังตื่น
“ผมเต้นรำไม่เก่งนะครับ” ปากออกตัวถ่อมตัว แต่เท้าก้าวออกไปแล้ว เจนนี่หัวเราะเสียงใสเยื้องย้ายตรงมายังอ้อมกอดของจังหวะเนิบนาบแห่งมนต์เพลงและลีลาเริงร่าย โจว์ใจเต้นแรงจนแทบย่างเท้าผิดพลาดหลายครั้งเพราะใจจดดใจจ่อกับสัมผัสตามเอวอ้อนแอ้น บ่ากลมกลึงนวลเนียน ลมหายใจอุ่นๆ และกลิ่นหอมจรุงจิตจนปั่นป่วนรัญจวน
เจนนี่ไม่ใช่คนคอแข็งกับแอลกอฮอล์ นัยน์ตาของเธอตอนนี้จึงเริ่มหรี่เยิ้มหวานพราวพรายรายรบกวนความคิดกระเจิดกระเจิง น้ำหอมราคาแพงปลุกเร้าเผาผลาญอารมณ์จนร้อนวูบวาบไปทั้งตัวและหัวใจ วินาทีนั้น ราวกับมีเพียงสองเราในโลกนี้เท่านั้น อ้อมแขนอ้อมใจกระชับขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากบางสวยห่างออกไปเพียงนิดเดียว แหงนหน้าหรี่ตาราวรอรับ..โจว์แทบขาดใจตายแล้ว
”เจนนี่...” เขาครางเสียงแผ่วสะท้านสั่น
“อะไรคะ..”
โจว์ใจสั่น ความเชื่อมั่นในตัวเองเหมือนละลายหาย มือของหญิงสาวเลื่อนเคลื่อนไหวกระชับมากขึ้นและมีความหมาย
“มันน่าจะมากกว่านั้น…” โจว์ครางเสียงแผ่ว... เจนนี่ลืมตาวาววามขึ้นมามองเล็กน้อย ยิ้มบางปรากฎที่มุมปากของเธอแล้วจึงค่อยเลื่อนเรียวแขนมาเบื้องหน้า
และริมฝีปากที่กำลังก้มลงมา
.