หลอน......ลิขิต.....2

กระทู้สนทนา
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/37346605

อรุสา นักเขียนกำลังนั่งเขียนงานของตัวเอง  ในยามค่ำคืนอันอ้างว้าง
แต่แล้วเหตุการณ์อันไม่น่าเชื่อก็เกิดกับเ เธอ... คอมพิวเตอร์เริ่มเขียนงานของมันเอง
และหลังจากนั้น....

ความเดิม
จู่ๆความรู้สึกเหมือนบอกว่าร่างอันน่ากลัวและสยองขวัญนั้นเหมือนลอยถอยหนีออกไป  ความหวาดกลัวระดับสติแตกทำให้เขารีบปีนขึ้นบันไดเชือกแบบไม่คิดชีวิต ทันใดนั้นเอง บันไดเชือกหลุดลงมาจากปากบ่ออย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ  เหมือนมีคนบางคนปลดมันออกจากที่ยึดเหนี่ยว ทำให้ร่างของเด็กหนุ่มขี้ยาหล่นตูมลงไปในน้ำทั้งตัวทันที..


บทที่ 2


             เสียงแผดร้องโหยหวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวตกใจสุดขีดแบบคนใกล้เสียสติ อรุสาผวาไปด้านหลัง เท้าสะดุด เสียหลักจนหงายลงไปจากเก้าอี้ ล้มกลิ้งอยู่กับพื้นห้อง  ไม่ใช่เสียงร้องของเธอ แต่เป็นเสียงร้องดังออกมาจากตู้ลำโพงคอมพิวเตอร์  เสียงนั้นแหลมเล็กเยือกเย็นจนชวนขนลุก ข้อความของงานเขียนเรื่องสั้นสยองขวัญบนจอหายไป  

             หน้าจอปรากฏใบหน้าหญิงสาวเรือนผมยาวสยายประบ่าหน้าตาซีดขาวราวศพแช่น้ำ นัยน์ตาเบิกโพลงเห็นแต่ตาขาว อ้าปากกว้างผิดปกติวิสัยส่งเสียงกรีดร้องก้องไปทั้งห้อง ก่อนค่อยๆปรับเปลี่ยนสีหน้ามาใบหน้าสงบนิ่งไร้อารมณ์ จากนั้นเริ่มมีรอยยิ้มมุมปากทีละน้อย เอียหน้าเหลือบสายตาขึ้นมามอง แล้วเลือนหายวูบไป แต่รอยยิ้มอันชวนขนลุก ยังไม่จางหายจากความรู้สึก

             ไม่ไหวแล้ว..อยู่ไม่ได้แล้ว..เห็นคีย์บอร์ดพิมพ์งานเองได้ ยังพอทนดูเพราะความอยากรู้มากกว่า แต่ขนาดมีผีหน้าขาวปรากฏรูปร่างให้เห็นในจอ มันจะมากเกินไปแล้ว ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางนางไม้ แต่ปรากฏการณ์ประหลาดต่อหน้าต่อตา จะอธิบายว่าอย่างไร แค่คอมพิวเตอร์ทำงานเองได้ราวผีสิง ก็น่าตกใจตายอยู่แล้ว

             อรุสาไม่ต้องรอ หาคำอธิบายให้กับตัวเอง ลุกขึ้นวิ่งตรงไปยังประตู พยายามเปิดประตูออก แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างมาดันประตูด้านนอกเอาไว้ ไม่ให้เปิดออกไปได้

             “อรุสา....อรุสา.....”

             เสียงแหลมเล็กและเยือกเย็นชวนเสียวสันหลัง ดังมาจากลำโพงคอมพิวเตอร์อีกแล้ว คราวนี้เรียกชื่อเธอชัดเจน   ขณะกำลังตัวแข็งยืนตะลึง โทรศัพท์มือถือบนเตียงส่งเสียงดังยาวนาน สั่นระริกราวกับถูกทรมานจนเจ็บปวดแทบขาดใจ  รับสายหรือไม่รับดี  แต่อารมณ์ขณะนี้ไม่อยากสนใจหรอกว่า  มนุษย์หน้าไหนโทรสายเข้ามา หาทางออกจากห้องให้ได้ เป็นการดีที่สุด

             หน้าต่าง...ห้องนี้อยู่ชั้นสอง เสี่ยงกระโดดลงไปหน้าต่างดีกว่า

             หญิงสาววิ่งปราดไปยังหน้าต่าง  จ้องมองลงไปด้านล่างก่อนตัดสินใจออกทางหน้าทาง แต่ภาพบริเวณทางเดินหน้าบ้านทำให้เธอผงะหงายด้วยอาการขนลุก
  
             หญิงสาวผมยาวปิดหน้ายืนตัวแข็งทื่อ อยู่กลางแสงสว่างที่ดูสว่างเกินกว่าจะเป็นแสงจันทร์   ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามอง เหมือนรู้ว่าหญิงสาวกำลังจ้องมองลงไป  เรื่องบ้าอะไรกันอีกนี่.....อรุสากรีดร้องลั่นห้อง ซวนเซ ถอยหลังด้วยอาการขนลุกเกรียวไปทั้งตัว กลัวและตกใจ จนแทบจะเป็นลมล้มพับอยู่แล้ว  ผีไม่มีจริง...แต่ที่เห็นอยู่กับสายตาคืออะไรกันแน่

             ประตูถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง

             แสงไฟสว่างวูบวาบจนตาพร่าพราย หลายคนกรูเข้ามาในห้อง สถานการณ์พลิกกลับไปสู่อีกด้านหนึ่งกะทันหัน

             “สุขสันต์วันเกิดจ้า อรุซ่า....”

             “เป็นไง คิดไม่ถึงใช่ไหม.....”

             เสียงร้องเซ็งแซ่ คนที่เข้ามาล้วนเป็นเพื่อนสนิททั้งนั้น  นรกไหมล่ะ...หลายคนเข้าประคองอรุสาไปนอนบนเตียงเมื่อเห็นท่าทางเหมือนคนจะเป็นลม   เค้กถูกวาง อาหารและเครื่องดื่มเริ่มลำเลียงเข้ามาในห้อง  รอยยิ้มและเสียงหัวเราะดังไม่ขาดสาย

             “ขอโทษนะ....พวกเราอยาก เซอร์ไพรส์ เธอเท่านั้น ไม่เป็นไรนะ”

             “พวกบ้า...ตกใจจะตายอยู่แล้ว” หญิงสาวเอามือกุมอก เริ่มตั้งสติได้ โกรธก็โกรธ  ดีใจก็ดีใจกับน้ำใจของเพื่อนๆ  ทั้งอยากโดดกอดและอยากโดดตบ  ทำแบบนี้ไม่ตกใจตายก็บุญแล้ว  ล้อเล่นแรงไปหรือเปล่า

              “เป็นผลงานของโปรแกรมไวรัสเท่านั้น” เพื่อนคนหนึ่งอธิบายสาเหตุแปลกๆของคอมพิวเตอร์   “วันก่อนเธอจำได้ไหมว่ามีเพื่อนคนหนึ่งทำเป็นมาขอข้อมูลจากเครื่องของเธอ ทำให้เขาสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ของเธอได้จากเครื่องอื่น ราวกับเป็นเครื่องของมันเอง ไม่มีอะไรหรอก ภาพและเสียงแปลกๆพวกนั้นเป็นสิ่งที่เราใช้ล้อเธอเล่น”

             “รีบเอามันออกไปจากเครื่องของฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนจะมีรายการโกรธคลั่ง”

             อรุสาขู่ด้วยสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งบึ้งด้วยความรู้สึกว่าสติใกล้จะแตกเต็มทน  เพื่อนตัวการลงไวรัสหัวเราะ แล้วมานั่งหน้าเครื่องจัดการลบโปรแกรมไวรัสสั่นประสาทออกไป

             “เธฮไปอาบน้ำน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ ออกมาจะได้จัดงานปาร์ตี้กัน จัดที่ห้องรับแขกข้างล่างดีกว่านะ กว้างดี”   เพื่อนสาวคนหนึ่งแนะนำอย่างหวังดีเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องอยู่ในชุดเสื้อผ้าไม่เข้ากับงานเลี้ยง หญิงสาวก้มมองชุดนอนของตัวเอง ถอนใจให้การความวุ่นวายของชีวิต แต่ก็ยอมฉวยเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องนำโดยดี เรื่องการเล่นอะไรแผลงๆ ไม่มีใครเกินเพื่อนพวกนี้

             แต่พอเดินออกมาจากห้องพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ หญิงสาวก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ  ทำไมไม่มีคนอยู่เลย.... เจ้าพวกนั้นใจคอจะไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเลยหรืออย่างไร ถึงได้พากันไปห้องรับข้างด้านล่างกันหมด   นึกพลางรู้สึกน้อยใจขึ้นมาตามประสาผู้หญิง  ก้าวเท้าตรงไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว คอยดูนะเจ้าพวกนี้...

             แต่ห้องรับแขกด้านล่างตกอยู่ในความมืด ไฟไม่ได้เปิด จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกล่ะ หรือว่าเป็นมุกเก่าๆ รอให้เธอเดินลงไปแล้วเปิดไฟกะทันหัน พร้อมกับร่วมใจร้องเพลงวันเกิด  ยังไงก็ตาม งานนี้ต้องมีการต่อว่ากันบ้างล่ะ

             เดินพ้นบันไดไปแล้ว ทุกอย่างยังคงไม่มีอะไรเคลื่อนไหว เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล อรุสาเดินไปกดสวิทซ์เปิดไฟสว่างจ้า

             ไม่มีใครอยู่ในห้อง... ไม่มีแม้หมาหรือคน...   ไม่มีข้าวปลาอาหารเครื่องดื่มอะไรเลยสักนิด  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน... มันจะเล่นพิเรนทร์กันขนาดไหน สภาพห้องเป็นปกติ พวกเพื่อนๆ หายหัวกันไปไหนหมด ลองตรวจดูประตูห้องพบว่าล็อคอย่างดีในสภาพเรียบร้อย แล้วพวกเพื่อนๆ พากันเข้าไปถึงห้องนอนเธอได้อย่างไรกัน  หรือว่าเธอคิดฟั่นเฟือนไปเอง อาการป่วยทางจิตหนักขนาดหนักเลยหรืออย่างไร ที่ผ่านมาแม้จะเครียดกับเรื่องงาน ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะอาการรุนแรง ถึงขั้นเพ้อเจ้อคิดไปเอง เห็นภาพและเสียงชัดเจนในระบบความคมชัดยิ่งกว่าระบบภาพของทีวี


              ความระแวงหวาดกลัวเริ่มวิ่งมาเกาะกุมหัวใจ

             สภาพบ้านชัดเจนว่าไม่เคยมีใครบุกเข้ามาเลย ประตูแน่นหนาเรียบร้อย   บ้านหลังนี้มีระบบความปลอดภัยสูงสุด  แต่เรื่องราวตอนนี้คืออะไรกันแน่...ความมึนงงสับสน ทำให้ยืนมองไปมองมาแบบทำอะไรไม่ถูก แต่แล้วได้ยินเสียงหวีดร้องของผู้หญิงดังมาจากทางห้องครัวทำให้ตกใจจนสะดุ้งสุดตัว เสียงชัดเจนเหลือเกินเพราะห้องครัวอยู่ใกล้ๆห้องรับแขกนี่เอง  กลัวก็กลัวเพราะไม่มีอาวุธอะไรสำหรับการป้องกันตัวเลย ถ้าจะมีก็อยู่ในครัวนั่นล่ะ..คงไม่พ้นมีดทำครัวซึ่งอาจด฿ไร้ประโยชน์ แต่ในสถานการณ์อันไม่น่าไว้วางใจ  ไม้จิ้มฟันอันเดียวก็มีความหมาย  และถ้าไม่ไปดูให้เห็นกับตา ก็คงสงสัยคงคับข้องใจไม่หายไปนาน  เป็นไงก็เป็นกัน...  นี่มันบ้านของฉัน... อรุสาเดินย่องเงียบกริบไปห้องครัวอย่างระมัดระวังตัว

             ประตูห้องครัวเปิดอ้า ไฟในห้องเปิดสว่าง มองเห็นร่างผู้หญิงคนหนึ่ง นอนฟุบอยู่บนโต๊ะทำอาหารในภาพเลือดชุ่มตัว พอจับพลิกหงายขึ้นมาเพื่อดูหน้า หญิงสาวก็ร้องอย่างตกใจ

             “แอน   ใครทำร้ายเธอ”

             แอนนี่ เพื่อนรักคนหนึ่งของเธอนั่นเอง  ว่าแต่เธอเข้ามาทำอะไรในห้องครัวในบ้านคนอื่น ถึงจะเป็นบ้านเพื่อนรักกันก็ตามเถอะ

             “เสกกับอ้อทำร้ายฉัน”  แอนสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด พยายามใช้มือปิดบาดแผล บริเวณหน้าอกด้านขวาซึ่งยังมีเลือดไหลออกมา อธิบายเหตุการณ์ด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น แบบไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง   “เธอต้องระวังพวกเขาให้ดี ไม่ต้องห่วงฉัน  พวกเขายังอยู่ในบ้านหลังนี้ รีบโทรไปหาคนช่วยเหลือเร็ว ฉันพอทนได้ รีบไปเร็ว”

             เสกกับอ้อ  เพื่อนสนิททั้งสองคน  พวกเขาเข้ามาในบ้านได้อย่างไร ทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วย แต่เสียงเร่งเร้าของคนบาดเจ็บทำให้เธอตัดสินใจจะวิ่งขึ้นไปเอาโทรศัพท์มือถือในห้องนอน ก่อนตามคำแนะนำของเพื่อน แทนที่จะยืนพะวักพะวนให้เสียเวลา ในช่วงแห่งความเป็นตาย ทุกวินาทีมีความหมาย

             แต่พอเดินมาถึงห้องรับแขกก็ต้องชะงัก  มองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

             เสกและอ้อ  ฆาตกรฆ่าเพื่อน ยืนเคียงคู่กันอยู่ในห้องอย่างไม่น่าเป็นไปได้  สีหน้าท่าทางเรียบเฉยเหมือนไม่ได้ไปทำร้ายใครมาก่อนหน้านี้  มันเรื่องบ้าอะไรกัน

             “พวกเธอ...”  อรุสาหลุดคำพูดออกมาได้แค่นั้นจริงๆ เพราะความมึนงงสับสน  เพื่อนผู้มาเยือนหันไปมองหน้ากันแล้วพากันหัวเราะ ก่อนเสกหนุ่มหล่อประจำกลุ่มมองหน้าเจ้าของบ้าน แล้วเอ่ยปากถามด้วยสีหน้าแปลกใจ

             “เธอเป็นอะไรไป สา ทำหน้าเหมือนเพิ่งเจอผีมาใหม่ๆ”

             “พวกเธอทำร้ายแอน”   หญิงสาวกัดฟันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเริ่มเดินถอยลงทีละก้าวอย่างไม่ไว้ใจ พวกเขายังไม่ได้อธิบายอะไรเกี่ยวกับเรื่องรุนแรง

             “แอน...เธอไม่ได้มาที่นี่”  อ้อขมวดคิ้วพูดอย่างแปลกใจเช่นกัน “พวกเรามากันสองคนเท่านั้น  แต่ที่เธอพูดถึงแอนมีอะไรเหรอ”

             “แอนอยู่ในห้องครัว  เธอถูกทำร้าย”  

             สองแขกยามวิกาลมองหน้ากันอีกครั้ง เสกฉวยข้อมือของอ้อ ดึงให้เดินไปทางห้องครัว พยักหน้าให้เจ้าของบ้านตามไปด้วย อรุสาเดินตามไปอย่างหวาดๆ แต่โล่งใจว่าเพื่อนทั้งสองไม่ได้มีท่าทางคิดร้ายอะไรเลย

             “ไหน แอน...”

             หนุ่มเสกหันมาถาม ก่อนกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง อรุสาปากอ้าตาค้าง เพราะในห้องครัวไม่ปรากฏร่างของแอนอยู่เลย จะว่าหลบหนีไปทางอื่นก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะอาการบาดเจ็บขนาดนั้น ไม่มีทางลุกชึ้นวิ่งหนีไปได้แน่ในเวลากระชั้น  รอยเลือดบนโต๊ะและตามพื้นก็ไม่ปรากฏให้เห็น
“เธอล้ออะไรพวกเราเล่นอยู่หรือเปล่า”  อ้อจับแขนเธอเขย่าถามอย่างไม่เข้าใจ

             “เมื่อกี้เธออยู่ที่นี่  ถูกแทงเลือดท่วมตัว”   หญิงสาวตอบด้วยเสียงแผ่วเบาสีหน้าท่าทางราวคนใกล้บ้าเต็มที เริ่มสงสัยในระบบรับรู้ของตัวเองว่าฟั่นเฟือนไปแล้วหรืออย่างไร ภาพของเพื่อนสาวถูกแทงมันชัดเจน เธอยังจับตัวดูอยู่เลย สัมผัสนั้นเป็นคนมีเลือดเนื้อมีตัวคนชัดๆ

             “เธอละเมอไปแล้วล่ะ”   อ้อว่าแล้วลากแขนเพื่อนกลับมาให้นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางห่วงใย พอนั่งระงับสติอารมณ์พักหนึ่ง กระทั่งสาวเจ้าของบ้านบ้านเริ่มนึกขึ้นได้ จ้องหน้าเพื่อนทั้งสองถามว่า

             “พวกเธอเข้ามาในบ้านได้ยังไง”

             “อ้าว...”  เสกหนุ่มหล่อทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ แล้วหัวเราะพลางบอกว่า

             “ก็เธอบอกให้พวกเรามากันยังไง แถมยังเอาลูกกุญแจบ้านให้กับอ้อไว้ด้วย เธอเป็นอะไรนี่”

             สาวอ้อเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงตัวสวย หยิบพวงลูกกุญแจออกมาโชว์ให้ดูต่อหน้าต่อตาก่อนยื่นลงให้   พวงลูกกุญแจรูปแมวแบบนี้มันของเธอแน่นอน ทำเอาอรุสาต้องถอนใจหลับตาลงพยายามนึกทบทวนความทรงจำ เธอเป็นคนบอกให้เพื่อนมาบ้านได้อย่างไร แถมเอาลูกกุญแจให้ด้วย นิสัยของเธอไม่ใช่คนจะให้ลูกกุญแจบ้านกับคนอื่น หรือว่าเราจะบ้าจริงๆ....



...................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่