บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/38502853
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/38505599
ท้ายบทที่แล้ว
[...อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย เรายังคุยกันได้ในระหว่างรอเล่นเกม...]
กด 1 เพื่อยอมรับ
กด 2 เพื่อปฏิเสธ
...................
บ้าอะไรอีก! เกมจะมาคุยกับคนเล่น ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จ้องมองอย่างไม่เชื่อกับการเดาทางของโปรแกรมราวกับจะล่วงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หลังจากนั่งมองสักพักหนึ่งข้อความบนจอยังกะพริบไม่หายไปไหน
เกมรอการตัดสินใจ
“ฉันอยากเล่นเกม ไม่ได้อยากคุยกับแกโว้ย” ชายหนุ่มตะโกนใส่หน้าจอ ไม่สนใจกดอะไรทั้งนั้น ทำท่าจะปิดคอมพิวเตอร์อย่างหัวเสีย บนจอมีข้อความเพิ่มขึ้นมาอีก พร้อมกับเสียงดัง ปี๊บๆ อย่างเร่งเร้าจากลำโพงรูปอิโมติคอนหน้ากลมทำท่าฉงนแบบกวนๆ ลอยวนไปมาเหมือนท้าทาย
[…คุณแน่ใจว่าจะออกจากโปรแกรม…]
“ฉัน ไม่ อยาก คุย กับ แก...” เขาจงใจพูดช้าๆ ทีละคำใส่หน้าจอ นิ้วกดปุ่มหมายเลข 2 ทันที ทุกอย่างหายไปจากหน้าจอ ก่อนจะมีข้อความใหม่โต้ตอบกลับมา
[…เสียใจด้วย คุณหมดโอกาสรู้ข้อมูลดีๆแล้ว...]
เกมบ้าอะไรกันถึงตลกร้ายกับคนเล่นขนาดนี้ หน้าจอปรากฏรูปอิโมติคอนหน้ากลมดิก ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างล้อเลียน กระเด้งกระดอนกระทบขอบจอไปมาก่อนดับวูบไป
กวนประสาทดีชะมัด!
หลังจากนั่งทำใจให้สงบ ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ในเมื่อเกมมันเปิดโอกาสให้พูดคุยแล้ว ทำไมถึงละทิ้งโอกาสงามๆ หลุดหายไปต่อหน้าต่อตา ทำไมไม่ถามมันเรื่องความมีตัวตนของหญิงสาวคนนั้น ว่าเธอเป็นมนุษย์ หรือเป็นเพียงยูนิตเกม ถ้าเป็นคนเธออยู่ตรงไหนของโลก และวัตถุประสงค์ของเกมคืออะไร
นึกมาแล้วก็รู้สึกเสียดาย ไม่น่าพลาดเลย...และที่แน่ๆ ต้องรอเวลาเล่นเกมชนิดข้ามวันเลยทีเดียว
เช้ามืดวันต่อมา
ลำโพงคอมพิวเตอร์เริ่มส่งเสียงเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ชายหนุ่มตาสว่าง กระโดดผลุงลงจากเตียง หายง่วงเป็นปลิดทิ้งแม้จะเพิ่งตื่นนอน ผวาไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยอาการหัวใจเต้นแรง พบว่าเกมกำลังเริ่มต้นขึ้นพอดี ปรากฏภาพห้องนั่งเล่นบรรยากาศมืดสลัวจากแสงไฟดวงเล็ก การรอคอยยาวนานสิ้นสุดลงเสียที ไม่ต้องอาบน้ำแปรงฟันกัน
ลองเลื่อนภาพเข้าไปในห้องนอน ก็เดาได้ว่าเธอยังไม่ตื่น เพราะห้องยังปิดไฟมืดสนิท นึกเสียดายอีกตามเคย ตัดใจเลื่อนเมาส์ไปสำรวจดูห้องอื่นจนทั่วทุกซอกทุกมุมเป็นการรอเวลา ห้องพักของเธอจัดไว้อย่างเรียบร้อย เหมาะสำหรับหญิงสาวพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ลักษณะการแบ่งโซนจัดที่พักแบบเรียบง่าย
จากการสำรวจไปมา พบว่ามีห้องใหม่เพิ่มขึ้นมา คราวนี้เป็นห้องครัว
เอาละ ได้ห้องเพิ่มมาอีกห้องแล้ว หมายถึงมีการพัฒนา เขายิ้มกริ่ม แม้ยังไม่รู้ว่าห้องครัวเพิ่มมาทำไม ลองเลื่อนเมาส์ไปประตูห้องครัว ภาพตัดวูบเปลี่ยนเป็นภายในห้องครัวห้องครัวที่มีอุปกรณ์ทำครัวแขวนวางเรียงราย ตัวหนังสือสีขาวปรากฏขึ้นบนจอ
[...คุณต้องการทำอาหารเช้ารอเธอหรือไม่...]
กด 1 เพื่อยอมรับ
กด 2 เพื่อปฏิเสธ
ชายหนุ่มนั่งหน้าเอ๋อไปพักหนึ่ง งานเข้าแล้ว... ทำอาหาร...?
จ้องมองข้อความในจอมอนิเตอร์อย่างงุนงง คิดในใจว่าทำไมต้องมาทำอาหารในเกมด้วย มันคิดอะไรของมัน จะให้ตูข้าคนนี้น่ะนะ มาเสียเวลานั่งทำอาหารในเกม มากไป มากไป...
[...ถ้าไม่ทำอาหาร เกมจะปิดตัวลงในเวลา 10 วินาที...]
ข้อความสีขาวปรากฏกะพริบเตือน แบบนี้มันขู่แกมบังคับกันชัดๆ! ทั้งหงุดหงิดทั้งขำ บอกมาดีๆก็สิ้นเรื่อง รู้ก็รู้ว่าไม่อยากให้ปิดเกม ทำเป็นมาถาม ไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะเฟ้ย! จะมาเล่นเกมทำอาหาร...แต่เมื่อคิดได้ว่าเกมเริ่มโต้ตอบและมีความคืบหน้า ก็ไม่ควรอยู่เฉย ตัดสินใจได้ทันที รีบเลือกกดปุ่ม 1 บนแป้นพิมพ์แทบไม่หายใจหายคอ ลองดูสักตั้งก็ได้ ให้มันรู้กันไป
[…กรุณาเลือกรายการอาหาร…]
ถึงตอนนี้ชายหนุ่มใจหายวาบ อยากจะบีบคอตัวเองให้ตาย กับรายการเมนูอาหารที่ไล่เรียงรายบนหน้าจอ เรื่องเข้าครัวเขาเชี่ยวชาญเพียงการกินเท่านั้น เจียวไข่ยังติดกระทะ ต้มไข่ยังติดเปลือก ทุกวันนี้ต้องใช้วิธี ‘ผูกปิ่นโต’ ซึ่งหมายถึงการเหมาจ่ายค่าอาหารเป็นรายเดือน แลกกับการรับส่งปิ่นโตอาหารถึงหน้าห้องทุกเช้าเย็น
วิธีนี้สะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยากกับการทำครัว แค่เปิดประตูบ้านก็เจอปิ่นโตข้าวเสนอหน้าวางรอหน้าห้อง ไม่ต้องเสียเวลาล้างถ้วยชาม
แต่เวลานี้ต้องมาทำอาหาร แม้จะเป็นการทำผ่านเกมก็ตามเถอะ
หลังจากนั่งคิดครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเด็ดขาด ชักช้าประเดี๋ยวเกมมันขู่เอาอีก ทำผิดทำถูกไม่เห็นเป็นไร คิดว่าเป็นเกมเท่านั้นจะได้ไม่เครียด
ลองเลือกเมนูอาหารที่คิดว่าอร่อยและทำได้ง่าย คิดในใจว่า ลองบ้ากับมันสักพักไม่เห็นเป็นไร... วันนี้ไม่ต้องไปไหนกัน
หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง พ่อครัวมือใหม่ผู้มุ่งมั่นก็วุ่นวายอยู่กับอัตราส่วน เครื่องปรุง ผักและเนื้อนานาชนิดตามเมนูบนจออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็สามารถจัดการภารกิจเรื่องอาหารจนเรียบร้อยได้ในที่สุด แม้ว่าจะต้องปาดเหงื่อบนใบหน้าหลายครั้ง
อาหารเช้าจัดวางเรียงรายบนโต๊ะอาหารเมื่อจบขั้นตอน ประกอบด้วยข้าวสวยร้อนๆ หมูทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืดวุ้นเส้น ข้าวต้มทะเล และน้ำหนึ่งแก้ว
[…ไม่ค่อยได้เรื่อง...หมูทอดกระเทียมพริกไทยแต่เช้าเลย]
ตัวหนังสือต่อว่าปรากฏบนจอมอนิเตอร์ทำเอาชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆให้กับตัวเอง ก่อนหันไปแยกเขี้ยวตะคอกเสียงขุ่นใส่หน้าจอ
“แกมายุ่งอะไรฟะ รู้ได้ไงว่าไม่ได้เรื่อง? ช่วยก็ไม่ช่วย...ฉันไม่อยากคุยกับแกสักหน่อย”
ราวกับโปรแกรมเกมจะได้ยิน หน้าจอปรากฏภาพหน้ากลมทำหน้าเบ้จะอ้วก ก่อนยักคิ้วยิ้มล้อเลียนและจางหายไปพร้อมกับตัวอักษร
เอาเข้าไป! เขานึกในใจ อย่าบอกนะว่าแกได้ยินฉันพูด!
พออาหารจัดวางเรียงบนโต๊ะ เธอคนนั้นก็ตื่นและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดี เมื่อเข้ามาห้องครัวครั้งแรกหญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะ แต่ชะงักทำท่าแปลกใจ ไม่กล้าเข้าใกล้โต๊ะอาหาร ท่าทางเหมือนได้กลิ่นอะไรสักอย่าง หันหน้าไปมาราวกับจะค้นหาคำตอบว่าอาหารบนโต๊ะมาจากไหน
"ผมอยู่นี่ ฝีมือผมเอง" เขากระซิบอย่างภูมิใจกับจอภาพ พยายามสื่อความรู้สึก แล้วก็นึกขำกับอาการตัวเอง หญิงสาวหันมาสบตาโดยบังเอิญ แต่ดูเหมือนเธอไม่รู้ว่ามีคนกำลังแอบเฝ้ามอง แน่ล่ะ! ก็เธอเป็นเพียงตัวละครในเกมเท่านั้นนี่นา จะมองเห็นคนเล่มเกมได้อย่างไร
พ่อครัวมือใหม่เฝ้าสังเกตชนิดแทบไม่คลาดสายตา หญิงสาวรีๆรอๆ ด้วยท่าทางระแวงภัย สีหน้าไม่ดีเต็มไปด้วยอาการครุ่นคิด ทำให้ผู้คอยเฝ้ามองเริ่มใจคอไม่ดีไปด้วย
เวลาผ่านไปหลายนาทีก่อนหญิงสาวจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะอาหาร นั่งลงอย่างแช่มช้า ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนดูแทบเกินความจำเป็น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับกิริยาที่ค่อนข้างผิดธรรมชาตินั้น เธอพินิจพิจารณาอาหารที่วางอยู่ด้วยความงุนงงแกมหวาดระแวง ต่อมาจึงค่อยเอื้อมมือหยิบจานไปใกล้ตัว คลำหาช้อน ทำท่าลังเลอยู่นาน ก่อนตักอาหารชิมอย่างเชื่องช้าผิดปกติวิสัยการกินอาหารของคนทั่วไป
เป็นกิริยาอาการแปลกประหลาดดี ตัวละครในเกมกินข้าวอย่างนี้หรอกหรือ พอกลืนอาหารคำแรก หญิงสาวในเกมทำหน้าพะอืดพะอม แล้วรีบวางช้อนทันที ไม่ต้องทายก็รู้ว่ารสชาติอาหารจะถูกใจขนาดไหน
“อ่า...! ฝีมือทำอาหารผมแย่ ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มเจื่อน เกาหัวตัวเองไปมาก่อนลุ้นต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าเขามองเห็นน้ำตาลเป็นเกลือ เห็นช้อนชาเป็นช้อนโต๊ะ แกงจืดเลยกลายเป็นแกงเผ็ด เลือกรายการเครื่องปรุงไม่ถูกต้อง นึกดีใจที่ไม่เลือกเมนูของต่างประเทศของจีน อินเดีย หรืออัฟกานิสถาน ซึ่งคงจะหนักกว่านี้
ก็แน่ล่ะ! เคยทำอาหารแบบนี้กินเองเสียที่ไหน
หญิงสาวนั่งนิ่งครู่หนึ่ง ท่าทางเหมือนกำลังคิดบางอย่าง หยิบแก้วน้ำข้างตัวขึ้นมาจิบ หันไปทางอาหารบนโต๊ะอย่างชั่งใจ คงสงสัยว่ามีอาหารมาวางอยู่บนโต๊ะได้อย่างไร ท่าทางลังเลใจอีกครั้งก่อนตักอาหารทานต่ออีกสองสามคำจึงค่อยลุกขึ้น นำจานชามไปล้างในห้องครัว เขาเสียดายอาหารที่เธอเททิ้งอยู่บ้าง แต่ก็ต้องทำใจยอมรับกับฝีมือการทำอาหารของตนเอง ขนาดตัวละครในเกมยังไม่เข้าถึงรสชาติ ถ้าเป็นคนจริงจะขนาดไหน นึกเสียใจว่าสมัยเรียนหนังสือไม่ได้สนใจวิชาคหกรรม ก็ใครจะไปคิดว่าจะมีโอกาสเอาความรู้เรื่องการทำอาหารมาใช้งาน มันเป็นเรื่องของพวกผู้หญิงไม่ใช่หรือ
แต่ไม่เป็นไร ไว้มื้อหน้าจะแก้ตัวใหม่ ไม่ยอมแพ้หรอก
หลังจากการเข้าไปแต่งตัวในชุดเสื้อผ้าเรียบๆ แต่ดูออกว่าเธอจะต้องออกนอกบ้าน หญิงสาวเดินตรวจดูประตูหน้าต่างอย่างละเอียดลออ สัมผัสดูประตูหน้าต่างราวกับให้แน่ใจในความมั่นคง ท่าทางยังคงสงสัยไม่หายว่าใครมาทำอาหารเช้าไว้ให้ถึงในบ้าน เป็นใครก็คงงุนงงสงสัยหวาดกลัวด้วยกันทั้งนั้น
เพราะหมายถึงว่ามีใครคนหนึ่งสามารถเข้าออกในบ้านได้อย่างตามใจชอบ น่าไว้ใจเสียเมื่อไรกัน โดยเฉพาะกับหญิงสาวที่อยู่เพียงลำพัง
“ผมไม่ใช่คนร้ายจะคิดทำไม่ดีกับคุณนะครับ” ชายหนุ่มเผลอพูดเสียงดังใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อสังเกตความไม่ไว้ใจเรื่องความปลอดภัย แน่นอนว่าเธอคนนั้นไม่มีทางจะได้ยิน ถ้าได้ยินก็บ้ากันใหญ่แล้ว
แต่เขาเองก็อดสงสัยในพฤติกรรมอันใกล้บ้าของตัวเองเหมือนกัน มีอย่างที่ไหน พูดจาพูดจาปราศรัยกับเกมด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นเรื่องเป็นราว ต้องเป็นห่วงกังวลใจกับตัวละครในเกมขนาดนี้
[…หมดเวลาเล่นเกม คุณต้องรอจนกว่าเธอกลับบ้าน...]
ข้อความปรากฏบนจอก่อนดับวูบหายไป กลับเข้าสู่หน้าจอตามปกติ
“ไอ้บ้า....” เขาสบถอย่างขุ่นเคือง ขณะนึกภาพตัวเองไล่เตะคนเขียนโปรแกรมอย่างสาแก่ใจ เธอไปไหน จะกลับมาเวลาไหนก็ไม่รู้ คงจะต้องเปิดหน้าจอทิ้งเอาไว้ รอเวลาให้โปรแกรมเปิดทำงานเองอย่างไม่มีทางเลือก เพราะเจ้าเกมประหลาดมันทะลึ่งทำงานแบบตามใจตัวเอง
ชายหนุ่มพยายามสงบใจ อย่างน้อยก็มีเวลาขบคิดว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ต้องทำให้ตัวละครรู้สึกถึงความปลอดภัย ไม่มีการคุกคามหรืออันตรายใดๆ ปกป้องดูแลตัวละครสาวให้อยู่รอดปลอดภัย
คงต้องรอเวลาสักระยะหนึ่ง โปรแกรมตัวแสบอาจจะรับรู้ความปรารถนาดีของคนเล่น
“หรือเราจะบ้าจริงนี่?” ชายหนุ่มนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์พลางหัวเราะเสียงดังกับความคิดของตัวเอง “ทำไมเรามากังวลสนใจกับเกมจนไม่ต้องทำมาหากินขนาดนี้วุ้ยเรา...”
อย่างไรก็ตามหลายวันต่อมา หลังการเฝ้ารอเล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อ และความพากเพียรชนิดแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากรอและเล่นเกม ภารกิจของเขาในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น เกมเริ่มเปิดช่องทางให้เข้าไปมีส่วนร่วมขึ้นอีกระดับหนึ่ง นอกจากทำอาหารแล้วยังสามารถเลือกจัดห้อง ปัดกวาดเช็ดถูเพื่อแบ่งเบาภาระ
เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ชายหนุ่มถึงกับตัดใจลงทุนไปซื้อหนังสือคู่มือการทำอาหารเมนูเด็ด หนังสือเกี่ยวกับการจัดตกแต่งห้องมาศึกษาหลายเล่ม รู้สึกดีใจเมื่อเห็นเธอดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางหวาดระแวงค่อยหายไปตามวันเวลา
เวลานี้เขาเริ่มเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารและการจัดบ้าน ทุ่มเทการศึกษาตำรายิ่งกว่าการเตรียมตัวเข้าสอบเสียอีก ชายหนุ่มพยายามเลือกทำอาหารง่ายๆ ไว้รอเธอทุกเช้า เริ่มเรียนรู้ว่าผู้หญิงนิยมเมนูอะไร แน่ล่ะ! เขายังไม่เก่งพอจะทำอาหารเมนูเด็ดเชิญชวนชิมให้เธอลิ้มลอง ต้องใช้เวลาสักนิด
จบบทที่ 3
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยือนครับผม^^
เกมรักพิศวง 3 พ่อครัวป้ายแดง
https://ppantip.com/topic/38502853
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/38505599
ท้ายบทที่แล้ว
[...อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย เรายังคุยกันได้ในระหว่างรอเล่นเกม...]
กด 1 เพื่อยอมรับ
กด 2 เพื่อปฏิเสธ
...................
บ้าอะไรอีก! เกมจะมาคุยกับคนเล่น ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จ้องมองอย่างไม่เชื่อกับการเดาทางของโปรแกรมราวกับจะล่วงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หลังจากนั่งมองสักพักหนึ่งข้อความบนจอยังกะพริบไม่หายไปไหน
เกมรอการตัดสินใจ
“ฉันอยากเล่นเกม ไม่ได้อยากคุยกับแกโว้ย” ชายหนุ่มตะโกนใส่หน้าจอ ไม่สนใจกดอะไรทั้งนั้น ทำท่าจะปิดคอมพิวเตอร์อย่างหัวเสีย บนจอมีข้อความเพิ่มขึ้นมาอีก พร้อมกับเสียงดัง ปี๊บๆ อย่างเร่งเร้าจากลำโพงรูปอิโมติคอนหน้ากลมทำท่าฉงนแบบกวนๆ ลอยวนไปมาเหมือนท้าทาย
[…คุณแน่ใจว่าจะออกจากโปรแกรม…]
“ฉัน ไม่ อยาก คุย กับ แก...” เขาจงใจพูดช้าๆ ทีละคำใส่หน้าจอ นิ้วกดปุ่มหมายเลข 2 ทันที ทุกอย่างหายไปจากหน้าจอ ก่อนจะมีข้อความใหม่โต้ตอบกลับมา
[…เสียใจด้วย คุณหมดโอกาสรู้ข้อมูลดีๆแล้ว...]
เกมบ้าอะไรกันถึงตลกร้ายกับคนเล่นขนาดนี้ หน้าจอปรากฏรูปอิโมติคอนหน้ากลมดิก ยักคิ้วหลิ่วตาอย่างล้อเลียน กระเด้งกระดอนกระทบขอบจอไปมาก่อนดับวูบไป
กวนประสาทดีชะมัด!
หลังจากนั่งทำใจให้สงบ ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิด ในเมื่อเกมมันเปิดโอกาสให้พูดคุยแล้ว ทำไมถึงละทิ้งโอกาสงามๆ หลุดหายไปต่อหน้าต่อตา ทำไมไม่ถามมันเรื่องความมีตัวตนของหญิงสาวคนนั้น ว่าเธอเป็นมนุษย์ หรือเป็นเพียงยูนิตเกม ถ้าเป็นคนเธออยู่ตรงไหนของโลก และวัตถุประสงค์ของเกมคืออะไร
นึกมาแล้วก็รู้สึกเสียดาย ไม่น่าพลาดเลย...และที่แน่ๆ ต้องรอเวลาเล่นเกมชนิดข้ามวันเลยทีเดียว
เช้ามืดวันต่อมา
ลำโพงคอมพิวเตอร์เริ่มส่งเสียงเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ชายหนุ่มตาสว่าง กระโดดผลุงลงจากเตียง หายง่วงเป็นปลิดทิ้งแม้จะเพิ่งตื่นนอน ผวาไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยอาการหัวใจเต้นแรง พบว่าเกมกำลังเริ่มต้นขึ้นพอดี ปรากฏภาพห้องนั่งเล่นบรรยากาศมืดสลัวจากแสงไฟดวงเล็ก การรอคอยยาวนานสิ้นสุดลงเสียที ไม่ต้องอาบน้ำแปรงฟันกัน
ลองเลื่อนภาพเข้าไปในห้องนอน ก็เดาได้ว่าเธอยังไม่ตื่น เพราะห้องยังปิดไฟมืดสนิท นึกเสียดายอีกตามเคย ตัดใจเลื่อนเมาส์ไปสำรวจดูห้องอื่นจนทั่วทุกซอกทุกมุมเป็นการรอเวลา ห้องพักของเธอจัดไว้อย่างเรียบร้อย เหมาะสำหรับหญิงสาวพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ลักษณะการแบ่งโซนจัดที่พักแบบเรียบง่าย
จากการสำรวจไปมา พบว่ามีห้องใหม่เพิ่มขึ้นมา คราวนี้เป็นห้องครัว
เอาละ ได้ห้องเพิ่มมาอีกห้องแล้ว หมายถึงมีการพัฒนา เขายิ้มกริ่ม แม้ยังไม่รู้ว่าห้องครัวเพิ่มมาทำไม ลองเลื่อนเมาส์ไปประตูห้องครัว ภาพตัดวูบเปลี่ยนเป็นภายในห้องครัวห้องครัวที่มีอุปกรณ์ทำครัวแขวนวางเรียงราย ตัวหนังสือสีขาวปรากฏขึ้นบนจอ
[...คุณต้องการทำอาหารเช้ารอเธอหรือไม่...]
กด 1 เพื่อยอมรับ
กด 2 เพื่อปฏิเสธ
ชายหนุ่มนั่งหน้าเอ๋อไปพักหนึ่ง งานเข้าแล้ว... ทำอาหาร...?
จ้องมองข้อความในจอมอนิเตอร์อย่างงุนงง คิดในใจว่าทำไมต้องมาทำอาหารในเกมด้วย มันคิดอะไรของมัน จะให้ตูข้าคนนี้น่ะนะ มาเสียเวลานั่งทำอาหารในเกม มากไป มากไป...
[...ถ้าไม่ทำอาหาร เกมจะปิดตัวลงในเวลา 10 วินาที...]
ข้อความสีขาวปรากฏกะพริบเตือน แบบนี้มันขู่แกมบังคับกันชัดๆ! ทั้งหงุดหงิดทั้งขำ บอกมาดีๆก็สิ้นเรื่อง รู้ก็รู้ว่าไม่อยากให้ปิดเกม ทำเป็นมาถาม ไม่ใช่เด็กผู้หญิงนะเฟ้ย! จะมาเล่นเกมทำอาหาร...แต่เมื่อคิดได้ว่าเกมเริ่มโต้ตอบและมีความคืบหน้า ก็ไม่ควรอยู่เฉย ตัดสินใจได้ทันที รีบเลือกกดปุ่ม 1 บนแป้นพิมพ์แทบไม่หายใจหายคอ ลองดูสักตั้งก็ได้ ให้มันรู้กันไป
[…กรุณาเลือกรายการอาหาร…]
ถึงตอนนี้ชายหนุ่มใจหายวาบ อยากจะบีบคอตัวเองให้ตาย กับรายการเมนูอาหารที่ไล่เรียงรายบนหน้าจอ เรื่องเข้าครัวเขาเชี่ยวชาญเพียงการกินเท่านั้น เจียวไข่ยังติดกระทะ ต้มไข่ยังติดเปลือก ทุกวันนี้ต้องใช้วิธี ‘ผูกปิ่นโต’ ซึ่งหมายถึงการเหมาจ่ายค่าอาหารเป็นรายเดือน แลกกับการรับส่งปิ่นโตอาหารถึงหน้าห้องทุกเช้าเย็น
วิธีนี้สะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยากกับการทำครัว แค่เปิดประตูบ้านก็เจอปิ่นโตข้าวเสนอหน้าวางรอหน้าห้อง ไม่ต้องเสียเวลาล้างถ้วยชาม
แต่เวลานี้ต้องมาทำอาหาร แม้จะเป็นการทำผ่านเกมก็ตามเถอะ
หลังจากนั่งคิดครู่หนึ่งก็ตัดสินใจเด็ดขาด ชักช้าประเดี๋ยวเกมมันขู่เอาอีก ทำผิดทำถูกไม่เห็นเป็นไร คิดว่าเป็นเกมเท่านั้นจะได้ไม่เครียด
ลองเลือกเมนูอาหารที่คิดว่าอร่อยและทำได้ง่าย คิดในใจว่า ลองบ้ากับมันสักพักไม่เห็นเป็นไร... วันนี้ไม่ต้องไปไหนกัน
หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง พ่อครัวมือใหม่ผู้มุ่งมั่นก็วุ่นวายอยู่กับอัตราส่วน เครื่องปรุง ผักและเนื้อนานาชนิดตามเมนูบนจออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็สามารถจัดการภารกิจเรื่องอาหารจนเรียบร้อยได้ในที่สุด แม้ว่าจะต้องปาดเหงื่อบนใบหน้าหลายครั้ง
อาหารเช้าจัดวางเรียงรายบนโต๊ะอาหารเมื่อจบขั้นตอน ประกอบด้วยข้าวสวยร้อนๆ หมูทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืดวุ้นเส้น ข้าวต้มทะเล และน้ำหนึ่งแก้ว
[…ไม่ค่อยได้เรื่อง...หมูทอดกระเทียมพริกไทยแต่เช้าเลย]
ตัวหนังสือต่อว่าปรากฏบนจอมอนิเตอร์ทำเอาชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆให้กับตัวเอง ก่อนหันไปแยกเขี้ยวตะคอกเสียงขุ่นใส่หน้าจอ
“แกมายุ่งอะไรฟะ รู้ได้ไงว่าไม่ได้เรื่อง? ช่วยก็ไม่ช่วย...ฉันไม่อยากคุยกับแกสักหน่อย”
ราวกับโปรแกรมเกมจะได้ยิน หน้าจอปรากฏภาพหน้ากลมทำหน้าเบ้จะอ้วก ก่อนยักคิ้วยิ้มล้อเลียนและจางหายไปพร้อมกับตัวอักษร
เอาเข้าไป! เขานึกในใจ อย่าบอกนะว่าแกได้ยินฉันพูด!
พออาหารจัดวางเรียงบนโต๊ะ เธอคนนั้นก็ตื่นและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพอดี เมื่อเข้ามาห้องครัวครั้งแรกหญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะ แต่ชะงักทำท่าแปลกใจ ไม่กล้าเข้าใกล้โต๊ะอาหาร ท่าทางเหมือนได้กลิ่นอะไรสักอย่าง หันหน้าไปมาราวกับจะค้นหาคำตอบว่าอาหารบนโต๊ะมาจากไหน
"ผมอยู่นี่ ฝีมือผมเอง" เขากระซิบอย่างภูมิใจกับจอภาพ พยายามสื่อความรู้สึก แล้วก็นึกขำกับอาการตัวเอง หญิงสาวหันมาสบตาโดยบังเอิญ แต่ดูเหมือนเธอไม่รู้ว่ามีคนกำลังแอบเฝ้ามอง แน่ล่ะ! ก็เธอเป็นเพียงตัวละครในเกมเท่านั้นนี่นา จะมองเห็นคนเล่มเกมได้อย่างไร
พ่อครัวมือใหม่เฝ้าสังเกตชนิดแทบไม่คลาดสายตา หญิงสาวรีๆรอๆ ด้วยท่าทางระแวงภัย สีหน้าไม่ดีเต็มไปด้วยอาการครุ่นคิด ทำให้ผู้คอยเฝ้ามองเริ่มใจคอไม่ดีไปด้วย
เวลาผ่านไปหลายนาทีก่อนหญิงสาวจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะอาหาร นั่งลงอย่างแช่มช้า ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนดูแทบเกินความจำเป็น แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับกิริยาที่ค่อนข้างผิดธรรมชาตินั้น เธอพินิจพิจารณาอาหารที่วางอยู่ด้วยความงุนงงแกมหวาดระแวง ต่อมาจึงค่อยเอื้อมมือหยิบจานไปใกล้ตัว คลำหาช้อน ทำท่าลังเลอยู่นาน ก่อนตักอาหารชิมอย่างเชื่องช้าผิดปกติวิสัยการกินอาหารของคนทั่วไป
เป็นกิริยาอาการแปลกประหลาดดี ตัวละครในเกมกินข้าวอย่างนี้หรอกหรือ พอกลืนอาหารคำแรก หญิงสาวในเกมทำหน้าพะอืดพะอม แล้วรีบวางช้อนทันที ไม่ต้องทายก็รู้ว่ารสชาติอาหารจะถูกใจขนาดไหน
“อ่า...! ฝีมือทำอาหารผมแย่ ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มเจื่อน เกาหัวตัวเองไปมาก่อนลุ้นต่อไป อาจเป็นไปได้ว่าเขามองเห็นน้ำตาลเป็นเกลือ เห็นช้อนชาเป็นช้อนโต๊ะ แกงจืดเลยกลายเป็นแกงเผ็ด เลือกรายการเครื่องปรุงไม่ถูกต้อง นึกดีใจที่ไม่เลือกเมนูของต่างประเทศของจีน อินเดีย หรืออัฟกานิสถาน ซึ่งคงจะหนักกว่านี้
ก็แน่ล่ะ! เคยทำอาหารแบบนี้กินเองเสียที่ไหน
หญิงสาวนั่งนิ่งครู่หนึ่ง ท่าทางเหมือนกำลังคิดบางอย่าง หยิบแก้วน้ำข้างตัวขึ้นมาจิบ หันไปทางอาหารบนโต๊ะอย่างชั่งใจ คงสงสัยว่ามีอาหารมาวางอยู่บนโต๊ะได้อย่างไร ท่าทางลังเลใจอีกครั้งก่อนตักอาหารทานต่ออีกสองสามคำจึงค่อยลุกขึ้น นำจานชามไปล้างในห้องครัว เขาเสียดายอาหารที่เธอเททิ้งอยู่บ้าง แต่ก็ต้องทำใจยอมรับกับฝีมือการทำอาหารของตนเอง ขนาดตัวละครในเกมยังไม่เข้าถึงรสชาติ ถ้าเป็นคนจริงจะขนาดไหน นึกเสียใจว่าสมัยเรียนหนังสือไม่ได้สนใจวิชาคหกรรม ก็ใครจะไปคิดว่าจะมีโอกาสเอาความรู้เรื่องการทำอาหารมาใช้งาน มันเป็นเรื่องของพวกผู้หญิงไม่ใช่หรือ
แต่ไม่เป็นไร ไว้มื้อหน้าจะแก้ตัวใหม่ ไม่ยอมแพ้หรอก
หลังจากการเข้าไปแต่งตัวในชุดเสื้อผ้าเรียบๆ แต่ดูออกว่าเธอจะต้องออกนอกบ้าน หญิงสาวเดินตรวจดูประตูหน้าต่างอย่างละเอียดลออ สัมผัสดูประตูหน้าต่างราวกับให้แน่ใจในความมั่นคง ท่าทางยังคงสงสัยไม่หายว่าใครมาทำอาหารเช้าไว้ให้ถึงในบ้าน เป็นใครก็คงงุนงงสงสัยหวาดกลัวด้วยกันทั้งนั้น
เพราะหมายถึงว่ามีใครคนหนึ่งสามารถเข้าออกในบ้านได้อย่างตามใจชอบ น่าไว้ใจเสียเมื่อไรกัน โดยเฉพาะกับหญิงสาวที่อยู่เพียงลำพัง
“ผมไม่ใช่คนร้ายจะคิดทำไม่ดีกับคุณนะครับ” ชายหนุ่มเผลอพูดเสียงดังใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อสังเกตความไม่ไว้ใจเรื่องความปลอดภัย แน่นอนว่าเธอคนนั้นไม่มีทางจะได้ยิน ถ้าได้ยินก็บ้ากันใหญ่แล้ว
แต่เขาเองก็อดสงสัยในพฤติกรรมอันใกล้บ้าของตัวเองเหมือนกัน มีอย่างที่ไหน พูดจาพูดจาปราศรัยกับเกมด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นเรื่องเป็นราว ต้องเป็นห่วงกังวลใจกับตัวละครในเกมขนาดนี้
[…หมดเวลาเล่นเกม คุณต้องรอจนกว่าเธอกลับบ้าน...]
ข้อความปรากฏบนจอก่อนดับวูบหายไป กลับเข้าสู่หน้าจอตามปกติ
“ไอ้บ้า....” เขาสบถอย่างขุ่นเคือง ขณะนึกภาพตัวเองไล่เตะคนเขียนโปรแกรมอย่างสาแก่ใจ เธอไปไหน จะกลับมาเวลาไหนก็ไม่รู้ คงจะต้องเปิดหน้าจอทิ้งเอาไว้ รอเวลาให้โปรแกรมเปิดทำงานเองอย่างไม่มีทางเลือก เพราะเจ้าเกมประหลาดมันทะลึ่งทำงานแบบตามใจตัวเอง
ชายหนุ่มพยายามสงบใจ อย่างน้อยก็มีเวลาขบคิดว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ต้องทำให้ตัวละครรู้สึกถึงความปลอดภัย ไม่มีการคุกคามหรืออันตรายใดๆ ปกป้องดูแลตัวละครสาวให้อยู่รอดปลอดภัย
คงต้องรอเวลาสักระยะหนึ่ง โปรแกรมตัวแสบอาจจะรับรู้ความปรารถนาดีของคนเล่น
“หรือเราจะบ้าจริงนี่?” ชายหนุ่มนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์พลางหัวเราะเสียงดังกับความคิดของตัวเอง “ทำไมเรามากังวลสนใจกับเกมจนไม่ต้องทำมาหากินขนาดนี้วุ้ยเรา...”
อย่างไรก็ตามหลายวันต่อมา หลังการเฝ้ารอเล่นเกมอย่างใจจดใจจ่อ และความพากเพียรชนิดแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากรอและเล่นเกม ภารกิจของเขาในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น เกมเริ่มเปิดช่องทางให้เข้าไปมีส่วนร่วมขึ้นอีกระดับหนึ่ง นอกจากทำอาหารแล้วยังสามารถเลือกจัดห้อง ปัดกวาดเช็ดถูเพื่อแบ่งเบาภาระ
เพื่อแสดงความมุ่งมั่น ชายหนุ่มถึงกับตัดใจลงทุนไปซื้อหนังสือคู่มือการทำอาหารเมนูเด็ด หนังสือเกี่ยวกับการจัดตกแต่งห้องมาศึกษาหลายเล่ม รู้สึกดีใจเมื่อเห็นเธอดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางหวาดระแวงค่อยหายไปตามวันเวลา
เวลานี้เขาเริ่มเป็นผู้เชี่ยวชาญการทำอาหารและการจัดบ้าน ทุ่มเทการศึกษาตำรายิ่งกว่าการเตรียมตัวเข้าสอบเสียอีก ชายหนุ่มพยายามเลือกทำอาหารง่ายๆ ไว้รอเธอทุกเช้า เริ่มเรียนรู้ว่าผู้หญิงนิยมเมนูอะไร แน่ล่ะ! เขายังไม่เก่งพอจะทำอาหารเมนูเด็ดเชิญชวนชิมให้เธอลิ้มลอง ต้องใช้เวลาสักนิด
จบบทที่ 3
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยือนครับผม^^