อานาปานสติกรรมฐานนี้เป็นภาระหนัก เจริญสำเร็จได้ยาก ทั้งเป็นภูมิแห่งมนสิการของมหาบุรุษเท่านั้น สัตว์ผู้ต่ำต้อยเกียจคร้านมิอาจกระทำได้ เป็นกรรมฐานที่สงบและละเอียด โดยประการที่มหาบุรุษทั้งหลาย ย่อมกระทำไว้ในใจ เพราะฉะนั้น ในอาณาปานสติกรรมฐานนี้ จำต้องปรารถนาสติและปัญญาอันมีกำลัง
การเข้าสู่ประตูนิพพานแบบย่อ รายละเอียดเล่าไปหมดแล้ว พระนิพพานต้องเข้าสภาวะเอกัคคตาก่อน เริ่มจากสมถะ การตามรู้ลมหายใจในทุกอริยาบท 4 นั่งทำสมาธิสถมะถี่ๆ จนจิตมีสมาธิเป็นลูกโซ่ จึงเกิดความสงบภายใน ตัวปัญญามันมาของมันเอง สมองจะค้นหาในวิตกวิจารณ์ ความกังวลข้อสงสัย จิตสำนึกรับรู้ข้อมูลแล้วมีอารมณ์ ข้อมูลจะตกค้างลงสู่จิตใต้สำนึก ทั้งหลับและตื่น ธรรมชาติของจิตจะค้นหาคำตอบหรือทางออกของมันเอง วิปัสสนา ตอบคำถามในใจให้จิตรับรู้ เข้าใจ จิตจึงจะยอมปล่อยวาง แล้วรีบกลับฐาน คือจิตอยู่กับปัจจุบัน อย่างตื่นรู้ในทุกลมหายใจเข้าออก (สาระสำคัญ) พยายามทำให้จิตว่างจากความคิด 80% ต่อวัน ตั้งใจคิด เผลอคิด 20% ต่อวัน ถ้าทำได้อย่างนี้ติดต่อกัน 2 ปี สมองจะตอบรับ ตกผลึก จะสามารถเข้าสู่สภาวะเอกัคคตาได้ อาณาปานสติสมถกรรมฐาน ต้องเดินลมปราณคือลมหายใจให้ยาวและลึก ก่อนจะเข้าสภาวะเอกัคคตา ปิติ สารความสุข อดรีนาลีน จะหลั่งอยู่ 1 อาทิตย์ติดต่อกัน ก่อนมันจะเริ่มเข้ามีอาการอยู่ 5 วัน จิตจะค่อยๆตัดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไปทีละทวาร ตามแต่อะไรจะเข้ามากระทบตอนนั่งสมาธิ โดยจิตไม่หลุดเลย 20 นาที สมาธิเป็นลูกโซ่ น้ำที่สะดือจะเกิดขึ้น (ให้ธรรมอันเป็นเอกผุดมีขึ้น) ใช้ลมปราณดันน้ำนั้นขึ้นไปปิดหูทั้งสองข้าง เสียงและทุกทวารก็จะดับไป แม้นลมหายใจก็ไม่มี วงจรทั้งหมดขาดจากกัน ว่างอยู่สักพัก จะเริ่มได้ยินเสียงหัวใจเต้น ปี๊บๆ ตึ่กๆ (เห็นกายในกาย เห็นจิตในจิต) จิตที่รับรู้อยู่ในขณะนั้น ไม่มีอะไรไปบังคับมันได้ มันเป็นอิสระของมัน ร่างกายมันกลั้นลมหายใจของมันอยู่อย่างนั้น ด้วยปีติหล่อเลี้ยงสภาพของมันอยู่ (ตอนตกใจก็ใช้เวลานานอยู่ กว่ามันจะยอมหายใจ) ไม่ว่าสมองจะบอกว่ามันไม่หายใจ เวลานานเท่าใด ก็ไม่ต้องตกใจ กลัวตาย นั่งฟังมันอยู่อย่างนั้น (ไม่มีวิตก ไม่มีวิจารณ์ แล้วแลอยู่) ให้สมองและร่างกายมันเซตเสร็จจนสมบูรณ์ ก็จะสำเร็จนิพพาน พลังชี่ พลังสุริยจักรวาล เมื่อเซลล์สมองเรียงตัว ร่างกายจะรวมคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้ คือพลังจิต อินทรีย์ 5 จึงมีพละกำลังทั้ง 5 สมบูรณ์แล้ว มีอภิญญาต่างๆ เรียกพลังจิตานุภาพ เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ร่างกายรวมคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ปกติมันกระจายอยู่ จึงสัมผัสไม่ได้
ขอทุกคนจงโชคดี มีปุพเพกตบุญญตา ปลีกวิเวก อาศัยในสถานที่สัพพายะ ไม่พูดเล่น ไม่หัวเราะ ไม่เสพวัตถุ ไม่เสพในอารมณ์ต่างๆ (ละสุข ถอนความพอใจ ไม่พอใจ ในโลกออกเสียได้) จิตว่าง 80% ต่อวัน ก็จะสามารถเข้าสภาวะเอกัคคตาได้
จงยินดีเฉพาะต่อพระนิพพาน อันเป็นที่สงัด ซึ่งสัตว์ยินดีได้โดยยาก (สงัด เงียบ สงบ วังเวง ไม่มีผู้คน)
ครุ ครู ผู้แบกของหนักออกจากบ่าของศิษย์ สอนตนเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยสอนคนอื่น จะได้ไม่เป็นครูบาอาจารย์ที่สกปรก
ในกรณีบางคน จิตที่เคยมีบาดแผลรุนแรงมาก่อน ก็หลายสิบปีหรืออาจไม่สำเร็จ ต้องเยียวยารักษาอาการทางจิต ด้วยการจัดกระบวนการทางความคิดและพฤติกรรมทางสังคม ให้เหมาะสมกับการประพฤติพรหมจรรย์ ให้ได้ก่อนในมรรค 8 มรรค 8 คือจิตแพทย์ แพทย์ต้องมีประสบการณ์ มีปัจจัตตัง มีญาณทัศนะ อันคุณวิเศษ มิใช่ผู้รู้จำ ตรี โท เอก คือใบรับรองประกอบอาชีพ ยังไม่ใช่บัณฑิตที่แท้จริง บัณฑิตคือผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และการปฏิบัติ คือประสบการณ์ ตรัสรู้ พูดแต่สิ่งที่รู้ จึงจะเป็นพระสัจธรรมที่แท้จริง
อย่างเร็ว 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน ทั้งสอง 7 นี้ จิตทั้ง 3 ส่วนต้องไม่เสียหายเลย ฝึกพลังลมปราณไทเก็กถูกวิธีมาโดยตลอด อย่างช้า 7 ปี จิตต้องสูญเสียแค่ส่วนเดียว ชาติที่แล้วต้องสั่งสมปุพเพกตบุญตามาก่อน มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดจนโตมา จิตรวมอินทรีย์ได้ แค่ไม่รู้มันคืออะไร ? เมื่อถึงกำหนดเวลา มันมาของมันเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกลิขิตไว้เกือบหมดแล้ว เรากำหนดได้แต่กรรมดี กรรมชั่ว เท่านั้น อยู่ที่เราจะเลือก ได้อาจารย์ดี พยาบาลเยียวยารักษาแก้จิตให้กลับมาปกติ (ตรัส บ้า 500 จำพวก เป็นสำนวน จริงๆคือทุกคน) ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า เจอนิพพานแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ และรักษาสภาวะนั้นไว้ให้คงอยู่ได้ ต้องอดทน อดกลั้น มีวิริยะอุตสาหะ เพียรเผากิเลส ทวนกระแสอารมณ์ ให้จิตปล่อยวาง เข้าสู้ความว่างเปล่า มีแต่สติกับลมหายใจเท่านั้น (ร่างกาย) จึงจะเข้าได้อีก (ตรัส ญาณทัศนะอันคุณวิเศษ ควรแก่พระอริยะเจ้า อันเป็นธรรมอันยิ่ง ที่เราได้ถึงแล้ว มีอยู่หรือไม่ เราจะไม่เป็นผู้เก้อเขิน เมื่อถูกเพื่อนสพหรมจารีย์ด้วยกัน ถามในกาลภายหลัง) พระองค์ท่าน ก็คงเข้ารอบที่ 2 จึงสำเร็จ จึงกล่าวมาอย่างนี้
บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ตนแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน
โสฬสญาณ หรือญาณ 16 นี้ มิได้มีมาในพระไตรปิฏกโดยตรง แต่พระผู้สอนวิปัสนา ประมวลมาจากคัมภีร์ ปฏิสัมภิทามรรค และวิสุทธิมรรค
(ขุ.ปฏิ.๓๑/มาติกา/๑๒และวิสุทธิ.๓/๒๐๖-๓๒๘)
เบอร์ 080 224 6443 , 089 159 4259
ตถตา พระนิพพาน
การเข้าสู่ประตูนิพพานแบบย่อ รายละเอียดเล่าไปหมดแล้ว พระนิพพานต้องเข้าสภาวะเอกัคคตาก่อน เริ่มจากสมถะ การตามรู้ลมหายใจในทุกอริยาบท 4 นั่งทำสมาธิสถมะถี่ๆ จนจิตมีสมาธิเป็นลูกโซ่ จึงเกิดความสงบภายใน ตัวปัญญามันมาของมันเอง สมองจะค้นหาในวิตกวิจารณ์ ความกังวลข้อสงสัย จิตสำนึกรับรู้ข้อมูลแล้วมีอารมณ์ ข้อมูลจะตกค้างลงสู่จิตใต้สำนึก ทั้งหลับและตื่น ธรรมชาติของจิตจะค้นหาคำตอบหรือทางออกของมันเอง วิปัสสนา ตอบคำถามในใจให้จิตรับรู้ เข้าใจ จิตจึงจะยอมปล่อยวาง แล้วรีบกลับฐาน คือจิตอยู่กับปัจจุบัน อย่างตื่นรู้ในทุกลมหายใจเข้าออก (สาระสำคัญ) พยายามทำให้จิตว่างจากความคิด 80% ต่อวัน ตั้งใจคิด เผลอคิด 20% ต่อวัน ถ้าทำได้อย่างนี้ติดต่อกัน 2 ปี สมองจะตอบรับ ตกผลึก จะสามารถเข้าสู่สภาวะเอกัคคตาได้ อาณาปานสติสมถกรรมฐาน ต้องเดินลมปราณคือลมหายใจให้ยาวและลึก ก่อนจะเข้าสภาวะเอกัคคตา ปิติ สารความสุข อดรีนาลีน จะหลั่งอยู่ 1 อาทิตย์ติดต่อกัน ก่อนมันจะเริ่มเข้ามีอาการอยู่ 5 วัน จิตจะค่อยๆตัดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไปทีละทวาร ตามแต่อะไรจะเข้ามากระทบตอนนั่งสมาธิ โดยจิตไม่หลุดเลย 20 นาที สมาธิเป็นลูกโซ่ น้ำที่สะดือจะเกิดขึ้น (ให้ธรรมอันเป็นเอกผุดมีขึ้น) ใช้ลมปราณดันน้ำนั้นขึ้นไปปิดหูทั้งสองข้าง เสียงและทุกทวารก็จะดับไป แม้นลมหายใจก็ไม่มี วงจรทั้งหมดขาดจากกัน ว่างอยู่สักพัก จะเริ่มได้ยินเสียงหัวใจเต้น ปี๊บๆ ตึ่กๆ (เห็นกายในกาย เห็นจิตในจิต) จิตที่รับรู้อยู่ในขณะนั้น ไม่มีอะไรไปบังคับมันได้ มันเป็นอิสระของมัน ร่างกายมันกลั้นลมหายใจของมันอยู่อย่างนั้น ด้วยปีติหล่อเลี้ยงสภาพของมันอยู่ (ตอนตกใจก็ใช้เวลานานอยู่ กว่ามันจะยอมหายใจ) ไม่ว่าสมองจะบอกว่ามันไม่หายใจ เวลานานเท่าใด ก็ไม่ต้องตกใจ กลัวตาย นั่งฟังมันอยู่อย่างนั้น (ไม่มีวิตก ไม่มีวิจารณ์ แล้วแลอยู่) ให้สมองและร่างกายมันเซตเสร็จจนสมบูรณ์ ก็จะสำเร็จนิพพาน พลังชี่ พลังสุริยจักรวาล เมื่อเซลล์สมองเรียงตัว ร่างกายจะรวมคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้ คือพลังจิต อินทรีย์ 5 จึงมีพละกำลังทั้ง 5 สมบูรณ์แล้ว มีอภิญญาต่างๆ เรียกพลังจิตานุภาพ เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ร่างกายรวมคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้าได้ ปกติมันกระจายอยู่ จึงสัมผัสไม่ได้
ขอทุกคนจงโชคดี มีปุพเพกตบุญญตา ปลีกวิเวก อาศัยในสถานที่สัพพายะ ไม่พูดเล่น ไม่หัวเราะ ไม่เสพวัตถุ ไม่เสพในอารมณ์ต่างๆ (ละสุข ถอนความพอใจ ไม่พอใจ ในโลกออกเสียได้) จิตว่าง 80% ต่อวัน ก็จะสามารถเข้าสภาวะเอกัคคตาได้
จงยินดีเฉพาะต่อพระนิพพาน อันเป็นที่สงัด ซึ่งสัตว์ยินดีได้โดยยาก (สงัด เงียบ สงบ วังเวง ไม่มีผู้คน)
ครุ ครู ผู้แบกของหนักออกจากบ่าของศิษย์ สอนตนเองให้ได้ก่อน แล้วค่อยสอนคนอื่น จะได้ไม่เป็นครูบาอาจารย์ที่สกปรก
ในกรณีบางคน จิตที่เคยมีบาดแผลรุนแรงมาก่อน ก็หลายสิบปีหรืออาจไม่สำเร็จ ต้องเยียวยารักษาอาการทางจิต ด้วยการจัดกระบวนการทางความคิดและพฤติกรรมทางสังคม ให้เหมาะสมกับการประพฤติพรหมจรรย์ ให้ได้ก่อนในมรรค 8 มรรค 8 คือจิตแพทย์ แพทย์ต้องมีประสบการณ์ มีปัจจัตตัง มีญาณทัศนะ อันคุณวิเศษ มิใช่ผู้รู้จำ ตรี โท เอก คือใบรับรองประกอบอาชีพ ยังไม่ใช่บัณฑิตที่แท้จริง บัณฑิตคือผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และการปฏิบัติ คือประสบการณ์ ตรัสรู้ พูดแต่สิ่งที่รู้ จึงจะเป็นพระสัจธรรมที่แท้จริง
อย่างเร็ว 7 วัน อย่างกลาง 7 เดือน ทั้งสอง 7 นี้ จิตทั้ง 3 ส่วนต้องไม่เสียหายเลย ฝึกพลังลมปราณไทเก็กถูกวิธีมาโดยตลอด อย่างช้า 7 ปี จิตต้องสูญเสียแค่ส่วนเดียว ชาติที่แล้วต้องสั่งสมปุพเพกตบุญตามาก่อน มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดจนโตมา จิตรวมอินทรีย์ได้ แค่ไม่รู้มันคืออะไร ? เมื่อถึงกำหนดเวลา มันมาของมันเอง ทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกลิขิตไว้เกือบหมดแล้ว เรากำหนดได้แต่กรรมดี กรรมชั่ว เท่านั้น อยู่ที่เราจะเลือก ได้อาจารย์ดี พยาบาลเยียวยารักษาแก้จิตให้กลับมาปกติ (ตรัส บ้า 500 จำพวก เป็นสำนวน จริงๆคือทุกคน) ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า เจอนิพพานแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ และรักษาสภาวะนั้นไว้ให้คงอยู่ได้ ต้องอดทน อดกลั้น มีวิริยะอุตสาหะ เพียรเผากิเลส ทวนกระแสอารมณ์ ให้จิตปล่อยวาง เข้าสู้ความว่างเปล่า มีแต่สติกับลมหายใจเท่านั้น (ร่างกาย) จึงจะเข้าได้อีก (ตรัส ญาณทัศนะอันคุณวิเศษ ควรแก่พระอริยะเจ้า อันเป็นธรรมอันยิ่ง ที่เราได้ถึงแล้ว มีอยู่หรือไม่ เราจะไม่เป็นผู้เก้อเขิน เมื่อถูกเพื่อนสพหรมจารีย์ด้วยกัน ถามในกาลภายหลัง) พระองค์ท่าน ก็คงเข้ารอบที่ 2 จึงสำเร็จ จึงกล่าวมาอย่างนี้
บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ตนแหละเป็นที่พึ่งแห่งตน
โสฬสญาณ หรือญาณ 16 นี้ มิได้มีมาในพระไตรปิฏกโดยตรง แต่พระผู้สอนวิปัสนา ประมวลมาจากคัมภีร์ ปฏิสัมภิทามรรค และวิสุทธิมรรค
(ขุ.ปฏิ.๓๑/มาติกา/๑๒และวิสุทธิ.๓/๒๐๖-๓๒๘)
เบอร์ 080 224 6443 , 089 159 4259