บ้านผมจะกินผัดกะเพรากันบ่อยแทบจะวันเว้นวันหรือมื้อเว้นมื้อได้เลยเล่นเอาใบกะเพราแตกไม่ทันกินแต่สูตรต้องเป็นแบบที่ปู่เคยผัดไว้เมื่อ50ปีก่อน(กับแกล้มในวงเหล้าของปู่สู่กับข้าวในครัวบ้าน)สูตรของคนอื่นกินแบบไหนผมไม่รู้แต่ที่รู้ๆบ้านผมทำกินกันแบบนี้ก่อนมีผมด้วยซ้ำไป(คนโพสอายุ36ปีกินมา20กว่าปี)เมื่อ50กว่าปีที่แล้วมีคนเมาคนนึง ได้เข้าครัวเพื่อทำกลับแกล้มเพื่อจะกินกับเหล้าเมากับเพื่อนฝูง
วิธีทำ
1โขกพริก(แบบเผ็ดๆ)+กะเทียม+เม็ดพริกไทย(นิดๆ) และดอกกะเพรา(มันเคี้ยวยากปู่ว่างั้น..เลยตำมันรวมไปซะเลย)
2เอาหมูไปผัดกะน้ำมัน(ไม่มาก) รวนไปจนมันแห้งๆจนกรุบกรอบติดขอบกะทะน้ำมันๆจะเพิ่มเอง(จากตัวหมู)
3แซะหมูที่แห้งๆกรอบๆจากก้นกะทะเขี่ยมาวางขอบกะทะให้เหลือแต่น้ำมันตรงกลางก้นเพื่อจะเจียวเครื่องที่ตำไว้ให้เหลือง
4เอาหมูที่อยู่ขอบกะทะเอามาผัดรวมคลุกเคล้ากับเครื่องที่ตำให้เข้ากัน
ปรุงรสด้วย"น้ำปลากับผงชูรส" (ไม่ใส่ก็ได้)สมัยก่อนจนมีแต่น้ำปลา
5ใส่ใบกะเพราที่ล้างให้สะอาดและแช่น้ำไว้ยุ้มมาใส่ให้ไวแบบไม่สะเด็ดน้ำ ผัดพอให้ใบมันสะดุ้งไฟ(ไม่เกิน1นาที)จบพร้อมเสริฟท์
แอ้มด้วยผักสดๆเช่น แตงกวา ต้นหอม ผักชี เป็นต้น(ส่วนตัวผมชอบแบบแช่ให้เย็นได้อรรถรสดี)
สูตรนี้จากปู่สู่พ่อจากพ่อสู่ผม..แต่ปัจจุบันผมก็ใส่ซอสนู้นนี่นั่นตามชอบ (ไม่ใช่แค่น้ำปลา)แต่คงเอกลักษณ์สูตรตระกูลผมเอาไว้
เคล็ดไม่ลับ..
"หมูที่ใช้คือหมูส่วนสะโพกสับให้แหลก ผัดหมูต้องแห้งกรอบ น้ำมันหมูจะดีกว่าเพราะมันหอมและใส่ไม่เยอะเพราะหมูที่ผัดจะมีน้ำมันออกมาให้อีก ต้องใช้กะเพราแดง กระเทียมไทย พริกขี้หนูไทยเท่านั้น เม็ดพริกไทยเอาไปคั่วให้หอมก่อนมาตำ ดอกกะเพรามีไว้ตำเพื่อให้หอมฉุน ส่วนใบมีไว้ผัดๆตอนท้าย
(ต่างจากครัวอื่นที่มันมีเม็ดพริกไทยคั่วให้หอมตำพร้อมดอกกะเพรานี่แหละ)
ส่วนเครื่องปรุงรส
ให้ยืนพื้นคือ "น้ำปลา"เอาไว้ก่อน(ซอสปรุงรสตามใจได้แต่จะไม่มีน้ำตาล)กฎเหล็กอีกข้อคือ "จะไม่ใส่ผักชนิดอื่น" เช่นหอมใหญ่ ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อนหรือใบต้นหอมเพราะมันจะไม่ใช่กะเพราในแบบปู่นั่นเองส่วนเนื้ออื่นก็ทำแต่ไม่ให้มันแห้งไป(ปัจจุบันปู่เสียไป30กว่าปีที่แล้วสตอรี่พร้อมสูตรนี้จากพ่อสู่ผม) (ภาพที่โพสเป็นเพียงภาพประกอบ ขอขอบคุณภาพของคุณมี้เอ๋ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
สูตร"ผัดกะเพราหมูสับแห้งๆ"ที่มีนานกว่า50ปีที่แล้วจากปู่สู่พ่อจากพ่อสู่คนโพส (ผัดกะเพราประจำตระกูลผมก็ว่าได้)
บ้านผมจะกินผัดกะเพรากันบ่อยแทบจะวันเว้นวันหรือมื้อเว้นมื้อได้เลยเล่นเอาใบกะเพราแตกไม่ทันกินแต่สูตรต้องเป็นแบบที่ปู่เคยผัดไว้เมื่อ50ปีก่อน(กับแกล้มในวงเหล้าของปู่สู่กับข้าวในครัวบ้าน)สูตรของคนอื่นกินแบบไหนผมไม่รู้แต่ที่รู้ๆบ้านผมทำกินกันแบบนี้ก่อนมีผมด้วยซ้ำไป(คนโพสอายุ36ปีกินมา20กว่าปี)เมื่อ50กว่าปีที่แล้วมีคนเมาคนนึง ได้เข้าครัวเพื่อทำกลับแกล้มเพื่อจะกินกับเหล้าเมากับเพื่อนฝูง
วิธีทำ
1โขกพริก(แบบเผ็ดๆ)+กะเทียม+เม็ดพริกไทย(นิดๆ) และดอกกะเพรา(มันเคี้ยวยากปู่ว่างั้น..เลยตำมันรวมไปซะเลย)
2เอาหมูไปผัดกะน้ำมัน(ไม่มาก) รวนไปจนมันแห้งๆจนกรุบกรอบติดขอบกะทะน้ำมันๆจะเพิ่มเอง(จากตัวหมู)
3แซะหมูที่แห้งๆกรอบๆจากก้นกะทะเขี่ยมาวางขอบกะทะให้เหลือแต่น้ำมันตรงกลางก้นเพื่อจะเจียวเครื่องที่ตำไว้ให้เหลือง
4เอาหมูที่อยู่ขอบกะทะเอามาผัดรวมคลุกเคล้ากับเครื่องที่ตำให้เข้ากัน
ปรุงรสด้วย"น้ำปลากับผงชูรส" (ไม่ใส่ก็ได้)สมัยก่อนจนมีแต่น้ำปลา
5ใส่ใบกะเพราที่ล้างให้สะอาดและแช่น้ำไว้ยุ้มมาใส่ให้ไวแบบไม่สะเด็ดน้ำ ผัดพอให้ใบมันสะดุ้งไฟ(ไม่เกิน1นาที)จบพร้อมเสริฟท์
แอ้มด้วยผักสดๆเช่น แตงกวา ต้นหอม ผักชี เป็นต้น(ส่วนตัวผมชอบแบบแช่ให้เย็นได้อรรถรสดี)
สูตรนี้จากปู่สู่พ่อจากพ่อสู่ผม..แต่ปัจจุบันผมก็ใส่ซอสนู้นนี่นั่นตามชอบ (ไม่ใช่แค่น้ำปลา)แต่คงเอกลักษณ์สูตรตระกูลผมเอาไว้
เคล็ดไม่ลับ..
"หมูที่ใช้คือหมูส่วนสะโพกสับให้แหลก ผัดหมูต้องแห้งกรอบ น้ำมันหมูจะดีกว่าเพราะมันหอมและใส่ไม่เยอะเพราะหมูที่ผัดจะมีน้ำมันออกมาให้อีก ต้องใช้กะเพราแดง กระเทียมไทย พริกขี้หนูไทยเท่านั้น เม็ดพริกไทยเอาไปคั่วให้หอมก่อนมาตำ ดอกกะเพรามีไว้ตำเพื่อให้หอมฉุน ส่วนใบมีไว้ผัดๆตอนท้าย
(ต่างจากครัวอื่นที่มันมีเม็ดพริกไทยคั่วให้หอมตำพร้อมดอกกะเพรานี่แหละ)
ส่วนเครื่องปรุงรส
ให้ยืนพื้นคือ "น้ำปลา"เอาไว้ก่อน(ซอสปรุงรสตามใจได้แต่จะไม่มีน้ำตาล)กฎเหล็กอีกข้อคือ "จะไม่ใส่ผักชนิดอื่น" เช่นหอมใหญ่ ถั่วฝักยาว ข้าวโพดอ่อนหรือใบต้นหอมเพราะมันจะไม่ใช่กะเพราในแบบปู่นั่นเองส่วนเนื้ออื่นก็ทำแต่ไม่ให้มันแห้งไป(ปัจจุบันปู่เสียไป30กว่าปีที่แล้วสตอรี่พร้อมสูตรนี้จากพ่อสู่ผม) (ภาพที่โพสเป็นเพียงภาพประกอบ ขอขอบคุณภาพของคุณมี้เอ๋ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ)