ตอนที่ 4
มารู้ตัวอีกครั้ง เธอกำลังทรุดตัว คลานเข่าอยู่หน้าประตูห้องแห่งหนึ่งที่กำลังถูกเปิดออก แสงไฟสว่างออกมาทำให้ตาพร่าพรายไปชั่วขณะ จนตั้งสติได้ก็พบว่าเป็นอาจารย์คานะนั่นเอง
ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยมีช่องประตูเป็นเส้นกั้น หนึ่งคุกเข่าอยู่พื้นกับใบหน้าซีดเผือดตระหนกขวัญกระเจิงเป็นคนใกล้เสียสติเต็มที หนึ่งยืนถือเชิงเทียน ใบหน้าเย็นชาราวรูปสลักจากหินจารึกบนหลุมฝังศพ เค้าหน้าแรเงาดำจากแสงเทียนวูบไหวดูน่ากลัว เหมือนใบหน้ามีไฟฉายส่องจากใต้คางอย่างที่พวกเธอเคยแกล้งหลอกเพื่อนกันบ่อย ๆ ด้วยวิธีนี้
“ผี..” เด็กสาวพูดออกมาได้พยางค์เดียว เพราะลิ้นชาด้านจนพูดอะไรไม่ออก เจ้าของห้องยังคงยืนจ้องมองไปในความมืด ท่าทางไม่ได้มีอาการตกใจแปลกใจอะไรแม้สักนิด
“ในที่สุด เธอก็มาหาฉันเอง” เสียงของอาจารย์แหบพร่าแฝงความหมายบางอย่าง ฟังแล้วรู้สึกถึงความน่ากลัว จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเร้นลับ ก่อนพูดด้วยเสียงห้วนสั้นว่า
“เข้ามาสิ”
เด็กสาวความรู้สึกรางเลือน สะลืมสะลือ เหมือนคนจะเป็นลม เหตุการณ์แบบนี้ ใช่ว่าจะเกิดบ่อยจนเคยชินเสียที่ไหน แต่พยายามฝืนใจเดินตามอาจารย์เข้าไปในห้องพักอย่างมึนงง กัดฟันข่มใจระงับความวิตกหวาดกลัวสุดชีวิตจิตใจ
กลิ่นสาบจางลอยปนอยู่ในอากาศ ห้อมล้อมรอบตัว เงามืดเต้นระริกไหวอยู่ตามผนัง อากาศชื้นและอับทึบ อาจารย์คนนี้คงไม่เคยทำความสะอาดห้องเลยหรืออย่างไร อายามินึกสงสัยในใจแต่ไม่ได้พูดอะไร ในห้องจุดเทียนอยู่หลายเล่มตามโต๊ะรับแขก แต่แสงของเทียนดูหม่นหมองสลัวทึมอย่างบอกไม่ถูก ถัดจากห้องรับแขกขนาดเล็กไป น่าจะเป็นห้องนอนของอาจารย์แต่ประตูปิดสนิท
อาจารย์คานะชี้นิ้ว เป็นเชิงบอกให้นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวหนึ่ง เด็กสาวมองหน้าก่อนนั่งลงอย่างงงงัน
“เสียงของเธอร้องดังก้องไปทั้งหอพัก”
“ผี...ผี...หลอกหนู” เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก เสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ บางอย่างปะทุขึ้นภายใน น้ำตาทะลักออกจากเบ้าหยดไหลมาตามร่องแก้ม เหตุการณ์ชวนสยดสยองยังฝั่งเด่นชัด พลุ่งพล่านในความรู้สึกอย่างยากจะอธิบาย
“เธอเชื่อเรื่องผี ๆ ด้วยเหรอ” อาจารย์คานะยืนกอดอก มองนักศึกษามาใหม่อย่างคนเก็บอาการ น้ำเสียงไม่แสดงความรู้สึก
“ฉันไม่อยากเชื่อว่า เด็กสมัยใหม่อย่างเธอจะเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ”
“หนูไม่รู้...” อายามิไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอ มันยากจะทำใจให้เชื่อ
“ไม่ต้องอธิบายอะไรก็ได้ ดูท่าทางเธอคงผ่านเรื่องร้ายมามาก” น้ำเสียงเนิบนาบราบเรียบของอาจารย์แม่มดดังมาอีก ขณะหยิบแก้วและขวดน้ำลงมาจากชั้นวางของแบบติดผนัง
“เธอคงคอแห้ง ฉันไม่มีอะไรต้อนรับ ดื่มน้ำก่อนก็แล้วกัน” อาจารย์รินน้ำออกจากขวดรูปร่างแปลกพิกล ยื่นส่งให้ด้วยท่าทางแกมบังคับอยู่ในที
“อย่าดื่มนะคะ”
เสียงใสของเด็กผู้หญิงคุ้นหูอย่างประหลาด ดังขึ้นในความรู้สึกน้ำเสียงใสฟังดูเป็นมิตรอย่างรู้สึกได้ เด็กสาวสะดุ้ง เย็นวาบไปทั้งตัว แม้จะแผ่วเบาปานใด ยังจำได้ว่า เป็นเสียงของหนูน้อยลึกลับอย่างไม่ต้องสงสัย ประสาทตื่นตัวขึ้นมาทันที เงยหน้ามองอาจารย์คานะ ก็รู้สึกว่าอาจารย์ไม่ได้สำเหนียกเสียงประหลาด อย่างที่เธอได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“น้ำอะไรคะ” เด็กสาวรับแก้วน้ำมาถือไว้ แต่ยังลังเลใจไม่ยอมดื่ม มองหน้าเจ้าของห้อง พลางถามอย่างสงสัย
“แล้วเธอคิดว่าเป็นน้ำอะไร “อาจารย์ย้อนเสียงต่ำ จ้องมองเขม็ง “กลัวว่าฉันจะวางยาแล้วเอาตัวส่งไปขายหรือไง.....มันก็แค่น้ำธรรมดา ดื่มเข้าไป อย่าเรื่องมาก”
“อย่าดื่มนะคะ”
เสียงใสแผ่วเบาดังเตือนขึ้นมาในหัวอีกครั้ง อาการประสาทหลอนเริ่มขึ้นอีกหรืออย่างไร เด็กสาวเอามือกุมหัวอย่างมึนงง ความหวาดระแวงเริ่มคืบคลานเกาะกุมจิตใจ ระบายลมหายใจยาวออกมาอย่างสับสน แม้แต่อาจารย์ประจำหอพัก ยังจะไว้ใจไม่ได้หรืออย่างไร
“เร็ว ๆ เข้าจะได้เก็บแก้วเข้าที่”
เสียงของอาจารย์คานะสำทับมาอีก ตอนนี้แกกำลังหลังให้และง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างบนชั้นวางของ เด็กสาวค่อยวางแก้วลงบนโต๊ะ ทันทีที่ก้นแก้วกระทบโต๊ะ มีเสียงวางแผ่วเบา อาจารย์หันขวับมาอย่างรวดเร็วนัยน์ตาลุกจ้าราวแสงไฟ พร้อมกับตะคอกเสียงใส่
“ฉันบอกให้รีบดื่ม เรื่องมากอยู่ได้”
เด็กสาวสะดุ้งสุดตัวจู่ ๆ อาจารย์ก็หันขวับมาอย่างรวดเร็วแบบรวด เร็ว จนเหมือนกับว่าศีรษะแกหมุนบิดสะบัดกลับมา โดยลำตัวยังหันหลังให้ด้วยซ้ำไป ดวงตาน่ากลัวดุดันเต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับคุกคามราวกับอสรพิษจับจ้องสะกดจิตเหยื่อ ก่อนจะเขมือบลงไปในท้อง
“หนูไม่หิว” เธอส่ายหน้า หลบตาพยายามบอกปฏิเสธเสียงสั่นอย่างเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
อาจารย์คานะจ้องมองเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เริ่มนึกเสียใจว่าไม่ควรเข้ามาในห้องนี้เลย ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“งั้นก็ตามใจ งั้นรอที่นี่ ฉันจะเข้าไปทำธุระในห้อง นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่ารีบไปไหน ข้างนอกไม่ปลอดภัย เธอก็รู้”
แกบอกด้วยเสียงแสดงความไม่พอใจ ก่อนเดินเปิดประตูเข้าห้องถัดไป ทิ้งเด็กสาวให้นั่งอยู่คนเดียวอีกครั้ง แสงเทียนวูบวาบราวกับมีใครบางคนก้มหน้าลงมาเป่า สร้างเงาวูบไหวตามผนังคล้ายร่างของภูตผีปีศาจในชุดกระดำกระด่าง กำลังร่ายรำเริงร่าโยกย้ายไปมา เธอไม่พยายามมองดูเงาเหล่านั้น เพราะรู้ว่าเป็นเพียงอาการตาฝาด อันเกิดจากความอ่อนแอของจิตใจ หันไปดูบริเวณรอบห้องเพื่อสำรวจทางหนีทีไล่
(มีต่อ)
คืนอาถรรพ์ หอพักนรก ตอนที่ 4
มารู้ตัวอีกครั้ง เธอกำลังทรุดตัว คลานเข่าอยู่หน้าประตูห้องแห่งหนึ่งที่กำลังถูกเปิดออก แสงไฟสว่างออกมาทำให้ตาพร่าพรายไปชั่วขณะ จนตั้งสติได้ก็พบว่าเป็นอาจารย์คานะนั่นเอง
ทั้งสองเผชิญหน้ากันโดยมีช่องประตูเป็นเส้นกั้น หนึ่งคุกเข่าอยู่พื้นกับใบหน้าซีดเผือดตระหนกขวัญกระเจิงเป็นคนใกล้เสียสติเต็มที หนึ่งยืนถือเชิงเทียน ใบหน้าเย็นชาราวรูปสลักจากหินจารึกบนหลุมฝังศพ เค้าหน้าแรเงาดำจากแสงเทียนวูบไหวดูน่ากลัว เหมือนใบหน้ามีไฟฉายส่องจากใต้คางอย่างที่พวกเธอเคยแกล้งหลอกเพื่อนกันบ่อย ๆ ด้วยวิธีนี้
“ผี..” เด็กสาวพูดออกมาได้พยางค์เดียว เพราะลิ้นชาด้านจนพูดอะไรไม่ออก เจ้าของห้องยังคงยืนจ้องมองไปในความมืด ท่าทางไม่ได้มีอาการตกใจแปลกใจอะไรแม้สักนิด
“ในที่สุด เธอก็มาหาฉันเอง” เสียงของอาจารย์แหบพร่าแฝงความหมายบางอย่าง ฟังแล้วรู้สึกถึงความน่ากลัว จ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเร้นลับ ก่อนพูดด้วยเสียงห้วนสั้นว่า
“เข้ามาสิ”
เด็กสาวความรู้สึกรางเลือน สะลืมสะลือ เหมือนคนจะเป็นลม เหตุการณ์แบบนี้ ใช่ว่าจะเกิดบ่อยจนเคยชินเสียที่ไหน แต่พยายามฝืนใจเดินตามอาจารย์เข้าไปในห้องพักอย่างมึนงง กัดฟันข่มใจระงับความวิตกหวาดกลัวสุดชีวิตจิตใจ
กลิ่นสาบจางลอยปนอยู่ในอากาศ ห้อมล้อมรอบตัว เงามืดเต้นระริกไหวอยู่ตามผนัง อากาศชื้นและอับทึบ อาจารย์คนนี้คงไม่เคยทำความสะอาดห้องเลยหรืออย่างไร อายามินึกสงสัยในใจแต่ไม่ได้พูดอะไร ในห้องจุดเทียนอยู่หลายเล่มตามโต๊ะรับแขก แต่แสงของเทียนดูหม่นหมองสลัวทึมอย่างบอกไม่ถูก ถัดจากห้องรับแขกขนาดเล็กไป น่าจะเป็นห้องนอนของอาจารย์แต่ประตูปิดสนิท
อาจารย์คานะชี้นิ้ว เป็นเชิงบอกให้นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวหนึ่ง เด็กสาวมองหน้าก่อนนั่งลงอย่างงงงัน
“เสียงของเธอร้องดังก้องไปทั้งหอพัก”
“ผี...ผี...หลอกหนู” เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก เสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ บางอย่างปะทุขึ้นภายใน น้ำตาทะลักออกจากเบ้าหยดไหลมาตามร่องแก้ม เหตุการณ์ชวนสยดสยองยังฝั่งเด่นชัด พลุ่งพล่านในความรู้สึกอย่างยากจะอธิบาย
“เธอเชื่อเรื่องผี ๆ ด้วยเหรอ” อาจารย์คานะยืนกอดอก มองนักศึกษามาใหม่อย่างคนเก็บอาการ น้ำเสียงไม่แสดงความรู้สึก
“ฉันไม่อยากเชื่อว่า เด็กสมัยใหม่อย่างเธอจะเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจ”
“หนูไม่รู้...” อายามิไม่รู้จริง ๆ ว่าอะไรกันแน่ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอ มันยากจะทำใจให้เชื่อ
“ไม่ต้องอธิบายอะไรก็ได้ ดูท่าทางเธอคงผ่านเรื่องร้ายมามาก” น้ำเสียงเนิบนาบราบเรียบของอาจารย์แม่มดดังมาอีก ขณะหยิบแก้วและขวดน้ำลงมาจากชั้นวางของแบบติดผนัง
“เธอคงคอแห้ง ฉันไม่มีอะไรต้อนรับ ดื่มน้ำก่อนก็แล้วกัน” อาจารย์รินน้ำออกจากขวดรูปร่างแปลกพิกล ยื่นส่งให้ด้วยท่าทางแกมบังคับอยู่ในที
“อย่าดื่มนะคะ”
เสียงใสของเด็กผู้หญิงคุ้นหูอย่างประหลาด ดังขึ้นในความรู้สึกน้ำเสียงใสฟังดูเป็นมิตรอย่างรู้สึกได้ เด็กสาวสะดุ้ง เย็นวาบไปทั้งตัว แม้จะแผ่วเบาปานใด ยังจำได้ว่า เป็นเสียงของหนูน้อยลึกลับอย่างไม่ต้องสงสัย ประสาทตื่นตัวขึ้นมาทันที เงยหน้ามองอาจารย์คานะ ก็รู้สึกว่าอาจารย์ไม่ได้สำเหนียกเสียงประหลาด อย่างที่เธอได้ยินเลยแม้แต่น้อย
“น้ำอะไรคะ” เด็กสาวรับแก้วน้ำมาถือไว้ แต่ยังลังเลใจไม่ยอมดื่ม มองหน้าเจ้าของห้อง พลางถามอย่างสงสัย
“แล้วเธอคิดว่าเป็นน้ำอะไร “อาจารย์ย้อนเสียงต่ำ จ้องมองเขม็ง “กลัวว่าฉันจะวางยาแล้วเอาตัวส่งไปขายหรือไง.....มันก็แค่น้ำธรรมดา ดื่มเข้าไป อย่าเรื่องมาก”
“อย่าดื่มนะคะ”
เสียงใสแผ่วเบาดังเตือนขึ้นมาในหัวอีกครั้ง อาการประสาทหลอนเริ่มขึ้นอีกหรืออย่างไร เด็กสาวเอามือกุมหัวอย่างมึนงง ความหวาดระแวงเริ่มคืบคลานเกาะกุมจิตใจ ระบายลมหายใจยาวออกมาอย่างสับสน แม้แต่อาจารย์ประจำหอพัก ยังจะไว้ใจไม่ได้หรืออย่างไร
“เร็ว ๆ เข้าจะได้เก็บแก้วเข้าที่”
เสียงของอาจารย์คานะสำทับมาอีก ตอนนี้แกกำลังหลังให้และง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างบนชั้นวางของ เด็กสาวค่อยวางแก้วลงบนโต๊ะ ทันทีที่ก้นแก้วกระทบโต๊ะ มีเสียงวางแผ่วเบา อาจารย์หันขวับมาอย่างรวดเร็วนัยน์ตาลุกจ้าราวแสงไฟ พร้อมกับตะคอกเสียงใส่
“ฉันบอกให้รีบดื่ม เรื่องมากอยู่ได้”
เด็กสาวสะดุ้งสุดตัวจู่ ๆ อาจารย์ก็หันขวับมาอย่างรวดเร็วแบบรวด เร็ว จนเหมือนกับว่าศีรษะแกหมุนบิดสะบัดกลับมา โดยลำตัวยังหันหลังให้ด้วยซ้ำไป ดวงตาน่ากลัวดุดันเต็มไปด้วยพลังอำนาจลึกลับคุกคามราวกับอสรพิษจับจ้องสะกดจิตเหยื่อ ก่อนจะเขมือบลงไปในท้อง
“หนูไม่หิว” เธอส่ายหน้า หลบตาพยายามบอกปฏิเสธเสียงสั่นอย่างเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
อาจารย์คานะจ้องมองเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เด็กสาวพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล เริ่มนึกเสียใจว่าไม่ควรเข้ามาในห้องนี้เลย ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
“งั้นก็ตามใจ งั้นรอที่นี่ ฉันจะเข้าไปทำธุระในห้อง นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่ารีบไปไหน ข้างนอกไม่ปลอดภัย เธอก็รู้”
แกบอกด้วยเสียงแสดงความไม่พอใจ ก่อนเดินเปิดประตูเข้าห้องถัดไป ทิ้งเด็กสาวให้นั่งอยู่คนเดียวอีกครั้ง แสงเทียนวูบวาบราวกับมีใครบางคนก้มหน้าลงมาเป่า สร้างเงาวูบไหวตามผนังคล้ายร่างของภูตผีปีศาจในชุดกระดำกระด่าง กำลังร่ายรำเริงร่าโยกย้ายไปมา เธอไม่พยายามมองดูเงาเหล่านั้น เพราะรู้ว่าเป็นเพียงอาการตาฝาด อันเกิดจากความอ่อนแอของจิตใจ หันไปดูบริเวณรอบห้องเพื่อสำรวจทางหนีทีไล่
(มีต่อ)