บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/40337842
ความเดิม จากบทที่อล้ว
“ถ้างั้นนายต้องทำตามคำสั่งฉัน”
“ถ้าคำสั่งนั้น ชอบด้วยหลักการ และข้อปฏิบัตินะครับ”
“แล้วไง...แกจะก่อกบฏ ยึดยานลำนี้ บินกลับโลกอย่างนั้นเหรอ”
..................
“แล้วไง...นี่แกคิดจะก่อกบฏ ยึดยานลำนี้ บินกลับโลกอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่นะครับ ผมไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่ในโปรแกรมเลยครับ”
จอห์นเปลี่ยนอารมณ์ไอคอนเป็นหน้าตกใจ จากนั้นเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้ม ลอยกระเด้งไปมา
“เลิกทำท่าทะลึ่งกวนประสาทเสียที” ผมทำเสียงเข้ม
จอห์นเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ และเลือกที่จะไม่โต้ตอบ ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนผมเตะเข้าให้หรอก แต่เขาฉลาดพอจะรู้ว่าขืนพูดมาก โดนปิดโปรแกรมแน่ ผมรู้ว่าจอห์นทำการก่อกบฏไม่ได้ หน้าที่หลักของเขาคือช่วยเหลือผู้บังคับบัญชา ตัดสินใจเองได้บ้างในบางเรื่อง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท ผมตัดเส้นทางข้อมูลระบบสื่อสารไปสู่โลกออกทั้งหมด เผื่อว่าจอห์นจะมีก๊อกสอง เพราะเคยพบว่าหลายครั้ง โปรแกรมผู้ช่วยมีการแอบสอดไส้เขียนคำสั่งลับไว้เบื้องหลัง จอห์นไม่ได้ทักท้วงอะไรกับเรื่องนี้ คงได้แต่ทำหน้ายิ้มลอยไปมาเท่านั้น
“คุณดื่มแอลกอฮอล์” หลังเงียบไปครู่หนึ่ง จอห์นเริ่มตั้งข้อสังเกต เซ็นเซอร์สารเคมีคงตรวจจับโมเลกุลของแอลกอฮอล์ในอากาศได้
“แล้วไง” ผมย้อน หันไปคว้าผลปาล์ม ใช้มีดปลอกเปลือกอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องบัญชาการอย่างไม่สนใจกฏระเบียบสากล “เราไม่ได้ทำการบิน ทำไมจะดื่มไม่ได้”
“มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
“ช่างประไร”
จอห์นเงียบเสียงไป ผมจึงออกคำสั่ง กำชับให้ดูแลตรวจจับทุกความเคลื่อนไหวนอกยานในเวลากลางคืน แล้วช่วงเย็นของค่ำคืน ก็เป็นช่วงแห่งความเบิกบานสำราญใจ จากน้ำเมาของลูกปาล์มทั้งสามลูก มาคิดว่าผมคงเป็นนักบินอวกาศคนแรกของโลกที่มีโอกาสเมาเต็มคราบ บนดาวดวงอื่น
เวลาผ่านไปจนรู้สึกกำลังได้ที่ แต่ก็ไม่ลืมสังเกตหน้าจอมอนิเตอร์ คอยดูความผิดปกติซึ่งอาจเกิดได้ทุกเมื่อ หญิงสาวลึกลับจะมาปรากฏให้เห็นอีกหรือไม่
นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมกับจอห์นคุยกันอย่างถูกคอและออกรสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่ออารมณ์ดีอะไรก็ดีไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าจอห์นจะสามารถพูดคุยโต้ตอบได้ทุกเรื่อง เขามีความสามารถในการเขียนข้อมูลเพิ่มเติมให้ตัวเองได้ นั่นเป็นความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นทุกที แม้กระทั่งเรื่องตลกร้ายไร้สาระ จอห์นก็สามารถพูดคุยได้ ราวกับเป็นคนจริง ๆ หลายครั้งได้ยินเขาหัวเราะอย่างได้อารมณ์
“นี่ถ้าแกเป็นมนุษย์ ฉันจะชนแก้วกับแกให้เมากลิ้งไปเลย” ผมพูดแล้วก็หัวเราะ
“ทำไมคุณถึงอยากเมาด้วยละครับ” เขาส่งเสียงถามจากใบหน้ายิ้ม ที่กำลังลอยกระทบขอบจอ เด้งไปมาเป็นลูกปิงปอง
“เรื่องของคน โปรแกรมไม่เกี่ยว”
“ผมก็อยากรู้ความคิดของคุณเท่านั้นครับ”
“รู้ไปก็เท่านั้น”
หน้าไอคอนของจอห์นเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ เพราะคำตอบที่เหมือนไม่ใช่คำตอบ เขาพูดจาเหมือนมนุษย์ขึ้นทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นเพียงโปรแกรมเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดแบบคนแน่นอน
หน้าจอมีแสงกะพริบวูบวาบ เป็นสัญญาณว่ามีการรบกวนระบบตรวจจับภายนอก แล้วภาพอินฟราเรดก็ปรากฏขึ้นให้เห็น รูปร่างเรืองแสง เหมือนร่างที่มาปรากฏคืนก่อนอย่างสังเกตได้ ประสาทของผมตื่นตัวทันที ออกคำสั่งให้จอห์นวิเคราะห์ข้อมูลรายละเอียดอย่างรวดเร็วเท่าที่เป็นไปได้ เก็บเอาไว้ศึกษาภายหลัง ร่างของเธอเดินมาจากทางทิศใต้ มุ่งหน้าตรงมาอย่างเปิดเผย จนกระทั่งเข้าสู่รัศมีของแสงสว่างจากตัวยาน
จอห์นเปลี่ยนระบบตรวจจับจากอินฟราเรด เป็นระบบแสงธรรมดา ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนแบบสายตามองเห็น
แอนนา...ผมร้องเรียกชื่อออกมาอย่างลืมตัว
ผู้หญิงที่กำลังเดินใกล้เข้ามาใกล้ยาน คือแอนนา เรียกว่าออกมาจากพิมพ์เดียวกันก็ไม่ผิด ทั้งขนาด สัดส่วน รูปร่าง หน้าตา เธอหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า เงยหน้าจ้องมองราวกับรู้ว่ากำลังมีคนสังเกตผ่านระบบตรวจจับ ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอพยักหน้า ทำท่าทางพยายามสื่อสาร อะไรบางอย่าง
“เธอขอเข้ามาในยาน” จอห์นแปลความหมายท่าทีของเธอได้ในทันที แต่ผมกลับลังเล ความคิดวุ่นวายสับสน อยู่ดี ๆ ก็มีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนอดีตคนรัก ปรากฏตัวให้เห็นในเวลาค่ำคืน บนดวงดาวห่างไกลโลกมนุษย์ ควรตัดสินใจอย่างไร แต่ผมไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจนาน เพราะจอห์นเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนแบบถือวิสาสะ ทำเอาผมอ้าปากค้าง กับการตัดสินใจของโปรแกรมจอมแสบ
แน่นอนว่าผมไม่ได้หวาดกลัว เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะถ้าเธอมุ่งร้ายคงทำไปนานแล้ว
เป็นโอกาสดี จะได้รู้กันไปเลยว่าเธอคือใคร หรืออะไรกันแน่ หัวใจของผมเต้นแรง เมื่อประตูยานเปิดออก อากาศเย็นพัดเข้ามาพร้อมกับร่างของหญิงสาวลึกลับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอเดินเข้ามาในยานด้วยท่าทางปกติอย่างที่สุด ลักษณะท่าทางการเดินไม่ต่างจากบุคลิกของแอนนาแม้แต่น้อย กระทั่งรอยยิ้ม
“ขอแอนนามาหลบอยู่ข้างในได้ไหมคะ” เสียงที่เธอพูดก็เป็นเสียงของแอนนาไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้ผมตะลึง
ไม่... เป็นไปไม่ได้...
หญิงสาวผู้มาเยือนนั่งลงบนเก้าอี้นักบินที่ว่างอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเธอมีแววอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเหมือนสนิทสนมคุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี
“คุณเป็นใครกันแน่ คุณไม่ใช่แอนนา...” ผมขยับถอยห่างนิดหนึ่ง จ้องหน้าถามอย่างสังเกตหาความผิดปกติ แต่ดูอย่างไรก็คือแอนนา
“แอนนาของคุณยังไงคะ”
“คุณไม่ใช่”
“แอนนาของคุณจริง ๆ” เธอเน้นเสียงหนักแน่น ซึ่งก็เป็นเสียงในแบบฉบับของแอนนาใช้ เมื่อพูดเรื่องจริงจัง สายตาที่มองประสานมีแววอ้อนวอน ทำเอาผมรู้สึกมึนเมาเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว อยากจะคิดว่าเป็นเพราะเมาผลปาล์ม ก็ไม่อยากจะคิด เมาบ้าบออะไรจะเป็นไปได้ขนาดนี้
หลังจากคุยกันได้พักหนึ่ง ความรู้สึกของผมบอกกับตัวเองว่า เธอคนนี้ไม่ใช่ แอนนา แต่อีกใจก็ต้องยอมรับว่าใช่ ใช่ในความไม่ใช่ หรือไม่ใช่ในความใช่...คิดแล้วอยากจะบ้า เพราะเธอสามารถบอกข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างของแอนนาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แม้กระทั่งเรื่องลับ ที่เรารู้กันเพียงสองคน เธอก็ยังสามารถบอกออกมาได้ กระทั่งกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ของเธอก็เป็นน้ำหอมที่แอนนาใช้เป็นประจำ
แอนนา กลับมาหาผม ทั้งที่เธอจากไปกับคนอื่นแล้ว สร้างความสับสนให้อย่างสุดแสน
ถ้าเป็นคุณก็คงทำใจยากเหมือนกัน ผมเองก็เริ่มยอมแพ้ความคิดของตัวเอง เพราะไม่ว่าผมจะแกล้งถามข้อมูลอะไร ผู้หญิงที่เข้ามาในยานก็สามารถตอบได้อย่างทุกต้อง ต่อให้เชื่อว่าไม่ใช่แอนนา ก็ต้องยอมรับว่าเธอคือแอนนา
ตกดึก หลังจากการถูกซักถามข้อมูล ราวกับเป็นจำเลยในชั้นศาล ผมยอมแพ้ นั่งจ้องมองเธอนิ่งงัน หญิงสาวผู้มาเยือนท่าทางเหน็ดหน่ายจากการถูกซักถาม ที่ต้องเฝ้าตอบอย่างอดทน เธอบ่นว่าง่วงนอน ผมหันซ้ายแลขวา นึกได้ว่ายานออกแบบมาสำหรับนักบินอวกาศถึงสี่คน เมื่อนักบินสามคนไม่ยอมมา จึงมีห้องนอนพักผ่อนเหลืออีกตั้งสามห้อง ผมไม่ใช่คนใจร้ายพอจะส่งผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปเผชิญความหนาวเย็นนอกยาน ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร หรืออะไรก็ตาม ควรดูแลเธอตามความเหมาะสม
ผมพาเธอไปยังห้องพักที่ว่างอยู่ห้องหนึ่ง แอนนาไม่ได้มีท่าทางเคอะเขินผิดปกติ จัดเตียงจัดสิ่งของอย่างคล่องแคล่วอย่างคุ้นเคยวิถีชีวิตชาวโลก พอทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เลี่ยงออกมา เพราะยังไม่สนิทใจเต็มร้อย ก่อนออกจากห้อง แอนนาสบสายตาพลางยิ้มและบอกขอบคุณ ทำเอาผมใจอ่อนยวบ ท่าทางของแอนนาชัด ๆ
ถ้าผมพบเธออยู่บนโลก ผมก็พร้อมจะเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้เลยว่า เธอคือแอนนา แต่นี่มันบนต่างดาว
จะพึ่งพาอาศัยจอห์นก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยมีข้อมูลของแอนนาอยู่เลย แต่สิ่งที่จอห์นบอกได้ คือผู้มาเยือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่มีอะไรสงสัย ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบที่สามารถวิเคราะห์ได้ ไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากชาวโลกแม้แต่น้อย
ยังเหลือผลปาล์มเมาอยู่อีกหนึ่งลูก หลังจากชำระร่างกายเข้านอน แต่ยังไม่ง่วง จึงออกมานั่งละเลียดน้ำหวานของปาล์ม จิบไปคิดไป เพื่อตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับแอนนา โดยมีจอห์เป็นเพื่อนสนทนา ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี เราคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ จนผมเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว
รุ่งเช้าผมได้กลิ่นกาแฟ
ไม่แปลกหรอกกับการมีกาแฟติดยานมาด้วย ที่แปลกคือผมไม่เคยชงกาแฟดื่มสักครั้ง ไม่ได้มีอามณ์ละเมียดขนาดจะนั่งยานชมอวกาศ แล้วจิบกาแฟไปด้วย แอนนาเดินยิ้มออกมาจากห้องครัว มือถือแก้วกาแฟมาด้วย ท่าทางของเธอผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ แต่ยังคงอยู่ในชุดรัดรูปแบบนักบินอวกาศที่เห็นเมื่อคืน
ในห้องเก็บของ มีเสื้อผ้าอยู่หลายชุด ถึงไม่มีชุดผู้หญิงแต่แอนนาก็คงเลือกชุดกล้อมแกล้มไปได้ เพราะชุดเสื้อผ้าที่ใช้ในยานอวกาศมีความยืดหยุ่นสูง
เธอยื่นก้วยกาแฟให้ ผมใจอ่อน รับแก้วกาแฟมาจิบดู นั่นก็เป็นรสชาติที่ผมต้องการ แอนนารู้ใจผมเสมอ ยังไม่พอเท่านั้น เธอยังบอกว่าทำกับข้าวอวกาศง่าย ๆ เท่าที่พอจะทำได้ไว้ให้ห้องอาหาร โดยใช้วัตถุดิบเท่าที่มี
ผมหันไปอ้าปากจะต่อว่า แต่พอสบตาก็ใจอ่อน
สุดท้ายจึงหันไปจากหน้าจอมอนิเตอร์ “จอห์น บอกทีสิ ว่าฉันควรทำไง”
เป็นครั้งแรกที่ผมขอความช่วยเหลือเรื่องส่วนตัว เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าจะจัดการอย่างไร อยู่ดี ๆ ก็เหมือนมีแม่บ้าน เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน
“คุณควรยอมรับเธอ” จอห์นตอบสั้น ๆ ใบหน้ากลม ๆ เด้งไปมามีรอยยิ้มที่อยากจะคิดว่าล้อเลียน แต่จอห์นเป็นโปรแกรม คงไม่พัฒนาถึงขั้นล้อเลียนมนูษย์ได้
“ทำไมฉันต้องยอมรับเธอด้วย”
“เพราะเธอคือแอนนา”
จอห์นมีข้อมูลของแอนนาในฐานข้อมูลเรียบร้อย คงเก็บข้อมูลจากการสนทนาระหว่างผมกับแอนนาเมื่อคืน เรื่องเก็บข้อมูลต้องยกให้เขา
“เธอไม่ใช่แอนนา” ผมแย้งอย่างเริ่มหงุดหงิด
“เธอใช่” เสียงของจอห์นพูด คราวนี้ฟังเหมือนมีอารมณ์แบบคนกำลังอยากหัวเราะ มันชักจะมากไปแล้วเจ้าโปรแกรมบ้า แต่พอมองเห็นแอนนาทำท่าอมยิ้มอยู่ด้านข้าง จึงหมดอารมณ์จะทะเลาะกับจอห์น เตรียมตัวออกไปทำภารกิจ
ทิศทางหลักในการสำรวจเบื้องต้น เหลือทิศใต้ ซึ่งคิดว่าจะออกไปสำรวจ ครบสี่ทิศหลักแล้ว ค่อยขยายอาณาเขตให้ไกลออกไปอีก หรือเก็บรายละเอียดจากทิศรอง ซึ่งก็ไม่น่าจะต่างจากทิศหลักมากนัก หลังจากนั้นก็จะใช้ยานบินสำรวจทั่วเฮเว่น เท่านี้ก็มีงานสนุก ๆ ให้ทำไม่รู้เบื่อหน่ายเพราะก่อนที่ความรักจะเป็นพิษ งานอดิเรกที่ผมชื่นชอบคืองานสำรวจนั่นเอง ความท้าทาย เร้าใจให้เกิดความ สุขใจส่วนตัว ในดินแดนที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน ไม่ต้องมีผู้บังคับบัญชาสั่งการให้รำคาญใจ
การสำรวจดาวเฮเว่นไม่ใช่การทำเพื่อการวิจัยเขียนรายงานไปยังศูนย์บัญชาการ แต่มันเป็นความท้าทายส่วนตัว ที่อยากทำตามใจมานาน
ถึงเวลาในการให้รางวัลตัวเองเสียที
แอนนาขอติดตามไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะมีอะไรเหมือนคนรักเก่า แต่ทำให้เกิดรู้สึกไม่พอใจเล็ก ๆ ขึ้นมาได้เหมือนกัน เธอเองไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายเดินหนีผมไป กับนายทหารอนาคตไกลลูกหลานคนใหญ่โต เวลานี้จะขอมาเป็นฝ่ายติดตาม ตามหลักผมไม่ควรให้เธอไปด้วย แต่แววตาของเธอทำให้ผมใจอ่อนอีกตามเคย
น่า...เธอไม่ใช่แอนนา อย่าเอาอารมณ์คนละคนมาปนกัน จิตด้านหนึ่งของผมพยายามคัดค้าน
.......
ตำนานรัก ข้ามจักรวาล......บทที่ 3 (แอนนา)
https://ppantip.com/topic/40337842
ความเดิม จากบทที่อล้ว
“ถ้างั้นนายต้องทำตามคำสั่งฉัน”
“ถ้าคำสั่งนั้น ชอบด้วยหลักการ และข้อปฏิบัตินะครับ”
“แล้วไง...แกจะก่อกบฏ ยึดยานลำนี้ บินกลับโลกอย่างนั้นเหรอ”
..................
“แล้วไง...นี่แกคิดจะก่อกบฏ ยึดยานลำนี้ บินกลับโลกอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่นะครับ ผมไม่มีความคิดแบบนั้นอยู่ในโปรแกรมเลยครับ”
จอห์นเปลี่ยนอารมณ์ไอคอนเป็นหน้าตกใจ จากนั้นเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้ม ลอยกระเด้งไปมา
“เลิกทำท่าทะลึ่งกวนประสาทเสียที” ผมทำเสียงเข้ม
จอห์นเข้าใจอารมณ์ของมนุษย์ และเลือกที่จะไม่โต้ตอบ ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนผมเตะเข้าให้หรอก แต่เขาฉลาดพอจะรู้ว่าขืนพูดมาก โดนปิดโปรแกรมแน่ ผมรู้ว่าจอห์นทำการก่อกบฏไม่ได้ หน้าที่หลักของเขาคือช่วยเหลือผู้บังคับบัญชา ตัดสินใจเองได้บ้างในบางเรื่อง เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท ผมตัดเส้นทางข้อมูลระบบสื่อสารไปสู่โลกออกทั้งหมด เผื่อว่าจอห์นจะมีก๊อกสอง เพราะเคยพบว่าหลายครั้ง โปรแกรมผู้ช่วยมีการแอบสอดไส้เขียนคำสั่งลับไว้เบื้องหลัง จอห์นไม่ได้ทักท้วงอะไรกับเรื่องนี้ คงได้แต่ทำหน้ายิ้มลอยไปมาเท่านั้น
“คุณดื่มแอลกอฮอล์” หลังเงียบไปครู่หนึ่ง จอห์นเริ่มตั้งข้อสังเกต เซ็นเซอร์สารเคมีคงตรวจจับโมเลกุลของแอลกอฮอล์ในอากาศได้
“แล้วไง” ผมย้อน หันไปคว้าผลปาล์ม ใช้มีดปลอกเปลือกอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องบัญชาการอย่างไม่สนใจกฏระเบียบสากล “เราไม่ได้ทำการบิน ทำไมจะดื่มไม่ได้”
“มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ”
“ช่างประไร”
จอห์นเงียบเสียงไป ผมจึงออกคำสั่ง กำชับให้ดูแลตรวจจับทุกความเคลื่อนไหวนอกยานในเวลากลางคืน แล้วช่วงเย็นของค่ำคืน ก็เป็นช่วงแห่งความเบิกบานสำราญใจ จากน้ำเมาของลูกปาล์มทั้งสามลูก มาคิดว่าผมคงเป็นนักบินอวกาศคนแรกของโลกที่มีโอกาสเมาเต็มคราบ บนดาวดวงอื่น
เวลาผ่านไปจนรู้สึกกำลังได้ที่ แต่ก็ไม่ลืมสังเกตหน้าจอมอนิเตอร์ คอยดูความผิดปกติซึ่งอาจเกิดได้ทุกเมื่อ หญิงสาวลึกลับจะมาปรากฏให้เห็นอีกหรือไม่
นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมกับจอห์นคุยกันอย่างถูกคอและออกรสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่ออารมณ์ดีอะไรก็ดีไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าจอห์นจะสามารถพูดคุยโต้ตอบได้ทุกเรื่อง เขามีความสามารถในการเขียนข้อมูลเพิ่มเติมให้ตัวเองได้ นั่นเป็นความสามารถของควอนตัมคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นทุกที แม้กระทั่งเรื่องตลกร้ายไร้สาระ จอห์นก็สามารถพูดคุยได้ ราวกับเป็นคนจริง ๆ หลายครั้งได้ยินเขาหัวเราะอย่างได้อารมณ์
“นี่ถ้าแกเป็นมนุษย์ ฉันจะชนแก้วกับแกให้เมากลิ้งไปเลย” ผมพูดแล้วก็หัวเราะ
“ทำไมคุณถึงอยากเมาด้วยละครับ” เขาส่งเสียงถามจากใบหน้ายิ้ม ที่กำลังลอยกระทบขอบจอ เด้งไปมาเป็นลูกปิงปอง
“เรื่องของคน โปรแกรมไม่เกี่ยว”
“ผมก็อยากรู้ความคิดของคุณเท่านั้นครับ”
“รู้ไปก็เท่านั้น”
หน้าไอคอนของจอห์นเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ เพราะคำตอบที่เหมือนไม่ใช่คำตอบ เขาพูดจาเหมือนมนุษย์ขึ้นทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นเพียงโปรแกรมเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกนึกคิดแบบคนแน่นอน
หน้าจอมีแสงกะพริบวูบวาบ เป็นสัญญาณว่ามีการรบกวนระบบตรวจจับภายนอก แล้วภาพอินฟราเรดก็ปรากฏขึ้นให้เห็น รูปร่างเรืองแสง เหมือนร่างที่มาปรากฏคืนก่อนอย่างสังเกตได้ ประสาทของผมตื่นตัวทันที ออกคำสั่งให้จอห์นวิเคราะห์ข้อมูลรายละเอียดอย่างรวดเร็วเท่าที่เป็นไปได้ เก็บเอาไว้ศึกษาภายหลัง ร่างของเธอเดินมาจากทางทิศใต้ มุ่งหน้าตรงมาอย่างเปิดเผย จนกระทั่งเข้าสู่รัศมีของแสงสว่างจากตัวยาน
จอห์นเปลี่ยนระบบตรวจจับจากอินฟราเรด เป็นระบบแสงธรรมดา ทำให้มองเห็นภาพชัดเจนแบบสายตามองเห็น
แอนนา...ผมร้องเรียกชื่อออกมาอย่างลืมตัว
ผู้หญิงที่กำลังเดินใกล้เข้ามาใกล้ยาน คือแอนนา เรียกว่าออกมาจากพิมพ์เดียวกันก็ไม่ผิด ทั้งขนาด สัดส่วน รูปร่าง หน้าตา เธอหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า เงยหน้าจ้องมองราวกับรู้ว่ากำลังมีคนสังเกตผ่านระบบตรวจจับ ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กน้อย จากนั้นเธอพยักหน้า ทำท่าทางพยายามสื่อสาร อะไรบางอย่าง
“เธอขอเข้ามาในยาน” จอห์นแปลความหมายท่าทีของเธอได้ในทันที แต่ผมกลับลังเล ความคิดวุ่นวายสับสน อยู่ดี ๆ ก็มีคนรูปร่างหน้าตาเหมือนอดีตคนรัก ปรากฏตัวให้เห็นในเวลาค่ำคืน บนดวงดาวห่างไกลโลกมนุษย์ ควรตัดสินใจอย่างไร แต่ผมไม่ต้องเสียเวลาตัดสินใจนาน เพราะจอห์นเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือนแบบถือวิสาสะ ทำเอาผมอ้าปากค้าง กับการตัดสินใจของโปรแกรมจอมแสบ
แน่นอนว่าผมไม่ได้หวาดกลัว เชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะถ้าเธอมุ่งร้ายคงทำไปนานแล้ว
เป็นโอกาสดี จะได้รู้กันไปเลยว่าเธอคือใคร หรืออะไรกันแน่ หัวใจของผมเต้นแรง เมื่อประตูยานเปิดออก อากาศเย็นพัดเข้ามาพร้อมกับร่างของหญิงสาวลึกลับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอเดินเข้ามาในยานด้วยท่าทางปกติอย่างที่สุด ลักษณะท่าทางการเดินไม่ต่างจากบุคลิกของแอนนาแม้แต่น้อย กระทั่งรอยยิ้ม
“ขอแอนนามาหลบอยู่ข้างในได้ไหมคะ” เสียงที่เธอพูดก็เป็นเสียงของแอนนาไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้ผมตะลึง
ไม่... เป็นไปไม่ได้...
หญิงสาวผู้มาเยือนนั่งลงบนเก้าอี้นักบินที่ว่างอยู่ข้าง ๆ สีหน้าของเธอมีแววอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางเหมือนสนิทสนมคุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี
“คุณเป็นใครกันแน่ คุณไม่ใช่แอนนา...” ผมขยับถอยห่างนิดหนึ่ง จ้องหน้าถามอย่างสังเกตหาความผิดปกติ แต่ดูอย่างไรก็คือแอนนา
“แอนนาของคุณยังไงคะ”
“คุณไม่ใช่”
“แอนนาของคุณจริง ๆ” เธอเน้นเสียงหนักแน่น ซึ่งก็เป็นเสียงในแบบฉบับของแอนนาใช้ เมื่อพูดเรื่องจริงจัง สายตาที่มองประสานมีแววอ้อนวอน ทำเอาผมรู้สึกมึนเมาเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าตัว อยากจะคิดว่าเป็นเพราะเมาผลปาล์ม ก็ไม่อยากจะคิด เมาบ้าบออะไรจะเป็นไปได้ขนาดนี้
หลังจากคุยกันได้พักหนึ่ง ความรู้สึกของผมบอกกับตัวเองว่า เธอคนนี้ไม่ใช่ แอนนา แต่อีกใจก็ต้องยอมรับว่าใช่ ใช่ในความไม่ใช่ หรือไม่ใช่ในความใช่...คิดแล้วอยากจะบ้า เพราะเธอสามารถบอกข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างของแอนนาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แม้กระทั่งเรื่องลับ ที่เรารู้กันเพียงสองคน เธอก็ยังสามารถบอกออกมาได้ กระทั่งกลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ของเธอก็เป็นน้ำหอมที่แอนนาใช้เป็นประจำ
แอนนา กลับมาหาผม ทั้งที่เธอจากไปกับคนอื่นแล้ว สร้างความสับสนให้อย่างสุดแสน
ถ้าเป็นคุณก็คงทำใจยากเหมือนกัน ผมเองก็เริ่มยอมแพ้ความคิดของตัวเอง เพราะไม่ว่าผมจะแกล้งถามข้อมูลอะไร ผู้หญิงที่เข้ามาในยานก็สามารถตอบได้อย่างทุกต้อง ต่อให้เชื่อว่าไม่ใช่แอนนา ก็ต้องยอมรับว่าเธอคือแอนนา
ตกดึก หลังจากการถูกซักถามข้อมูล ราวกับเป็นจำเลยในชั้นศาล ผมยอมแพ้ นั่งจ้องมองเธอนิ่งงัน หญิงสาวผู้มาเยือนท่าทางเหน็ดหน่ายจากการถูกซักถาม ที่ต้องเฝ้าตอบอย่างอดทน เธอบ่นว่าง่วงนอน ผมหันซ้ายแลขวา นึกได้ว่ายานออกแบบมาสำหรับนักบินอวกาศถึงสี่คน เมื่อนักบินสามคนไม่ยอมมา จึงมีห้องนอนพักผ่อนเหลืออีกตั้งสามห้อง ผมไม่ใช่คนใจร้ายพอจะส่งผู้หญิงตัวคนเดียวออกไปเผชิญความหนาวเย็นนอกยาน ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร หรืออะไรก็ตาม ควรดูแลเธอตามความเหมาะสม
ผมพาเธอไปยังห้องพักที่ว่างอยู่ห้องหนึ่ง แอนนาไม่ได้มีท่าทางเคอะเขินผิดปกติ จัดเตียงจัดสิ่งของอย่างคล่องแคล่วอย่างคุ้นเคยวิถีชีวิตชาวโลก พอทุกอย่างเรียบร้อยผมก็เลี่ยงออกมา เพราะยังไม่สนิทใจเต็มร้อย ก่อนออกจากห้อง แอนนาสบสายตาพลางยิ้มและบอกขอบคุณ ทำเอาผมใจอ่อนยวบ ท่าทางของแอนนาชัด ๆ
ถ้าผมพบเธออยู่บนโลก ผมก็พร้อมจะเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้เลยว่า เธอคือแอนนา แต่นี่มันบนต่างดาว
จะพึ่งพาอาศัยจอห์นก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่เคยมีข้อมูลของแอนนาอยู่เลย แต่สิ่งที่จอห์นบอกได้ คือผู้มาเยือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่มีอะไรสงสัย ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบที่สามารถวิเคราะห์ได้ ไม่ผิดแผกแตกต่างไปจากชาวโลกแม้แต่น้อย
ยังเหลือผลปาล์มเมาอยู่อีกหนึ่งลูก หลังจากชำระร่างกายเข้านอน แต่ยังไม่ง่วง จึงออกมานั่งละเลียดน้ำหวานของปาล์ม จิบไปคิดไป เพื่อตั้งสมมุติฐานเกี่ยวกับแอนนา โดยมีจอห์เป็นเพื่อนสนทนา ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี เราคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ จนผมเผลอหลับไปแบบไม่รู้ตัว
รุ่งเช้าผมได้กลิ่นกาแฟ
ไม่แปลกหรอกกับการมีกาแฟติดยานมาด้วย ที่แปลกคือผมไม่เคยชงกาแฟดื่มสักครั้ง ไม่ได้มีอามณ์ละเมียดขนาดจะนั่งยานชมอวกาศ แล้วจิบกาแฟไปด้วย แอนนาเดินยิ้มออกมาจากห้องครัว มือถือแก้วกาแฟมาด้วย ท่าทางของเธอผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ แต่ยังคงอยู่ในชุดรัดรูปแบบนักบินอวกาศที่เห็นเมื่อคืน
ในห้องเก็บของ มีเสื้อผ้าอยู่หลายชุด ถึงไม่มีชุดผู้หญิงแต่แอนนาก็คงเลือกชุดกล้อมแกล้มไปได้ เพราะชุดเสื้อผ้าที่ใช้ในยานอวกาศมีความยืดหยุ่นสูง
เธอยื่นก้วยกาแฟให้ ผมใจอ่อน รับแก้วกาแฟมาจิบดู นั่นก็เป็นรสชาติที่ผมต้องการ แอนนารู้ใจผมเสมอ ยังไม่พอเท่านั้น เธอยังบอกว่าทำกับข้าวอวกาศง่าย ๆ เท่าที่พอจะทำได้ไว้ให้ห้องอาหาร โดยใช้วัตถุดิบเท่าที่มี
ผมหันไปอ้าปากจะต่อว่า แต่พอสบตาก็ใจอ่อน
สุดท้ายจึงหันไปจากหน้าจอมอนิเตอร์ “จอห์น บอกทีสิ ว่าฉันควรทำไง”
เป็นครั้งแรกที่ผมขอความช่วยเหลือเรื่องส่วนตัว เพราะไม่รู้จริง ๆ ว่าจะจัดการอย่างไร อยู่ดี ๆ ก็เหมือนมีแม่บ้าน เพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน
“คุณควรยอมรับเธอ” จอห์นตอบสั้น ๆ ใบหน้ากลม ๆ เด้งไปมามีรอยยิ้มที่อยากจะคิดว่าล้อเลียน แต่จอห์นเป็นโปรแกรม คงไม่พัฒนาถึงขั้นล้อเลียนมนูษย์ได้
“ทำไมฉันต้องยอมรับเธอด้วย”
“เพราะเธอคือแอนนา”
จอห์นมีข้อมูลของแอนนาในฐานข้อมูลเรียบร้อย คงเก็บข้อมูลจากการสนทนาระหว่างผมกับแอนนาเมื่อคืน เรื่องเก็บข้อมูลต้องยกให้เขา
“เธอไม่ใช่แอนนา” ผมแย้งอย่างเริ่มหงุดหงิด
“เธอใช่” เสียงของจอห์นพูด คราวนี้ฟังเหมือนมีอารมณ์แบบคนกำลังอยากหัวเราะ มันชักจะมากไปแล้วเจ้าโปรแกรมบ้า แต่พอมองเห็นแอนนาทำท่าอมยิ้มอยู่ด้านข้าง จึงหมดอารมณ์จะทะเลาะกับจอห์น เตรียมตัวออกไปทำภารกิจ
ทิศทางหลักในการสำรวจเบื้องต้น เหลือทิศใต้ ซึ่งคิดว่าจะออกไปสำรวจ ครบสี่ทิศหลักแล้ว ค่อยขยายอาณาเขตให้ไกลออกไปอีก หรือเก็บรายละเอียดจากทิศรอง ซึ่งก็ไม่น่าจะต่างจากทิศหลักมากนัก หลังจากนั้นก็จะใช้ยานบินสำรวจทั่วเฮเว่น เท่านี้ก็มีงานสนุก ๆ ให้ทำไม่รู้เบื่อหน่ายเพราะก่อนที่ความรักจะเป็นพิษ งานอดิเรกที่ผมชื่นชอบคืองานสำรวจนั่นเอง ความท้าทาย เร้าใจให้เกิดความ สุขใจส่วนตัว ในดินแดนที่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน ไม่ต้องมีผู้บังคับบัญชาสั่งการให้รำคาญใจ
การสำรวจดาวเฮเว่นไม่ใช่การทำเพื่อการวิจัยเขียนรายงานไปยังศูนย์บัญชาการ แต่มันเป็นความท้าทายส่วนตัว ที่อยากทำตามใจมานาน
ถึงเวลาในการให้รางวัลตัวเองเสียที
แอนนาขอติดตามไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะมีอะไรเหมือนคนรักเก่า แต่ทำให้เกิดรู้สึกไม่พอใจเล็ก ๆ ขึ้นมาได้เหมือนกัน เธอเองไม่ใช่เหรอที่เป็นฝ่ายเดินหนีผมไป กับนายทหารอนาคตไกลลูกหลานคนใหญ่โต เวลานี้จะขอมาเป็นฝ่ายติดตาม ตามหลักผมไม่ควรให้เธอไปด้วย แต่แววตาของเธอทำให้ผมใจอ่อนอีกตามเคย
น่า...เธอไม่ใช่แอนนา อย่าเอาอารมณ์คนละคนมาปนกัน จิตด้านหนึ่งของผมพยายามคัดค้าน
.......