ตำนานรัก ข้ามจักรวาล......บทที่ 7 (ผู้มาเยือน)

กระทู้คำถาม


บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/40396546

................

ความเดิม
               เหตุการณ์วันนี้ผ่านพ้นไปเพราะมาเรียเป็นคนจุดประกายความคิด เพราะโปรแกรมไม่มีอารมณ์หวั่นวิตก จนคิดไม่ออกเหมือนคนเรา การมาของเธอราวกับว่ามาหาแบบมีจุดประสงค์ มาช่วยกู้สถานการณ์อย่างไรอย่างนั้น

             ใครกันที่เขียนโปรแกรมของมาเรีย

.................

 
             การทำแผนที่ของดาวเฮเว่น เป็นเรื่องที่อยู่ในแผนการ จะเป็นราชันแห่งดวงดาวของตัวเอง ก็จำเป็นต้องรู้อาณาเขตของอาณาจักร แน่นอนว่าช่วงแรก จะใช้ยานสำรวจภาคอากาศ บินไปถ่ายภาพสถานที่จริง เป็นเรื่องยาก เพราะยานสำรวจใช้พลังงานไฟฟ้าที่เปลี่ยนรูปมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแสงอาทิตย์เป็นหลัก ยานมีความเร็วต่ำตามสไตล์ยานสำรวจเก็บข้อมูล ที่เน้นความละเอียดการเก็บข้อมูลมากกว่ากว่าความเร็ว พิสัยในการบินไม่ไกล  เรื่องการทำแผนที่จึงต้องงดไว้ก่อน  ยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ

              เช้าวันต่อมา บรรยากาศค่อนข้างดี หมอกมีปริมาณเล็กน้อย หลังอาหารเช้าที่แอนนาเตรียมไว้ให้  ผมลากเครื่องขุดเจาะออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์ ซึ่งมีสิ่งของเครื่องใช้มากมาย เสนอตัวให้เลือกนำมาดัดแปลงการใช้งาน  จากนั้นมองหาตำแหน่งที่เหมาะสม ตามความรู้พื้นฐานที่เรียนมา  แม้ว่าจะไม่ใช่โลกมนุษย์ แต่สภาพของดาวเฮเว่นก็ไม่ต่างกันมากนัก ดวงดาวมีน้ำจำนวนมหาศาล ก็ต้องมีน้ำใต้พื้นดิน

              ใช่แล้ว...น้ำ---จะต้องขุดบ่อน้ำ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินทางไปหาแหล่งน้ำที่ค้นพบ มันใกล้เกินไป และเบื่อระบบน้ำของแทนยาเต็มที ผมต้องการน้ำสะอาด โดยไม่ต้องใช้วนเวียนแบบในระบบของยาน 
 
             อุปกรณ์ขุดเจาะมีพร้อม เพียงแต่ต้องดัดแปลงจากรถขุดเจาะพื้นผิว ขนาดเล็ก มาเป็นเครื่องขุดเจาะน้ำบาดาลเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก รถขุดเจาะขับเคลื่อนด้วยล้อตีนตะขาบก็ทำให้ปัญหาลดลงอย่างมาก  มาเรียวิเคราะห์ว่าว่าเจาะลงไปไม่ลึกไม่เกินห้าเมตร โอกาสจะเจอน้ำบาดาลสูงถึง 96.9124 เปอร์เซ็นต์ เพราะตำแหน่งที่ยานลงจอดเป็นพื้นที่ราบลุ่ม  ความบังเอิญที่ลงจิดแบบฉุกระหุกกลายเป็นผลดีแบบไม่ตั้งใจ 

             “น้ำจงบังเกิด...”   ผมร้องลั่นด้วยความดีใจ เมื่อขุดลงไปพบชั้นน้ำบาดาล ในความลึกเพียงสี่เมตรกว่า 

            ขณะติดตั้งเครื่องปั้มน้ำ ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องปั้มน้ำระบายความร้อนของเครื่องยนต์ มาใช้กับบ่อบาดาล แอนนาเดินตรงมาหาพร้อมกับถือกล่องเก็บตัวอย่างมาด้วย ราวกับว่าเป็นตะกร้าแม่บ้านจะไปจ่ายตลาด

            “แอนนาจะไปเก็บอาหารค่ะ” เธอบอก คงหมายถึงผลไม้ที่อยู่ในป่าไม้ไกลออกไปมากพอสมควร “จะได้เอามาทำอาหารอร่อย ๆ ให้เฮเว่นทานยังไงละคะ”

             “มันไกลนะแอนนา”  ผมนึกถึงระยะทางและเวลาที่เธอต้องใช้ “เดี๋ยวเสร็จงานเจาะนี่ผมจะพาคุณไปก็ได้ ใช้ยานสำรวจไปกัน”

             “ไม่เป็นไรค่ะ  เฮเว่นทำงานต่อให้เสร็จ แอนนาจะระวังความปลอดภัย”  เธอว่า

             “แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ผมไปเป็นเพื่อน” ความห่วงกังวลวูบขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ แอนนาจะรีบกลับมา เฮเว่นทำงานต่อไปเถอะค่ะ”  พูดจบเธอก็เดินตัวปลิวลิ่วออกไปทันที   ทำเอาผมต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง  เธอชะงักหันมามอง ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปยาน หยิบอุปกรณ์เป็นหลอดเล็ก ๆ เท่านิ้วมือมาด้วย
 
             “เก็บติดตัวเอาไว้นะครับ อย่าทำหายเด็ดขาด” ผมบอกขณะยื่นสิ่งของให้มือให้

             “อะไรคะ” แอนนาทำหน้าสงสัย

             “อุปกรณ์ติดตามตัว มันจะทำให้แทนยารู้ว่า คุณอยู่ตำแหน่งไหน”

             “เฮเว่นเป็นห่วงแอนนาใช่ไหมล่ะ” เธอยิ้มตาเป็นประกาย ขณะรับอุปกรณ์ไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ

             “อย่าทำหายก็แล้วกัน”  ผมรีบเปลี่ยนประเด็นทางการเมือง  เพราะการแสดงความเป็นห่วงมันผิดอิมเมจของเฮเว่นผู้มาดนิ่ง อย่างไรเธอก็ยังเป็นสาวปริศนา ไม่รู้ที่มา จำเป็นต้องรักษาเชิงไว้ก่อน แม้จะยอมรับว่า เป็นห่วงเธออยู่มาก แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าบนดาวดวงนี้ไม่มีใครอื่น  แต่ความเป็นห่วงก็คือความเป็นห่วง อะไรที่ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้

             “เป็นห่วงแอนนาก็บอกมาเถอะ”  เธอยังไม่หลงกล  ยังคงย้ำตัวตะปูตัวเดิม

             “เอ้า ห่วงก็ได้”  ผมบอกอย่างนึกขันในใจ ว่าทำไมแค่การนึกเป็นห่วงใครบางคนก็ยังต้องมาทะลึ่งไว้เชิง  บอกเป็นห่วงดี ๆ ก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมาทำลีลา  แต่นั่นละ เป็นนิสัยของคนชื่อเฮเว่น  ที่แม้บางครั้งเฮเว่นก็อยากจะกระโดดเตะเฮเว่น
 
              แอนนายิ้มแล้วขอตัวจากไป เธอขับยานสำรวจไม่เป็น ไม่ได้ฝึกอบรมด้านสำรวจอวกาศ ทำให้ผมคิดถึงปัญหาต่อไป ที่ต้องแก้ไขอันดับต้น ๆ  ถ้าไม่อยากให้แอนนาเหนื่อยกับการเดินทางไกล ไปหาผลไม้มาทำอาหาร ผมก็ต้องทำสวนผักพืชไร่สวนครัวที่นี่เสียเลย ถ้าน้ำมีใช้ ทำไมจะทำสวนผักปลูกพืชใกล้ ๆ ไม่ได้  

             ต่อไปคงต้องทำห้องน้ำ ห้องพักผ่อน ห้องสันทนาการ ห้องคาราโอเกะ  ไว้นอกยานแทนยา โดยเฉพาะห้องคาราโอเกะจะต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ เพราะพรสวรรค์ในการร้องเพลงอันล้นเอ่อ สามารถร้องเสียงผิดเพี้ยนได้โดยไม่ต้องใช้เอฟเพคโอเวอร์ไดร์ฟหรือดิสทอร์ชั่น สร้างอารมณ์ร่วมแก่ผู้ฟังได้อย่างดี ขนาดร้องเพลงเศร้า ผู้ฟังยังพากันหัวเราะอย่างเศร้าโศก พอร้องเพลงสนุกเพื่อน ๆ ก็จะพากันน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความสนุกสนาน อุดหู หลบลงไปใต้โต๊ะหรือข้างตู้ลำโพง ทั้งที่ข้าศึกยังไม่มีการบุกโจมตี ยกไม้ยกมือโบกธงขาว ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข  จำได้ว่าสมัยอยู่บนโลก พอผมจับไมโครโฟนครั้งใด เพื่อน ๆ ทำท่าประหนึ่งว่าผมกำลังจับปืน ออกล่าสังหารพวกเขา
 
             ผมวาดแผนผังของอนาคตสวยหรู คนเราพอมีเป้าหมายของชีวิต ก็ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของชีวิต  หลังจากใช้เวลาอยู่นานกับการประยุกต์ใช้เครื่องปั้มน้ำ  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จุดขุดเจาะอยู่ห่างจากยานเพียงยี่สิบเมตร เป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุด
 
             มองผลงานอย่างปลาบปลื้มใจ มือกดสวิทซ์ลองเดินเครื่อง เสียงปั้มน้ำเริ่มทำงาน อีกไม่ถึงนาทีสายน้ำพุ่งจากท่อเป็นสาย เจิ่งนองเต็มพื้น  ยัง- ยัง ไม่ถึงเวลาดีใจ ผมใช้อุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพน้ำ  เครื่องรายงานผลเป็นค่าน้ำสะอาด เหมาะสมในการดื่มกินใช้งาน ไม่ต่างจากน้ำดื่มบนโลก 
 
             ไขโย.. Let there be water! …ผมร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระโดดโลดเต้นไปรอบเครื่องขุดเจาะน้ำบาดาล อย่างไม่กลัวถูกหาว่าเพี้ยน เพราะไม่เห็นต้องเกรงใจมนุษย์หน้าไหน  ดาวของผม จะทำบ้าอย่างไรก็ได้... ผมเต้นด้วยสไตล์มูนวอคเกอร์   ซึ่งบรรพบุรุษของผมใช้เป็นท่าเต้นประจำตระกูล โดยนำมาจากท่าเต้นของนักร้องโบราณคนหนึ่งนานมาก

             มีน้ำสะอาดใช้แล้ว  ไม่ต้องกังวลใจถึงเรื่องน้ำอีกต่อไป งานที่เหลือก็หาท่อยาว ซึ่งมีมากมายในห้องเก็บอุปกรณ์ มาดัดแปลงเดินระบบน้ำไปที่ต่าง ๆ ตามความต้องการ จะมีน้ำอาบน้ำใช้สบายใจ ไม่ต้องระมัดระวังการใช้อย่างจำกัดอีกต่อไป  ผมมองเห็นภาพตัวเอง กำลังยืนทำเท่อยู่ในสวนพืชผักผลไม้มากมาย ราวกับอยู่ในความฝันอันบรรเจิด เป็นราชาแห่งดวงดาว ไม่ต้องทำงานรับใช้ใคร 
 
             หลังจากการหาท่อยางมาเดินระบบน้ำชั่วคราวไปยังยานเรียบร้อย ทดลองใช้น้ำจนมั่นใจว่าไม่ผิดพลาด ก็เป็นเวลาบ่าย

             แอนนายังไม่กลับมา

             ความดีอกดีใจหายไป ความกังวลเป็นห่วงเกิดขึ้น ผมกลับเข้าไปในยาน หยิบอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณติดตาม  จอห์นดูเหมือนจะรออยู่แล้ว ส่งเสียงรายงานขึ้นทันที

             “เรา พบว่า คุณแอนนา อยู่นิ่งกับที่ เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วครับ”

             “แล้วทำไมเพิ่งมาบอก...” ผมร้องอย่างหัวเสียและตกใจ  ข้อมูลที่ได้บ่งบอกไปในทางไม่ดีอย่างชัดเจน

             “ผมคิดว่า คงไม่มีอะไรร้ายแรง เพราะสัญญาณชีพคุณแอนนายังคงปกติครับ คุณแอนนาอาจพักผ่อนนอนหลับก็เป็นได้นะครับ”

             ข้อสันนิษฐานของไอ้คุณจอห์นน่าเตะเป็นที่สุด  คนอย่างแอนนาไม่มีทางจะไปนอนพักเล่นเย็นใจคนเดียวในป่าอย่างเด็ดขาด นอกเสียจากว่า---ไม่ใช่แอนนา

             “เออ แล้วมาเรียไปไหน”  ผมมองหาไอคอนของเธอไม่เจอ

             “คุณมาเรียพักผ่อนครับ”  จอห์นตอบด้วยใบหน้ายิ้ม หลิ่วตาข้างหนึ่ง “ล้อเล่นครับ เธอกับผมตกลงกันว่า เราจะออกมาหน้าจอ ทีละคน  อ้อ... หมายถึงทีละโปรแกรม  แหม พูดผิด ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมครับ”

             “เหมาะสมอะไรฟะ”

             “ก็เผื่อว่าบางทีคุณอาจอยากจะคุยกับโปรแกรมหนึ่ง โปรแกรมใดเป็นการส่วนตัว ยังไงละครับ”

             “มันชักจะมากไปแล้ว ไอ้คุณจอห์น” ผมตวาดเสียงดัง  “ ฉันไม่เห็นต้องมีลับลมคมใน กวนบาทาเหมือนแกหรอก  บอกมาเรียด้วยว่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”

             จอห์นทำหน้าหัวเราะ แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาจริง ๆ ผมได้แต่อึ้งปนงง เพราะไม่เคยได้ยินเขาหัวเราะมาก่อน สงสัยว่าจะเป็นฝีมือของมาเรียหรือเปล่า แต่ความเป็นห่วงแอนนามีมากกว่า จึงเลิกปะทะกับไอ้คุณจอห์นจอมกวน ลากยานสำรวจภาคพื้นดินออกมา แล้วขับออกจากแทนยา มุ่งหน้าไปตามทิศทางสัญญาณคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากทางแอนนา

             สัญญาณมาจากทางทิศใต้ ทิศทางเดียวกับที่มีหุบเหวลึก และมียานอวกาศลึกลับจอดอยู่ก้นเหว  ป่าโปร่งที่มีผลไม้มากมายอยู่ใกล้บริเวณนั้น พื้นที่ลาดชันขึ้นสูง เหมือนกำลังมุ่งหน้าสู่เนินเขา  วันนี้หมอกลงไม่มาก ทำให้มองเห็นเทือกเขาสูงไกลออกไปสุดขอบฟ้า

             เมื่อมีเครื่องติดตามตัว การหาให้เจอก็ไม่ใช่เรื่องยาก แอนนาอยู่ในป่าผลไม้แห่งดวงดาวจริง ๆ ในป่าโปร่งดงไม้ล้มลุก เธอนอนคว่ำลง เอาเอียงหน้าแก้มแนบพื้นดิน ลักษณะเหมือนวูบไปแบบไม่รู้ตัว  กล่องเก็บอุปกรณ์มีผลไม้ใหญ่น้อยหลายชนิดบรรจุอยู่เกือบเต็ม วางอยู่ด้านข้าง ภาพที่มองเห็นทำให้ใจหายวาบ  ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่า เธอเก็บผลไม้ได้เกือบพอแก่ความต้องการแล้ว แต่มาด่วนล้มฟุบหมดสติไปเสียก่อนอย่างไม่รู้สาเหตุ และคงอยู่ในสภาพนี้กว่าชั่วโมงแล้ว

            ผมรีบจอดยานสำรวจ  กระโดดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจร้อนรุ่ม พอตรวจอาการเบื้องต้นก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือบาดแผล แอนนายังมีลมหายใจปกติ แต่ไม่รู้สึกตัวเท่านั้น

              เธอไม่เคยมีโรคประจำตัว ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน ผมรู้จักข้อมูลต่าง ๆ ของเธอดี แต่นั่นหมายถึงแอนนาบนโลก ไม่ใช่แอนนาบนเฮเว่น
ต้องนำตัวกลับยาน เป็นทางเดียวที่ทำได้ บนยานมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ คงจะตรวจหาความผิดปกติได้ ผมเก็บกล่องอุปกรณ์ นำร่างของหญิงสาวขึ้นยานสำรวจ ซึ่งมีสองที่นั่งหน้าหลังพอดี  ขับกลับมายังแทนยาด้วยความเร็วเต็มพิกัด

 
             พอมาถึงห้องพยาบาลของแทนยา ผมอุ้มร่างของแอนนาไปวางบนเตียงพยาบาล นักบินอวกาศทุกคนรู้วิธีใช้เครื่องไม้เครื่องมือเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ผลที่รายงานออกมาจากการตรวจวัด กลับไม่พบอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย 

             เมื่อจนปัญญา ผมจึงเชื่อมข้อมูลเข้าหาเซิร์ฟเวอร์หลัก ซึ่งมีมาเรียและจอห์นรออยู่แล้ว ซึ่งจอห์นก็โยนภาระการวิเคราะห์ให้มาเรียทันที เพราะคงรู้ว่ามาเรียมีความสามารถในทางการแพทย์มากกว่า มาเรียทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด แต่ผลออกมาคือ ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากการหลับแบบไม่ยอมตื่นเท่านั้น  มาเรียแนะนำว่าให้นำแอนนาออกจากห้องพยาบาล เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์  ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้แอนนามานอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางไปยังเครื่องมือทางการแพทย์รายรอบ

             ยังไม่ทันจะนำร่างแอนนาไปห้องนอนของเธอ จู่ ๆ จอห์นก็ส่งเสียงขึ้นมา

              “คุณเฮเว่นจะต้องรับงานหนักแต่สุขใจละทีนี้”
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่