บทที่ 8
ผิดที่ผิดทาง
“มิสเตอร์เฟอร์ริก คุณชอบงานเต้นรำมั้ยคะ”
คิมเบอร์ลี่หันมาถาม ขณะที่หยุดรถจอดที่มุมตึก โจว์ก้าวลงจากรถตามเธอ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ความสับสนยังไม่จางหาย แต่เด็กสาวคนนี้กลับนึกถึงเรื่องงานเต้นรำ
“เราคงต้องคุยกันก่อน”
“เข้าไปคุยในงานสิคะ ฉันว่าที่นั่นเราจะปลอดภัยมากกว่า”
เธอบุ้ยหน้าไปที่ตึกข้างหน้า มีแสงไฟบ่งบอกว่าเป็นคลับเต้นรำ โจว์ไม่แน่ใจว่าเธอขี่รถพาเขามาถึงไหน ถนนที่ผ่านมาไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไร
“เธอมั่นใจได้อย่างไรว่าในนั้นจะปลอดภัย…มากกว่า”
โจว์คว้าแขนหญิงสาวรั้งให้หันกลับมา เขาไม่รู้สึกตัวว่าเพิ่มแรงกดของนิ้วไปมากเท่าไร จนสีหน้าของเด็กสาวเริ่มแสดงอาการออกมา
“ฉันมั่นใจ แต่ไม่มีอะไรมาการันตีให้คุณ...แล้วก็…ฉันเจ็บ!”
คิมเบอร์ลี่พยายามแกะนิ้วของโจว์ออก เธอกัดริมฝีปากแน่น หากเขาไม่ปล่อยเธอ บางทีเธอควรจะทำอะไรบางอย่าง และนั่นจะทำให้เขาคิดไปอีกหรือไม่ว่าเธอก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกที่ลอบทำร้ายเขา
“ฉันจะไม่มีวันตามเธอไปไหนอีก หากเธอไม่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟัง”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ปล่อยฉันก่อนสิ หากคุณไม่ปล่อย ก็คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกัน”
โจว์เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำให้เด็กสาวเจ็บ เขาค่อย ๆ คลายแรงกดของนิ้ว แต่ยังจับแขนของเธอไว้เหมือนเดิม บางทีอาจแค่เป็นการระแวงภัยที่เขาพยายามจะมีอำนาจอยู่เหนือเธอ มากกว่าที่จะทำตามคำสั่งของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี้ แม้ว่าบางกระแสความรู้สึกที่ผ่านออกมาจากดวงตาคู่นั้น ถึงแม้ดูจะเป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรูก็ตาม
“ขอโทษ ฉันคงเผลอไป... ไม่ได้คิดจะทำให้เธอเจ็บ งั้นก็บอกฉันสิ เธอเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนั้น ตลอดมาที่มีไอ้พวกบ้านั่น ก็ต้องมีเธออยู่ด้วยแทบทุกครั้ง พวกเธอต้องการอะไรกันแน่”
“เฮ้อ! จะให้บอกสักกี่ครั้งว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกที่ตามทำร้ายคุณ...หากฉันเกี่ยวข้อง คุณคงตายตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้เจอกัน”
โจว์ครุ่นคิดตาม สมองที่ล้า ๆ ทำงานอย่างหนัก อย่างน้อยเธอก็พูดความจริงในส่วนนี้ หากเธอเป็นพวกเดียวกับพวกจากนรกนั่น เขาคงตายไปนานแล้ว
“งั้นบอกมาสิว่า เธอมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”
เด็กสาวเหลือบตามาที่ต้นแขนของเธอแทนคำตอบ
“เอาล่ะ...โอเค ฉันจะไม่แตะต้องเธออีก” โจว์ปล่อยมือ พร้อมกับยกมือขึ้น ค่อย ๆ ถอยห่างออกจากเธอ
“ความจริงเรื่องมันก็มีแค่ ฉันไปอยู่ผิดที่ผิดทางในตอนแรก และความอยากรู้อยากเห็น ก็ทำให้ฉันติดตามเรื่องราวของคุณ มันก็เลยทำให้ฉันเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เสียแทบทุกครั้งไป”
“ฟังเหมือนเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นง่าย ๆ ”
“อันนั้นแล้วแต่คุณจะคิด แค่อยากให้คุณเชื่อใจฉัน ฉันขอยืนยันและพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกนั้น และหากฉันคิดทำร้ายคุณ ฉันคงไม่ช่วยคุณมาตลอดจนถึงวินาทีนี้”
โจว์ยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เขารู้สึกประสาทกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เธอตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แล้วเธอก็หันหลังกลับมายื่นกุญแจรถให้เขา
“และหากว่าคุณยังไม่รู้สึกปลอดภัย นี่ค่ะกุญแจรถ ฉันยินดีให้คุณเอาไปใช้ได้ก่อน คุณอยากจะไปไหนที่คิดว่าปลอดภัยก็แล้วแต่คุณ แล้วค่อยส่งมาคืนฉัน ฉันมีธุระที่จะต้องทำในนั้น”
เธอบุ้ยหน้าไปที่ตึกข้างหน้า ความคิดในสมองของโจว์ ค่อนข้างชุลมุนและสับสน เด็กผู้หญิงตรงหน้าก็ยังมีแก่ใจเล่นเกมต่อรองกับเขาอยู่อีก
“...แต่หากคิดว่าฉันสามารถช่วยเหลือ ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกนั้นได้ โดยที่คุณอยากจะรอตรงนี้ หรือจะเข้าไปกับฉันในงานก็ได้ ฉันยินดีบอกรายละเอียดทั้งหมดที่ทราบมาให้คุณ ซึ่งนั่นก็เป็นความตั้งใจของฉันอยู่แล้ว...สุดแล้วแต่คุณจะตัดสินใจเอาเอง”
เด็กสาวตรงหน้าโยนกุญแจให้เขา โจว์รับด้วยมือข้างเดียวตามสัญชาตญาณ ใจหนึ่งอยากจะกลับไปที่ห้องพัก อดคิดไปถึงคริสไม่ได้ แต่ตรงนี้หากเป็นบทพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว คริสคงปลอดภัย และหากเรื่องนี้มันทำให้เขาไกลมาถึงเพียงนี้ เด็กผู้หญิงคนนี้ คนที่เขายังไม่รู้แม้แต่ชื่อ เธอคงต้องมีข้อมูลอธิบายให้เขาได้เข้าใจเพิ่มเติม
โจว์สาวเท้าก้าวไว ๆ ไปให้ทันเด็กสาวเบื้องหน้า บางสิ่งเกิดขึ้นในความรู้สึก แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม แต่อย่างน้อยสิ่งนั้นก็เป็นความปลอดภัย ความอุ่นใจ ซึ่งต้องนับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา แม้จะยังคงมีความหวาดระแวงเคลือบแคลงอยู่บ้าง ซึ่งเขาก็คงจะต้องตามหาคำตอบจากเธอ คงจะง่ายกว่าไปไล่ตามจากพวกนรกนั่นในเวลานี้
บางทีได้เบียร์เย็น ๆ สักแก้ว คงจะดีไม่น้อย... อย่างน้อยมันก็คงทำให้เขาผ่อนคลายลงจากเหตุการณ์เครียด ๆ ที่ผ่านมา
เจ้าของบริษัทโฆษณารู้สึกเหมือนว่า เขากำลังอายุแก่ลงไปมากกว่าเดิม เมื่อเขาตามเธอเข้ามาในงานเต้นรำ งานปาร์ตี้ของเด็กมหาวิทยาลัย นานนักหนาแล้วที่เขาห่างเหินจากสังคมแบบนี้ มันเป็นงานของเด็กหนุ่มสาวที่ได้ออกเดท ได้เต้นรำ และไปไหน ๆ กันต่อ
ให้ตายเถอะ เขาคงไม่ได้กลายมาเป็นคู่เดทของแม่เด็กสาวนัยน์ตาสีฟ้าคนนี้หรอกนะ และนี่เธอชื่ออะไร? เป็นเรื่องที่น่าขบขัน ที่เขายังไม่รู้ชื่อเธอเสียด้วยซ้ำ...
ชายหนุ่มมองรอบ ๆ ตัวอย่างค่อนข้างแปลกตา บนเวทีวงดนตรีกำลังเล่นเพลงรักหวาน ๆ ให้คู่รักหนุ่มสาวได้ออกไปเต้นรำ เด็กสาวเดินนำเขาไปที่เคาน์เตอร์บาร์
เหมือนเธอช่างรู้ใจเขาเสียจริง ๆ ...
“รออยู่ตรงนี้สักครู่นะคะ ขอฉันไปเจอเพื่อน และทำงานหน่อยหนึ่ง”
เธอตะโกนที่ข้างหูเขา เสียงเพลง และคนหนุ่มสาวรอบตัว ทำให้โจว์รู้สึกขบขันตัวเอง เขามองตามเธอไป ก่อนหันกลับมายังสตูลตัวที่ว่างหน้าบาร์
“ผมดีใจที่เห็นผู้ใหญ่เดินเข้ามาที่บาร์”
บาร์เทนเดอร์วัยกลางคน เปิดการสนทนา พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ต้อนรับอย่างสดใส
“ผมไม่ค่อยอยากเสิร์ฟเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์ให้กับเด็ก ๆ แต่นั่นแหละ ในเมื่อมันเป็นงาน เป็นหน้าที่...พวกเขาไม่ใช่ลูกเรา คงยาก... รับอะไรดีครับ เหล้า หรือเบียร์ ผู้ใหญ่ดื่ม ดีกว่าเด็กดื่มหลายเท่า ผมจะได้เสิร์ฟได้เต็มที่”
โจว์อมยิ้มกับบาร์เทนเดอร์ ราวกับเป็นคนคุ้นเคย แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม น้อยที่สุดก็ยังดีที่มีคนสูงวัยที่คงพอจะคุยกับเขาได้รู้เรื่องบ้าง
“ขอเบียร์เย็น ๆ สักแก้วก็คงดี”
ก่อนแก้วเบียร์จะถูกวางลงตรงหน้า โจว์มองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง เด็กหนุ่มสาวในงาน บางคนแต่งตัวง่าย ๆ บางคนราวกับกับหลุดออกมาจากหน้าแม็กกาซีน ท่ามกลางกลุ่มเด็ก ๆ เขาเห็นหลังของเด็กสาวไว ๆ เธอกำลังง่วนกับการถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศในงาน โดยเฉพาะบริเวณหน้าเวที
อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โกหกเขา ดูเหมือนเธอกำลังทำงานมากกว่าจะเข้ามาร่วมงานปาร์ตี้เต้นรำ เหมือนคนอื่น ๆ
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะนึกทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกครั้งที่มีเด็กผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัว สมองเขากำลังแยกแยะเหตุอันน่าจะเป็น พร้อม ๆ กับเบียร์ที่หมดไปในเวลาอันรวดเร็ว
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 8 ผิดที่ผิดทาง
ผิดที่ผิดทาง
“มิสเตอร์เฟอร์ริก คุณชอบงานเต้นรำมั้ยคะ”
คิมเบอร์ลี่หันมาถาม ขณะที่หยุดรถจอดที่มุมตึก โจว์ก้าวลงจากรถตามเธอ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ความสับสนยังไม่จางหาย แต่เด็กสาวคนนี้กลับนึกถึงเรื่องงานเต้นรำ
“เราคงต้องคุยกันก่อน”
“เข้าไปคุยในงานสิคะ ฉันว่าที่นั่นเราจะปลอดภัยมากกว่า”
เธอบุ้ยหน้าไปที่ตึกข้างหน้า มีแสงไฟบ่งบอกว่าเป็นคลับเต้นรำ โจว์ไม่แน่ใจว่าเธอขี่รถพาเขามาถึงไหน ถนนที่ผ่านมาไม่ค่อยคุ้นตาเท่าไร
“เธอมั่นใจได้อย่างไรว่าในนั้นจะปลอดภัย…มากกว่า”
โจว์คว้าแขนหญิงสาวรั้งให้หันกลับมา เขาไม่รู้สึกตัวว่าเพิ่มแรงกดของนิ้วไปมากเท่าไร จนสีหน้าของเด็กสาวเริ่มแสดงอาการออกมา
“ฉันมั่นใจ แต่ไม่มีอะไรมาการันตีให้คุณ...แล้วก็…ฉันเจ็บ!”
คิมเบอร์ลี่พยายามแกะนิ้วของโจว์ออก เธอกัดริมฝีปากแน่น หากเขาไม่ปล่อยเธอ บางทีเธอควรจะทำอะไรบางอย่าง และนั่นจะทำให้เขาคิดไปอีกหรือไม่ว่าเธอก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกที่ลอบทำร้ายเขา
“ฉันจะไม่มีวันตามเธอไปไหนอีก หากเธอไม่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฉันฟัง”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ปล่อยฉันก่อนสิ หากคุณไม่ปล่อย ก็คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกัน”
โจว์เพิ่งรู้สึกตัวว่าทำให้เด็กสาวเจ็บ เขาค่อย ๆ คลายแรงกดของนิ้ว แต่ยังจับแขนของเธอไว้เหมือนเดิม บางทีอาจแค่เป็นการระแวงภัยที่เขาพยายามจะมีอำนาจอยู่เหนือเธอ มากกว่าที่จะทำตามคำสั่งของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นี้ แม้ว่าบางกระแสความรู้สึกที่ผ่านออกมาจากดวงตาคู่นั้น ถึงแม้ดูจะเป็นมิตรมากกว่าเป็นศัตรูก็ตาม
“ขอโทษ ฉันคงเผลอไป... ไม่ได้คิดจะทำให้เธอเจ็บ งั้นก็บอกฉันสิ เธอเกี่ยวข้องอะไรกับพวกนั้น ตลอดมาที่มีไอ้พวกบ้านั่น ก็ต้องมีเธออยู่ด้วยแทบทุกครั้ง พวกเธอต้องการอะไรกันแน่”
“เฮ้อ! จะให้บอกสักกี่ครั้งว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ฉันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกที่ตามทำร้ายคุณ...หากฉันเกี่ยวข้อง คุณคงตายตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้เจอกัน”
โจว์ครุ่นคิดตาม สมองที่ล้า ๆ ทำงานอย่างหนัก อย่างน้อยเธอก็พูดความจริงในส่วนนี้ หากเธอเป็นพวกเดียวกับพวกจากนรกนั่น เขาคงตายไปนานแล้ว
“งั้นบอกมาสิว่า เธอมาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”
เด็กสาวเหลือบตามาที่ต้นแขนของเธอแทนคำตอบ
“เอาล่ะ...โอเค ฉันจะไม่แตะต้องเธออีก” โจว์ปล่อยมือ พร้อมกับยกมือขึ้น ค่อย ๆ ถอยห่างออกจากเธอ
“ความจริงเรื่องมันก็มีแค่ ฉันไปอยู่ผิดที่ผิดทางในตอนแรก และความอยากรู้อยากเห็น ก็ทำให้ฉันติดตามเรื่องราวของคุณ มันก็เลยทำให้ฉันเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์เสียแทบทุกครั้งไป”
“ฟังเหมือนเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นง่าย ๆ ”
“อันนั้นแล้วแต่คุณจะคิด แค่อยากให้คุณเชื่อใจฉัน ฉันขอยืนยันและพูดเป็นครั้งสุดท้ายว่าฉันไม่เกี่ยวข้องกับพวกนั้น และหากฉันคิดทำร้ายคุณ ฉันคงไม่ช่วยคุณมาตลอดจนถึงวินาทีนี้”
โจว์ยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เขารู้สึกประสาทกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เธอตั้งท่าจะเดินจากไป แต่แล้วเธอก็หันหลังกลับมายื่นกุญแจรถให้เขา
“และหากว่าคุณยังไม่รู้สึกปลอดภัย นี่ค่ะกุญแจรถ ฉันยินดีให้คุณเอาไปใช้ได้ก่อน คุณอยากจะไปไหนที่คิดว่าปลอดภัยก็แล้วแต่คุณ แล้วค่อยส่งมาคืนฉัน ฉันมีธุระที่จะต้องทำในนั้น”
เธอบุ้ยหน้าไปที่ตึกข้างหน้า ความคิดในสมองของโจว์ ค่อนข้างชุลมุนและสับสน เด็กผู้หญิงตรงหน้าก็ยังมีแก่ใจเล่นเกมต่อรองกับเขาอยู่อีก
“...แต่หากคิดว่าฉันสามารถช่วยเหลือ ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับพวกนั้นได้ โดยที่คุณอยากจะรอตรงนี้ หรือจะเข้าไปกับฉันในงานก็ได้ ฉันยินดีบอกรายละเอียดทั้งหมดที่ทราบมาให้คุณ ซึ่งนั่นก็เป็นความตั้งใจของฉันอยู่แล้ว...สุดแล้วแต่คุณจะตัดสินใจเอาเอง”
เด็กสาวตรงหน้าโยนกุญแจให้เขา โจว์รับด้วยมือข้างเดียวตามสัญชาตญาณ ใจหนึ่งอยากจะกลับไปที่ห้องพัก อดคิดไปถึงคริสไม่ได้ แต่ตรงนี้หากเป็นบทพิสูจน์ว่าเรื่องนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว คริสคงปลอดภัย และหากเรื่องนี้มันทำให้เขาไกลมาถึงเพียงนี้ เด็กผู้หญิงคนนี้ คนที่เขายังไม่รู้แม้แต่ชื่อ เธอคงต้องมีข้อมูลอธิบายให้เขาได้เข้าใจเพิ่มเติม
โจว์สาวเท้าก้าวไว ๆ ไปให้ทันเด็กสาวเบื้องหน้า บางสิ่งเกิดขึ้นในความรู้สึก แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม แต่อย่างน้อยสิ่งนั้นก็เป็นความปลอดภัย ความอุ่นใจ ซึ่งต้องนับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้นมา แม้จะยังคงมีความหวาดระแวงเคลือบแคลงอยู่บ้าง ซึ่งเขาก็คงจะต้องตามหาคำตอบจากเธอ คงจะง่ายกว่าไปไล่ตามจากพวกนรกนั่นในเวลานี้
บางทีได้เบียร์เย็น ๆ สักแก้ว คงจะดีไม่น้อย... อย่างน้อยมันก็คงทำให้เขาผ่อนคลายลงจากเหตุการณ์เครียด ๆ ที่ผ่านมา
เจ้าของบริษัทโฆษณารู้สึกเหมือนว่า เขากำลังอายุแก่ลงไปมากกว่าเดิม เมื่อเขาตามเธอเข้ามาในงานเต้นรำ งานปาร์ตี้ของเด็กมหาวิทยาลัย นานนักหนาแล้วที่เขาห่างเหินจากสังคมแบบนี้ มันเป็นงานของเด็กหนุ่มสาวที่ได้ออกเดท ได้เต้นรำ และไปไหน ๆ กันต่อ
ให้ตายเถอะ เขาคงไม่ได้กลายมาเป็นคู่เดทของแม่เด็กสาวนัยน์ตาสีฟ้าคนนี้หรอกนะ และนี่เธอชื่ออะไร? เป็นเรื่องที่น่าขบขัน ที่เขายังไม่รู้ชื่อเธอเสียด้วยซ้ำ...
ชายหนุ่มมองรอบ ๆ ตัวอย่างค่อนข้างแปลกตา บนเวทีวงดนตรีกำลังเล่นเพลงรักหวาน ๆ ให้คู่รักหนุ่มสาวได้ออกไปเต้นรำ เด็กสาวเดินนำเขาไปที่เคาน์เตอร์บาร์
เหมือนเธอช่างรู้ใจเขาเสียจริง ๆ ...
“รออยู่ตรงนี้สักครู่นะคะ ขอฉันไปเจอเพื่อน และทำงานหน่อยหนึ่ง”
เธอตะโกนที่ข้างหูเขา เสียงเพลง และคนหนุ่มสาวรอบตัว ทำให้โจว์รู้สึกขบขันตัวเอง เขามองตามเธอไป ก่อนหันกลับมายังสตูลตัวที่ว่างหน้าบาร์
“ผมดีใจที่เห็นผู้ใหญ่เดินเข้ามาที่บาร์”
บาร์เทนเดอร์วัยกลางคน เปิดการสนทนา พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ต้อนรับอย่างสดใส
“ผมไม่ค่อยอยากเสิร์ฟเครื่องดื่มมีแอลกอฮอลล์ให้กับเด็ก ๆ แต่นั่นแหละ ในเมื่อมันเป็นงาน เป็นหน้าที่...พวกเขาไม่ใช่ลูกเรา คงยาก... รับอะไรดีครับ เหล้า หรือเบียร์ ผู้ใหญ่ดื่ม ดีกว่าเด็กดื่มหลายเท่า ผมจะได้เสิร์ฟได้เต็มที่”
โจว์อมยิ้มกับบาร์เทนเดอร์ ราวกับเป็นคนคุ้นเคย แม้จะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ตาม น้อยที่สุดก็ยังดีที่มีคนสูงวัยที่คงพอจะคุยกับเขาได้รู้เรื่องบ้าง
“ขอเบียร์เย็น ๆ สักแก้วก็คงดี”
ก่อนแก้วเบียร์จะถูกวางลงตรงหน้า โจว์มองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้ง เด็กหนุ่มสาวในงาน บางคนแต่งตัวง่าย ๆ บางคนราวกับกับหลุดออกมาจากหน้าแม็กกาซีน ท่ามกลางกลุ่มเด็ก ๆ เขาเห็นหลังของเด็กสาวไว ๆ เธอกำลังง่วนกับการถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศในงาน โดยเฉพาะบริเวณหน้าเวที
อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โกหกเขา ดูเหมือนเธอกำลังทำงานมากกว่าจะเข้ามาร่วมงานปาร์ตี้เต้นรำ เหมือนคนอื่น ๆ
ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะนึกทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกครั้งที่มีเด็กผู้หญิงคนนี้ปรากฏตัว สมองเขากำลังแยกแยะเหตุอันน่าจะเป็น พร้อม ๆ กับเบียร์ที่หมดไปในเวลาอันรวดเร็ว