บทที่ 4
คำเตือน
เช้าวันจันทร์อากาศโปร่งแจ่มใส ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก เมื่อวานโจว์อยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน โทรศัพท์ทุกเครื่องยังถูกทิ้งสภาพเหมือนเมื่อครั้งที่เจนนี่ถอดปลั๊กทิ้งไว้ เขาหมกตัวเองอยู่หน้าจอทีวี ตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนมันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นอัมพาต แต่อย่างน้อยก็ไม่มีสิ่งใดเข้ามารบกวนทำให้ขวัญผวาไปได้ตลอดทั้งวัน
โจว์ลุกแต่เช้า ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอย่างเต็มที่ ปกติเขาจะเป็นคนง่าย ๆ ไม่พิถีพิถันมากมาย ชายหนุ่มมักเลือกไปทำงานเพียงเสื้อเชิ้ต เสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ธรรมดา สวมรองเท้าผ้าใบ อย่างมากอาจมีสูท แสล็คลำลอง แต่วันนี้เขาเลือกเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถัน เชิ้ตสีเทาคราม เข้ากับสูท และเน็คไท รวมไปถึงรองเท้าหนัง หรือแม้แต่เครื่องหอม อาฟเตอร์เชฟ โคโลญจ์ ทั้งหมดมาจากแบรนด์เนมชื่อดังของอิตาเลียน
ชายหนุ่มเชื่อว่าในบางครั้งการใช้ของดี ละเมียดละไมพิถีพิถันกับตัวเองบ้าง เป็นการบำบัดทางจิต ที่ช่วยสลายอาการเครียดได้เป็นอย่างดี แต่ลึก ๆ แล้วเขาอยากเปลี่ยนตัวเองมากกว่า หากบางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจเป็นแค่การเข้าใจผิด ผิดฝาผิดตัวจริง ๆ ...
วันจันทร์วันเริ่มต้นธุรกิจ แต่เนื่องจากมันยังเช้าอยู่ ผู้คนตามถนนจึงดูไม่มาก ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง ตามจริงแล้วตึกที่ทำงานก็อยู่ไม่ห่างจากอพาร์ตเมนท์ของเขามากนัก
โจว์ออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน อ้อมเข้ามาทางด้านหน้าล็อบบี้เพื่อขึ้นลิฟท์ เจ้าของบริษัทโฆษณารีบสาวเท้าก้าวเข้าลิฟท์ในขณะที่กำลังจะปิด เขากล่าวขอโทษเล็กน้อย กับคน 4 คน โจว์ยิ้มทักมิสซิสแอ็กเนส ที่อยู่บริษัทท่องเที่ยวห้องฝั่งเดียวกับออฟฟิศของเขา เธอยิ้มตอบ สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย คงมาจากการแต่งตัวของเขานั่นเอง เธอทำจมูกฟุดฟิดแล้วอมยิ้ม มันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ
ชายหนุ่มชะงักนิ้ว ที่เห็นปุ่มไฟเลือกชั้นนั้นเป็นชั้น 10 ราวกับบังเอิญที่เป็นชั้นเดียวกับที่ทำงานของเขา....
ความระแวงบางอย่างเข้ามาปกคลุมภายในห้องลิฟท์นั้น เสียงลมอื้อ ๆ อยู่ในหู เวลาที่ผ่านไปแต่ละชั้นเหมือนยาวนาน เขาเริ่มสังเกตผู้คนอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาอุ่นใจขึ้น ที่ชาย 2 คน เหมือนคุ้น ๆ ว่าทำงานอยู่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่เขาไม่เคยสนทนาด้วย ถัดไปเป็นเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลถูกรวบเป็นหางม้า ถัดไปเป็นหญิงสาวใส่สูทสีดำ ที่ไม่เคยคุ้นหน้า
หากทั้งหมดไปชั้น 10 หญิงสาว และเด็กสาว คงมาพบด็อกเตอร์ไมล์ คลินิกทำฟัน ที่อยู่ฟากตรงข้ามชั้นเดียวกับเขา โจว์เริ่มเดาไปตามเรื่อง เสมือนกำลังปลอบใจตัวใจเอง
ความโล่งใจของเขามาพร้อมกับเสียงกริ่งประตูลิฟท์ที่เปิดออก…
ฟอร์ริก แอดเวอร์ไทซิ่ง สำนักงานโฆษณาของเขา ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย มีพนักงานไม่ถึง 15 คน ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายการตลาด ครีเอทีฟ และฝ่ายศิลป์ รับงานโฆษณาให้บริษัท สำนักงาน ห้างร้านในเมืองนี้ มันเก่าแก่ และตกทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของเขาที่เป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งเมือง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีลูกค้าทั้งในเมืองนี้ และเมืองใกล้ ๆ โดยรอบ
บรรยากาศในออฟฟิศของเขา ทำให้ความผวาทั้งปวงหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนเรื่องต่าง ๆ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“โจว์...วันนี้นอร่าไม่มานะ เธอโดนหวัดเล่นงาน วันนี้นายคงต้องปวดขมองหน่อยล่ะ” คริสโตเฟอร์ สไตร์ค ทักเขาเป็นคนแรกขณะที่ผลักบานกระจกเข้ามา แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นสภาพของโจว์
“เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านหรือไง หรือว่า นัดลูกค้ารายใหญ่ที่ไหนไว้ หรือจะมีเดทมื้อกลางวันกับสาว”
โจว์ยักไหล่ โบกมือให้กับน้ำเสียงไร้สาระให้กับคริสโตเฟอร์ ที่ทำหน้าที่ดูแลแผนกการเงิน ขณะที่เดินผ่านมาจากห้องแพนทรีที่อยู่มุมขวา เจ้าของบริษัทเสเดินตรงไปที่หน้าโต๊ะรีเซฟชั่น เอมี่ส่งจดหมายให้กับเขา ก่อนวิ่งไปรินกาแฟ เพื่อเข้าไปเสิร์ฟไว้ในห้องของเขา แทนที่จะเป็นหน้าที่ของนอร่า เลขาของเขาเหมือนตามปกติ
คริสโตเฟอร์จิบกาแฟ และยังยืนรออยู่ห่าง ๆ
“ถ้านายว่างเมื่อไหร่ เรียกด้วย ฉันมีเอกสารให้นายดู”
“ขออีกสักชั่วโมงนะ”
โจว์มองจดหมายในมือ ก่อนเดินตรงเข้าห้องทำงาน จดหมาย 8 ฉบับ ดูแล้วก็เป็นจดหมายทั่ว ๆ ไป จากที่อยู่ของลูกค้าที่คุ้นตา หรือไม่ก็เป็นข่าวสารจากสโมสร และคลับที่เขาเป็นสมาชิก
จนกระทั่งถึงฉบับสุดท้าย ไม่มีชื่อที่อยู่ของผู้ส่ง เป็นซองสีน้ำตาลขนาดเล็ก ไม่ได้ส่งผ่านที่ทำการไปรษณีย์ ไม่มีตราประทับ ไม่มีแสตมป์ มันจ่าหน้าซองด้วยลายมือที่เป็นระเบียบ มีเพียงชื่อ นามสกุล ไม่มีชื่อตำแหน่ง ไม่มีชื่อสำนักงาน
ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือนบางอย่าง เขาโยนจดหมายฉบับอื่นลงบนโต๊ะ ก่อนเร่งร้อนฉีกฉบับที่แปลกประหลาดนั้นด้วยมืออันสั่นเทา
เศษกระดาษใบเล็ก ๆ ร่วงลงตรงหน้า...
“จงหยุดสิ่งที่คุณคิดกำลังจะกระทำอยู่เดี๋ยวนี้ !!! ”
โจว์รู้สึกปวดหัวกะโหลกร้าวขึ้นมาทันที ใครกำลังอุตริเล่นบ้า ๆ กับเขาเป็นแน่ เขาแทบยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในหัวมีโครงการจะทำอะไรสำหรับวันนี้ ยังไม่ได้เริ่มต้นทำงานเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มนั่งเพ่งมองซองจดหมายสีน้ำตาลลึกลับนั้น ราวกับว่าจะทะลุกลับไปหาคนเขียนได้
อย่างน้อยเขาก็รู้ได้ว่า ไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องของการผิดฝาผิดตัว โจว์พยายามครุ่นคิด ใช้สติให้อยู่กับตัวมากที่สุด ความหวาดระแวงที่เคยจับอยู่ทุกขั้วของประสาท เริ่มสลายออกไป....
เขาควรแจ้งตำรวจ ......
บางความรู้สึกกระซิบบอก เขามีหลักฐานชัดเจน ชิ้นแรกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตำรวจคงเชื่อเขา มากกว่าให้คอยสังเกตการณ์
แต่เขาต้องไม่ทำ โจว์ยิ้มเยาะกับตัวเอง ความกลัวจนถึงขีดสุดผ่านพ้นไปแล้ว ถึงตอนนี้เขาไม่กลัว ไม่ประสาทกับการขู่บ้า ๆ อีกต่อไป มันคงเหมือนกับการที่สุนัขวิ่งหนีมาจนตรอก และมันคิดได้ว่า มันควรจะหันกลับไปขย้ำ ด้วยเขี้ยวของตัวเอง
การแจ้งตำรวจมันง่ายเกินไป และหากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดักยิงในสวนสาธารณะ การสะกดรอยตาม หรือเสียงโทรศัพท์จากนรกนั่น ตำรวจก็คงไม่อาจอารักขาเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากมันสามารถใกล้ตัวเขาได้เหมือนทุก ๆ ครั้ง นั่นหมายความว่า มันอาจมีอะไรมากขึ้น หากเขาติดต่อกับตำรวจโดยตรง
ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้ตัวเอง ยืนให้พระอาทิตย์แผดเผาจนละลาย...
ไม่มีวันที่เขาจะหยุดนิ่งอยู่กลางทะเลทราย...
และจะไม่มีวันยอมให้เงาดำนั้นกลืนเขาได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างในฝันแน่ ๆ
เขาอยากรู้ และจะต้องรู้ได้ว่า ตัวเขาเข้าไปเกี่ยวข้องอะไร และอะไรคือจุดประสงค์ของคนที่ทำเรื่องนี้กับตัวเขา…
โจว์เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มงานบนโต๊ะขึ้นมาพลิกดู รายงานความเคลื่อนไหวของการทำงานโฆษณาของบริษัทของเขา แต่ก็ไม่มีงานไหนที่น่าสงสัย และแทบจะไม่มีอะไรโยงใยกับการขู่เหล่านี้เลย เขาหันไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ตรวจดูรายการที่บันทึกข้อมูลการทำงานส่งมาให้
เขาเปลี่ยนดูตารางนัดหมาย ทั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ และในสมุดนัดที่นอร่าทำไว้ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดส่อแววผิดปกติแต่อย่างใด…
เจ้าของบริษัทโฆษณาหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเดินมา ก่อนหยุดนิ่งที่หน้าต่างกระจกหลังโต๊ะทำงานของเขา พยายามทบทวนหาสาเหตุที่มาที่ไปอย่างละเอียดอีกครั้ง เขามีชีวิตที่เรียบ ๆ ไม่มีอะไรหวือหวามากมายนัก เพื่อนฝูงครั้งเรียนมหาวิทยาลัย ก็ต่างแยกย้ายไปมีครอบครัว ต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างสุขสงบ ในเมืองแห่งนี้...
เรื่องผู้หญิงหรือ โจว์ลูบหน้า เขาแทบไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ตั้งแต่สมัยเรียน หากมีก็คงมีเพียงเจนนี่เท่านั้นที่เป็นเพื่อนสาว และเขาก็ไม่เคยออกเดทกับใครอื่นอีก นอกจากเธอเพียงคนเดียว
ต้องไม่ใช่เรื่องผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องชิงรักหักสวาท แน่ ๆ ....
เครือญาติวงศ์วาน ก็อยู่กันต่างเมืองแสนไกล เหมือนอย่างที่เขาเคยบอกกับเจนนี่แล้ว เรื่องการฆ่าฮุบสมบัติหวังมรดกยิ่งเป็นไปได้ยาก...
โจว์มองผ่านห้องทำงานออกไป กับคนในบริษัทนี้ก็อยู่กันเหมือนครอบครัว สำนักงานเก่าแก่ คนทำงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนรุ่นแรก ๆ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็เป็นลูกหลานของคนที่เคยทำงานกันมากับปู่ กับพ่อของเขา
เรื่องของการทรยศ หักหลังยิ่งเป็นไปได้ยากอีกเช่นกัน...
ไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง ความคิดของโจว์หมุนกลับไปกลับมา นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีอะไรได้อีกที่ผู้ไม่ประสงค์ดี หรือว่าประสงค์ดี จะต้องเตือนเขาด้วยวิธีอันประหลาดล้ำเช่นนี้
ชายหนุ่มยังคงเดินไปเดินมา ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสมองไปมา …
บางแวบของความคิดในสมอง อดไม่ได้ที่จะให้เขาคิดถึงนอร่า คนใกล้ตัวมากที่สุด เขาเดินออกจากห้องตรงไปที่โต๊ะของเธอ เปิดดูเอกสารต่าง ๆ บนโต๊ะ พร้อมทั้งเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนทรุดนั่ง
เอกสารโฟล์เดอร์ ไฟล์ต่าง ๆ อยู่อย่างเป็นระเบียบ สมกับที่เป็นเลขานุการิณี มาตั้งแต่ครั้นรุ่นพ่อ
นอร่าเป็นคนใกล้ชิดเขาอีกคน ที่รู้ความเคลื่อนไหวของเขา แต่ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกับพ่อของเขา เธอจึงเสมือนญาติที่คอยดูแลเอาใจใส่เขา ตั้งแต่แม่ และ พ่อของเขาจากโลกนี้ไป ความคิดอะไรกันที่ทำให้เขารู้สึกกังวลในตัวนอร่า น่าอับอายยิ่งนัก...
เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นในห้อง โจว์ยกหูตัดสลับมาที่เครื่องของนอร่า คริสโตเฟอร์นั่นเอง แต่ตอนนี้เขาอยากจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนมากกว่า ที่จะสนใจกับตัวเลขของคริสโตเฟอร์
“หากเป็นเรื่องสรุปบัญชีประจำเดือน ขอไว้วันหลังเหอะนะคริส พอดีกันมีธุระด่วนต้องรีบออกไป” โจว์วางหู รู้สึกเหมือนตัวเองเสียมรรยาทเล็ก ๆ เหมือนละเลยการทำงาน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นชีวิตของเขานี่นา....
สำหรับคริสโตเฟอร์แล้ว ยิ่งแทบจะไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยสมอง คริสเติบโตมาพร้อมกับเขา ด้วยวัยที่อาวุโสกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากที่จะไม่สนิทกัน คริสโตเฟอร์เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ที่คอยปกป้องเขามาตลอดทั้งชีวิต หรือเขาควรจะเล่าเรื่องนี้ให้คริสโตเฟอร์รับรู้ โจว์ครุ่นคิด...
ยังก่อน หากเรื่องนี้เป็นเรื่องรุนแรงส่วนตัว เขาก็ไม่ควรเอาใครที่ไหนมาเกี่ยวข้องด้วย...
และยิ่งหากเป็นเรื่องถึงชีวิต ความเป็น และความตายด้วยแล้ว...
โจว์ปิดเครื่อง คืนแฟ้มเอกสารของนอร่าให้เป็นระเบียบดังเดิม ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง เสียงโทรศัพท์ในห้องเขาดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงใส ๆ ของคนคุ้นเคย ดังผ่านเข้ามา ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นอีกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะโจว์”
“เจนนี่...การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ปกติค่ะ...แล้วคุณล่ะคะ เป็นไงบ้าง มีอะไรรบกวนอีกหรือเปล่า บอกคริสโตเฟอร์หรือยังคะ ...ฉันเป็นห่วงนะคะ”
เสียงเจื้อย ๆ ของเจนนี่ไม่อาจทำให้เขารู้สึกโล่งใจได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อซองจดหมายสีน้ำตาลฉบับนั้นยังคงอยู่บนโต๊ะ และเสมือนจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“จงหยุดสิ่งที่คุณคิดกำลังจะกระทำอยู่เดี๋ยวนี้ !!!”
ข้อความในแผ่นกระดาษ กลับเข้ามาในสมองเขาอีกครั้ง ทำให้เขาไม่อยากบอกอะไรกับเธออีก การจ่าหน้าซองถึงเขาผู้เดียว นั่นยอมมีความหมายว่า มันเป็นเรื่องของเขากับสิ่งบ้า ๆ ที่ตามรบกวนแค่นั้น
“ไม่มีอะไร...ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใด ๆ รบกวนผมอีก ทุกอย่างคงเป็นเรื่องบังเอิญ”
เสียงทางโน้นหัวเราะ และคุยกับคนทางปลายสาย เจนนี่คงยังวุ่นวายกับเรื่องงานเสื้อผ้า และการถ่ายแบบ
“ฉันต้องวางหูแล้วค่ะ...ดูแลตัวเองนะคะ หากมีอะไรเกิดขึ้น บอกคริสโตเฟอร์ หรือแจ้งตำรวจ เป็นห่วงคุณนะคะ”
เสียงที่ส่งผ่านมาเต็มไปด้วยความห่วงใย โจว์นิ่งไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งเหลือเพียงเสียงสัญญาณโทรศัพท์
โจว์วางหู หยิบกาแฟอุ่น ๆ ขึ้นมาดื่ม เสียงน้ำย่อยในท้องดังลั่นออกมาท่ามกลางความเงียบ เมื่อน้ำกาแฟลงไปถึง เขายังไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลยตั้งแต่เมื่อวาน เพียงแค่กาแฟ บิสกิต เบียร์ และก็กาแฟ
บางทีเขาควรจะออกไปหาอะไรกิน ให้ท้อง และสมองได้อิ่ม เขาอาจจะทบทวนหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก
โจว์เก็บแผ่นกระดาษ อดไม่ได้ที่จะอ่านข้อความอีกครั้ง ก่อนพับคืนใส่ซองจดหมาย และเสียบไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูท และเดินออกจากห้องไป
(ยังมีต่อ)
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 4 คำเตือน
คำเตือน
เช้าวันจันทร์อากาศโปร่งแจ่มใส ไม่มีเค้าว่าฝนจะตก เมื่อวานโจว์อยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน โทรศัพท์ทุกเครื่องยังถูกทิ้งสภาพเหมือนเมื่อครั้งที่เจนนี่ถอดปลั๊กทิ้งไว้ เขาหมกตัวเองอยู่หน้าจอทีวี ตั้งแต่เช้าจรดเย็น จนมันทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นอัมพาต แต่อย่างน้อยก็ไม่มีสิ่งใดเข้ามารบกวนทำให้ขวัญผวาไปได้ตลอดทั้งวัน
โจว์ลุกแต่เช้า ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอย่างเต็มที่ ปกติเขาจะเป็นคนง่าย ๆ ไม่พิถีพิถันมากมาย ชายหนุ่มมักเลือกไปทำงานเพียงเสื้อเชิ้ต เสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ธรรมดา สวมรองเท้าผ้าใบ อย่างมากอาจมีสูท แสล็คลำลอง แต่วันนี้เขาเลือกเสื้อผ้าอย่างพิถีพิถัน เชิ้ตสีเทาคราม เข้ากับสูท และเน็คไท รวมไปถึงรองเท้าหนัง หรือแม้แต่เครื่องหอม อาฟเตอร์เชฟ โคโลญจ์ ทั้งหมดมาจากแบรนด์เนมชื่อดังของอิตาเลียน
ชายหนุ่มเชื่อว่าในบางครั้งการใช้ของดี ละเมียดละไมพิถีพิถันกับตัวเองบ้าง เป็นการบำบัดทางจิต ที่ช่วยสลายอาการเครียดได้เป็นอย่างดี แต่ลึก ๆ แล้วเขาอยากเปลี่ยนตัวเองมากกว่า หากบางทีเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น อาจเป็นแค่การเข้าใจผิด ผิดฝาผิดตัวจริง ๆ ...
วันจันทร์วันเริ่มต้นธุรกิจ แต่เนื่องจากมันยังเช้าอยู่ ผู้คนตามถนนจึงดูไม่มาก ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึง ตามจริงแล้วตึกที่ทำงานก็อยู่ไม่ห่างจากอพาร์ตเมนท์ของเขามากนัก
โจว์ออกจากลานจอดรถชั้นใต้ดิน อ้อมเข้ามาทางด้านหน้าล็อบบี้เพื่อขึ้นลิฟท์ เจ้าของบริษัทโฆษณารีบสาวเท้าก้าวเข้าลิฟท์ในขณะที่กำลังจะปิด เขากล่าวขอโทษเล็กน้อย กับคน 4 คน โจว์ยิ้มทักมิสซิสแอ็กเนส ที่อยู่บริษัทท่องเที่ยวห้องฝั่งเดียวกับออฟฟิศของเขา เธอยิ้มตอบ สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย คงมาจากการแต่งตัวของเขานั่นเอง เธอทำจมูกฟุดฟิดแล้วอมยิ้ม มันทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ
ชายหนุ่มชะงักนิ้ว ที่เห็นปุ่มไฟเลือกชั้นนั้นเป็นชั้น 10 ราวกับบังเอิญที่เป็นชั้นเดียวกับที่ทำงานของเขา....
ความระแวงบางอย่างเข้ามาปกคลุมภายในห้องลิฟท์นั้น เสียงลมอื้อ ๆ อยู่ในหู เวลาที่ผ่านไปแต่ละชั้นเหมือนยาวนาน เขาเริ่มสังเกตผู้คนอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาอุ่นใจขึ้น ที่ชาย 2 คน เหมือนคุ้น ๆ ว่าทำงานอยู่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง แต่เขาไม่เคยสนทนาด้วย ถัดไปเป็นเด็กสาวผมยาวสีน้ำตาลถูกรวบเป็นหางม้า ถัดไปเป็นหญิงสาวใส่สูทสีดำ ที่ไม่เคยคุ้นหน้า
หากทั้งหมดไปชั้น 10 หญิงสาว และเด็กสาว คงมาพบด็อกเตอร์ไมล์ คลินิกทำฟัน ที่อยู่ฟากตรงข้ามชั้นเดียวกับเขา โจว์เริ่มเดาไปตามเรื่อง เสมือนกำลังปลอบใจตัวใจเอง
ความโล่งใจของเขามาพร้อมกับเสียงกริ่งประตูลิฟท์ที่เปิดออก…
ฟอร์ริก แอดเวอร์ไทซิ่ง สำนักงานโฆษณาของเขา ไม่ได้ใหญ่โตมากมาย มีพนักงานไม่ถึง 15 คน ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายการตลาด ครีเอทีฟ และฝ่ายศิลป์ รับงานโฆษณาให้บริษัท สำนักงาน ห้างร้านในเมืองนี้ มันเก่าแก่ และตกทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของเขาที่เป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งเมือง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีลูกค้าทั้งในเมืองนี้ และเมืองใกล้ ๆ โดยรอบ
บรรยากาศในออฟฟิศของเขา ทำให้ความผวาทั้งปวงหายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนเรื่องต่าง ๆ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“โจว์...วันนี้นอร่าไม่มานะ เธอโดนหวัดเล่นงาน วันนี้นายคงต้องปวดขมองหน่อยล่ะ” คริสโตเฟอร์ สไตร์ค ทักเขาเป็นคนแรกขณะที่ผลักบานกระจกเข้ามา แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นสภาพของโจว์
“เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านหรือไง หรือว่า นัดลูกค้ารายใหญ่ที่ไหนไว้ หรือจะมีเดทมื้อกลางวันกับสาว”
โจว์ยักไหล่ โบกมือให้กับน้ำเสียงไร้สาระให้กับคริสโตเฟอร์ ที่ทำหน้าที่ดูแลแผนกการเงิน ขณะที่เดินผ่านมาจากห้องแพนทรีที่อยู่มุมขวา เจ้าของบริษัทเสเดินตรงไปที่หน้าโต๊ะรีเซฟชั่น เอมี่ส่งจดหมายให้กับเขา ก่อนวิ่งไปรินกาแฟ เพื่อเข้าไปเสิร์ฟไว้ในห้องของเขา แทนที่จะเป็นหน้าที่ของนอร่า เลขาของเขาเหมือนตามปกติ
คริสโตเฟอร์จิบกาแฟ และยังยืนรออยู่ห่าง ๆ
“ถ้านายว่างเมื่อไหร่ เรียกด้วย ฉันมีเอกสารให้นายดู”
“ขออีกสักชั่วโมงนะ”
โจว์มองจดหมายในมือ ก่อนเดินตรงเข้าห้องทำงาน จดหมาย 8 ฉบับ ดูแล้วก็เป็นจดหมายทั่ว ๆ ไป จากที่อยู่ของลูกค้าที่คุ้นตา หรือไม่ก็เป็นข่าวสารจากสโมสร และคลับที่เขาเป็นสมาชิก
จนกระทั่งถึงฉบับสุดท้าย ไม่มีชื่อที่อยู่ของผู้ส่ง เป็นซองสีน้ำตาลขนาดเล็ก ไม่ได้ส่งผ่านที่ทำการไปรษณีย์ ไม่มีตราประทับ ไม่มีแสตมป์ มันจ่าหน้าซองด้วยลายมือที่เป็นระเบียบ มีเพียงชื่อ นามสกุล ไม่มีชื่อตำแหน่ง ไม่มีชื่อสำนักงาน
ลางสังหรณ์กระตุ้นเตือนบางอย่าง เขาโยนจดหมายฉบับอื่นลงบนโต๊ะ ก่อนเร่งร้อนฉีกฉบับที่แปลกประหลาดนั้นด้วยมืออันสั่นเทา
เศษกระดาษใบเล็ก ๆ ร่วงลงตรงหน้า...
“จงหยุดสิ่งที่คุณคิดกำลังจะกระทำอยู่เดี๋ยวนี้ !!! ”
โจว์รู้สึกปวดหัวกะโหลกร้าวขึ้นมาทันที ใครกำลังอุตริเล่นบ้า ๆ กับเขาเป็นแน่ เขาแทบยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในหัวมีโครงการจะทำอะไรสำหรับวันนี้ ยังไม่ได้เริ่มต้นทำงานเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มนั่งเพ่งมองซองจดหมายสีน้ำตาลลึกลับนั้น ราวกับว่าจะทะลุกลับไปหาคนเขียนได้
อย่างน้อยเขาก็รู้ได้ว่า ไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องของการผิดฝาผิดตัว โจว์พยายามครุ่นคิด ใช้สติให้อยู่กับตัวมากที่สุด ความหวาดระแวงที่เคยจับอยู่ทุกขั้วของประสาท เริ่มสลายออกไป....
เขาควรแจ้งตำรวจ ......
บางความรู้สึกกระซิบบอก เขามีหลักฐานชัดเจน ชิ้นแรกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ตำรวจคงเชื่อเขา มากกว่าให้คอยสังเกตการณ์
แต่เขาต้องไม่ทำ โจว์ยิ้มเยาะกับตัวเอง ความกลัวจนถึงขีดสุดผ่านพ้นไปแล้ว ถึงตอนนี้เขาไม่กลัว ไม่ประสาทกับการขู่บ้า ๆ อีกต่อไป มันคงเหมือนกับการที่สุนัขวิ่งหนีมาจนตรอก และมันคิดได้ว่า มันควรจะหันกลับไปขย้ำ ด้วยเขี้ยวของตัวเอง
การแจ้งตำรวจมันง่ายเกินไป และหากสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ว่าจะเป็นการดักยิงในสวนสาธารณะ การสะกดรอยตาม หรือเสียงโทรศัพท์จากนรกนั่น ตำรวจก็คงไม่อาจอารักขาเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากมันสามารถใกล้ตัวเขาได้เหมือนทุก ๆ ครั้ง นั่นหมายความว่า มันอาจมีอะไรมากขึ้น หากเขาติดต่อกับตำรวจโดยตรง
ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้ตัวเอง ยืนให้พระอาทิตย์แผดเผาจนละลาย...
ไม่มีวันที่เขาจะหยุดนิ่งอยู่กลางทะเลทราย...
และจะไม่มีวันยอมให้เงาดำนั้นกลืนเขาได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างในฝันแน่ ๆ
เขาอยากรู้ และจะต้องรู้ได้ว่า ตัวเขาเข้าไปเกี่ยวข้องอะไร และอะไรคือจุดประสงค์ของคนที่ทำเรื่องนี้กับตัวเขา…
โจว์เอื้อมมือไปหยิบแฟ้มงานบนโต๊ะขึ้นมาพลิกดู รายงานความเคลื่อนไหวของการทำงานโฆษณาของบริษัทของเขา แต่ก็ไม่มีงานไหนที่น่าสงสัย และแทบจะไม่มีอะไรโยงใยกับการขู่เหล่านี้เลย เขาหันไปเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ตรวจดูรายการที่บันทึกข้อมูลการทำงานส่งมาให้
เขาเปลี่ยนดูตารางนัดหมาย ทั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ และในสมุดนัดที่นอร่าทำไว้ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดส่อแววผิดปกติแต่อย่างใด…
เจ้าของบริษัทโฆษณาหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเดินมา ก่อนหยุดนิ่งที่หน้าต่างกระจกหลังโต๊ะทำงานของเขา พยายามทบทวนหาสาเหตุที่มาที่ไปอย่างละเอียดอีกครั้ง เขามีชีวิตที่เรียบ ๆ ไม่มีอะไรหวือหวามากมายนัก เพื่อนฝูงครั้งเรียนมหาวิทยาลัย ก็ต่างแยกย้ายไปมีครอบครัว ต่างก็มีชีวิตอยู่อย่างสุขสงบ ในเมืองแห่งนี้...
เรื่องผู้หญิงหรือ โจว์ลูบหน้า เขาแทบไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาไม่เคยมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ตั้งแต่สมัยเรียน หากมีก็คงมีเพียงเจนนี่เท่านั้นที่เป็นเพื่อนสาว และเขาก็ไม่เคยออกเดทกับใครอื่นอีก นอกจากเธอเพียงคนเดียว
ต้องไม่ใช่เรื่องผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องชิงรักหักสวาท แน่ ๆ ....
เครือญาติวงศ์วาน ก็อยู่กันต่างเมืองแสนไกล เหมือนอย่างที่เขาเคยบอกกับเจนนี่แล้ว เรื่องการฆ่าฮุบสมบัติหวังมรดกยิ่งเป็นไปได้ยาก...
โจว์มองผ่านห้องทำงานออกไป กับคนในบริษัทนี้ก็อยู่กันเหมือนครอบครัว สำนักงานเก่าแก่ คนทำงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนรุ่นแรก ๆ หนุ่ม ๆ สาว ๆ ก็เป็นลูกหลานของคนที่เคยทำงานกันมากับปู่ กับพ่อของเขา
เรื่องของการทรยศ หักหลังยิ่งเป็นไปได้ยากอีกเช่นกัน...
ไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องผู้หญิง ความคิดของโจว์หมุนกลับไปกลับมา นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีอะไรได้อีกที่ผู้ไม่ประสงค์ดี หรือว่าประสงค์ดี จะต้องเตือนเขาด้วยวิธีอันประหลาดล้ำเช่นนี้
ชายหนุ่มยังคงเดินไปเดินมา ลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสมองไปมา …
บางแวบของความคิดในสมอง อดไม่ได้ที่จะให้เขาคิดถึงนอร่า คนใกล้ตัวมากที่สุด เขาเดินออกจากห้องตรงไปที่โต๊ะของเธอ เปิดดูเอกสารต่าง ๆ บนโต๊ะ พร้อมทั้งเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ก่อนทรุดนั่ง
เอกสารโฟล์เดอร์ ไฟล์ต่าง ๆ อยู่อย่างเป็นระเบียบ สมกับที่เป็นเลขานุการิณี มาตั้งแต่ครั้นรุ่นพ่อ
นอร่าเป็นคนใกล้ชิดเขาอีกคน ที่รู้ความเคลื่อนไหวของเขา แต่ด้วยวัยที่ใกล้เคียงกับพ่อของเขา เธอจึงเสมือนญาติที่คอยดูแลเอาใจใส่เขา ตั้งแต่แม่ และ พ่อของเขาจากโลกนี้ไป ความคิดอะไรกันที่ทำให้เขารู้สึกกังวลในตัวนอร่า น่าอับอายยิ่งนัก...
เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นในห้อง โจว์ยกหูตัดสลับมาที่เครื่องของนอร่า คริสโตเฟอร์นั่นเอง แต่ตอนนี้เขาอยากจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนมากกว่า ที่จะสนใจกับตัวเลขของคริสโตเฟอร์
“หากเป็นเรื่องสรุปบัญชีประจำเดือน ขอไว้วันหลังเหอะนะคริส พอดีกันมีธุระด่วนต้องรีบออกไป” โจว์วางหู รู้สึกเหมือนตัวเองเสียมรรยาทเล็ก ๆ เหมือนละเลยการทำงาน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เป็นชีวิตของเขานี่นา....
สำหรับคริสโตเฟอร์แล้ว ยิ่งแทบจะไม่ต้องคิดอะไรให้เหนื่อยสมอง คริสเติบโตมาพร้อมกับเขา ด้วยวัยที่อาวุโสกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่มากที่จะไม่สนิทกัน คริสโตเฟอร์เปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ ที่คอยปกป้องเขามาตลอดทั้งชีวิต หรือเขาควรจะเล่าเรื่องนี้ให้คริสโตเฟอร์รับรู้ โจว์ครุ่นคิด...
ยังก่อน หากเรื่องนี้เป็นเรื่องรุนแรงส่วนตัว เขาก็ไม่ควรเอาใครที่ไหนมาเกี่ยวข้องด้วย...
และยิ่งหากเป็นเรื่องถึงชีวิต ความเป็น และความตายด้วยแล้ว...
โจว์ปิดเครื่อง คืนแฟ้มเอกสารของนอร่าให้เป็นระเบียบดังเดิม ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง เสียงโทรศัพท์ในห้องเขาดังขึ้นอีกครั้ง
เสียงใส ๆ ของคนคุ้นเคย ดังผ่านเข้ามา ทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นอีกครั้ง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะโจว์”
“เจนนี่...การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”
“ปกติค่ะ...แล้วคุณล่ะคะ เป็นไงบ้าง มีอะไรรบกวนอีกหรือเปล่า บอกคริสโตเฟอร์หรือยังคะ ...ฉันเป็นห่วงนะคะ”
เสียงเจื้อย ๆ ของเจนนี่ไม่อาจทำให้เขารู้สึกโล่งใจได้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อซองจดหมายสีน้ำตาลฉบับนั้นยังคงอยู่บนโต๊ะ และเสมือนจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา
“จงหยุดสิ่งที่คุณคิดกำลังจะกระทำอยู่เดี๋ยวนี้ !!!”
ข้อความในแผ่นกระดาษ กลับเข้ามาในสมองเขาอีกครั้ง ทำให้เขาไม่อยากบอกอะไรกับเธออีก การจ่าหน้าซองถึงเขาผู้เดียว นั่นยอมมีความหมายว่า มันเป็นเรื่องของเขากับสิ่งบ้า ๆ ที่ตามรบกวนแค่นั้น
“ไม่มีอะไร...ทุกอย่างเรียบร้อย ไม่มีสิ่งใด ๆ รบกวนผมอีก ทุกอย่างคงเป็นเรื่องบังเอิญ”
เสียงทางโน้นหัวเราะ และคุยกับคนทางปลายสาย เจนนี่คงยังวุ่นวายกับเรื่องงานเสื้อผ้า และการถ่ายแบบ
“ฉันต้องวางหูแล้วค่ะ...ดูแลตัวเองนะคะ หากมีอะไรเกิดขึ้น บอกคริสโตเฟอร์ หรือแจ้งตำรวจ เป็นห่วงคุณนะคะ”
เสียงที่ส่งผ่านมาเต็มไปด้วยความห่วงใย โจว์นิ่งไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งเหลือเพียงเสียงสัญญาณโทรศัพท์
โจว์วางหู หยิบกาแฟอุ่น ๆ ขึ้นมาดื่ม เสียงน้ำย่อยในท้องดังลั่นออกมาท่ามกลางความเงียบ เมื่อน้ำกาแฟลงไปถึง เขายังไม่ได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวเลยตั้งแต่เมื่อวาน เพียงแค่กาแฟ บิสกิต เบียร์ และก็กาแฟ
บางทีเขาควรจะออกไปหาอะไรกิน ให้ท้อง และสมองได้อิ่ม เขาอาจจะทบทวนหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีก
โจว์เก็บแผ่นกระดาษ อดไม่ได้ที่จะอ่านข้อความอีกครั้ง ก่อนพับคืนใส่ซองจดหมาย และเสียบไว้ในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูท และเดินออกจากห้องไป
(ยังมีต่อ)