บทที่ 15
การเผชิญหน้า (จบบริบูรณ์)
โจว์ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาได้หลับสนิท ยาวนาน สดชื่นพร้อมกับการทำงานในวันนี้ อาจจะ 11 เดือน หรือเกือบ 12 เดือนเต็มแล้ว
และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกพร้อมยิ้มรับ และพูดจากับคนอื่น ๆ ได้อย่างสบายใจ
ชายหนุ่มใช้เวลาที่ผ่านมาอย่างยากเย็น มันยากมากที่จะให้ตัวเองกลับมารู้สึกมีชีวิตปกติ เขาต้องพบแพทย์ กินยารักษา พักฟื้น ฟื้นฟูตัวเองอยู่นานหลายเดือน และพร้อมที่จะคิดย้อนกลับไปเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างไม่มีความรู้สึกอะไร
ไม่มีอาการหลอนทางจิต ไม่มีฝันร้าย ไม่มีการหวาดกลัว หวาดระแวงคนแปลกหน้า หรือคนใกล้ตัว...
ไม่มีเงาดำมืดในชีวิตอีกต่อไป...
ถึงแม้จะไม่มีเงามืด แต่เขาก็รู้ดีว่า บาดแผลทางกายหายสนิท ไม่มีแผลเป็นให้มองเห็นเตือนใจ แต่มันกลายเป็นบาดแผลที่อยู่ในหัวใจของเขา และมันยังคงอยู่ที่เดิม มันไม่อักเสบ เจ็บปวด ระบมทุกข์ทน มันแค่แปรเปลี่ยนกลายเป็นแผลเป็นที่ไม่ส่งผลอะไรกับสภาพร่างกาย หรือจิตใจ เพียงแค่มันยังอยู่ตรงนั้น และไม่ได้หายไปเท่านั้นเอง
เขาได้เรียนรู้หลายอย่างในวันเวลาที่เงาค่อยเคลื่อนผ่านออกไปชีวิต เขาเปลี่ยนบทบาทตัวเองจากผู้บริหาร เป็นเพียงที่ปรึกษา ส่งมอบงานเกือบทั้งหมด และหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้กับนอร่าและลูกชาย เพื่อให้บริหารงานของบริษัทโฆษณาเฟอร์ริกแอดเวอร์ไทซิ่ง บริษัทโฆษณาเล็ก ๆ เก่าแก่ของครอบครัวต่อ
นอร่าอยู่กับพ่อเขามาตั้งแต่แรกรับงานมาจากปู่ รู้ถึงเรื่องราวของบริษัท ของงาน ของคนในเมืองนี้ความสามารถของเธอมีมากกว่าเลขา หรือผู้ช่วย เธอและครอบครัวสมควรจะได้รับสิ่งตอบแทนนี้ เธอและลูกชายบริหารงานได้ดีเยี่ยม ในช่วงเวลาที่เขารักษาตัว นาน ๆ ทั้งสองคนจะมากวนปรึกษางานมากงานที่ค้างอยู่บ้าง แต่ถึงวันนี้ไม่มีอะไรให้เขาห่วงงานในบริษัทอีกต่อไป
เขามีเวลามากมาย ให้กับเส้นทางใหม่ของตัวเอง...
ช่วงเวลาบำบัด การวาดรูปไม่เพียงแต่ช่วยรักษา ฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ แต่ช่วยให้เขาอยู่กับตัวเอง ได้เผชิญหน้า ยอมรับกับความจริง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้พบเวลาว่างที่เป็นความสุขกับสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในใจเขามาเนิ่นนาน
ครั้งหนึ่งมันเป็นเพียงงานอดิเรก ที่เขาโหยหา ยากจะมีเวลาว่างได้อย่างเต็มที่ แต่เพียงแค่ไม่ถึงปีเขาวาดรูปเกือบพัน ภาพวิว ภาพทิวทัศน์ของเมือง จนเมื่อเขามั่นใจ แข็งแกร่งมากพอ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบาดแผลความรู้สึกในใจของตัวเอง เขาเลือกก้าวผ่าน ด้วยบันทึกความทรงจำ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ผ่านผืนผ้าใบ สีและพู่กัน
โจว์ตัดสินใจซื้อตึกอพาร์ตเมนต์ และเปลี่ยนชั้นล่างที่เคยเป็นสำนักงานเก่าให้เป็นแกลอรี่ห้องแสดงผลงานของเขา แกลอรี่เล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย เขาให้เจ้าหน้าที่ที่เคยดูแลอพาร์ตเมนต์เดิมทำหน้าที่ช่วยดูแล
1 เดือนเต็มกับการเปิดตัวแกลอรี่ และจัดแสดงผลงานภาพชุดที่ดีที่สุดของเขา ซึ่งไม่ได้จัดหรูหรา อลังการใหญ่โต ไม่ได้เชิญแขกคนสำคัญ แค่เพียงลงประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บเพจงานศิลปะของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่มันก็ทำให้เขาดีใจที่มีคนใหญ่โต คนสำคัญในเมือง ลูกค้าเก่า ๆ นักศิลปะต่างเมืองที่มาร่วมแสดงความยินดี มีผู้คนที่รักงานศิลปะแวะเวียนมาไม่ได้ขาด
ทุกเสียงต่างชื่นชมในผลงานของเขา หลายภาพถูกจับจอง และหลายภาพที่โจว์ปฏิเสธ เขาเพียงต้องการเก็บเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ในความทรงจำ โดยเฉพาะภาพสำคัญในชุดของ “เงาเพลิง” กับการแสดงภาพวันสุดท้ายในวันนี้
วันสุดท้ายของเย็นนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาปิด ผู้คนเริ่มบางตา แต่เหมือนจะยังมีผู้ชายเคราดกหนาในโอเวอร์โคทอยู่ในส่วนแสดงของภาพชุด เงาเพลิง มานับหลายชั่วโมง อดไม่ได้ที่โจว์จะเดินเข้าไปหาเงียบ ๆ เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเขามายืนใกล้ ๆ ก่อนจะได้พูดต้อนรับตามปกติ
“ภาพเหล่านี้ กับสิ่งที่ผ่านมา นายคงเจ็บปวดมากน่าดู ฉันเสียใจนะ ที่มีส่วนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้ปกป้อง ช่วยเหลืออะไรนายเลย”
โจว์ผงะ เสียงที่เคยคุ้นเคยมาอย่างยาวนาน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงนี้ ไม่คิดว่าจะได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ในสภาพนี้
“คริส!! คริสโตเฟอร์นายหายหัวไปอยู่ที่ไหนมา”
หนึ่งคนในชีวิตที่ผ่านไปกับเงามืด นับว่าเขาใจเย็น และสงบมากพอ ที่เอ่ยปากออกไปแบบนั้น
“ขอโทษนะโจว์ ยกโทษในสิ่งที่ฉันทำลงไป ไม่มีโอกาสได้อธิบาย ฉันไม่มีความกล้าพอ ที่จะเผชิญหน้ากับนาย ไงฉันก็มีส่วนเต็ม ๆ ในเหตุการณ์ และเรื่องของผู้หญิงคนนั้น...ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น นายกลับเข้มแข็งกว่าฉันมาก”
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว แค่นายปลอดภัยดี และมายืนอยู่ตรงนี้ นายก็ต้องเข้มแข็งมากพอเหมือนกัน”
สำหรับโจว์ เขาไม่มีอะไรจะต้องโกรธแค้น หรือติดค้างฝังใจคริสโตเฟอร์ ทุกคนต่างมีชีวิต มีเส้นทางของตัวเอง ความเสียใจที่เหมือนโดนหักหลังผ่านไปแล้ว กับแค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ ความผูกพันที่มาชั่วชีวิตได้อย่างแน่นอน
“ก็ต้องขอบคุณนาย เหมือนนายจะช่วยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น ฉันเสียใจ...”
น้ำเสียงแผ่วเบา ยังย้ำการขอโทษ เหมือนขาดความมั่นใจ ไม่เหมือนคริสโตเฟอร์คนเดิมที่โจว์รู้จักอีกเลย
“ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะ ที่อยู่ในเงามืด... โจว์ ฉันเองก็ทุกข์ทนอยู่ในเงามืดของพ่อมาตลอด... เส้นทางที่ฉันไม่ได้เลือก และต้องติดอยู่ในเปลวเพลิงของผู้หญิงคนนั้น”
โจว์เริ่มเข้าใจถึงความรู้สึก ความในใจของคริสโตเฟอร์ ที่เขาไม่เคยคิด และไม่แปลกใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้วสำหรับเขา ไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้นเรื่องราวต่าง ๆ ให้กลับคืนมา
“ช่างมันเถอะ เวลาสอนบทเรียนทุกอย่าง พระเจ้ามีเหตุผลให้เราใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ เราต่างเติบโต การที่ฉันเห็นนายวันนี้ ฉันก็เชื่อว่า นายพ้นจากเงามืดของเพลิงทุกข์ทรมานมาได้เหมือนกัน...” โจว์เงียบไปชั่วอึดใจ กว่าจะเอ่ยคำพูดต่อ
“...สำหรับฉัน มิตรภาพของเรามีค่าเกินกว่าสิ่งใด ๆ ... เราแค่ต่างถูกล่อลวงให้ตกอยู่เพลิง”
โจว์เอ่ยเป็นชื่อภาพที่อยู่เบื้องหน้า เปลวไฟสีส้มอันร้อนแรง หรือแม้แต่ภาพเงามืดในภาพถัดไป ไม่ทำอะไรโจว์ได้อีก ซึ่งเหมือนจะต่างจากคริสเตอร์เฟอร์ ที่เขาเพิ่งเริ่มจะพยายาม
สำหรับเขาเมื่อมาถึงการเผชิญหน้า ความเจ็บปวดเลือนหายเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณนะ ได้ยินอย่างนี้ก็เหมือนจะโล่งใจ... ยินดีด้วยกับผลงาน กับเส้นทางชีวิตใหม่ของนาย”
โจว์เริ่มหัวเราะ เมื่อเห็นคริสโตเฟอร์เริ่มยิ้มได้
“บางที ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้น ฉันคงไม่ได้มาอยู่บนเส้นทางนี้ นับว่าต้องขอบคุณทั้งนาย และเจนนี่ ดีใจนะที่นายมาด้วยตัวเอง...”
ชายหนุ่มเอ่ยต่อ พยายามเปลี่ยนเรื่องให้ห่างจาก เงาของอดีต
“แวะไปหานอร่าบ้างนะ เธอบ่นถึงนายตลอดเวลา และรอให้นายกลับไปทำงาน... สำหรับพวกเรานายกลับมาที่เดิมได้เสมอ”
“ฝากความเสียใจ ที่ฉันทำตัวเหมือนไม่รับผิดชอบแบบนั้น... มันยากที่จะกลับไปมีชีวิตแบบเดิม แม้ฉันจะไม่ได้เลือกเส้นทางต่อกับเจนนี่ก็ตาม... ฉันคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ที่จะค้นพบตัวเองใหม่อย่างนาย”
“นายเคยเข้มแข็ง แกร่งกว่าฉันมากนัก นายต้องผ่านพ้น และพบเส้นทางของตัวเองแน่นอน”
เหมือนสิ้นสุดที่ประโยคสุดท้าย คริสโตเฟอร์ไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก โจว์เองก็เช่นกัน เหมือนคนตรงหน้ายังมองสองภาพอยู่เนิ่นนาน เจ้าตัวคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย เพื่อให้หลุดพ้นจากกองเพลิง จากเงามืดของตัวเอง
แต่สำหรับเขา โจว์ค่อนข้างมั่นใจ ไม่มีเงามืดใด ๆ เหลืออยู่ในชีวิตของเขาอีกต่อไป
(เลื่อนลงไปอ่านต่อน้าาา)
เงาเพลิง โดย พรายทราย บทที่ 15 การเผชิญหน้า (จบบริบูรณ์)
การเผชิญหน้า (จบบริบูรณ์)
โจว์ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาได้หลับสนิท ยาวนาน สดชื่นพร้อมกับการทำงานในวันนี้ อาจจะ 11 เดือน หรือเกือบ 12 เดือนเต็มแล้ว
และเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกพร้อมยิ้มรับ และพูดจากับคนอื่น ๆ ได้อย่างสบายใจ
ชายหนุ่มใช้เวลาที่ผ่านมาอย่างยากเย็น มันยากมากที่จะให้ตัวเองกลับมารู้สึกมีชีวิตปกติ เขาต้องพบแพทย์ กินยารักษา พักฟื้น ฟื้นฟูตัวเองอยู่นานหลายเดือน และพร้อมที่จะคิดย้อนกลับไปเรื่องราวที่เกิดขึ้น อย่างไม่มีความรู้สึกอะไร
ไม่มีอาการหลอนทางจิต ไม่มีฝันร้าย ไม่มีการหวาดกลัว หวาดระแวงคนแปลกหน้า หรือคนใกล้ตัว...
ไม่มีเงาดำมืดในชีวิตอีกต่อไป...
ถึงแม้จะไม่มีเงามืด แต่เขาก็รู้ดีว่า บาดแผลทางกายหายสนิท ไม่มีแผลเป็นให้มองเห็นเตือนใจ แต่มันกลายเป็นบาดแผลที่อยู่ในหัวใจของเขา และมันยังคงอยู่ที่เดิม มันไม่อักเสบ เจ็บปวด ระบมทุกข์ทน มันแค่แปรเปลี่ยนกลายเป็นแผลเป็นที่ไม่ส่งผลอะไรกับสภาพร่างกาย หรือจิตใจ เพียงแค่มันยังอยู่ตรงนั้น และไม่ได้หายไปเท่านั้นเอง
เขาได้เรียนรู้หลายอย่างในวันเวลาที่เงาค่อยเคลื่อนผ่านออกไปชีวิต เขาเปลี่ยนบทบาทตัวเองจากผู้บริหาร เป็นเพียงที่ปรึกษา ส่งมอบงานเกือบทั้งหมด และหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้กับนอร่าและลูกชาย เพื่อให้บริหารงานของบริษัทโฆษณาเฟอร์ริกแอดเวอร์ไทซิ่ง บริษัทโฆษณาเล็ก ๆ เก่าแก่ของครอบครัวต่อ
นอร่าอยู่กับพ่อเขามาตั้งแต่แรกรับงานมาจากปู่ รู้ถึงเรื่องราวของบริษัท ของงาน ของคนในเมืองนี้ความสามารถของเธอมีมากกว่าเลขา หรือผู้ช่วย เธอและครอบครัวสมควรจะได้รับสิ่งตอบแทนนี้ เธอและลูกชายบริหารงานได้ดีเยี่ยม ในช่วงเวลาที่เขารักษาตัว นาน ๆ ทั้งสองคนจะมากวนปรึกษางานมากงานที่ค้างอยู่บ้าง แต่ถึงวันนี้ไม่มีอะไรให้เขาห่วงงานในบริษัทอีกต่อไป
เขามีเวลามากมาย ให้กับเส้นทางใหม่ของตัวเอง...
ช่วงเวลาบำบัด การวาดรูปไม่เพียงแต่ช่วยรักษา ฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ แต่ช่วยให้เขาอยู่กับตัวเอง ได้เผชิญหน้า ยอมรับกับความจริง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้พบเวลาว่างที่เป็นความสุขกับสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในใจเขามาเนิ่นนาน
ครั้งหนึ่งมันเป็นเพียงงานอดิเรก ที่เขาโหยหา ยากจะมีเวลาว่างได้อย่างเต็มที่ แต่เพียงแค่ไม่ถึงปีเขาวาดรูปเกือบพัน ภาพวิว ภาพทิวทัศน์ของเมือง จนเมื่อเขามั่นใจ แข็งแกร่งมากพอ พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับบาดแผลความรู้สึกในใจของตัวเอง เขาเลือกก้าวผ่าน ด้วยบันทึกความทรงจำ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับชีวิตของเขา ผ่านผืนผ้าใบ สีและพู่กัน
โจว์ตัดสินใจซื้อตึกอพาร์ตเมนต์ และเปลี่ยนชั้นล่างที่เคยเป็นสำนักงานเก่าให้เป็นแกลอรี่ห้องแสดงผลงานของเขา แกลอรี่เล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย เขาให้เจ้าหน้าที่ที่เคยดูแลอพาร์ตเมนต์เดิมทำหน้าที่ช่วยดูแล
1 เดือนเต็มกับการเปิดตัวแกลอรี่ และจัดแสดงผลงานภาพชุดที่ดีที่สุดของเขา ซึ่งไม่ได้จัดหรูหรา อลังการใหญ่โต ไม่ได้เชิญแขกคนสำคัญ แค่เพียงลงประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์ นิตยสาร เว็บเพจงานศิลปะของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ แต่มันก็ทำให้เขาดีใจที่มีคนใหญ่โต คนสำคัญในเมือง ลูกค้าเก่า ๆ นักศิลปะต่างเมืองที่มาร่วมแสดงความยินดี มีผู้คนที่รักงานศิลปะแวะเวียนมาไม่ได้ขาด
ทุกเสียงต่างชื่นชมในผลงานของเขา หลายภาพถูกจับจอง และหลายภาพที่โจว์ปฏิเสธ เขาเพียงต้องการเก็บเหตุการณ์ต่าง ๆ ไว้ในความทรงจำ โดยเฉพาะภาพสำคัญในชุดของ “เงาเพลิง” กับการแสดงภาพวันสุดท้ายในวันนี้
วันสุดท้ายของเย็นนี้ อีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาปิด ผู้คนเริ่มบางตา แต่เหมือนจะยังมีผู้ชายเคราดกหนาในโอเวอร์โคทอยู่ในส่วนแสดงของภาพชุด เงาเพลิง มานับหลายชั่วโมง อดไม่ได้ที่โจว์จะเดินเข้าไปหาเงียบ ๆ เหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าเขามายืนใกล้ ๆ ก่อนจะได้พูดต้อนรับตามปกติ
“ภาพเหล่านี้ กับสิ่งที่ผ่านมา นายคงเจ็บปวดมากน่าดู ฉันเสียใจนะ ที่มีส่วนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ได้ปกป้อง ช่วยเหลืออะไรนายเลย”
โจว์ผงะ เสียงที่เคยคุ้นเคยมาอย่างยาวนาน เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงนี้ ไม่คิดว่าจะได้พบผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ในสภาพนี้
“คริส!! คริสโตเฟอร์นายหายหัวไปอยู่ที่ไหนมา”
หนึ่งคนในชีวิตที่ผ่านไปกับเงามืด นับว่าเขาใจเย็น และสงบมากพอ ที่เอ่ยปากออกไปแบบนั้น
“ขอโทษนะโจว์ ยกโทษในสิ่งที่ฉันทำลงไป ไม่มีโอกาสได้อธิบาย ฉันไม่มีความกล้าพอ ที่จะเผชิญหน้ากับนาย ไงฉันก็มีส่วนเต็ม ๆ ในเหตุการณ์ และเรื่องของผู้หญิงคนนั้น...ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น นายกลับเข้มแข็งกว่าฉันมาก”
“ไม่มีอะไรต้องขอโทษ ทุกอย่างผ่านไปแล้ว แค่นายปลอดภัยดี และมายืนอยู่ตรงนี้ นายก็ต้องเข้มแข็งมากพอเหมือนกัน”
สำหรับโจว์ เขาไม่มีอะไรจะต้องโกรธแค้น หรือติดค้างฝังใจคริสโตเฟอร์ ทุกคนต่างมีชีวิต มีเส้นทางของตัวเอง ความเสียใจที่เหมือนโดนหักหลังผ่านไปแล้ว กับแค่ผู้หญิงคนเดียว ไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ ความผูกพันที่มาชั่วชีวิตได้อย่างแน่นอน
“ก็ต้องขอบคุณนาย เหมือนนายจะช่วยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น ฉันเสียใจ...”
น้ำเสียงแผ่วเบา ยังย้ำการขอโทษ เหมือนขาดความมั่นใจ ไม่เหมือนคริสโตเฟอร์คนเดิมที่โจว์รู้จักอีกเลย
“ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะ ที่อยู่ในเงามืด... โจว์ ฉันเองก็ทุกข์ทนอยู่ในเงามืดของพ่อมาตลอด... เส้นทางที่ฉันไม่ได้เลือก และต้องติดอยู่ในเปลวเพลิงของผู้หญิงคนนั้น”
โจว์เริ่มเข้าใจถึงความรู้สึก ความในใจของคริสโตเฟอร์ ที่เขาไม่เคยคิด และไม่แปลกใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้วสำหรับเขา ไม่มีประโยชน์ที่จะรื้อฟื้นเรื่องราวต่าง ๆ ให้กลับคืนมา
“ช่างมันเถอะ เวลาสอนบทเรียนทุกอย่าง พระเจ้ามีเหตุผลให้เราใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ เราต่างเติบโต การที่ฉันเห็นนายวันนี้ ฉันก็เชื่อว่า นายพ้นจากเงามืดของเพลิงทุกข์ทรมานมาได้เหมือนกัน...” โจว์เงียบไปชั่วอึดใจ กว่าจะเอ่ยคำพูดต่อ
“...สำหรับฉัน มิตรภาพของเรามีค่าเกินกว่าสิ่งใด ๆ ... เราแค่ต่างถูกล่อลวงให้ตกอยู่เพลิง”
โจว์เอ่ยเป็นชื่อภาพที่อยู่เบื้องหน้า เปลวไฟสีส้มอันร้อนแรง หรือแม้แต่ภาพเงามืดในภาพถัดไป ไม่ทำอะไรโจว์ได้อีก ซึ่งเหมือนจะต่างจากคริสเตอร์เฟอร์ ที่เขาเพิ่งเริ่มจะพยายาม
สำหรับเขาเมื่อมาถึงการเผชิญหน้า ความเจ็บปวดเลือนหายเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอบคุณนะ ได้ยินอย่างนี้ก็เหมือนจะโล่งใจ... ยินดีด้วยกับผลงาน กับเส้นทางชีวิตใหม่ของนาย”
โจว์เริ่มหัวเราะ เมื่อเห็นคริสโตเฟอร์เริ่มยิ้มได้
“บางที ถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้น ฉันคงไม่ได้มาอยู่บนเส้นทางนี้ นับว่าต้องขอบคุณทั้งนาย และเจนนี่ ดีใจนะที่นายมาด้วยตัวเอง...”
ชายหนุ่มเอ่ยต่อ พยายามเปลี่ยนเรื่องให้ห่างจาก เงาของอดีต
“แวะไปหานอร่าบ้างนะ เธอบ่นถึงนายตลอดเวลา และรอให้นายกลับไปทำงาน... สำหรับพวกเรานายกลับมาที่เดิมได้เสมอ”
“ฝากความเสียใจ ที่ฉันทำตัวเหมือนไม่รับผิดชอบแบบนั้น... มันยากที่จะกลับไปมีชีวิตแบบเดิม แม้ฉันจะไม่ได้เลือกเส้นทางต่อกับเจนนี่ก็ตาม... ฉันคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ที่จะค้นพบตัวเองใหม่อย่างนาย”
“นายเคยเข้มแข็ง แกร่งกว่าฉันมากนัก นายต้องผ่านพ้น และพบเส้นทางของตัวเองแน่นอน”
เหมือนสิ้นสุดที่ประโยคสุดท้าย คริสโตเฟอร์ไม่ได้เอ่ยอะไรต่ออีก โจว์เองก็เช่นกัน เหมือนคนตรงหน้ายังมองสองภาพอยู่เนิ่นนาน เจ้าตัวคงต้องใช้เวลาอีกไม่น้อย เพื่อให้หลุดพ้นจากกองเพลิง จากเงามืดของตัวเอง
แต่สำหรับเขา โจว์ค่อนข้างมั่นใจ ไม่มีเงามืดใด ๆ เหลืออยู่ในชีวิตของเขาอีกต่อไป
(เลื่อนลงไปอ่านต่อน้าาา)