ฉันฆ่าเพราะ "มันสนุกดี" แมรี่ เบลล์เด็กนรกส่งมาเกิด l บันทึกลึกลับ

เรื่องราวของสาวน้อยหน้าหวาน ฆาตรกรที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
และเธอยังเป็นฆาตรกรต่อเนื่องอีกด้วย เธอเป็นใคร และมีแรงจูงใจอะไรที่ทำให้เธอลงมือฆ่า 
ไปหาคำตอบพร้อมกันในคลิปนี้เลยคะ ...
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เราจะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปเมื่อ 50 กว่าปีก่อน ช่วงนั้นหนังสือพิมพ์หลายฉบับในประเทศอังกฤษ
ประโคมข่าวเกี่ยวกับคดีฆาตรกรรมสุดสะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้น ณ เมืองสกอตส์วูด ชานเมืองนิวคาสเซิล
ว่าสาวน้อยหน้าตาน่ารักก่อคดีรัดคอเด็กชาย 2 คน ที่อายุน้อยกว่าจนเสียชีวิตอย่างเลือดเย็น
 
ก่อนอื่นเราไปทำความรู้จักกับสาวน้อยคนนี้กันก่อน 
เธอมีชื่อว่า แมรี่ เบลล์ เกิดวันที่ 26 พฤษภาคม ในปี ค.ศ.1957 ในเมืองนิวคาสเซิลทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ
เป็นลูกสาวของ นาง "เบทตี้ เบลล์" ซึ่งเป็นโสเภณีที่ติดยา และมีรสนิยมซาดิสต์ ชอบเล่นแส้และเครื่องพันธนาการ
 
ในตอนที่แมรี่เกิด เบทตี้ผู้เป็นแม่อายุได้เพียง 17 ปีเท่านั้น ส่วนพ่อของแมรี่ มีชื่อว่า บิลลี่ 
โดยบิลลี่ของเธอนั้น เป็นหัวขโมยที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย และยังเคยถูกจับกุมในข้อหาโจรกรรมมาแล้ว
ตัวของแมรี่เองไม่รู้เลยว่า บิลลี่คือพ่อแท้ๆของเธอ เพราะแม่เธอจะสอนให้เรียกบิลลี่ว่า “ลุง”
จนแม่รี่เชื่อว่า บิลลี่เนี้ย คือลุงจริงๆของเธอ และหลังจากแมรี่เกิดมาได้ไม่นาน
ลุงหรือพ่อกับแม่ของเธอก็ได้เข้าสู่ประตูวิวาร์กัน 
 
เหมือนครอบครัวจะดูมีความสุขดี มีพ่อ แม่ ลูก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เบตตี้ผู้เป็นแม่ กลับเกลียดแมรี่เอามากๆ
โดยแม่ของเธอได้พูดกับพยาบาลหลังจากคลอดแมรี่ออกมาแล้วว่า “เอาไอ้สิ่งนั้นออกไปไกลๆฉันซะ!!”
 
นอกจากนี้ยังมีความจริงที่น่าสลดใจอีกอย่าง ก็คือ แม่ของแมรี่ มีความคิดและพยายามที่จะฆ่าแมรี่ หลายต่อหลายครั้ง
ในช่วงไม่กี่ปีแรกที่แมรี่เกิดมา เบทตี้ แม่ของเธอพยายามจะฆ่าเธอให้ตาย แต่ทำให้เหมือนว่า มันเป็นอุบัติเหตุ
 
และเมื่อแมรี่อายุได้ 4 ปี แม่ของเธอก็ได้บังคับให้เธอมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่เป็นแขกของแม่เธอ 
และยังบังคับให้แมรี่กินยาลดความอ้วน เสมือนเป็นการกินขนมชนิดนึง 
เพียงแค่นี้ก็พอที่จะบอกได้แล้วว่า แม่ของเธอ ไม่ใช่แม่ที่ดีเลย 
 
แมรี่ กลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมแปลก หัวรุนแรง และยังมีเรื่องทำร้ายร่างกายคนอื่นโดยไม่มีเหตุผลอยู่บ่อยครั้ง  
แมรี่เคยบีบคอญาติคนสนิท เพียงเหตุแค่ว่า “ เธอไม่ได้ซื้อของขวัญให้ฉัน ฉันเลยจะฆ่ามัน”
 
เด็กบางคนก็ถูกแมรี่ผลักตกบันไดหลายสิบขั้นมาแล้ว เหตุผลก็ไม่ได้มีอะไร เธอแค่หมั่นไส้เฉยๆ 
ส่วนเรื่องนิสัยส่วนตัวของแมรี่นั้น ก็แตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ อย่างมาก 
 
แมรี่เป็นเด็กฉลากมาก แต่ขี้โกหก ไม่รู้จักอาย และไม่เคยรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ แมรี่อยากเป็นคนสำคัญ
อยากเป็นจุดศูนย์กลาง และเป็นจุดสนใจของเพื่อนๆ 
 
11 ปีต่อมา เวลา 23.30 น. ในวันที่ 25 พฤษภาคม ปี ค.ศ.1968 ย่านนิวคาสเซิล ทางตอนเหนือของอิงแลนด์
ได้มีเด็ก 3 คน พบศพเด็กเล็กคนหนึ่งอยู่ที่ชั้นสองของบ้านร้างหลังเก่า สภาพศพนั้นนอนหงายอยู่บนพื้น
มีเลือดไหลออกจากปาก แก้มและคางมีน้ำลายฟูมปาก ใกล้ ๆ กับศพ พบขวดแอสไพรินเปล่าตกอยู่ที่พื้นด้วย
 
เด็กทั้ง 3 ได้แจ้งตำรวจทันที และหลังการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า.. 
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนั้น คือ "มาร์ติน บราวน์" อายุ 4 ปี สาเหตุการตายนั้นยังไม่แน่ชัดสักเท่าไหร่
 
พยานให้การกับตำรวจว่า เขาพบมาร์ติน เป็นครั้งสุดท้ายเวลา 15.15 น. ของวันนั้น
โดยมาร์ตินไปซื้อขนมที่ร้าน และหลังจากนั้นเขาก็แวะบ้านของป้าเขาเพื่อกินขนมปัง 
และออกจากบ้านป้าเขาในเวลา 15.20 น. และกลายเป็นศพเมื่อเวลา 15.30 น. ซึ่งห่างกันเพียง 10 นาทีเท่านั้น
 
ในตอนแรก ตำรวจสรุปคดีว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุ แต่ชาวบ้านระแวกนั้นไม่พอใจ
จึงรวมตัวกันประท้วง เพราะชาวบ้านปักใจเชื่อว่า นี่ต้องเป็นคดีฆาตรกรรมแน่นอน
วันรุ่งขึ้นหลังการตายของมาร์ติน มีเด็กสาวสองคนได้มายังบ้านของมาร์ติน 
นั่นก็คือ แมรี่ และน้องสาวของเธอ นอร์มา เบลล์
 
ริต้า ป้าของมาร์ตินได้ให้การกับตำรวจภายหลังว่า เด็กทั้งสองมาบ้านของเธอเพื่อที่จะมาก่อกวน
และแม่รี่ก็ได้ตั้งคำถามแบบแทงใจดำ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเกี่ยวกับการตายของมาร์ติน 
ทำนองว่า ... 
"ป้าคิดถึงมาร์ตินไหม?"
"ร้องไห้ให้มาร์ตินหรือเปล่า?"
"มาร์ตินตายไปแล้ว เหงารึเปล่า?"
และก็เป็นแมรี่นั่นเอง ที่เป็นคนบอกให้ริต้ารู้ว่า มาร์ติน หลานของเธอนั้นตายอยู่ที่ตึกร้างในวันเกิดเหตุ
 
จูน บราวน์ แม่ของมาร์ติน ก็โดนเด็กทั้งสองมาก่อกวนเหมือนกัน
แมรี่มาขอพบมาร์ติน ทั้งๆที่รู้ว่า มาร์ตินนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังจะมายียวนกวนประสาท
แม่ของมาร์ตินนั้นโกรธมาก จึงได้ปิดประตูใส่หน้าแมรี่ไปอย่างแรง 
 
เช้าวันที่ 27 พฤษภาคมปี ค.ศ.1968
สถานรับเลี้ยงเด็ก เดย์ เนิสเซอร์รี่ ซึ่งใกล้กับสถานที่เกิดเหตุที่มาร์ตินถูกฆาตกรรม 
ถูกบุก รื้อ ค้น ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น แต่ที่สร้างความตื่นกลัวนั้น ก็คือ..
 ตำรวจพบกระดาษ 4 แผ่น เขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ปะปนอยู่ในกองเครื่องเขียน ในกระดาษเหล่านั้นมีใจความว่า . .
"ฉันฆ่าคน แล้วฉันจะกลับมาใหม่"
"เราฆ่าคน ระวังเฟนนีและแฟ็คก็อตไว้ให้ดี"  ซึ่งจากข้อมูลไม่ได้ระบุว่า เฟนนีและแฟ็คก็อตสื่อถึงอะไร 
หรืออาจจะหมายถึงกลุ่มรักร่วมเพศก็เป็นได้ (fanny หญิง faggot ชาย)
"เราฆ่ามาร์ติน บราวน์แล้ว ไอสารเลวเอ้ย!"
"พวกแกพลาดละ เพราะเราฆ่า เจ้ามาร์ติน บราวน์ตายไปแล้ว จงระวังเฟนนีและแฟ็คก็อตจะเป็นรายต่อไป"
 
ในตอนนั้น ตำรวจเชื่อว่าเป็นการเล่นตลก ปั่นหัว เสียมากกว่า จึงทิ้งกระดาษเหล่านั้นลงถังขยะ 
และในเวลาเดียวกันนั่นเอง แมรี่ก็ได้เขียนสมุดบันทึก ภายในบันทึกนั้นมีรูปวาดเหมือนเป็นรูปของ 
มาร์ตินตอนพบศพ ใกล้ๆกัน มีขวดอยู่ เขียนคำว่า "ยา" และข้อความในกระดาษมีใจความว่า . .
“วันเสาร์นี้ฉันอยู่บ้าน แม่ให้ฉันไปถามนอร์มา ว่า ไปซื้อของด้วยกันมั้ย ? เราไปด้วยกันเถอะ 
และไปที่ถนนมาเกร็ต ฉันเห็นคนมุงอยู่ที่บ้านร้าง ฉันเลยถามคนที่มามุงดูว่า เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?
มีคนตอบฉันกลับมาว่า ที่นี่มีคนตาย “
แต่ คุณครูของเธอไม่ได้เอะใจอะไร ก็เลยปล่อยเธอผ่านไป
 
ในวันศุกร์สัปดาห์เดียวกันนั่นเอง แมรี่และน้องสาวของเธอ นอร์มา ถูกจับกุมได้อย่างคาหนังคาเขา 
ข้อหาบุกสถานรับเลี้ยงเด็ก เดย์ เนิสเซอร์รี่ แต่พวกเธอทั้งสองปฏิเสธข้อหานั้น 
และถูกปล่อยตัวให้อยู่ในการดูแลของผู้ปกครองจนกว่าจะส่งฟ้องศาลเยาวชน
 
2 เดือนต่อมา
เวลาประมาณ 23.10 น. ในวันที่ 31 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1968  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า
มีคนพบศพหนูน้อย นามว่า ไบรอัน โฮวี่ อายุ 3 ปี ศพของหนูน้อย ไบรอัน ถูกพบใต้บล็อคอิฐ 
ในระแวกหมู่บ้าน ศพของเขาถูกหมกอยู่ในใต้หญ้า ซึงตรงนั้นหญ้า ดอกไม้ ขึ้นรกมาก ทำให้มองเห็นได้ยากมาก
 
สภาพศพของหนูน้อยไบรอัน มีน้ำลายปนเลือดติดอยู่ที่ปาก หัวของเขาถูกทุบด้วยของแข็ง
บริเวณต้นขาของศพหนูน้อยมีรอยโดนแทง อวัยวะเพศถูกเฉือนทิ้งไปบางส่วน 
ผมของเขาถูกตัดเป็นกระจุก มีรอยบาดแผลจุดอื่นที่ดูแปลกๆ 
และใกล้ๆกันกับศพนั้น มีกรรไกรตกอยู่ ข้างนึงคม และข้างนึงบิดงอ
 
ตำรวจมองว่า คดีลักษณะนี้ ช่างคล้ายคลึงกับคดีของ มาร์ติน บราวน์ ที่เสียชีวิตที่ตึกร้างก่อนหน้านี้ 
และฆาตกรน่าจะเป็นคนเดียวกันอีกด้วย...

ต่อในคอมเม้นนะคะ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่