เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 5 ตามรอย

กระทู้สนทนา
บทที่ 5     ตามรอย


คิมเบอร์ลี่มองแผ่นกระดาษภาพถ่าย ที่เพิ่งล้างเสร็จอีกครั้ง ก่อนคีบไปหนีบรวมไว้บนราว เธอถอดถุงมือออกพาดไว้บนโต๊ะ แล้วจึงเดินออกจากห้องมืด ทันทีที่ออกมาก็ได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากคนที่นั่งอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์  จากมุมห้องอีกฟากหนึ่ง

“คิม คิม!!!... ไฟล์มันหายไปอีกแล้วล่ะ”

“ ประจำ... สตีฟ เธอไม่เคยสร้างโฟลเดอร์ไว้ก่อนเลย ลองเสิร์ชหาดูสิ”

เด็กสาวเอ่ยลอย ๆ ส่งไปอย่างไม่สนใจ ขณะเดินผ่านด้านหลังของเด็กหนุ่มผมยาวที่นั่งง่วนอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ เธอก้มลงเก็บหนังสือ 3- 4 เล่มที่ถูกวางระเกะระกะอยู่บนพื้นรอบตัวเพื่อนชายขึ้น จนผมสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเหมือนสีบลอนด์เข้ม ๆ ที่ยาวตรงจรดกลางหลังสะบัดกระจาย แผงหน้าม้าปรกหน้าผาก ทำให้เธอยังดูอ่อนวัยเป็นเด็กมัธยมมากกว่านักศึกษามหาวิทยาลัย
  
เธอเดินลงส้นเท้าอย่างไม่พอใจ ก่อนนำหนังสือทั้งหมดไปคืนไว้ในตู้หนังสือ ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง

“ที่ของหนังสือควรอยู่ในชั้นไม่ใช่ที่พื้นแบบนี้”

เธอยังคงบ่นต่ออีก พร้อมกับเดินจัดเก็บแผ่นกระดาษที่ร่วงลงมาบนโต๊ะปรินท์เตอร์ ข้าง ๆ เครื่องคอมพ์

“เมื่อไหร่เธอจะเป็นระเบียบสักทีนี่ นี่ถ้านาตาลีเข้ามาตอนนี้ เธอคงตายหยั่งเขียด”

คิมเบอร์ลี่เอ่ยถึงรุ่นพี่ที่เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งทำหน้าล้อเลียน

“นาตาลีออกไปคุยงานกับอาจารย์แอนดรูว์ คงอีกนาน ฉันมีเวลาทำรกได้อีก เพราะมีเธออยู่ช่วยเก็บ...”

“ฝันไปเถอะ ฉันไม่ใช่เทศบาลประจำห้องข่าวหรอกนะ”

“นางฟ้าจ๊ะ เธอเป็นนางฟ้าส่วนตัวของฉันเลย...นี่ นี่บ่นมากเดี๋ยวแก่เร็วนะ”

เด็กหนุ่มหันมาฉีกยิ้มล้อเลียน พร้อมกับเอานิ้วจิ้มที่แก้มของเธอ ก่อนหันกลับไปง่วนตามหาไฟล์อย่างเดิม
  
คิมเบอร์ลี่ได้แต่ทำหน้าเมื่อย ๆ นับวันชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอ แม้แต่ในห้องข่าวก็เริ่มน่าเบื่อขึ้นทุกที บางทีตรงนี้ต่างหากที่ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองแก่

“มีข่าวอะไรน่าสนใจหรือ”

“ฉันเพิ่งไปสัมภาษณ์สาวบาร์บี้ของมหาลัย สำหรับงานเต้นรำปาร์ตี้อาทิตย์หน้า”

คิมเบอร์ลี่เบ้หน้า หล่อนค่อนข้างเบื่อที่ต้องฟัง หรืออ่านเรื่องราวของแม่พวกสาวบาร์บี้ดาวมหาวิทยาลัย ที่วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวยเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ กรีดกรายไปตามงานปาร์ตี้นี่เสียจริง แต่น่าแปลกที่คนอ่านกลับชอบอ่าน
  
...อาจมีเพียงแต่เธอคนเดียว ที่แตกต่างจากคนอื่นทั้งมหาวิทยาลัย

“เรื่องงานสังคม เรื่องสาว ๆ ขอให้บอกเถอะ สตีฟนักข่าวหัวเห็ด ขยันเสาะแสวงหามาลงได้ทุกวัน”
เธอทิ้งน้ำเสียงประชดเต็มที่ ก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องมืดด้านหลังอีกครั้ง ปล่อยให้สตีฟทำหน้าปั้นยากเหมือนเช่นเคย



“ฉันว่าเขาหล่อมากเลยนะคิม สมกับที่เธอหายหน้าไปหลายวัน”

คิมเบอร์ลี่ทำหน้ามุ้ยไม่สบอารมณ์ จนซินเธียเพื่อนสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ ทำหน้าประหลาดใจ คิมเบอร์ลี่ดึงภาพถ่ายออกจากมือเพื่อนสาว แล้วสอดกลับเข้าไปในสมุดบันทึก ขณะกำลังเดินลงมาตามบันไดพร้อมกับซินเธียเพื่อนสนิทที่วัยไล่เลี่ยกัน

“เธอก็สนใจแค่ความหล่อนี่อ่ะนะ...สนใจมากกว่าเรื่องที่ฉันเล่าให้ฟังหรือ”

“คิม!! ??...”

ซินเธียเด็กสาวร่างเล็กกว่าร้องเสียงหลง เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเพื่อนสาว และตั้งท่าจะเดินหนี ก่อนลากตัวเพื่อนสาวเจ้าอารมณ์เข้ามาหลบอยู่มุมที่พักบันได หันซ้ายขวาจนแน่ใจว่านักศึกษาคนอื่นเดินลงบันไดผ่านไปจึงเอ่ยด้วยเสียงร้อนรน

“คิม...เธอเป็นบ้าไปแล้วรึ เราไม่ใช่ตำรวจนะ เราไม่อาจจะทำอะไรได้หรอก เธอควรจะเอารูปทั้งหมดที่เธอมีไปให้ตำรวจ หรือให้กับญาติพี่น้องของเขาจัดการกันเอง”

“ไม่!!”

ท่าทีที่ยักไหล่แบบไม่สนใจ ประกอบกับน้ำเสียงของคิมเบอร์ลี่ ทำให้ซินเธียเข้าใจความคิดของเพื่อนสาวได้เป็นอย่างดี

“ทำไมเธอถึงอยากเข้าไปยุ่ง! หากเป็นนักศึกษาในมหาลัย ฉันก็จะเข้าใจว่าเธอกำลังได้ข่าวชิ้นโบว์แดง”

“เพราะเขาเป็นมิสเตอร์เฟอร์ริก มิสเตอร์เฟอร์ริกของเมืองนี้ไง...จะมีข่าวไหนที่ทำให้ประวัติงานของฉันไปเข้าตา เดอะเมอคิวรี่ ได้ล่ะ?”

คิมเบอร์ลี่กระชับหนังสือเรียนได้อ้อมแขน ก่อนเดินหนีลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ซินเธียได้แต่ยืนนิ่งก่อนบ่นพึมพำ แล้วจึงสาวเท้าก้าวตามลงมา

“เอาจริงแฮะคราวนี้...”
  
ซินเธียถอนหายใจเลิกล้มความตั้งใจของตัวเอง เพราะรู้ว่ายากจะเปลี่ยนใจเพื่อนสาวคนนี้ หากเธอมุ่งมั่นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซินเธียหลบคนที่เดินสวนไปมาตรงเชิงบันได ก่อนเลี้ยวซ้ายเดินกึ่งวิ่งเข้ามาขนาบข้างคิมเบอร์ลี่ พร้อมกับลองพยายามหาเรื่องเปลี่ยนความสนใจของคิมเบอร์ลี่อีกครั้ง
  
“นี่แล้วเธอจะเดทกับมาร์ตินไปงานปาร์ตี้เสาร์นี้หรือเปล่า”

คิมเบอร์ลี่ไม่ได้สนใจคำถามใหม่ของซินเธีย เธอกระชับหนังสือในอ้อมแขน ประกายตา และรอยยิ้มเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
  
เด็กสาวนึกย้อนกลับไปเหตุการณ์ที่ผ่านมาอีกครั้ง ขณะที่เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเนินสนามหญ้าด้านบน เธอบังเอิญเห็นกลุ่มคนในชุดสีดำ ไล่ยิงชายคนหนึ่งด้วยปืนเก็บเสียง
  
ด้วยสัญชาตญานของช่างภาพ และนักข่าว ทำให้เธอเก็บภาพเหตุการณ์นั้นไว้ได้ มันเป็นสิ่งตื่นเต้น สิ่งแรกในชีวิต และเหมือนจุดประกายให้เธออยากทำอะไรมากขึ้น...
  
และหากซินเธียรู้อีกว่าเธอได้ทำอะไรลงไปบ้าง ลงทุนอะไรไปมากมายกับเรื่องนี้ เพื่อนสาวของเธอคงสติแตกมากกว่าแค่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงในสวนสาธารณะ
  
จริง ๆ แล้วเธอเพียงแต่ตั้งใจแค่ส่งภาพไปที่หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หากเธอไม่บังเอิญพบชายคนนั้นอีกครั้งกับท่าที่ประหลาด ๆ ในภัตตาคารที่ถนน 8 เธอลอบเฝ้ามองพฤติกรรมเขา และทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ในสวนสาธารณะ มันทำให้เธออยากรู้ราวต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
  
คิมเบอร์ลี่สอบถามเด็กในร้านถึงความเป็นไปทางสังคมของชายผู้ถูกลอบยิง สมองเล็ก ๆ ของเธอคิดมูลเหตุจูงใจมากมาย เท่าที่จำได้เขียนไว้หลายหน้าในสมุดบันทึก และเมื่อเธอขับจักรยานยนต์ตามเขาไป พร้อมกับเก็บภาพการไล่ล่าอย่างบ้าเลือดของคืนนั้นนั้นไว้ได้อีกครั้ง...
มันเป็นเรื่องบ้าอะไรกัน คิมเบอร์ลี่อดสงสัยไม่ได้จริง ๆ.....

นักศึกษาสาวตั้งทฤษฎีมากมายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น สืบเสาะหาข้อมูลของนายเฟอร์ริกจนใช้เวลาหมดไปกับวันอาทิตย์ทั้งวัน โดยไม่ได้อ่านหนังสือเรียนของตัวเองแม้แต่หน้าเดียว ความเป็นไปของคนรอบตัว ธุรกิจการงาน ในสมองของเธอยิ่งมีภาพของนายเฟอร์ริกมากเท่าใด เธอก็เห็นภาพของตัวเองได้เป็นช่างภาพนักข่าวประจำที่ เดอะ เมอร์คิวรี่ มากขึ้นเท่านั้น
  
แม้ว่าหลายครั้ง เธอคิดจะเปลี่ยนใจ ส่งภาพให้เขาเหมือนเมื่อวันจันทร์ที่ตามเขาไปถึงที่ทำงาน หรือแม้แต่เมื่อเธอโทรไปแจ้ง 911 ว่าเธอพบชายคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุที่ลานจอดรถ เธอเองได้แต่ยืนสังเกตการณ์อยู่เงียบ ๆ เมื่อทีมช่วยเหลือมาถึง ช่วยพาเขาไปโรงพยาบาล
สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอไม่แสดงตัวออกมากับเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย คงเพราะคำพูดเพียงประโยคเดียวของเขาก่อนที่เขาจะถูกพาขึ้นรถพยาบาลไป

“ไม่มีอะไรครับ คงเป็นอุบัติเหตุ ผมขับมาเร็ว คงไปโดนตะปูหรือเศษอะไรเข้า ถึงทำให้ยางหน้าระเบิดทั้งสองเส้น”

เรื่องมันคงเหมือนจบลงอย่างง่ายดาย โดยไม่มีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง หากมิสเตอร์เฟอร์ริกพบว่าเธอมีภาพของรถพอร์ช พร้อมเลขทะเบียน ที่เกือบพุ่งเข้าชน และยังมีภาพคนอีกสองคนยิงปืนออกมาจากรถทั้งสองฝั่ง อันเป็นเหตุให้รถของเขาเสียหลักนั่นเอง

และเมื่อวานนี้เธอหมดเวลาไปวันเต็ม ๆ ที่รอคอยข่าวอย่างตื่นเต้นทางอินเตอร์เน็ต อีกทั้งยอมแลกการรับนัดเดทของมาร์ตินทางห้องสนทนา เพียงเพราะมาร์ตินเป็นนักแฮกเกอร์มือหนึ่งของมหาวิทยาลัย เพื่อให้ได้มาถึงฐานข้อมูลของเลขทะเบียนรถพอร์ชสีดำคันนั้น ซึ่งถูกเปลี่ยนทะเบียนไปมาถึง 6 ครั้ง ก่อนจะพบว่าเจ้าของที่แท้จริงเป็นของ พลาเน็ตโซไซตี้ องค์การกุศลระหว่างประเทศ ภายใต้ชื่อสงเคราะห์ผู้มอบให้จากหน่วยงานหนึ่งของสถานทูตต่างประเทศแห่งหนึ่ง

เรื่องราวยิ่งซับซ้อนมากขึ้น องค์การกุศล กับการไล่ล่าคน มันขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับเธอ และนักข่าวทุก ๆ คน คงตื่นเต้นไม่ต่างอะไรกับเธอ ทั้งยังกระหายและควานหาข้อมูลต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น มากยิ่งกว่าสนใจยืนยันนัดของมาร์ติน
  
เธอไม่ใช่อย่างสตีฟ ที่ชอบอยู่แต่ข่าวสังคม บันเทิง
และไม่ใช่สาวน้อยนักรักอย่างซินเธียถึงแม้เธอจะรู้ว่ามาร์ตินสนใจเธอมากนานแค่ไหนก็ตาม
เธอมีหลักฐาน รวมทั้งข้อมูลมากมาย ที่จะสานต่อเรื่องนี้ต่อไป ไม่ใช่เพราะชื่นชมในความหล่อเหลาของหนุ่มโสดอย่างมิสเตอร์เฟอร์ริก เหมือนอย่างที่ซินเธียสนใจ

มันต้องมากกว่านั้น...
มันต้องไกลกว่านั้น
  
คิมเบอร์ลี่อมยิ้มให้กับตัวเอง ด้วยประกายตาที่เจิดจ้าครั้งหนึ่งในชีวิต เธอมองเห็น กรอบภาพข่าวและหัวข้อข่าวใหญ่พาดหราบนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ เดอะเมอคิวรี่ พร้อมด้วยเนื้อข่าวเจาะลึก คงเป็นใบเบิกทางให้นักศึกษาชั้นปีที่ 1 อย่างเธอ ก้าวไปไกลถึงหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ ๆ ของประเทศได้อย่างไม่ยากเลย

                                                      ***********************************
                                                                    โปรดติดตามอ่านบทต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่