โยนิโสมนสิการ พระไตรปิฎก

กระทู้สนทนา
เมื่อจิตมีสมาธิ จิตใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ ๑๕-๒๐ นาที จนปิติสารอะดรีนาลีนหลั่ง ขนลุกไปทั่วร่างกาย แล้วกลับมีพลังพิเศษเพิ่มขึ้น มันคืออะไร? ตอนอายุ ๑๕ ตั้งใจจะซักกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ฟอกให้สีลอกออกจนเกือบขาว สมัยนั้นฮิตมาก นั่งฟอกด้วยแปรงอยู่เกือบชม. หอบและเหนื่อยมาก พยายามสร้างลมหายใจให้เป็นจังหวะ (ตอนนั้นศาสนา สติ สมาธิ อะไรไม่รู้จัก) มีสมาธิอยู่กับการฟอกมาก ไม่ได้คิดอะไรเลย จู่ๆก็ขนลุกไปทั้งตัว เหมือนสารความสุขในร่างกายหลั่ง(ปิติ) รู้สึกมีกำลังมากขึ้น ตาจะโล่งใสมองชัดมาก หูก็โล่งได้ยินชัดมาก สมองก็โล่ง จิตใจจะรู้สึกผ่อนคลายสบายมาก เสร็จก็ลองไปวิ่งและกระโดดสูงดู ชวนพี่และน้าให้มาลองแข่งกัน (นักกีฬาทั้งบ้าน) ปรากฎว่าพี่และน้าสู้ไม่ได้ทั้งๆที่ไม่เคยชนะเขาเลย เพราะเราตัวเล็กกว่า กระโดดสูงก็เคยได้แค่บ่า วันนั้นกระโดดเลยหัวทุกครั้ง ก็งงมาตลอด ทุกครั้งที่ทำอะไรแล้วมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ หายใจหอบแล้วเหนื่อยมากติดต่อกัน ๒๐ นาทีขึ้นไป แล้ววันไหนสารอะดรีนาลีนหลั่ง (ปิติ) ก็จะมีพลังพิเศษนี้เสมอ ประมาณ ๑ ชม. มีสมาธิกับการเรียนและการงานอยู่ประมาณ ๑๕ วัน มันเป็นสติ สมาธิ แบบสมถะหินทับหญ้ามั้ย เพราะไม่มีความคิดใดๆเลย

ให้ธรรมอันเป็นเอกผุดมีขึ้น ธรรมเป็นเอกคือ เอกกัคคตา จิตที่รวมทวารทั้ง 6 เป็น 1 อยู่ที่ลมหายใจ การเข้าสภาวะเอกัคคตาเข้าด้วยอาณาปานสติ สมถะกรรมฐาน (มรรค ความสงบ หนทาง) จิตที่ตามลมหายใจเข้าออกอย่างมีจังหวะ ให้ยาวและลึกโดยสติไม่หลุดจากสมาธิเลย 20 นาที จนเกิดมวลน้ำผุดมีขึ้นที่สะดือ (ให้ธรรมอันเป็นเอกผุดมีขึ้น) ดันน้ำนั้นขึ้นไปจนปิดหูทั้ง 2 ข้าง เสียงก็จะดับไป ลมหายใจก็ดับไป จิตที่เกาะลมเป็นเอกอยู่ก็ดับไป (หายไป) เป็นสภาวะไม่หายใจ เงียบ ว่าง อยู่สักพัก (สุญญตา) แล้วกลับมาได้ยินเสียงหัวใจเต้น ปีบๆ ตึกๆ นั่งฟังอยู่นานมาก ก็ตกใจกลัวตาย เพราะมันไม่ยอมหายใจ จึงรีบถอยออกมา (ไปไม่สุดทาง) ผมพึ่งมาเข้าใจว่าทำไมมันจึงอยู่อย่างนั้นได้ โดยไม่หายใจ ก็เพราะ(ปิติ)สารความสุข อดรีนาลีนมันหลั่งไปทั้งร่างกาย มันจึงหล่อเลี้ยงสภาพพิเศษนั้นไว้ ไม่กินข้าวเป็นวันๆยังอยู่ได้สบายๆเลย ไม่หิว ถ้า(ปิติ)เกิด เรียกว่าร่างกายอิ่มสุข เหมือนได้น้ำเกลือผสมกลูโคส
25 ปี ที่ปฏิบัติ เข้าเอกกัคคตาได้แค่ครั้งเดียวในปีที่ 2 ของการปฏิบัติ ทุกวันนี้ยังเข้าไม่ได้อีกเลย เพราะบอกหวยภรรยา 2 ครั้ง แต่ไม่ได้ซื้อ (ท่านห้ามแสดงมันจะเสื่อม) เอกกัคคตาเข้ายากมากถ้าไม่ตั้งใจจริง ทวนกระแสจริงๆ ก็มัวแต่ไปนั่งดูลมสั้นลมยาว หรือนั่งคิดจึงเข้าเอกัคคตากันไม่ได้ ตำราหนอตำรา?
การเห็นไฟราคะ (อารมณ์ทางเพศ) ไฟโทสะ (อารมณ์โกรธ) ไฟโมหะ(อารมณ์กลัว)
เมื่อมีผัสสะมากระทบจนจิตเคลื่อนออกจากฐานและกลับฐานเลย 1-2 วินาที แต่อารมณ์มันเกิดไปแล้ว จะมองเห็นเลือดในกายสูบฉีบจากขั้วลิ้นหัวใจพุ่งไปทั้งร่างกาย มองทะลุเสื้อผ้าเนื้อหนัง  เห็นด้วยตาเปล่า มิได้เห็นด้วยปัญญา ด้วยการพิจารณาใดๆ เห็นในขณะใช้ชีวิตประจำวัน มิได้นั่งสมาธิ มันมาของมันเอง เห็นคนละครั้งคนละวันกัน ต่างกรรมต่างวาระ แต่ก็ยังกำหนดลมอยู่ตลอดเวลา
การเห็นพญามารก็เห็นในชีวิตประจำวันปกติ คือการเห็นความคิดที่มันปรุงแต่งออกมาทดสอบเรา เป็นภาพเรียกนิมิต เห็นการทำงานของสมองจิตที่ตกค้างข้อมูลของจิตใต้สำนึก เห็นจริง มันออกมาจริง แต่สิ่งที่เห็นนั้นไม่มีจริง (เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว หลังคาเราก็รื้อเสียแล้ว เสาเรือนเราก็หักเสียแล้ว เจ้าจะสร้างโครงเรือนให้เราไม่ได้อีกต่อไป เจ้าไม่มีตัวตน(อนัตตา))
การบรรลุนิพพานต้องสำเร็จสมาธิขั้นสูงสุด จิตต้องรวมทวารทั้ง 6 เป็น 1 อยู่ที่ลมหายใจ (อินทรีย์5 พละ5 สมบูรณ์แล้ว) โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว สุญญตาจิตว่างอยู่อย่างนั้น จิตเลือกที่จะคิดหรือไม่คิดก็ได้ (โลกุตรธรรม) จิตอยู่เหนือโลกคือจิตอยู่เหนือธรรมชาติแล้ว ฌานเป็นของฤาษี   ฤาษีชอบเข้าฌาน  มิใช่ของพุทธ  พระไตรปิฏกเขียนมาไม่ครบ เรียงมาไม่ถูก จำมาไม่หมด ผู้แปลมิได้บรรลุ ผู้บรรลุมิได้แปล  เขียน
สติปัฏฐาน 4 คือการหลอกจิต ผูกจิตให้พิจารณาอยู่ในกาย มิให้จิตส่งออก  เมื่อเข้าใจและชำนาญแล้ว เมื่อมีอะไรมากระทบ สติปัญญาจะไวมาก มันจะตอบตัด กลับฐานทันที  ไม่ให้จิตถูกลากถูไป  ปรุงแต่งจนเกิดอารมณ์  อยู่กับสิ่งที่ตนกำหนดคือลมหายใจ นี่คือสมถะและวิปัสสนาที่ต้องทำควบคู่กันไป  จนสมองตอบรับตกผลึกในการทวนกระแสของความคิด แล้ววันหนึ่งการนั่งสมาธิในท่าที่ถูกต้อง ใช้ลมที่ถูกจังหวะ เป็นสมาธิอย่างต่อเนื่อง  จิตจะดำดิ่งเข้าเอกกัคคตา สุญญตา นิพพาน ตามจังหวะของมันเอง  ตรงนี้ต้องมีอาจาย์ เพราะมันไม่หายใจนานมาก (จะตกใจอาจเป็นบ้าที่เรียกว่า ธาตุไฟแตก  เอกัคคตาคือสภาวะ หยิน หยาง)  หรือต้องถอยออกมาเพราะกลัวตาย แล้วจะเข้ายากมาก  3000 ปีทีสูญหาย  ลูกได้แบ่งปันประสบการณ์ต่อเพื่อนร่วมทุกข์แล้ว  ขอทานบารมี  สัจจบารมี ที่ลูกเขียนมาทั้งหมดคือตำราเล่มนึงนี้  เป็นพลวปัจจัยเป็นนิสัยตามส่ง  ให้ลูกเข้าได้อีกครั้งด้วยเถิด  สาธุ  สาธุ
3,000 ปีที่สูญหาย  ถูกกลับกลายเป็นเพ้อเจ้อ  3,000 ปีที่สูญหาย  ลูกขอกลับกลาย ไม่สูญเปล่า!  
เขี้ยวก็สวยดี  อย่าเป็นผู้ว่ายาก สอนยากเลยนะ  อย่าทำลายศาสนาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์เลย  จะบาปหนักเปล่าๆ
ญาณทัสนะอันวิเศษ  ควรแก่พระอริยเจ้า  อันเป็นธรรมอันยิ่งที่เราได้ถึงแล้ว มีอยู่หรือไม่
เราจะไม่เป็นผู้เก้อเขิน  เมื่อถูกเพื่อนสพรหมจารีด้วยกัน  ถามในกาลภายหลัง (ธรรม 10 ประการ)
การเจริญสติ มีกี่วิธีก็ได้ แต่การเข้าถึงพระนิพพาน มีได้วิธีเดียวเท่านั้น
   อัตตา ตัวตนและอารมณ์ (กิเลส ตัณหา อุปปาทาน) มิสามารถปล่อยวางได้โดยวิปัสสนาโดยถ่ายเดียว วางแล้วก็กลับมาแบกใหม่ได้อีก เพราะสมองยังสร้างสารเคมี ยังตกค้างข้อมูลอยู่ 
   ต้องอาศัยสภาพนิพพาน คือความหนึบเย็นของลมหายใจ ที่ร่างกายเซ็ทเสร็จสมบูรณ์และโปรแกรมใหม่จนสมองตัดดังปิ๊งคล้ายเสียงระฆัง (เสียงกังสดาล) แล้วเท่านั้น จึงจะสามารถกำกับควบคุมขันธ์ทั้ง 5 ได้ 
   นิพพาน คือ สภาพหนึบเย็นของร่างกายและจิตใจ เป็นลมปราณของลมหายใจที่สม่ำเสมอแล้ว ที่เกิดจากการสำเร็จ สมถะอาณาปานสติกรรมฐาน (สมาธิขั้นสูงสุด) จิตที่สงบตั้งมั่น ย่อมเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง น้ำที่นิ่งสงบแล้ว ตะกอนได้ลงหมดแล้ว จะเห็นทุกอย่างตามจริง (ปัญญา) ส่วนใครจะมีปัญญามาก ปัญญาน้อย ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ไอคิว อีคิว ที่สั่งสมเรียนรู้มาของแต่ละคน พระอรหันต์แต่ละท่านจึงมีปัญญาไม่เท่าเทียมกัน 
   อนัตตา ความไม่มีตัวตน ถ้าเรายังสร้างอัตตาตัวตนอยู่ เสพอารมณ์ เสพวัตถุอยู่ แล้วจะไม่มีตัวตนได้อย่างไร? 
   ถ้าเลิกเสพทุกอย่างแล้ว ไม่สร้างอัตตาตัวตนแล้ว ทำซ้ำๆอยู่อย่างนี้ ในที่สุดสักวันตัวตนจะหมดไป แล้วอัตตาจะมีได้อย่างไรเล่า ? 
   ยักษ์ มาร เปรต อสูรกาย ในจิตหมดไป เหลือแต่ความเมตตา กรุณา ปราณี จึงจะเป็นอนัตตาที่แท้จริง !
   อินทรีย์ 5 พละ 5 คือพละกำลังของอินทรีย์ทั้ง 5 ตา หู จมูก ลิ้น กาย ถ้าสามารถทำให้จิตมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตนกำหนดได้เป็นเวลานานๆ จนปิติเกิด (สารอดรีนาลีนหลั่ง) ทวารทั้ง 5 นี้ก็จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้น ตาจะมองชัดขึ้น ไกลขึ้น หูจะได้ยินชัดขึ้น ไกลขึ้น จมูกจะได้กลิ่นชัดขึ้น ไกลขึ้น ในรัศมี 10 เมตร ใครมีประจำเดือน ใครเป็นหนอง ใครกินฉี่ ทุเรียน จะสามารถรับรู้ได้ ลิ้นทุกอย่างมีความหวานหมด กายมีพละกำลังเพิ่มขึ้น วิ่งเร็วขึ้น กระโดดสูงขึ้น ว่ายน้ำได้ไกลขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย จนกว่าปิติ คือ สารความสุข อดรีนาลีนจะหมดไป เกือบชม. เมื่อเซลล์สมองเรียงตัวเป็นระเบียบว่างจากความคิดจนปิติเกิด ร่างกายจะรวมคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าในกายได้ อินทรีย์ทั้ง 5 จึงแก่กล้า มีพละกำลังมากขึ้น แล้วถ้าสามารถสำเร็จพลังจักรวาลคือพระนิพพาน อินทรีย์ทั้ง 5 จะมีพละกำลังขนาดไหน (ไอน์สไตล์ยังค้นพบพลังงานนิวเคลียร์) 
  ผู้รู้มีมาก ผู้ปฏิบัติมีน้อย ผู้แสดงธรรมมีมากกว่าผู้ที่เข้าถึงหลักธรรมโดยแท้  ผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดไม่รู้  ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้มักไม่จริง
  บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ท่านทรงบอกตนแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน ท่านช่วยใครไม่ได้ (พ้นทุกข์) แต่ท่านชี้ทางให้ได้ ท่านตัดขาดแล้วซึ่งทางโลก
 นิพพานสำเร็จได้ด้วย สมถะอาณาปาณสติกรรมฐานวิธีเดียวเท่านั้น วิปัสสนาแค่ทำควบคู่กันไป (ทั้งวัน ทุกวัน ในอริยบท 4 เท่านั้น มิได้ทำตอนนั่งสมาธิ จิตไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งคือ เอกกัคคตาได้ ท่านถึงให้นั่งสมาธิถี่ๆบ่อยๆ ทางสายกลาง สุขก็ไม่เอา ทุกข์ก็ไม่เอา พอใจไม่พอใจก็ไม่เอา คือจิตไม่เคลื่อนจากฐาน ไม่เสพอารมณ์ต่างๆนะ เพราะตำราเขียนมาผิด จึงไม่มีใครเข้าเอกกัคคตาได้ พระนิพพานจึงหายสาบสูญไป) เพื่อให้สมองยอมรับ เข้าใจ ยอมปล่อยวางทุกข์ลง (ปัญหา) จิตจะได้เบาสบาย แบกไว้ก็หนัก สมองจะสับสนบันทึกข้อมูลอยู่ตลอดเวลา สารเคมีในสมองก็จะหลั่ง เพราะจิตเคลื่อนออกจากฐานไปปรุงแต่งมัน วิปัสสนาหรือการทำให้เกิดปัญญา มิอาจตัดให้ขาดอย่างถาวรได้ ตราบใดที่จิตยังคิดและส่งออกอยู่ ทรงค้นพบอริยะสัจ 4 ทุกข์เกิดจากจิตที่ส่งออก เมื่อจิตไม่ส่งออกอย่างต่อเนื่องแล้ว สมองจะตอบรับจะสามารถเข้า เอกกัคคตา สุญญตา นิพพาน สำเร็จมรรคผลนิพพานได้ จิตต้องหยุดกังวล สงสัย วิเคราะห์ วิจารณ์ หาเหตุหาผล จิตแค่ต้องยอมรับและเข้าใจว่าต้องวางลง (ปล่อยวาง) ไม่ไปกับความคิด (ไม่มีวิตก ไม่มีวิจารณ์ แล้วแลอยู่) ก็จะสามารถเข้าเอกกัคคตาได้ (เห็นกายในกาย เห็นจิตในจิต) เห็นข้างในจริงๆ มิใช่เห็นด้วยการคิดพิจารณาแต่อย่างใด ตัวปัญญามันเกิดของมันเอง เมื่อจิตสงบตั้งมั่น ย่อมเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงและหยั่งให้เกิดความสงบสุขได้
ถ้าใครมีความเห็นตรงกัน จะไปตั้งสำนักด้วยกัน แบบพุทธแท้ๆดังในอดีตกาล ปลูกผักผลไม้ ป่า ปลีกวิเวก สำรวมสงบ ไม่ยุ่งกับผู้คน แสวงหาแต่ความหลุดพ้น โทร 0891594259 , 0802246443 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่