บทที่ 7 เหตุบังเอิญ
โจว์อดคิดอย่างเคียดแค้นไม่ได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเจนนี่ที่บาฮาม่า จะต้องเป็นผลงานของไอ้พวกนรกที่ตามไล่ล่านั่น ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุ มันมากเกินกว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา โจว์พร่ำบ่นตลอดทางที่นั่งมาในรถขณะเดินทางไปสนามบิน
จนคริสโตเฟอร์ต้องโทรศัพท์กลับไปหาทางทีมงานอีกครั้ง และส่งให้โจว์คุยด้วยตัวเอง เพื่อความสบายใจ และทางทีมงานนิตยสารที่ไปถ่ายทำ ก็ยังคงยืนยันอยู่เช่นเดิมว่าเป็นอุบัติเหตุ
เธอเหยียบชายเสื้อคลุมพลาด และกลิ้งตกลงจากบันไดหินหน้าหาดของโรงแรม ในระหว่างถ่ายทำแฟชั่น ศีรษะของเธอกระแทก จนไม่ได้สติ
...ฟังแล้วเหมือนอุบัติเหตุ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตลอด จนถึงวันนี้ เรื่องทุกเรื่องฟังดูไร้สาระจนน่าเชื่อถือ หากบอกให้ใคร ๆ ฟัง หรือแม้แต่แจ้งตำรวจ ไร้ซึ่งพยานที่น่าเชื่อถือ
แต่เรื่องทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นจริง...
เสียงโทรศัพท์ของคริสโตเฟอร์ดังขึ้นอีกครั้ง... สีหน้าของเจ้าของเครื่องขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูหมายเลขโทรศัพท์ ก่อนกดรับสาย
“ครับ...อย่างนั้นหรือครับ...อ๋อครับ...ขอบคุณครับ”
คริสโตเฟอร์เอ่ยไปสั้น ๆ ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามีแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนตัดสัญญาณ
“โจว์...ทางนิตยสารแจ้งมาว่า มีญาติของเจนนี่มาติดต่อขอรับเธอไปรักษาต่อ เราคงไม่ต้องไปบาฮาม่าแล้ว”
เหตุการณ์เปลี่ยนจนโจว์รู้สึกว่าเรื่องมันช่างง่ายดายมากเกินเหตุ จนเขาอยากจะหัวเราะให้กลิ้งตกไปจากรถ
“เป็นไปไม่ได้!...ตลกน่าคริส แค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีนี่อ่ะนะ...จนจะถึงสนามบินอยู่แล้ว....แล้ว เจนนี่รึมีญาติ ตั้งแต่คบมากันไม่เคยได้ยิน เธอเอ่ยถึงใครเลย”
โจว์ขมวดคิ้วยังไม่หายข้องใจ ดึงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือคนข้าง ๆ เขากดเบอร์ของเจนนี่ หมายเลขทวนกลับมาเป็นชื่อแปลก ๆ คริสโตเฟอร์คงตั้งไว้เป็นชื่อร้านของเจนนี่ เขาไม่มีเวลามากพอใส่ใจ ได้แต่แนบหูฟัง สัญญาณแจ้งกลับว่าไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
เจ้าของบริษัทโฆษณาหนุ่มปิดโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์เต็มที่ หากเจนนี่มีญาติ เธอควรจะเอ่ย หรือพูดถึง หลายปีที่รู้จักเธอ เธอไม่เคยพูดถึงด้วยซ้ำ
“แต่เขาจัดการจ่ายค่าหมอ จ่ายค่าโรงพยาบาล และติดต่อผ่านมาทางทีมงานนิตยสารแล้ว เธอถูกส่งกลับมาแล้ว”
“กลับไปที่ไหน ไม่มีทาง!! มันต้องเป็นพวกนรกบรรลัยนั่น แล้วใครพาเจนนี่ไปที่ไหน" น้ำเสียงที่กราดเกรี้ยว จนคริสโตเฟอร์ต้องเอื้อมมือมาแตะบ่า และเตือนสติ
“ใจเย็น ใจเย็น ไอ้น้องชาย...มันอาจเป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของนาย มันเป็นความบังเอิญมากกว่า”
“ใครพาเธอไป”
“พ่อของเธอเอง เจนนี่กลับบ้านไปแล้ว”
“บ้านที่ไหน... พวกนรกมันเอาตัวเธอไปแล้วต่างหาก คริสเราต้องพาเธอกลับมา”
“ใจเย็น ๆ โจว์ นายรู้จักบ้านพ่อของเจนนี่หรือเปล่าล่ะ...”
โจว์ส่ายหัวแทนคำตอบ รู้สึกความคั่งแค้นออกมาพรั่งพรู ที่เขาไม่อาจทำอะไรได้ ทุกเรื่องมันต้องเกี่ยวโยงกัน ชายหนุ่มมั่นใจ มันไม่ได้ส่งเพียงสาสน์จากนรก หยิบยื่น ยัดเยียดความตายให้เพียงแต่เขา แต่มันเริ่มคืบคลาน เหมือนเงามรณะ ไล่ล่ากลืนกินไปยังคนรอบตัวเขา พวกมันคงรู้ดีว่าคนที่เขาสนิทสนมด้วยมากที่สุด ก็มีเพียงหญิงสาวคนนี้เพียงเท่านั้น
คนเจ็บเผลอกำมือแน่น เขาคงนิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว ไม่รู้ใครจะเป็นเป้าหมายต่อไป บางสิ่งยังคงตามรบกวนจิตใจเขา โจว์พยายามรวบรวมความคิด...
น่าแปลก ที่มันแค่ขู่ แค่เตือนเขา แต่มันไม่ต้องการฆ่าเขา หลังจากนั้นมันเริ่มทำร้ายคนอื่นรอบ ๆ ตัวเขา จริง ๆ แล้วจุดมุ่งหมายของมันคืออะไร มันต้องการอะไรจากเขากันแน่ เขาไม่มีหลักฐานข้อมูลใด ๆ เพียงแค่จดหมายฉบับนั้นไม่มากพอที่จะให้เขาไปกับความจริงใด ๆ
แต่บางทีถ้าเขาเอาตัวเองเป็นเป้าล่อเต็ม ๆ และย้อนรอยกลับไป
หากเขาเป็นผู้ไล่ล่ากลับเสียเอง แล้วฟาดฟันกับพวกมันด้วยตนเอง เขาคงรู้แน่นอนว่าพวกมันคือใคร แต่ทำอย่างไรที่มันจะย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง...
“เรากลับไปตั้งต้นที่บ้าน แล้วหาวิธีสาวเรื่องกลับไปอีกที...นายจะสบายใจขึ้นมั้ย”
“ไม่!...เลี้ยวรถคริส เราลองไปที่ร้านเจนนี่ดู เผื่อได้ข้อมูลของเธอเพิ่มเติม อย่างน้อยที่ร้านน่าจะรู้เรื่องพ่อของเธอ”
คริสโตเฟอร์เลี้ยวรถกลับที่มุมถนนข้างหน้า เพื่อกลับเข้าไปในเมืองใหม่อีกครั้ง แทนคำตอบ โจว์นั่งเงียบขรึม เหมือนครุ่นคิดอะไรอย่างนัก จนคริสโตเฟอร์เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่อึดอัด
บางความคิดไม่อาจปฏิเสธความเห็นของโจว์ไปได้ มีความเป็นไปได้ถึงพันเปอร์เซ็นต์ที่พวกนั้นจะข้ามฟ้าไปเล่นเอาเถิดกับโจว์ โดยใช้เจนนี่เป็นเครื่องต่อเรื่อง
แต่มันคือเรื่องอะไร
มันต้องการอะไรกันแน่
สุดท้ายคริสโตเฟอร์ รู้สึกเหมือนมืดแปดด้าน
เมื่อมาถึงร้านของเจนนี่ โจว์รีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่คำตอบของพนักงานต้อนรับในร้านของเธอ ก็เหมือนจะทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้น แต่มันกลับมืดมนยิ่งขึ้น
เจนนี่มีบ้าน มีครอบครัว ทุกอย่างเป็นความจริง โจว์รู้สึกปวดหัวร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงที่เขาไม่เคยรู้ หรือเพียงแต่เขาไม่เคยถามกันแน่
หรือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเจนนี่ จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเขา...
“ติดต่อไม่ได้ค่ะ คงอยู่ในระหว่างการเดินทางมั้งคะ คุณพ่อของคุณเจนนี่ก็แจ้งมาแล้ว คงอีกวันล่ะค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวสวยของร้าน เอ่ยขึ้นขณะวางหูโทรศัพท์ของร้าน
โจว์ยืนนิ่ง สบตากับ คริสโตเฟอร์ เขาพยายามครุ่นคิดและใช้สติให้มากที่สุด สมองประมวลเรื่องราวของเจนนี่ จริงสิ เขารู้เรื่องของเธอน้อยมาก เหมือนแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่เธอต่างหากเป็นคนติดต่อเขา
“ขอที่อยู่ของเธอได้มั้ยครับ”
หญิงสาวทำตามคำขอของโจว์ เธอหยิบกระดาษโน้ต และเขียนที่อยู่ของเจนนี่ให้ สีหน้าของเจ้าของบริษัทโฆษณาร้อนรนออกจากร้าน จนแทบจะไม่ได้กล่าวลาหญิงสาว คริสโตเฟอร์กล่าวขอบคุณ และเดินตามออกมา
“ไว้ไปพรุ่งนี้เถอะโจว์ นายควรจะนอนพัก กว่าจะไปถึงก็ดึก ทางนั้นเขาก็ต้องเพิ่งมาถึงเหมือนกัน เราจะไปกันตอนเช้าเลย หากที่นั่นคือบ้านของเธอจริง ยังไงเธอก็ต้องอยู่” คริสโตเฟอร์ตัดบท และขับไปส่งโจว์ที่บ้าน...
(ยังมีต่อ)
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 7 เหตุบังเอิญ
โจว์อดคิดอย่างเคียดแค้นไม่ได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเจนนี่ที่บาฮาม่า จะต้องเป็นผลงานของไอ้พวกนรกที่ตามไล่ล่านั่น ต้องไม่ใช่อุบัติเหตุ มันมากเกินกว่าจะเป็นอุบัติเหตุ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา โจว์พร่ำบ่นตลอดทางที่นั่งมาในรถขณะเดินทางไปสนามบิน
จนคริสโตเฟอร์ต้องโทรศัพท์กลับไปหาทางทีมงานอีกครั้ง และส่งให้โจว์คุยด้วยตัวเอง เพื่อความสบายใจ และทางทีมงานนิตยสารที่ไปถ่ายทำ ก็ยังคงยืนยันอยู่เช่นเดิมว่าเป็นอุบัติเหตุ
เธอเหยียบชายเสื้อคลุมพลาด และกลิ้งตกลงจากบันไดหินหน้าหาดของโรงแรม ในระหว่างถ่ายทำแฟชั่น ศีรษะของเธอกระแทก จนไม่ได้สติ
...ฟังแล้วเหมือนอุบัติเหตุ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาตลอด จนถึงวันนี้ เรื่องทุกเรื่องฟังดูไร้สาระจนน่าเชื่อถือ หากบอกให้ใคร ๆ ฟัง หรือแม้แต่แจ้งตำรวจ ไร้ซึ่งพยานที่น่าเชื่อถือ
แต่เรื่องทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นจริง...
เสียงโทรศัพท์ของคริสโตเฟอร์ดังขึ้นอีกครั้ง... สีหน้าของเจ้าของเครื่องขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อมองดูหมายเลขโทรศัพท์ ก่อนกดรับสาย
“ครับ...อย่างนั้นหรือครับ...อ๋อครับ...ขอบคุณครับ”
คริสโตเฟอร์เอ่ยไปสั้น ๆ ทั้งน้ำเสียงและสีหน้ามีแววประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนตัดสัญญาณ
“โจว์...ทางนิตยสารแจ้งมาว่า มีญาติของเจนนี่มาติดต่อขอรับเธอไปรักษาต่อ เราคงไม่ต้องไปบาฮาม่าแล้ว”
เหตุการณ์เปลี่ยนจนโจว์รู้สึกว่าเรื่องมันช่างง่ายดายมากเกินเหตุ จนเขาอยากจะหัวเราะให้กลิ้งตกไปจากรถ
“เป็นไปไม่ได้!...ตลกน่าคริส แค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีนี่อ่ะนะ...จนจะถึงสนามบินอยู่แล้ว....แล้ว เจนนี่รึมีญาติ ตั้งแต่คบมากันไม่เคยได้ยิน เธอเอ่ยถึงใครเลย”
โจว์ขมวดคิ้วยังไม่หายข้องใจ ดึงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือคนข้าง ๆ เขากดเบอร์ของเจนนี่ หมายเลขทวนกลับมาเป็นชื่อแปลก ๆ คริสโตเฟอร์คงตั้งไว้เป็นชื่อร้านของเจนนี่ เขาไม่มีเวลามากพอใส่ใจ ได้แต่แนบหูฟัง สัญญาณแจ้งกลับว่าไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
เจ้าของบริษัทโฆษณาหนุ่มปิดโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์เต็มที่ หากเจนนี่มีญาติ เธอควรจะเอ่ย หรือพูดถึง หลายปีที่รู้จักเธอ เธอไม่เคยพูดถึงด้วยซ้ำ
“แต่เขาจัดการจ่ายค่าหมอ จ่ายค่าโรงพยาบาล และติดต่อผ่านมาทางทีมงานนิตยสารแล้ว เธอถูกส่งกลับมาแล้ว”
“กลับไปที่ไหน ไม่มีทาง!! มันต้องเป็นพวกนรกบรรลัยนั่น แล้วใครพาเจนนี่ไปที่ไหน" น้ำเสียงที่กราดเกรี้ยว จนคริสโตเฟอร์ต้องเอื้อมมือมาแตะบ่า และเตือนสติ
“ใจเย็น ใจเย็น ไอ้น้องชาย...มันอาจเป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของนาย มันเป็นความบังเอิญมากกว่า”
“ใครพาเธอไป”
“พ่อของเธอเอง เจนนี่กลับบ้านไปแล้ว”
“บ้านที่ไหน... พวกนรกมันเอาตัวเธอไปแล้วต่างหาก คริสเราต้องพาเธอกลับมา”
“ใจเย็น ๆ โจว์ นายรู้จักบ้านพ่อของเจนนี่หรือเปล่าล่ะ...”
โจว์ส่ายหัวแทนคำตอบ รู้สึกความคั่งแค้นออกมาพรั่งพรู ที่เขาไม่อาจทำอะไรได้ ทุกเรื่องมันต้องเกี่ยวโยงกัน ชายหนุ่มมั่นใจ มันไม่ได้ส่งเพียงสาสน์จากนรก หยิบยื่น ยัดเยียดความตายให้เพียงแต่เขา แต่มันเริ่มคืบคลาน เหมือนเงามรณะ ไล่ล่ากลืนกินไปยังคนรอบตัวเขา พวกมันคงรู้ดีว่าคนที่เขาสนิทสนมด้วยมากที่สุด ก็มีเพียงหญิงสาวคนนี้เพียงเท่านั้น
คนเจ็บเผลอกำมือแน่น เขาคงนิ่งนอนใจไม่ได้แล้ว ไม่รู้ใครจะเป็นเป้าหมายต่อไป บางสิ่งยังคงตามรบกวนจิตใจเขา โจว์พยายามรวบรวมความคิด...
น่าแปลก ที่มันแค่ขู่ แค่เตือนเขา แต่มันไม่ต้องการฆ่าเขา หลังจากนั้นมันเริ่มทำร้ายคนอื่นรอบ ๆ ตัวเขา จริง ๆ แล้วจุดมุ่งหมายของมันคืออะไร มันต้องการอะไรจากเขากันแน่ เขาไม่มีหลักฐานข้อมูลใด ๆ เพียงแค่จดหมายฉบับนั้นไม่มากพอที่จะให้เขาไปกับความจริงใด ๆ
แต่บางทีถ้าเขาเอาตัวเองเป็นเป้าล่อเต็ม ๆ และย้อนรอยกลับไป
หากเขาเป็นผู้ไล่ล่ากลับเสียเอง แล้วฟาดฟันกับพวกมันด้วยตนเอง เขาคงรู้แน่นอนว่าพวกมันคือใคร แต่ทำอย่างไรที่มันจะย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง...
“เรากลับไปตั้งต้นที่บ้าน แล้วหาวิธีสาวเรื่องกลับไปอีกที...นายจะสบายใจขึ้นมั้ย”
“ไม่!...เลี้ยวรถคริส เราลองไปที่ร้านเจนนี่ดู เผื่อได้ข้อมูลของเธอเพิ่มเติม อย่างน้อยที่ร้านน่าจะรู้เรื่องพ่อของเธอ”
คริสโตเฟอร์เลี้ยวรถกลับที่มุมถนนข้างหน้า เพื่อกลับเข้าไปในเมืองใหม่อีกครั้ง แทนคำตอบ โจว์นั่งเงียบขรึม เหมือนครุ่นคิดอะไรอย่างนัก จนคริสโตเฟอร์เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่อึดอัด
บางความคิดไม่อาจปฏิเสธความเห็นของโจว์ไปได้ มีความเป็นไปได้ถึงพันเปอร์เซ็นต์ที่พวกนั้นจะข้ามฟ้าไปเล่นเอาเถิดกับโจว์ โดยใช้เจนนี่เป็นเครื่องต่อเรื่อง
แต่มันคือเรื่องอะไร
มันต้องการอะไรกันแน่
สุดท้ายคริสโตเฟอร์ รู้สึกเหมือนมืดแปดด้าน
เมื่อมาถึงร้านของเจนนี่ โจว์รีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่คำตอบของพนักงานต้อนรับในร้านของเธอ ก็เหมือนจะทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้น แต่มันกลับมืดมนยิ่งขึ้น
เจนนี่มีบ้าน มีครอบครัว ทุกอย่างเป็นความจริง โจว์รู้สึกปวดหัวร้าวขึ้นมาอีกครั้ง ความจริงที่เขาไม่เคยรู้ หรือเพียงแต่เขาไม่เคยถามกันแน่
หรือเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเจนนี่ จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องบังเอิญ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเขา...
“ติดต่อไม่ได้ค่ะ คงอยู่ในระหว่างการเดินทางมั้งคะ คุณพ่อของคุณเจนนี่ก็แจ้งมาแล้ว คงอีกวันล่ะค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวสวยของร้าน เอ่ยขึ้นขณะวางหูโทรศัพท์ของร้าน
โจว์ยืนนิ่ง สบตากับ คริสโตเฟอร์ เขาพยายามครุ่นคิดและใช้สติให้มากที่สุด สมองประมวลเรื่องราวของเจนนี่ จริงสิ เขารู้เรื่องของเธอน้อยมาก เหมือนแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่เธอต่างหากเป็นคนติดต่อเขา
“ขอที่อยู่ของเธอได้มั้ยครับ”
หญิงสาวทำตามคำขอของโจว์ เธอหยิบกระดาษโน้ต และเขียนที่อยู่ของเจนนี่ให้ สีหน้าของเจ้าของบริษัทโฆษณาร้อนรนออกจากร้าน จนแทบจะไม่ได้กล่าวลาหญิงสาว คริสโตเฟอร์กล่าวขอบคุณ และเดินตามออกมา
“ไว้ไปพรุ่งนี้เถอะโจว์ นายควรจะนอนพัก กว่าจะไปถึงก็ดึก ทางนั้นเขาก็ต้องเพิ่งมาถึงเหมือนกัน เราจะไปกันตอนเช้าเลย หากที่นั่นคือบ้านของเธอจริง ยังไงเธอก็ต้องอยู่” คริสโตเฟอร์ตัดบท และขับไปส่งโจว์ที่บ้าน...
(ยังมีต่อ)