บทที่ 9 ข่าวสาร...
คริสโตเฟอร์ไม่แน่ใจว่าเขาสลบไปนานแค่ไหน กว่าที่เขาจะฟื้นคืนสติ เขารู้สึกประหลาดใจ ที่พบตัวเองยังคงนอนอยู่ที่พื้นทางเดินหน้าห้องชุดของโจว์...
หรือมันเป็นฝันร้ายที่ยาวนาน แต่ความทรงจำในสมองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ภาพความฝันแน่นอน และไม่ใช่ฤทธิ์เหล้าที่ดื่มไปเมื่อตอนเย็น เขาพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างมึนงง อย่างน้อยที่เขายังนอนนิ่งอยู่ที่พื้นทางเดินด้านนอกห้องพัก นั่นย่อมยืนยันว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นจริง
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เท่าที่เขาจำได้ ขณะที่กำลังจะเดินไปเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่โจว์โยนไปบนซากโซฟามุมห้อง ฉันพลันก็มีแสงแฟลชวาบเข้ามาหลายครั้ง แล้วโจว์ก็วิ่งผลุนผันตามใครบางคนออกไปที่ทางเดินนอกห้อง กว่าเขาจะได้สติตามออกมา กลุ่มควันก็เริ่มเข้ามาตามทางเดิน เหมือนจำได้ว่าได้ยินเสียงโจว์กับเสียงผู้หญิง ต่อมาก็เสียงกระจกแตก เสียงปืน แสงไฟทางเดินดับ กลุ่มควันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากมาย ก่อนที่เขาจะหมดสติไป
คริสโตเฟอร์พาตัวเองเดินต่อไปยังโถงหน้าลิฟต์ อาการมึนงงที่เกิดขึ้น หายเป็นปลิดทิ้ง สภาพทางเดินหน้าลิฟต์เป็นปกติเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น
ไม่มีเศษกระจก ไม่มีรอยเลือด ไม่มีสภาพของความเสียหายใด ๆ ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่อีกความคิดหนึ่งก็สวนทางกลับเข้ามา
เขามั่นใจ และยืนยันกับตัวเองว่าได้ยินเสียงกระจกแตก คริสโตเฟอร์หมุนตัวไปมา กระจกหน้าต่างบานใหญ่ด้านตรงข้ามลิฟต์ ยังคงอยู่ปกติดี หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความฝัน หากเป็นเช่นนั้น โจว์หายไปที่ใด และทำไมเขาถึงมานอนสลบอยู่ที่ทางเดินนอกห้อง
ยิ่งคิดคริสก็ยิ่งสับสน รู้สึกปวดร้าวในศีรษะ เหมือนโลกถล่มทลายขึ้นมาทันที เขาไม่เคยเมาด้วยเหล้าเพียงไม่กี่แก้ว ซึ่งไม่น่าจะทำให้ปวดหัวได้มากขนาดนี้
หากเช่นนั้นทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง... แต่สิ่งรอบตัวเขาขณะนี้ กำลังบอกเสมือนหนึ่งว่าไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น นับวันเรื่องราวก็แลดูซ้ำซ้อนงุนงงมากยิ่งขึ้นราวกับอยู่กันคนละมิติ
คริสโตเฟอร์ถลันวิ่งย้อนกลับไปที่ห้องพักของโจว์ ในหัวดังลั่นเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบอยู่ตลอดเวลา สภาพระเนระนาดกระจัดกระจายในห้องพักของโจว์ยังเหมือนเดิม เหมือนเป็นการยืนยันอีกครั้ง มันกลับทำให้เขารู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้อง และนอกห้องอย่างที่สุด
ชายหนุ่มพยายามมองหาโทรศัพท์มือถือของตน ในสมองก็ครุ่นคิดว่าตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ฉับพลันเสียงโทรศัพท์เครื่องของเขาก็ดังขึ้น คริสโตเฟอร์มองหาที่มาของเสียง ก่อนหยิบขึ้นมา ดูชื่อบนหน้าปัด และกดสัญญาณรับ
“อรุณสวัสดิ์ คริส นี่นอร่านะ คุณอยู่ที่ไหนคะ สายมากแล้ว จะเข้าสำนักงานหรือเปล่า โจว์พยายามติดต่อหาคุณ แต่เขาจำเบอร์คุณไม่ได้...”
เสียงของนอร่าแหบพร่า ที่ยังคงบ่งบอกถึงอาการเป็นหวัด เธอพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ไม่สับสน ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโจว์จึงติดต่อมาเข้ามาแบบนี้แต่เช้า
“แล้วโจว์บอกหรือเปล่าว่าอยู่ที่ไหน” คริสโตเฟอร์ถามกลับไป
“แปลกดี โจว์ก็ถามว่าคุณเข้ามาสำนักงานหรือยัง งั้นคุณอยู่ที่ไหน คุณสองคนเล่นอะไรกันอยู่คะ” นอร่าหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู พร้อมกับไอติด ๆ กัน
“โจว์บอกว่าตัวเขาปลอดภัย เย็น ๆ ถึงจะกลับมา เขาให้พยายามติดต่อคุณให้ได้ แต่ถ้าหากไม่ได้ ให้ฉันมาที่ห้องพักของเธอ...ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร คุณอยู่ที่ห้องพักโจว์งั้นหรือ”
เสียงของหญิงสาวยังคงงุนงง กับข้อความที่ผู้เป็นเจ้านายฝากไว้ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย ดูเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก ๆ รวมถึงทำไมต้องไปตามคริสโตเฟอร์ที่ห้องพักของโจว์
“โอเค ผมจะเข้าสำนักงานเดี๋ยวนี้เลย”
คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้ว กดปุ่มตัดสัญญาณ เขาเดินออกมาตามทางเดินปริศนาด้านนอกอีกครั้ง รู้สึกปวดหัวหนักยิ่งขึ้น โจว์ปลอดภัย อย่างน้อยความกังวลเกี่ยวกับโจว์ก็หมดไป
ก่อนออกมานอกตึก คริสโตเฟอร์แวะถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู สีหน้าของเขามึนงงอยู่เป็นนาน
“ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ครับเท่าที่ผมรู้ ไม่มีข้อความแจ้งการเสียหายที่ไหนเลยนี่ครับคุณคริสโตเฟอร์ แต่ผมก็เพิ่งมาเข้าเวรเมื่อแปดโมงเช้านี่เองนะครับ...มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ความจริงคำตอบสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นบนห้องชุดเพนท์เฮาส์ของโจว์ ที่มีเพียงชั้นเดียว เขาเองก็น่าจะมีคำตอบในใจดีอยู่แล้ว
โจว์เอ๋ย ท่าทางเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ธรรมดาเสียแล้ว คริสโตเฟอร์ได้แต่รำพึงรำพันในใจ...
คริสโตเฟอร์ใช้เวลาไม่นานนักจากห้องชุดของโจว์ มาถึงยังสำนักงาน
“อ๋อ! โจว์สั่งให้ฉันดูแลคุณด้วย เหมือนเขากลัวว่าคุณจะบาดเจ็บ เล่นอะไรกันอยู่ละนี่ แถมบอกว่า ให้คุณรอฟังข่าวอยู่ที่ทำงาน ไม่ให้ออกไปไหน เขาจะรีบติดต่อกลับมา...และก็อีกเรื่องนะคะมีพัสดุส่งมาถึงคุณจากบาฮาม่า ฉันเอาไปไว้ให้ที่โต๊ะคุณแล้ว”
เสียงแห้ง ๆ ของนอร่า พยายามบอกข้อความทั้งหมด เธอทบทวนว่ายังมีข่าวสารใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกบ้าง
“พัสดุ??!!.... จากบาฮาม่า งั้นหรือ!!??”
คริสโตเฟอร์อุทานเสียงดังลั่น ก่อนรีบเข้าห้องทำงานของตัวเองในทันที และเมื่อเขาเปิดกล่องพัสดุ มันก็ทำให้เขาต้องรีบร้อนผลุนผลันออกจากสำนักงานไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมฝากข้อความไว้กับนอร่า ที่เหมือนจะงุนงงกับเหตุการณ์ของเช้าวันนี้อย่างเหลือเกิน
“หากโจว์ติดต่อมา ให้เขาติดต่อเข้าที่มือถือด้วย”
คริสโตเฟอร์ไม่ประหลาดใจเท่าไรนักกับเรื่องที่เจนนี่ส่งคีย์การ์ดห้องพักของเธอมาให้เขา แต่ข้อความในจดหมาย และวันเวลาที่ถูกส่งมาจากบาฮาม่าต่างหาก ที่ทำให้เขารู้สึกกังวลใจ และสงสัยอยู่ไม่น้อย มันถูกส่งมาเมื่อวานนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเดินทางกลับไปบ้านพ่อของเธอแล้ว
ข่าวสารข้อมูลในสมองเขาเริ่มสับสน ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อครั้งที่รับโทรศัพท์ทางไกลจากบาฮาม่า
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ดีอยู่ในใจ ซึ่งไม่ต่างไปจากโจว์เลยก็คือ เจนนี่ไม่เคยพูด หรือเอ่ยถึงพ่อของเธอให้ฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว...
“คริสที่รัก...
ฉันเริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น... คุณคงรู้แล้วว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไป บางทีคนที่ฉันเลือกไว้วางใจถูกต้องแล้วคือคุณ...
คริสที่รัก ได้โปรดช่วยฉันดำเนินการสิ่งที่คาราคาซังต่อ แม้ฉันรู้ดีว่าคุณไม่ชอบสิ่งที่ฉันทำอยู่เพียงใดก็ตาม แต่คุณเองก็คงรู้ดีว่า...มีเพียงคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถช่วยฉันดูแล และดำเนินการสิ่งเหล่านี้ต่อจากฉัน และใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ดีกว่าโจว์มากนัก ...
ที่รักของฉัน ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และอวยชัยให้เธอตลอดกาล....
เจนนี่ของคุณ”
อย่างน้อยบางเรื่องที่เขาเคยสังหรณ์ไว้ เริ่มทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่า เรื่องราวทั้งหมดสืบเนื่องมาจากเรื่องของเจนนี่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ... เขาก็เริ่มเข้าใจสิ่งต่าง ๆ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นพอสมควรแล้ว...
คริสโตเฟอร์ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก มาถึงห้องพักของเจนนี่ ภายในห้องยังอยู่ในสภาพดี อย่างน้อยก็ไม่ได้ระเนระนาดเหมือนของโจว์
ชายหนุ่มถอนหายใจ กี่ครั้งแล้วที่เขาเข้ามายืนในห้องนี้ แม้จะเป็นเพียงอพาร์ตเมนต์ขนาดกะทัดรัด ไม่ได้หรูหราเหมือนเพนท์เฮาส์ของโจว์ หรือของเขาก็ตาม แต่ทุกอย่างก็จัด และตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้วก็ตาม
สำหรับเจนนี่...ที่นี่อาจไม่ใช่ที่พักอาศัยแห่งเดียวของเธอในเมืองนี้ แต่มันเป็นเซฟเฮาส์ที่เขาและเธอใช้บางเวลามาพบกัน อยู่ด้วยกัน ซึ่งทั้งเขาและเธอเองต่างก็พอใจ และต้องการให้มันเป็นความลับอยู่อย่างนั้น และมากยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับโลกส่วนตัวของเธอเองอีกต่างหาก
อย่างน้อยคริสก็รู้ดีว่ามีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้นที่รู้จักห้องนี้ แม้แต่โจว์ หรือผู้ชายคนอื่น ๆ ของเธอต่างก็ไม่เคยรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักอีกแห่งหนึ่งของเธอ...
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ชั่งใจกับความรู้สึก และการตัดสินใจของตัวเองอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะระลึกถึงหญิงสาวสวยเต็มไปด้วยเสน่ห์ร้อนแรงคนนั้น เจนนี่ เธอเลือกทางเดินของเธอเองจริง ๆ ...
และดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังจะก้าวเดินตามไปในเส้นทางเส้นเดียวกันกับของเธอ...
คริสก้าวยาว ๆ เข้าไปที่ห้องนอน และเลยไปยังห้องน้ำ เขาเดินไปหยุดที่โถสุขภัณฑ์ ขยับเลื่อนเปิดฝาตอนบนออก มีหลอดแก้ววางพิงอยู่ด้านในของหม้อพักน้ำ ชายหนุ่มหยิบมันออกมา สะบัดน้ำ และเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูเล็ก ๆ มาเช็ดให้แห้ง
กุญแจดอกเล็ก ๆ ดอกหนึ่งอยู่ในหลอดแก้ว กุญแจที่มีค่าเท่าชีวิตของเจนนี่ หรือบางทีอาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ อย่างที่เธอเคยบอก
คริสโตเฟอร์เผลอหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง เขาเองเป็นคนอุตริช่วยเธอเลือกที่ซ่อนของมีค่า ใครจะนึกว่ามันเป็นที่เก็บซ่อนอย่างดี แน่ละคงไม่มีใครคิดพิเรนทร์ได้เท่านี้อีกแล้ว ซึ่งใครก็ตาม หรือแม้แต่พวกนรกจากที่ไหน หากต้องการมัน คงจะต้องเสียเวลาตามหา รื้อค้นผิดที่ผิดทาง ไปอีกนานแค่ไหน ไกลมากแค่ไหน ก็คงไม่มีวันจะพบ และได้ของสำคัญชิ้นนี้ไป...
********************************************
โปรดติดตามอ่านบทต่อไป
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 9 ข่าวสาร...
คริสโตเฟอร์ไม่แน่ใจว่าเขาสลบไปนานแค่ไหน กว่าที่เขาจะฟื้นคืนสติ เขารู้สึกประหลาดใจ ที่พบตัวเองยังคงนอนอยู่ที่พื้นทางเดินหน้าห้องชุดของโจว์...
หรือมันเป็นฝันร้ายที่ยาวนาน แต่ความทรงจำในสมองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ภาพความฝันแน่นอน และไม่ใช่ฤทธิ์เหล้าที่ดื่มไปเมื่อตอนเย็น เขาพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างมึนงง อย่างน้อยที่เขายังนอนนิ่งอยู่ที่พื้นทางเดินด้านนอกห้องพัก นั่นย่อมยืนยันว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้นเกิดขึ้นจริง
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เท่าที่เขาจำได้ ขณะที่กำลังจะเดินไปเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่โจว์โยนไปบนซากโซฟามุมห้อง ฉันพลันก็มีแสงแฟลชวาบเข้ามาหลายครั้ง แล้วโจว์ก็วิ่งผลุนผันตามใครบางคนออกไปที่ทางเดินนอกห้อง กว่าเขาจะได้สติตามออกมา กลุ่มควันก็เริ่มเข้ามาตามทางเดิน เหมือนจำได้ว่าได้ยินเสียงโจว์กับเสียงผู้หญิง ต่อมาก็เสียงกระจกแตก เสียงปืน แสงไฟทางเดินดับ กลุ่มควันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากมาย ก่อนที่เขาจะหมดสติไป
คริสโตเฟอร์พาตัวเองเดินต่อไปยังโถงหน้าลิฟต์ อาการมึนงงที่เกิดขึ้น หายเป็นปลิดทิ้ง สภาพทางเดินหน้าลิฟต์เป็นปกติเหมือนไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น
ไม่มีเศษกระจก ไม่มีรอยเลือด ไม่มีสภาพของความเสียหายใด ๆ ทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง แต่อีกความคิดหนึ่งก็สวนทางกลับเข้ามา
เขามั่นใจ และยืนยันกับตัวเองว่าได้ยินเสียงกระจกแตก คริสโตเฟอร์หมุนตัวไปมา กระจกหน้าต่างบานใหญ่ด้านตรงข้ามลิฟต์ ยังคงอยู่ปกติดี หรือว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความฝัน หากเป็นเช่นนั้น โจว์หายไปที่ใด และทำไมเขาถึงมานอนสลบอยู่ที่ทางเดินนอกห้อง
ยิ่งคิดคริสก็ยิ่งสับสน รู้สึกปวดร้าวในศีรษะ เหมือนโลกถล่มทลายขึ้นมาทันที เขาไม่เคยเมาด้วยเหล้าเพียงไม่กี่แก้ว ซึ่งไม่น่าจะทำให้ปวดหัวได้มากขนาดนี้
หากเช่นนั้นทั้งหมดก็เป็นเรื่องจริง... แต่สิ่งรอบตัวเขาขณะนี้ กำลังบอกเสมือนหนึ่งว่าไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น นับวันเรื่องราวก็แลดูซ้ำซ้อนงุนงงมากยิ่งขึ้นราวกับอยู่กันคนละมิติ
คริสโตเฟอร์ถลันวิ่งย้อนกลับไปที่ห้องพักของโจว์ ในหัวดังลั่นเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบอยู่ตลอดเวลา สภาพระเนระนาดกระจัดกระจายในห้องพักของโจว์ยังเหมือนเดิม เหมือนเป็นการยืนยันอีกครั้ง มันกลับทำให้เขารู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในห้อง และนอกห้องอย่างที่สุด
ชายหนุ่มพยายามมองหาโทรศัพท์มือถือของตน ในสมองก็ครุ่นคิดว่าตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ฉับพลันเสียงโทรศัพท์เครื่องของเขาก็ดังขึ้น คริสโตเฟอร์มองหาที่มาของเสียง ก่อนหยิบขึ้นมา ดูชื่อบนหน้าปัด และกดสัญญาณรับ
“อรุณสวัสดิ์ คริส นี่นอร่านะ คุณอยู่ที่ไหนคะ สายมากแล้ว จะเข้าสำนักงานหรือเปล่า โจว์พยายามติดต่อหาคุณ แต่เขาจำเบอร์คุณไม่ได้...”
เสียงของนอร่าแหบพร่า ที่ยังคงบ่งบอกถึงอาการเป็นหวัด เธอพยายามเรียบเรียงคำพูดให้ไม่สับสน ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมโจว์จึงติดต่อมาเข้ามาแบบนี้แต่เช้า
“แล้วโจว์บอกหรือเปล่าว่าอยู่ที่ไหน” คริสโตเฟอร์ถามกลับไป
“แปลกดี โจว์ก็ถามว่าคุณเข้ามาสำนักงานหรือยัง งั้นคุณอยู่ที่ไหน คุณสองคนเล่นอะไรกันอยู่คะ” นอร่าหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู พร้อมกับไอติด ๆ กัน
“โจว์บอกว่าตัวเขาปลอดภัย เย็น ๆ ถึงจะกลับมา เขาให้พยายามติดต่อคุณให้ได้ แต่ถ้าหากไม่ได้ ให้ฉันมาที่ห้องพักของเธอ...ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร คุณอยู่ที่ห้องพักโจว์งั้นหรือ”
เสียงของหญิงสาวยังคงงุนงง กับข้อความที่ผู้เป็นเจ้านายฝากไว้ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย ดูเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก ๆ รวมถึงทำไมต้องไปตามคริสโตเฟอร์ที่ห้องพักของโจว์
“โอเค ผมจะเข้าสำนักงานเดี๋ยวนี้เลย”
คริสโตเฟอร์ขมวดคิ้ว กดปุ่มตัดสัญญาณ เขาเดินออกมาตามทางเดินปริศนาด้านนอกอีกครั้ง รู้สึกปวดหัวหนักยิ่งขึ้น โจว์ปลอดภัย อย่างน้อยความกังวลเกี่ยวกับโจว์ก็หมดไป
ก่อนออกมานอกตึก คริสโตเฟอร์แวะถามเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู สีหน้าของเขามึนงงอยู่เป็นนาน
“ไม่มีอะไรผิดปกตินี่ครับเท่าที่ผมรู้ ไม่มีข้อความแจ้งการเสียหายที่ไหนเลยนี่ครับคุณคริสโตเฟอร์ แต่ผมก็เพิ่งมาเข้าเวรเมื่อแปดโมงเช้านี่เองนะครับ...มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ความจริงคำตอบสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นบนห้องชุดเพนท์เฮาส์ของโจว์ ที่มีเพียงชั้นเดียว เขาเองก็น่าจะมีคำตอบในใจดีอยู่แล้ว
โจว์เอ๋ย ท่าทางเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ธรรมดาเสียแล้ว คริสโตเฟอร์ได้แต่รำพึงรำพันในใจ...
คริสโตเฟอร์ใช้เวลาไม่นานนักจากห้องชุดของโจว์ มาถึงยังสำนักงาน
“อ๋อ! โจว์สั่งให้ฉันดูแลคุณด้วย เหมือนเขากลัวว่าคุณจะบาดเจ็บ เล่นอะไรกันอยู่ละนี่ แถมบอกว่า ให้คุณรอฟังข่าวอยู่ที่ทำงาน ไม่ให้ออกไปไหน เขาจะรีบติดต่อกลับมา...และก็อีกเรื่องนะคะมีพัสดุส่งมาถึงคุณจากบาฮาม่า ฉันเอาไปไว้ให้ที่โต๊ะคุณแล้ว”
เสียงแห้ง ๆ ของนอร่า พยายามบอกข้อความทั้งหมด เธอทบทวนว่ายังมีข่าวสารใด ๆ หลงเหลืออยู่อีกบ้าง
“พัสดุ??!!.... จากบาฮาม่า งั้นหรือ!!??”
คริสโตเฟอร์อุทานเสียงดังลั่น ก่อนรีบเข้าห้องทำงานของตัวเองในทันที และเมื่อเขาเปิดกล่องพัสดุ มันก็ทำให้เขาต้องรีบร้อนผลุนผลันออกจากสำนักงานไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ลืมฝากข้อความไว้กับนอร่า ที่เหมือนจะงุนงงกับเหตุการณ์ของเช้าวันนี้อย่างเหลือเกิน
“หากโจว์ติดต่อมา ให้เขาติดต่อเข้าที่มือถือด้วย”
คริสโตเฟอร์ไม่ประหลาดใจเท่าไรนักกับเรื่องที่เจนนี่ส่งคีย์การ์ดห้องพักของเธอมาให้เขา แต่ข้อความในจดหมาย และวันเวลาที่ถูกส่งมาจากบาฮาม่าต่างหาก ที่ทำให้เขารู้สึกกังวลใจ และสงสัยอยู่ไม่น้อย มันถูกส่งมาเมื่อวานนี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นเวลาเดียวกับที่เธอเดินทางกลับไปบ้านพ่อของเธอแล้ว
ข่าวสารข้อมูลในสมองเขาเริ่มสับสน ไม่ต่างอะไรกับเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อครั้งที่รับโทรศัพท์ทางไกลจากบาฮาม่า
แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ดีอยู่ในใจ ซึ่งไม่ต่างไปจากโจว์เลยก็คือ เจนนี่ไม่เคยพูด หรือเอ่ยถึงพ่อของเธอให้ฟังเลยแม้แต่ครั้งเดียว...
“คริสที่รัก...
ฉันเริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น... คุณคงรู้แล้วว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อไป บางทีคนที่ฉันเลือกไว้วางใจถูกต้องแล้วคือคุณ...
คริสที่รัก ได้โปรดช่วยฉันดำเนินการสิ่งที่คาราคาซังต่อ แม้ฉันรู้ดีว่าคุณไม่ชอบสิ่งที่ฉันทำอยู่เพียงใดก็ตาม แต่คุณเองก็คงรู้ดีว่า...มีเพียงคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถช่วยฉันดูแล และดำเนินการสิ่งเหล่านี้ต่อจากฉัน และใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ดีกว่าโจว์มากนัก ...
ที่รักของฉัน ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง และอวยชัยให้เธอตลอดกาล....
เจนนี่ของคุณ”
อย่างน้อยบางเรื่องที่เขาเคยสังหรณ์ไว้ เริ่มทำให้เขาค่อนข้างมั่นใจว่า เรื่องราวทั้งหมดสืบเนื่องมาจากเรื่องของเจนนี่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ... เขาก็เริ่มเข้าใจสิ่งต่าง ๆ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้มากขึ้นพอสมควรแล้ว...
คริสโตเฟอร์ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก มาถึงห้องพักของเจนนี่ ภายในห้องยังอยู่ในสภาพดี อย่างน้อยก็ไม่ได้ระเนระนาดเหมือนของโจว์
ชายหนุ่มถอนหายใจ กี่ครั้งแล้วที่เขาเข้ามายืนในห้องนี้ แม้จะเป็นเพียงอพาร์ตเมนต์ขนาดกะทัดรัด ไม่ได้หรูหราเหมือนเพนท์เฮาส์ของโจว์ หรือของเขาก็ตาม แต่ทุกอย่างก็จัด และตกแต่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกใช้งานมานานแล้วก็ตาม
สำหรับเจนนี่...ที่นี่อาจไม่ใช่ที่พักอาศัยแห่งเดียวของเธอในเมืองนี้ แต่มันเป็นเซฟเฮาส์ที่เขาและเธอใช้บางเวลามาพบกัน อยู่ด้วยกัน ซึ่งทั้งเขาและเธอเองต่างก็พอใจ และต้องการให้มันเป็นความลับอยู่อย่างนั้น และมากยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับโลกส่วนตัวของเธอเองอีกต่างหาก
อย่างน้อยคริสก็รู้ดีว่ามีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้นที่รู้จักห้องนี้ แม้แต่โจว์ หรือผู้ชายคนอื่น ๆ ของเธอต่างก็ไม่เคยรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้เป็นที่พักอีกแห่งหนึ่งของเธอ...
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ชั่งใจกับความรู้สึก และการตัดสินใจของตัวเองอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะระลึกถึงหญิงสาวสวยเต็มไปด้วยเสน่ห์ร้อนแรงคนนั้น เจนนี่ เธอเลือกทางเดินของเธอเองจริง ๆ ...
และดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังจะก้าวเดินตามไปในเส้นทางเส้นเดียวกันกับของเธอ...
คริสก้าวยาว ๆ เข้าไปที่ห้องนอน และเลยไปยังห้องน้ำ เขาเดินไปหยุดที่โถสุขภัณฑ์ ขยับเลื่อนเปิดฝาตอนบนออก มีหลอดแก้ววางพิงอยู่ด้านในของหม้อพักน้ำ ชายหนุ่มหยิบมันออกมา สะบัดน้ำ และเอื้อมมือไปหยิบผ้าขนหนูเล็ก ๆ มาเช็ดให้แห้ง
กุญแจดอกเล็ก ๆ ดอกหนึ่งอยู่ในหลอดแก้ว กุญแจที่มีค่าเท่าชีวิตของเจนนี่ หรือบางทีอาจมากกว่าเสียด้วยซ้ำ อย่างที่เธอเคยบอก
คริสโตเฟอร์เผลอหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง เขาเองเป็นคนอุตริช่วยเธอเลือกที่ซ่อนของมีค่า ใครจะนึกว่ามันเป็นที่เก็บซ่อนอย่างดี แน่ละคงไม่มีใครคิดพิเรนทร์ได้เท่านี้อีกแล้ว ซึ่งใครก็ตาม หรือแม้แต่พวกนรกจากที่ไหน หากต้องการมัน คงจะต้องเสียเวลาตามหา รื้อค้นผิดที่ผิดทาง ไปอีกนานแค่ไหน ไกลมากแค่ไหน ก็คงไม่มีวันจะพบ และได้ของสำคัญชิ้นนี้ไป...
********************************************
โปรดติดตามอ่านบทต่อไป