============================
สาวสวย แสงเทียน และอาหารมื้อเย็น
============================
: Psycho G.
“คุณสวยมากเลยครับ เจนนี่”
เสียงนุ่มทุ่มแผ่วแว่วหวานละมุนกรุ่นไอรัก หญิงสาวผู้นั่งไม่ห่างมีเพียงโต๊ะเล็กบางวางกางกั้นไม่เกินระยะเอื้อมใกล้ไขว่คว้าคลี่รอยยิ้มบนริมฝีปากบางได้รูปสวยจวนเจียนเกินห้ามใจ
“คุณปากหวานกับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนใช่ไหมคะ โจว์”
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มอย่างมีความหมาย
สำหรับชายหนุ่มอย่างโจว์ คืนนี้อะไรจะมีความหมายมากเกินไปกว่าการได้เริ่มต้นกับการนั่งคุยสองต่อสองกับสาวแสนสวยภายใต้บรรยากาศเป็นใจในม่านปีกแห่งรัตติกาล เพลงพลิ้วแผ่วนุ่มนวลชวนเคลิ้มฝันขับขานหวานซึ้งจากเครื่องเสียงชั้นดี แสงเทียนสวยวูบไหววับแวมบนโต๊ะหรูบรรจงลูบไล้ใบเสียงเนียนบนหน้าสาวสวยซึ่งนั่งตรงกันข้ามกายแต่ใจคล้ายแนบสนิทชิดใกล้กัน
เจนนี่เป็นหญิงสาวที่สวยจริงๆ
สวยพอที่จะละลายหัวใจเร่าร้อนแห่งชายทั้งหลายทั้งปวงให้ซวนซบสยบลงตรงแทบเท้า ตาวาววามคู่นั้นมีอำนาจแห่งความงามพอจะทะลุความแข็งแกร่งแห่งเกราะป้องกันหัวใจของชายใดให้แหวกแตกแยกสลาย ทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถสะกดความรู้สึกวาบหวามลึกลงไปในห้วงแห่งมายาเคลิ้มฝันอันเพริดแพร้ว
โจว์โชคดีกว่าใครเพราะเขามาก่อนเวลานัดหมาย จึงได้มีเวลาพิเศษกว่าใครในการพูดคุยคุ้นเคยกับสาวสวย
งานเลี้ยงเล็กๆ แต่เกรดสูงอยู่ในสถานที่แพงระยับ อาหารเครื่องดื่มถ้วยชามหรูหราประณีตราคาแพง แสงไฟบนเพดานริบหรี่เพื่อขับเน้นแสงเทียนสวยให้กระจ่างสร้างเสริมบรรยากาศอันแสนโรแมนติก
ใบหน้าของเจนนี่ถูกแสงเทียนลูบไล้จนเปล่งปลั่งกระตุ้นหัวใจของโจว์ให้เต้นแรงไม่เป็นส่ำ
ทั้งสองมาก่อนงานเลี้ยงก่อนใครๆ บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นคนไม่ต้องการให้คนอื่นรอคอยเหมือนกันก็เป็นได้ น่าแปลกที่สาวสวยแบบเจนนี่จะไร้หนุ่มหน้ามลคนควงแขนคอยดูแลใส่ใจ แต่โจว์ไม่แปลกใจเลยว่าคนอย่างเขาก็ปราศจากสาวสวยเคียงคู่คลอเคลียกรีดกรายมาในงานเลี้ยง
แต่ก็เป็นการดีแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสใกล้ชิดสนิทใจกับสาวสวยแปลกหน้าผู้มีเสนห์ร้อนแรง
จังหวะและโอกาสย่อมรอคอยช่วงเวลาอันเหมาะสมของมันเองเสมอ
เวลาของคนหลายคนส่วนใหญ่ละลายไปกับคำว่า งาน... งาน... และงาน บางทีคนเราต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ให้สิ่งที่ดีๆกับชีวิต เติมเต็มอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปนานแสนนานจนแทบจะลืมเลือนไปแล้ว ชายหนุ่มอย่างเขาควรจะให้เวลากับหัวใจของตัวเองบ้างไม่ใช่หรือ โจว์คิดในใจขณะยกแก้วเครื่องดื่มแตะริมฝีปากละเลียดวิสกี้ราคาแพง
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งสองสนิทสนมกันรวดเร็ว บางทีหัวใจและความรักมันก็ไม่จำต้องต้องรอเวลาอะไรมากมาย บางครั้งเวลาก็มักจะฉกฉวยโอกาสที่ดีพัดหายไปอย่างไม่มีวันกลับอย่างไรน้ำใจ จะมีอะไรเลวร้ายมากไปกว่าความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้แล้วมานั่งเสียดายไร้ความหมาย นั่นไม่ใช่หลักการของโจว์
สิบนาทีแรกทั้งสองทักทาย สบตา ยิ้มแย้ม พูดคุย ความเข้าใจ ความเข้ากันได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนสิบนาทีต่อมาทั้งสองยื่นมือเกาะกุมกันบนโต๊ะแนบแน่น เป็นเวลาเกือบนาที ก่อนเจนนี่จะค่อยดึงมือกลับอย่างสุภาพนุ่มนวลจนยากจะฝืนใจเหนี่ยวรั้ง และสิบนาทีอีกต่อมาเขาแทบจะได้ประทับจูบลงบนริมฝีปากสวยหอมหวาน ถ้าไม่ติดบริกรหนุ่มหน้าจืดผู้คอยบริการเครื่องดื่มอยู่ในห้องนั้นอีกคนหนึ่ง
“เมื่อไหร่จะหนีไปเข้าห้องน้ำเสียทีฟะ”
โจนึกในใจอย่างแค้นเคือง ทำไมงานเลี้ยงแห่งนี้ต้องมีคนมาขัดขวางบรรยากาศอันแสนหวาน ทำไมไม่รู้สึกเกรงใจคนอื่นบ้าง มายืนนอบน้อมรอคำสั่งเป็นก้างขวางคออยู่ได้
เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าถ้าบรรจงจูบสักนิด กับอ้อมแขนประคองกอดสักหน่อย หล่อนจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ และเขาก็ไม่ใช่ไอ้หน้าโง่และไร้เดียงสากับการเปิดหน้าต่างหรือประตู
เหลือบมองนาฬิกา...อีกไม่นานแขกคนอื่น ๆ คงทยอยมา และความเป็นส่วนตัวคงหดหายจนเหลือเท่านิ้วก้อย โจว์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเล็กน้อยปรากฏให้เห็น
“เป็นอะไรไปคะ”
เจนนี้เลิกคิ้วถามเสียงใสหวาน ขณะยกแก้วเครื่องดื่มผสม แอลกอฮอล์กรุ่นจรดริมฝีปากด้วยท่วงท่างดงาม ชวนให้อิจฉาแก้วเครื่องดื่ม จนอยากจะเตะปากแก้วใบนั้นทิ้งและทำหน้าที่แทนเสียเอง ดูเหมือนเธอจะจับความรู้สึกขุ่นมัวของเขาได้จึงชำเลืองมองด้วยสายตาผสมรอยยิ้ม
“เปล่าครับ..”
โจว์รีบปฏิเสธตามความเคยชิน อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เขามักจะปฏิเสธไว้ก่อน แต่เขาก็อดไม่ได้กับการหลุดอารมณ์บางส่วนออกมากับคำพูดต่อไป
“ผมเพียงแต่...เอ่อ...แบบว่าอยากคุยกับคุณสองต่อสองเพียงลำพังเท่านั้น”
ประกายตาสวยระยิบวิบวับทันที ราวเป็นประกายพรายพราวบนฟากฟ้า เจนนี่หัวเราะเบาๆ มือหมุนแก้วเครื่องดื่มเล่นไปมาอย่างไม่ตั้งใจ นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าโจว์เหมือนจะรู้ทันความคิด
“ตอนนี้เราก็อยู่กันสองต่อสองแล้วนี่คะ คุณยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้”
โจว์หันไปมองบริกรหนุ่มหน้าจืดอย่างไม่ตั้งใจเหมือนจะบอกว่านี่ไงล่ะ ก้างขวางคอ... หมอนั่นมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพียงอย่างเดียว ท่าทางไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าคอยรับคำสั่งผสมเครื่องดื่มตามใจแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น แต่โจว์ก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก
“เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าหน้าที่ของเขาหรอกค่ะ”
เจนนี่เอ่ยขึ้นอีกเหมือนดักคอ ทำเอาโจว์ฝืนยิ้มแห้งๆ การอยู่ต่อหน้าสาวสวยทำให้ใจสั่นมือสั่นประหม่าได้อย่างเหลือเชื่อ สุดท้ายเลยเฉไฉยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มช้าๆ กลบเกลื่อนอาการสั่นไหวของอารมณ์
ปกติเขาไม่ค่อยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ่อยนัก ด้วยความที่เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็ก นอกจากวัน คืนดีๆ และโอกาสดีๆ เท่านั้น ซึ่งมีไม่บ่อยนัก
และการได้รู้จักสาวสวยอย่างเจนนี่ก็นับว่าเป็นโอกาสดี และดีมากด้วย โอกาสแบบนี้แทบไม่เคยมีมาก่อนด้วยซ้ำไป
“เต้นรำกันไหมคะ”
จู่ๆ โอกาสทองก็ถามหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โจว์สะดุ้งอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ประกายตาสวยเบื้องหน้ายืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันทั้งที่ยังตื่น
“ผมเต้นรำไม่เก่งนะครับ”
ปากออกตัวถ่อมตัว แต่เท้าก้าวนำออกไปแล้ว เจนนี่หัวเราะเสียงใสเยื้องย้ายตรงมายังอ้อมกอดของจังหวะเนิบนาบแห่งมนต์เพลงและลีลาเริงร่าย โจว์ใจเต้นแรงจนแทบย่างเท้าก้าวเดินผิดจังหวะหลายครั้งเพราะใจจรดใจจ่อกับสัมผัสตามเอวอ้อนแอ้น บ่ากลมกลึงนวลเนียน ลมหายใจอุ่นๆ และกลิ่นหอมกรุ่นจรุงจิตจนปั่นป่วนรัญจวนแทบขาดใจ
เจนนี่ไม่ใช่คนคอแข็งกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นัยน์ตาของเธอจึงเริ่มหรี่เยิ้มหวานพราวพรายรายล้อมความคิดกระเจิดกระเจิง น้ำหอมราคาแพงปลุกเร้าเผาผลาญอารมณ์จนร้อนวูบวาบไปทั้งตัวและหัวใจ วินาทีนั้นราวกับมีเพียงสองเราในโลกนี้เท่านั้น อ้อมแขนอ้อมใจกระชับขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากบางสวยเผยอห่างออกไปเพียงนิดเดียว แหงนหน้าหรี่ตาราวรอรับ...
โจว์ขาดใจตายแล้ว
”เจนนี่...”
เขาครางเสียงแผ่วสะท้านสั่น
“อะไรคะโจว์...”
โจว์ใจสั่นอีกแล้ว ความเชื่อมั่นในตัวเองเหมือนละลายหาย มือของหญิงสาวเลื่อนเคลื่อนไหวกระชับมากขึ้นและมีความหมายลึกซึ้งมากเกินคำพูด
“เราน่าจะทำความรู้จักกันมากกว่านี้…”
โจว์ครางเสียงแผ่ว...
เจนนี่ลืมตาวาววามขึ้นมามองเล็กน้อย
ยิ้มบาง ๆ ปรากฏที่มุมปากของเธอ
แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนเรียวแขนมาเบื้องหน้าเขา ลูบไล้ดวงหน้า และริมฝีปากที่กำลังก้มลงมาพร้อมกับลมหายใจร้อนระอุ
..........................
สาวสวย แสงเทียน และอาหารมื้อเย็น
สาวสวย แสงเทียน และอาหารมื้อเย็น
============================
: Psycho G.
“คุณสวยมากเลยครับ เจนนี่”
เสียงนุ่มทุ่มแผ่วแว่วหวานละมุนกรุ่นไอรัก หญิงสาวผู้นั่งไม่ห่างมีเพียงโต๊ะเล็กบางวางกางกั้นไม่เกินระยะเอื้อมใกล้ไขว่คว้าคลี่รอยยิ้มบนริมฝีปากบางได้รูปสวยจวนเจียนเกินห้ามใจ
“คุณปากหวานกับผู้หญิงแบบนี้ทุกคนใช่ไหมคะ โจว์”
ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มอย่างมีความหมาย
สำหรับชายหนุ่มอย่างโจว์ คืนนี้อะไรจะมีความหมายมากเกินไปกว่าการได้เริ่มต้นกับการนั่งคุยสองต่อสองกับสาวแสนสวยภายใต้บรรยากาศเป็นใจในม่านปีกแห่งรัตติกาล เพลงพลิ้วแผ่วนุ่มนวลชวนเคลิ้มฝันขับขานหวานซึ้งจากเครื่องเสียงชั้นดี แสงเทียนสวยวูบไหววับแวมบนโต๊ะหรูบรรจงลูบไล้ใบเสียงเนียนบนหน้าสาวสวยซึ่งนั่งตรงกันข้ามกายแต่ใจคล้ายแนบสนิทชิดใกล้กัน
เจนนี่เป็นหญิงสาวที่สวยจริงๆ
สวยพอที่จะละลายหัวใจเร่าร้อนแห่งชายทั้งหลายทั้งปวงให้ซวนซบสยบลงตรงแทบเท้า ตาวาววามคู่นั้นมีอำนาจแห่งความงามพอจะทะลุความแข็งแกร่งแห่งเกราะป้องกันหัวใจของชายใดให้แหวกแตกแยกสลาย ทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถสะกดความรู้สึกวาบหวามลึกลงไปในห้วงแห่งมายาเคลิ้มฝันอันเพริดแพร้ว
โจว์โชคดีกว่าใครเพราะเขามาก่อนเวลานัดหมาย จึงได้มีเวลาพิเศษกว่าใครในการพูดคุยคุ้นเคยกับสาวสวย
งานเลี้ยงเล็กๆ แต่เกรดสูงอยู่ในสถานที่แพงระยับ อาหารเครื่องดื่มถ้วยชามหรูหราประณีตราคาแพง แสงไฟบนเพดานริบหรี่เพื่อขับเน้นแสงเทียนสวยให้กระจ่างสร้างเสริมบรรยากาศอันแสนโรแมนติก
ใบหน้าของเจนนี่ถูกแสงเทียนลูบไล้จนเปล่งปลั่งกระตุ้นหัวใจของโจว์ให้เต้นแรงไม่เป็นส่ำ
ทั้งสองมาก่อนงานเลี้ยงก่อนใครๆ บางทีอาจเป็นเพราะความเป็นคนไม่ต้องการให้คนอื่นรอคอยเหมือนกันก็เป็นได้ น่าแปลกที่สาวสวยแบบเจนนี่จะไร้หนุ่มหน้ามลคนควงแขนคอยดูแลใส่ใจ แต่โจว์ไม่แปลกใจเลยว่าคนอย่างเขาก็ปราศจากสาวสวยเคียงคู่คลอเคลียกรีดกรายมาในงานเลี้ยง
แต่ก็เป็นการดีแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีโอกาสใกล้ชิดสนิทใจกับสาวสวยแปลกหน้าผู้มีเสนห์ร้อนแรง
จังหวะและโอกาสย่อมรอคอยช่วงเวลาอันเหมาะสมของมันเองเสมอ
เวลาของคนหลายคนส่วนใหญ่ละลายไปกับคำว่า งาน... งาน... และงาน บางทีคนเราต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้าง ให้สิ่งที่ดีๆกับชีวิต เติมเต็มอะไรบางอย่างที่ขาดหายไปนานแสนนานจนแทบจะลืมเลือนไปแล้ว ชายหนุ่มอย่างเขาควรจะให้เวลากับหัวใจของตัวเองบ้างไม่ใช่หรือ โจว์คิดในใจขณะยกแก้วเครื่องดื่มแตะริมฝีปากละเลียดวิสกี้ราคาแพง
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งสองสนิทสนมกันรวดเร็ว บางทีหัวใจและความรักมันก็ไม่จำต้องต้องรอเวลาอะไรมากมาย บางครั้งเวลาก็มักจะฉกฉวยโอกาสที่ดีพัดหายไปอย่างไม่มีวันกลับอย่างไรน้ำใจ จะมีอะไรเลวร้ายมากไปกว่าความผิดพลาดที่แก้ไขไม่ได้แล้วมานั่งเสียดายไร้ความหมาย นั่นไม่ใช่หลักการของโจว์
สิบนาทีแรกทั้งสองทักทาย สบตา ยิ้มแย้ม พูดคุย ความเข้าใจ ความเข้ากันได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนสิบนาทีต่อมาทั้งสองยื่นมือเกาะกุมกันบนโต๊ะแนบแน่น เป็นเวลาเกือบนาที ก่อนเจนนี่จะค่อยดึงมือกลับอย่างสุภาพนุ่มนวลจนยากจะฝืนใจเหนี่ยวรั้ง และสิบนาทีอีกต่อมาเขาแทบจะได้ประทับจูบลงบนริมฝีปากสวยหอมหวาน ถ้าไม่ติดบริกรหนุ่มหน้าจืดผู้คอยบริการเครื่องดื่มอยู่ในห้องนั้นอีกคนหนึ่ง
“เมื่อไหร่จะหนีไปเข้าห้องน้ำเสียทีฟะ”
โจนึกในใจอย่างแค้นเคือง ทำไมงานเลี้ยงแห่งนี้ต้องมีคนมาขัดขวางบรรยากาศอันแสนหวาน ทำไมไม่รู้สึกเกรงใจคนอื่นบ้าง มายืนนอบน้อมรอคำสั่งเป็นก้างขวางคออยู่ได้
เขารู้ด้วยสัญชาตญาณว่าถ้าบรรจงจูบสักนิด กับอ้อมแขนประคองกอดสักหน่อย หล่อนจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ และเขาก็ไม่ใช่ไอ้หน้าโง่และไร้เดียงสากับการเปิดหน้าต่างหรือประตู
เหลือบมองนาฬิกา...อีกไม่นานแขกคนอื่น ๆ คงทยอยมา และความเป็นส่วนตัวคงหดหายจนเหลือเท่านิ้วก้อย โจว์เริ่มมีอาการหงุดหงิดเล็กน้อยปรากฏให้เห็น
“เป็นอะไรไปคะ”
เจนนี้เลิกคิ้วถามเสียงใสหวาน ขณะยกแก้วเครื่องดื่มผสม แอลกอฮอล์กรุ่นจรดริมฝีปากด้วยท่วงท่างดงาม ชวนให้อิจฉาแก้วเครื่องดื่ม จนอยากจะเตะปากแก้วใบนั้นทิ้งและทำหน้าที่แทนเสียเอง ดูเหมือนเธอจะจับความรู้สึกขุ่นมัวของเขาได้จึงชำเลืองมองด้วยสายตาผสมรอยยิ้ม
“เปล่าครับ..”
โจว์รีบปฏิเสธตามความเคยชิน อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง เขามักจะปฏิเสธไว้ก่อน แต่เขาก็อดไม่ได้กับการหลุดอารมณ์บางส่วนออกมากับคำพูดต่อไป
“ผมเพียงแต่...เอ่อ...แบบว่าอยากคุยกับคุณสองต่อสองเพียงลำพังเท่านั้น”
ประกายตาสวยระยิบวิบวับทันที ราวเป็นประกายพรายพราวบนฟากฟ้า เจนนี่หัวเราะเบาๆ มือหมุนแก้วเครื่องดื่มเล่นไปมาอย่างไม่ตั้งใจ นัยน์ตาจับจ้องใบหน้าโจว์เหมือนจะรู้ทันความคิด
“ตอนนี้เราก็อยู่กันสองต่อสองแล้วนี่คะ คุณยังต้องการอะไรมากไปกว่านี้”
โจว์หันไปมองบริกรหนุ่มหน้าจืดอย่างไม่ตั้งใจเหมือนจะบอกว่านี่ไงล่ะ ก้างขวางคอ... หมอนั่นมาเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพียงอย่างเดียว ท่าทางไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าคอยรับคำสั่งผสมเครื่องดื่มตามใจแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น แต่โจว์ก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและแปลกแยกอย่างบอกไม่ถูก
“เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าหน้าที่ของเขาหรอกค่ะ”
เจนนี่เอ่ยขึ้นอีกเหมือนดักคอ ทำเอาโจว์ฝืนยิ้มแห้งๆ การอยู่ต่อหน้าสาวสวยทำให้ใจสั่นมือสั่นประหม่าได้อย่างเหลือเชื่อ สุดท้ายเลยเฉไฉยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มช้าๆ กลบเกลื่อนอาการสั่นไหวของอารมณ์
ปกติเขาไม่ค่อยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ่อยนัก ด้วยความที่เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่เด็ก นอกจากวัน คืนดีๆ และโอกาสดีๆ เท่านั้น ซึ่งมีไม่บ่อยนัก
และการได้รู้จักสาวสวยอย่างเจนนี่ก็นับว่าเป็นโอกาสดี และดีมากด้วย โอกาสแบบนี้แทบไม่เคยมีมาก่อนด้วยซ้ำไป
“เต้นรำกันไหมคะ”
จู่ๆ โอกาสทองก็ถามหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โจว์สะดุ้งอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ประกายตาสวยเบื้องหน้ายืนยันว่าเขาไม่ได้ฝันทั้งที่ยังตื่น
“ผมเต้นรำไม่เก่งนะครับ”
ปากออกตัวถ่อมตัว แต่เท้าก้าวนำออกไปแล้ว เจนนี่หัวเราะเสียงใสเยื้องย้ายตรงมายังอ้อมกอดของจังหวะเนิบนาบแห่งมนต์เพลงและลีลาเริงร่าย โจว์ใจเต้นแรงจนแทบย่างเท้าก้าวเดินผิดจังหวะหลายครั้งเพราะใจจรดใจจ่อกับสัมผัสตามเอวอ้อนแอ้น บ่ากลมกลึงนวลเนียน ลมหายใจอุ่นๆ และกลิ่นหอมกรุ่นจรุงจิตจนปั่นป่วนรัญจวนแทบขาดใจ
เจนนี่ไม่ใช่คนคอแข็งกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นัยน์ตาของเธอจึงเริ่มหรี่เยิ้มหวานพราวพรายรายล้อมความคิดกระเจิดกระเจิง น้ำหอมราคาแพงปลุกเร้าเผาผลาญอารมณ์จนร้อนวูบวาบไปทั้งตัวและหัวใจ วินาทีนั้นราวกับมีเพียงสองเราในโลกนี้เท่านั้น อ้อมแขนอ้อมใจกระชับขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ริมฝีปากบางสวยเผยอห่างออกไปเพียงนิดเดียว แหงนหน้าหรี่ตาราวรอรับ...
โจว์ขาดใจตายแล้ว
”เจนนี่...”
เขาครางเสียงแผ่วสะท้านสั่น
“อะไรคะโจว์...”
โจว์ใจสั่นอีกแล้ว ความเชื่อมั่นในตัวเองเหมือนละลายหาย มือของหญิงสาวเลื่อนเคลื่อนไหวกระชับมากขึ้นและมีความหมายลึกซึ้งมากเกินคำพูด
“เราน่าจะทำความรู้จักกันมากกว่านี้…”
โจว์ครางเสียงแผ่ว...
เจนนี่ลืมตาวาววามขึ้นมามองเล็กน้อย
ยิ้มบาง ๆ ปรากฏที่มุมปากของเธอ
แล้วจึงค่อย ๆ เลื่อนเรียวแขนมาเบื้องหน้าเขา ลูบไล้ดวงหน้า และริมฝีปากที่กำลังก้มลงมาพร้อมกับลมหายใจร้อนระอุ
..........................