บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/40396546
................
ความเดิม
เหตุการณ์วันนี้ผ่านพ้นไปเพราะมาเรียเป็นคนจุดประกายความคิด เพราะโปรแกรมไม่มีอารมณ์หวั่นวิตก จนคิดไม่ออกเหมือนคนเรา การมาของเธอราวกับว่ามาหาแบบมีจุดประสงค์ มาช่วยกู้สถานการณ์อย่างไรอย่างนั้น
ใครกันที่เขียนโปรแกรมของมาเรีย
.................
การทำแผนที่ของดาวเฮเว่น เป็นเรื่องที่อยู่ในแผนการ จะเป็นราชันแห่งดวงดาวของตัวเอง ก็จำเป็นต้องรู้อาณาเขตของอาณาจักร แน่นอนว่าช่วงแรก จะใช้ยานสำรวจภาคอากาศ บินไปถ่ายภาพสถานที่จริง เป็นเรื่องยาก เพราะยานสำรวจใช้พลังงานไฟฟ้าที่เปลี่ยนรูปมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแสงอาทิตย์เป็นหลัก ยานมีความเร็วต่ำตามสไตล์ยานสำรวจเก็บข้อมูล ที่เน้นความละเอียดการเก็บข้อมูลมากกว่ากว่าความเร็ว พิสัยในการบินไม่ไกล เรื่องการทำแผนที่จึงต้องงดไว้ก่อน ยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ
เช้าวันต่อมา บรรยากาศค่อนข้างดี หมอกมีปริมาณเล็กน้อย หลังอาหารเช้าที่แอนนาเตรียมไว้ให้ ผมลากเครื่องขุดเจาะออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์ ซึ่งมีสิ่งของเครื่องใช้มากมาย เสนอตัวให้เลือกนำมาดัดแปลงการใช้งาน จากนั้นมองหาตำแหน่งที่เหมาะสม ตามความรู้พื้นฐานที่เรียนมา แม้ว่าจะไม่ใช่โลกมนุษย์ แต่สภาพของดาวเฮเว่นก็ไม่ต่างกันมากนัก ดวงดาวมีน้ำจำนวนมหาศาล ก็ต้องมีน้ำใต้พื้นดิน
ใช่แล้ว...น้ำ---จะต้องขุดบ่อน้ำ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินทางไปหาแหล่งน้ำที่ค้นพบ มันใกล้เกินไป และเบื่อระบบน้ำของแทนยาเต็มที ผมต้องการน้ำสะอาด โดยไม่ต้องใช้วนเวียนแบบในระบบของยาน
อุปกรณ์ขุดเจาะมีพร้อม เพียงแต่ต้องดัดแปลงจากรถขุดเจาะพื้นผิว ขนาดเล็ก มาเป็นเครื่องขุดเจาะน้ำบาดาลเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก รถขุดเจาะขับเคลื่อนด้วยล้อตีนตะขาบก็ทำให้ปัญหาลดลงอย่างมาก มาเรียวิเคราะห์ว่าว่าเจาะลงไปไม่ลึกไม่เกินห้าเมตร โอกาสจะเจอน้ำบาดาลสูงถึง 96.9124 เปอร์เซ็นต์ เพราะตำแหน่งที่ยานลงจอดเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ความบังเอิญที่ลงจิดแบบฉุกระหุกกลายเป็นผลดีแบบไม่ตั้งใจ
“น้ำจงบังเกิด...” ผมร้องลั่นด้วยความดีใจ เมื่อขุดลงไปพบชั้นน้ำบาดาล ในความลึกเพียงสี่เมตรกว่า
ขณะติดตั้งเครื่องปั้มน้ำ ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องปั้มน้ำระบายความร้อนของเครื่องยนต์ มาใช้กับบ่อบาดาล แอนนาเดินตรงมาหาพร้อมกับถือกล่องเก็บตัวอย่างมาด้วย ราวกับว่าเป็นตะกร้าแม่บ้านจะไปจ่ายตลาด
“แอนนาจะไปเก็บอาหารค่ะ” เธอบอก คงหมายถึงผลไม้ที่อยู่ในป่าไม้ไกลออกไปมากพอสมควร “จะได้เอามาทำอาหารอร่อย ๆ ให้เฮเว่นทานยังไงละคะ”
“มันไกลนะแอนนา” ผมนึกถึงระยะทางและเวลาที่เธอต้องใช้ “เดี๋ยวเสร็จงานเจาะนี่ผมจะพาคุณไปก็ได้ ใช้ยานสำรวจไปกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เฮเว่นทำงานต่อให้เสร็จ แอนนาจะระวังความปลอดภัย” เธอว่า
“แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ผมไปเป็นเพื่อน” ความห่วงกังวลวูบขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ แอนนาจะรีบกลับมา เฮเว่นทำงานต่อไปเถอะค่ะ” พูดจบเธอก็เดินตัวปลิวลิ่วออกไปทันที ทำเอาผมต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง เธอชะงักหันมามอง ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปยาน หยิบอุปกรณ์เป็นหลอดเล็ก ๆ เท่านิ้วมือมาด้วย
“เก็บติดตัวเอาไว้นะครับ อย่าทำหายเด็ดขาด” ผมบอกขณะยื่นสิ่งของให้มือให้
“อะไรคะ” แอนนาทำหน้าสงสัย
“อุปกรณ์ติดตามตัว มันจะทำให้แทนยารู้ว่า คุณอยู่ตำแหน่งไหน”
“เฮเว่นเป็นห่วงแอนนาใช่ไหมล่ะ” เธอยิ้มตาเป็นประกาย ขณะรับอุปกรณ์ไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“อย่าทำหายก็แล้วกัน” ผมรีบเปลี่ยนประเด็นทางการเมือง เพราะการแสดงความเป็นห่วงมันผิดอิมเมจของเฮเว่นผู้มาดนิ่ง อย่างไรเธอก็ยังเป็นสาวปริศนา ไม่รู้ที่มา จำเป็นต้องรักษาเชิงไว้ก่อน แม้จะยอมรับว่า เป็นห่วงเธออยู่มาก แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าบนดาวดวงนี้ไม่มีใครอื่น แต่ความเป็นห่วงก็คือความเป็นห่วง อะไรที่ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้
“เป็นห่วงแอนนาก็บอกมาเถอะ” เธอยังไม่หลงกล ยังคงย้ำตัวตะปูตัวเดิม
“เอ้า ห่วงก็ได้” ผมบอกอย่างนึกขันในใจ ว่าทำไมแค่การนึกเป็นห่วงใครบางคนก็ยังต้องมาทะลึ่งไว้เชิง บอกเป็นห่วงดี ๆ ก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมาทำลีลา แต่นั่นละ เป็นนิสัยของคนชื่อเฮเว่น ที่แม้บางครั้งเฮเว่นก็อยากจะกระโดดเตะเฮเว่น
แอนนายิ้มแล้วขอตัวจากไป เธอขับยานสำรวจไม่เป็น ไม่ได้ฝึกอบรมด้านสำรวจอวกาศ ทำให้ผมคิดถึงปัญหาต่อไป ที่ต้องแก้ไขอันดับต้น ๆ ถ้าไม่อยากให้แอนนาเหนื่อยกับการเดินทางไกล ไปหาผลไม้มาทำอาหาร ผมก็ต้องทำสวนผักพืชไร่สวนครัวที่นี่เสียเลย ถ้าน้ำมีใช้ ทำไมจะทำสวนผักปลูกพืชใกล้ ๆ ไม่ได้
ต่อไปคงต้องทำห้องน้ำ ห้องพักผ่อน ห้องสันทนาการ ห้องคาราโอเกะ ไว้นอกยานแทนยา โดยเฉพาะห้องคาราโอเกะจะต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ เพราะพรสวรรค์ในการร้องเพลงอันล้นเอ่อ สามารถร้องเสียงผิดเพี้ยนได้โดยไม่ต้องใช้เอฟเพคโอเวอร์ไดร์ฟหรือดิสทอร์ชั่น สร้างอารมณ์ร่วมแก่ผู้ฟังได้อย่างดี ขนาดร้องเพลงเศร้า ผู้ฟังยังพากันหัวเราะอย่างเศร้าโศก พอร้องเพลงสนุกเพื่อน ๆ ก็จะพากันน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความสนุกสนาน อุดหู หลบลงไปใต้โต๊ะหรือข้างตู้ลำโพง ทั้งที่ข้าศึกยังไม่มีการบุกโจมตี ยกไม้ยกมือโบกธงขาว ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข จำได้ว่าสมัยอยู่บนโลก พอผมจับไมโครโฟนครั้งใด เพื่อน ๆ ทำท่าประหนึ่งว่าผมกำลังจับปืน ออกล่าสังหารพวกเขา
ผมวาดแผนผังของอนาคตสวยหรู คนเราพอมีเป้าหมายของชีวิต ก็ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของชีวิต หลังจากใช้เวลาอยู่นานกับการประยุกต์ใช้เครื่องปั้มน้ำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จุดขุดเจาะอยู่ห่างจากยานเพียงยี่สิบเมตร เป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุด
มองผลงานอย่างปลาบปลื้มใจ มือกดสวิทซ์ลองเดินเครื่อง เสียงปั้มน้ำเริ่มทำงาน อีกไม่ถึงนาทีสายน้ำพุ่งจากท่อเป็นสาย เจิ่งนองเต็มพื้น ยัง- ยัง ไม่ถึงเวลาดีใจ ผมใช้อุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพน้ำ เครื่องรายงานผลเป็นค่าน้ำสะอาด เหมาะสมในการดื่มกินใช้งาน ไม่ต่างจากน้ำดื่มบนโลก
ไขโย.. Let there be water! …ผมร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระโดดโลดเต้นไปรอบเครื่องขุดเจาะน้ำบาดาล อย่างไม่กลัวถูกหาว่าเพี้ยน เพราะไม่เห็นต้องเกรงใจมนุษย์หน้าไหน ดาวของผม จะทำบ้าอย่างไรก็ได้... ผมเต้นด้วยสไตล์มูนวอคเกอร์ ซึ่งบรรพบุรุษของผมใช้เป็นท่าเต้นประจำตระกูล โดยนำมาจากท่าเต้นของนักร้องโบราณคนหนึ่งนานมาก
มีน้ำสะอาดใช้แล้ว ไม่ต้องกังวลใจถึงเรื่องน้ำอีกต่อไป งานที่เหลือก็หาท่อยาว ซึ่งมีมากมายในห้องเก็บอุปกรณ์ มาดัดแปลงเดินระบบน้ำไปที่ต่าง ๆ ตามความต้องการ จะมีน้ำอาบน้ำใช้สบายใจ ไม่ต้องระมัดระวังการใช้อย่างจำกัดอีกต่อไป ผมมองเห็นภาพตัวเอง กำลังยืนทำเท่อยู่ในสวนพืชผักผลไม้มากมาย ราวกับอยู่ในความฝันอันบรรเจิด เป็นราชาแห่งดวงดาว ไม่ต้องทำงานรับใช้ใคร
หลังจากการหาท่อยางมาเดินระบบน้ำชั่วคราวไปยังยานเรียบร้อย ทดลองใช้น้ำจนมั่นใจว่าไม่ผิดพลาด ก็เป็นเวลาบ่าย
แอนนายังไม่กลับมา
ความดีอกดีใจหายไป ความกังวลเป็นห่วงเกิดขึ้น ผมกลับเข้าไปในยาน หยิบอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณติดตาม จอห์นดูเหมือนจะรออยู่แล้ว ส่งเสียงรายงานขึ้นทันที
“เรา พบว่า คุณแอนนา อยู่นิ่งกับที่ เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วครับ”
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอก...” ผมร้องอย่างหัวเสียและตกใจ ข้อมูลที่ได้บ่งบอกไปในทางไม่ดีอย่างชัดเจน
“ผมคิดว่า คงไม่มีอะไรร้ายแรง เพราะสัญญาณชีพคุณแอนนายังคงปกติครับ คุณแอนนาอาจพักผ่อนนอนหลับก็เป็นได้นะครับ”
ข้อสันนิษฐานของไอ้คุณจอห์นน่าเตะเป็นที่สุด คนอย่างแอนนาไม่มีทางจะไปนอนพักเล่นเย็นใจคนเดียวในป่าอย่างเด็ดขาด นอกเสียจากว่า---ไม่ใช่แอนนา
“เออ แล้วมาเรียไปไหน” ผมมองหาไอคอนของเธอไม่เจอ
“คุณมาเรียพักผ่อนครับ” จอห์นตอบด้วยใบหน้ายิ้ม หลิ่วตาข้างหนึ่ง “ล้อเล่นครับ เธอกับผมตกลงกันว่า เราจะออกมาหน้าจอ ทีละคน อ้อ... หมายถึงทีละโปรแกรม แหม พูดผิด ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมครับ”
“เหมาะสมอะไรฟะ”
“ก็เผื่อว่าบางทีคุณอาจอยากจะคุยกับโปรแกรมหนึ่ง โปรแกรมใดเป็นการส่วนตัว ยังไงละครับ”
“มันชักจะมากไปแล้ว ไอ้คุณจอห์น” ผมตวาดเสียงดัง “ ฉันไม่เห็นต้องมีลับลมคมใน กวนบาทาเหมือนแกหรอก บอกมาเรียด้วยว่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”
จอห์นทำหน้าหัวเราะ แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาจริง ๆ ผมได้แต่อึ้งปนงง เพราะไม่เคยได้ยินเขาหัวเราะมาก่อน สงสัยว่าจะเป็นฝีมือของมาเรียหรือเปล่า แต่ความเป็นห่วงแอนนามีมากกว่า จึงเลิกปะทะกับไอ้คุณจอห์นจอมกวน ลากยานสำรวจภาคพื้นดินออกมา แล้วขับออกจากแทนยา มุ่งหน้าไปตามทิศทางสัญญาณคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากทางแอนนา
สัญญาณมาจากทางทิศใต้ ทิศทางเดียวกับที่มีหุบเหวลึก และมียานอวกาศลึกลับจอดอยู่ก้นเหว ป่าโปร่งที่มีผลไม้มากมายอยู่ใกล้บริเวณนั้น พื้นที่ลาดชันขึ้นสูง เหมือนกำลังมุ่งหน้าสู่เนินเขา วันนี้หมอกลงไม่มาก ทำให้มองเห็นเทือกเขาสูงไกลออกไปสุดขอบฟ้า
เมื่อมีเครื่องติดตามตัว การหาให้เจอก็ไม่ใช่เรื่องยาก แอนนาอยู่ในป่าผลไม้แห่งดวงดาวจริง ๆ ในป่าโปร่งดงไม้ล้มลุก เธอนอนคว่ำลง เอาเอียงหน้าแก้มแนบพื้นดิน ลักษณะเหมือนวูบไปแบบไม่รู้ตัว กล่องเก็บอุปกรณ์มีผลไม้ใหญ่น้อยหลายชนิดบรรจุอยู่เกือบเต็ม วางอยู่ด้านข้าง ภาพที่มองเห็นทำให้ใจหายวาบ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่า เธอเก็บผลไม้ได้เกือบพอแก่ความต้องการแล้ว แต่มาด่วนล้มฟุบหมดสติไปเสียก่อนอย่างไม่รู้สาเหตุ และคงอยู่ในสภาพนี้กว่าชั่วโมงแล้ว
ผมรีบจอดยานสำรวจ กระโดดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจร้อนรุ่ม พอตรวจอาการเบื้องต้นก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือบาดแผล แอนนายังมีลมหายใจปกติ แต่ไม่รู้สึกตัวเท่านั้น
เธอไม่เคยมีโรคประจำตัว ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน ผมรู้จักข้อมูลต่าง ๆ ของเธอดี แต่นั่นหมายถึงแอนนาบนโลก ไม่ใช่แอนนาบนเฮเว่น
ต้องนำตัวกลับยาน เป็นทางเดียวที่ทำได้ บนยานมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ คงจะตรวจหาความผิดปกติได้ ผมเก็บกล่องอุปกรณ์ นำร่างของหญิงสาวขึ้นยานสำรวจ ซึ่งมีสองที่นั่งหน้าหลังพอดี ขับกลับมายังแทนยาด้วยความเร็วเต็มพิกัด
พอมาถึงห้องพยาบาลของแทนยา ผมอุ้มร่างของแอนนาไปวางบนเตียงพยาบาล นักบินอวกาศทุกคนรู้วิธีใช้เครื่องไม้เครื่องมือเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ผลที่รายงานออกมาจากการตรวจวัด กลับไม่พบอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย
เมื่อจนปัญญา ผมจึงเชื่อมข้อมูลเข้าหาเซิร์ฟเวอร์หลัก ซึ่งมีมาเรียและจอห์นรออยู่แล้ว ซึ่งจอห์นก็โยนภาระการวิเคราะห์ให้มาเรียทันที เพราะคงรู้ว่ามาเรียมีความสามารถในทางการแพทย์มากกว่า มาเรียทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด แต่ผลออกมาคือ ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากการหลับแบบไม่ยอมตื่นเท่านั้น มาเรียแนะนำว่าให้นำแอนนาออกจากห้องพยาบาล เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้แอนนามานอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางไปยังเครื่องมือทางการแพทย์รายรอบ
ยังไม่ทันจะนำร่างแอนนาไปห้องนอนของเธอ จู่ ๆ จอห์นก็ส่งเสียงขึ้นมา
“คุณเฮเว่นจะต้องรับงานหนักแต่สุขใจละทีนี้”
ตำนานรัก ข้ามจักรวาล......บทที่ 7 (ผู้มาเยือน)
บทที่แล้ว
https://ppantip.com/topic/40396546
................
ความเดิม
เหตุการณ์วันนี้ผ่านพ้นไปเพราะมาเรียเป็นคนจุดประกายความคิด เพราะโปรแกรมไม่มีอารมณ์หวั่นวิตก จนคิดไม่ออกเหมือนคนเรา การมาของเธอราวกับว่ามาหาแบบมีจุดประสงค์ มาช่วยกู้สถานการณ์อย่างไรอย่างนั้น
ใครกันที่เขียนโปรแกรมของมาเรีย
.................
การทำแผนที่ของดาวเฮเว่น เป็นเรื่องที่อยู่ในแผนการ จะเป็นราชันแห่งดวงดาวของตัวเอง ก็จำเป็นต้องรู้อาณาเขตของอาณาจักร แน่นอนว่าช่วงแรก จะใช้ยานสำรวจภาคอากาศ บินไปถ่ายภาพสถานที่จริง เป็นเรื่องยาก เพราะยานสำรวจใช้พลังงานไฟฟ้าที่เปลี่ยนรูปมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของแสงอาทิตย์เป็นหลัก ยานมีความเร็วต่ำตามสไตล์ยานสำรวจเก็บข้อมูล ที่เน้นความละเอียดการเก็บข้อมูลมากกว่ากว่าความเร็ว พิสัยในการบินไม่ไกล เรื่องการทำแผนที่จึงต้องงดไว้ก่อน ยังมีเรื่องสำคัญต้องทำ
เช้าวันต่อมา บรรยากาศค่อนข้างดี หมอกมีปริมาณเล็กน้อย หลังอาหารเช้าที่แอนนาเตรียมไว้ให้ ผมลากเครื่องขุดเจาะออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์ ซึ่งมีสิ่งของเครื่องใช้มากมาย เสนอตัวให้เลือกนำมาดัดแปลงการใช้งาน จากนั้นมองหาตำแหน่งที่เหมาะสม ตามความรู้พื้นฐานที่เรียนมา แม้ว่าจะไม่ใช่โลกมนุษย์ แต่สภาพของดาวเฮเว่นก็ไม่ต่างกันมากนัก ดวงดาวมีน้ำจำนวนมหาศาล ก็ต้องมีน้ำใต้พื้นดิน
ใช่แล้ว...น้ำ---จะต้องขุดบ่อน้ำ เพื่อไม่ให้เสียเวลาเดินทางไปหาแหล่งน้ำที่ค้นพบ มันใกล้เกินไป และเบื่อระบบน้ำของแทนยาเต็มที ผมต้องการน้ำสะอาด โดยไม่ต้องใช้วนเวียนแบบในระบบของยาน
อุปกรณ์ขุดเจาะมีพร้อม เพียงแต่ต้องดัดแปลงจากรถขุดเจาะพื้นผิว ขนาดเล็ก มาเป็นเครื่องขุดเจาะน้ำบาดาลเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก รถขุดเจาะขับเคลื่อนด้วยล้อตีนตะขาบก็ทำให้ปัญหาลดลงอย่างมาก มาเรียวิเคราะห์ว่าว่าเจาะลงไปไม่ลึกไม่เกินห้าเมตร โอกาสจะเจอน้ำบาดาลสูงถึง 96.9124 เปอร์เซ็นต์ เพราะตำแหน่งที่ยานลงจอดเป็นพื้นที่ราบลุ่ม ความบังเอิญที่ลงจิดแบบฉุกระหุกกลายเป็นผลดีแบบไม่ตั้งใจ
“น้ำจงบังเกิด...” ผมร้องลั่นด้วยความดีใจ เมื่อขุดลงไปพบชั้นน้ำบาดาล ในความลึกเพียงสี่เมตรกว่า
ขณะติดตั้งเครื่องปั้มน้ำ ที่ดัดแปลงมาจากเครื่องปั้มน้ำระบายความร้อนของเครื่องยนต์ มาใช้กับบ่อบาดาล แอนนาเดินตรงมาหาพร้อมกับถือกล่องเก็บตัวอย่างมาด้วย ราวกับว่าเป็นตะกร้าแม่บ้านจะไปจ่ายตลาด
“แอนนาจะไปเก็บอาหารค่ะ” เธอบอก คงหมายถึงผลไม้ที่อยู่ในป่าไม้ไกลออกไปมากพอสมควร “จะได้เอามาทำอาหารอร่อย ๆ ให้เฮเว่นทานยังไงละคะ”
“มันไกลนะแอนนา” ผมนึกถึงระยะทางและเวลาที่เธอต้องใช้ “เดี๋ยวเสร็จงานเจาะนี่ผมจะพาคุณไปก็ได้ ใช้ยานสำรวจไปกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เฮเว่นทำงานต่อให้เสร็จ แอนนาจะระวังความปลอดภัย” เธอว่า
“แน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ผมไปเป็นเพื่อน” ความห่วงกังวลวูบขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ แอนนาจะรีบกลับมา เฮเว่นทำงานต่อไปเถอะค่ะ” พูดจบเธอก็เดินตัวปลิวลิ่วออกไปทันที ทำเอาผมต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง เธอชะงักหันมามอง ผมรีบวิ่งกลับเข้าไปยาน หยิบอุปกรณ์เป็นหลอดเล็ก ๆ เท่านิ้วมือมาด้วย
“เก็บติดตัวเอาไว้นะครับ อย่าทำหายเด็ดขาด” ผมบอกขณะยื่นสิ่งของให้มือให้
“อะไรคะ” แอนนาทำหน้าสงสัย
“อุปกรณ์ติดตามตัว มันจะทำให้แทนยารู้ว่า คุณอยู่ตำแหน่งไหน”
“เฮเว่นเป็นห่วงแอนนาใช่ไหมล่ะ” เธอยิ้มตาเป็นประกาย ขณะรับอุปกรณ์ไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“อย่าทำหายก็แล้วกัน” ผมรีบเปลี่ยนประเด็นทางการเมือง เพราะการแสดงความเป็นห่วงมันผิดอิมเมจของเฮเว่นผู้มาดนิ่ง อย่างไรเธอก็ยังเป็นสาวปริศนา ไม่รู้ที่มา จำเป็นต้องรักษาเชิงไว้ก่อน แม้จะยอมรับว่า เป็นห่วงเธออยู่มาก แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าบนดาวดวงนี้ไม่มีใครอื่น แต่ความเป็นห่วงก็คือความเป็นห่วง อะไรที่ไม่คาดคิดก็อาจเกิดขึ้นได้
“เป็นห่วงแอนนาก็บอกมาเถอะ” เธอยังไม่หลงกล ยังคงย้ำตัวตะปูตัวเดิม
“เอ้า ห่วงก็ได้” ผมบอกอย่างนึกขันในใจ ว่าทำไมแค่การนึกเป็นห่วงใครบางคนก็ยังต้องมาทะลึ่งไว้เชิง บอกเป็นห่วงดี ๆ ก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมาทำลีลา แต่นั่นละ เป็นนิสัยของคนชื่อเฮเว่น ที่แม้บางครั้งเฮเว่นก็อยากจะกระโดดเตะเฮเว่น
แอนนายิ้มแล้วขอตัวจากไป เธอขับยานสำรวจไม่เป็น ไม่ได้ฝึกอบรมด้านสำรวจอวกาศ ทำให้ผมคิดถึงปัญหาต่อไป ที่ต้องแก้ไขอันดับต้น ๆ ถ้าไม่อยากให้แอนนาเหนื่อยกับการเดินทางไกล ไปหาผลไม้มาทำอาหาร ผมก็ต้องทำสวนผักพืชไร่สวนครัวที่นี่เสียเลย ถ้าน้ำมีใช้ ทำไมจะทำสวนผักปลูกพืชใกล้ ๆ ไม่ได้
ต่อไปคงต้องทำห้องน้ำ ห้องพักผ่อน ห้องสันทนาการ ห้องคาราโอเกะ ไว้นอกยานแทนยา โดยเฉพาะห้องคาราโอเกะจะต้องทำเป็นอันดับต้น ๆ เพราะพรสวรรค์ในการร้องเพลงอันล้นเอ่อ สามารถร้องเสียงผิดเพี้ยนได้โดยไม่ต้องใช้เอฟเพคโอเวอร์ไดร์ฟหรือดิสทอร์ชั่น สร้างอารมณ์ร่วมแก่ผู้ฟังได้อย่างดี ขนาดร้องเพลงเศร้า ผู้ฟังยังพากันหัวเราะอย่างเศร้าโศก พอร้องเพลงสนุกเพื่อน ๆ ก็จะพากันน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความสนุกสนาน อุดหู หลบลงไปใต้โต๊ะหรือข้างตู้ลำโพง ทั้งที่ข้าศึกยังไม่มีการบุกโจมตี ยกไม้ยกมือโบกธงขาว ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข จำได้ว่าสมัยอยู่บนโลก พอผมจับไมโครโฟนครั้งใด เพื่อน ๆ ทำท่าประหนึ่งว่าผมกำลังจับปืน ออกล่าสังหารพวกเขา
ผมวาดแผนผังของอนาคตสวยหรู คนเราพอมีเป้าหมายของชีวิต ก็ทำให้รู้สึกถึงคุณค่าของชีวิต หลังจากใช้เวลาอยู่นานกับการประยุกต์ใช้เครื่องปั้มน้ำ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย จุดขุดเจาะอยู่ห่างจากยานเพียงยี่สิบเมตร เป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุด
มองผลงานอย่างปลาบปลื้มใจ มือกดสวิทซ์ลองเดินเครื่อง เสียงปั้มน้ำเริ่มทำงาน อีกไม่ถึงนาทีสายน้ำพุ่งจากท่อเป็นสาย เจิ่งนองเต็มพื้น ยัง- ยัง ไม่ถึงเวลาดีใจ ผมใช้อุปกรณ์ตรวจสอบคุณภาพน้ำ เครื่องรายงานผลเป็นค่าน้ำสะอาด เหมาะสมในการดื่มกินใช้งาน ไม่ต่างจากน้ำดื่มบนโลก
ไขโย.. Let there be water! …ผมร้องออกมาด้วยความดีใจ เมื่อทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระโดดโลดเต้นไปรอบเครื่องขุดเจาะน้ำบาดาล อย่างไม่กลัวถูกหาว่าเพี้ยน เพราะไม่เห็นต้องเกรงใจมนุษย์หน้าไหน ดาวของผม จะทำบ้าอย่างไรก็ได้... ผมเต้นด้วยสไตล์มูนวอคเกอร์ ซึ่งบรรพบุรุษของผมใช้เป็นท่าเต้นประจำตระกูล โดยนำมาจากท่าเต้นของนักร้องโบราณคนหนึ่งนานมาก
มีน้ำสะอาดใช้แล้ว ไม่ต้องกังวลใจถึงเรื่องน้ำอีกต่อไป งานที่เหลือก็หาท่อยาว ซึ่งมีมากมายในห้องเก็บอุปกรณ์ มาดัดแปลงเดินระบบน้ำไปที่ต่าง ๆ ตามความต้องการ จะมีน้ำอาบน้ำใช้สบายใจ ไม่ต้องระมัดระวังการใช้อย่างจำกัดอีกต่อไป ผมมองเห็นภาพตัวเอง กำลังยืนทำเท่อยู่ในสวนพืชผักผลไม้มากมาย ราวกับอยู่ในความฝันอันบรรเจิด เป็นราชาแห่งดวงดาว ไม่ต้องทำงานรับใช้ใคร
หลังจากการหาท่อยางมาเดินระบบน้ำชั่วคราวไปยังยานเรียบร้อย ทดลองใช้น้ำจนมั่นใจว่าไม่ผิดพลาด ก็เป็นเวลาบ่าย
แอนนายังไม่กลับมา
ความดีอกดีใจหายไป ความกังวลเป็นห่วงเกิดขึ้น ผมกลับเข้าไปในยาน หยิบอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณติดตาม จอห์นดูเหมือนจะรออยู่แล้ว ส่งเสียงรายงานขึ้นทันที
“เรา พบว่า คุณแอนนา อยู่นิ่งกับที่ เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วครับ”
“แล้วทำไมเพิ่งมาบอก...” ผมร้องอย่างหัวเสียและตกใจ ข้อมูลที่ได้บ่งบอกไปในทางไม่ดีอย่างชัดเจน
“ผมคิดว่า คงไม่มีอะไรร้ายแรง เพราะสัญญาณชีพคุณแอนนายังคงปกติครับ คุณแอนนาอาจพักผ่อนนอนหลับก็เป็นได้นะครับ”
ข้อสันนิษฐานของไอ้คุณจอห์นน่าเตะเป็นที่สุด คนอย่างแอนนาไม่มีทางจะไปนอนพักเล่นเย็นใจคนเดียวในป่าอย่างเด็ดขาด นอกเสียจากว่า---ไม่ใช่แอนนา
“เออ แล้วมาเรียไปไหน” ผมมองหาไอคอนของเธอไม่เจอ
“คุณมาเรียพักผ่อนครับ” จอห์นตอบด้วยใบหน้ายิ้ม หลิ่วตาข้างหนึ่ง “ล้อเล่นครับ เธอกับผมตกลงกันว่า เราจะออกมาหน้าจอ ทีละคน อ้อ... หมายถึงทีละโปรแกรม แหม พูดผิด ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมครับ”
“เหมาะสมอะไรฟะ”
“ก็เผื่อว่าบางทีคุณอาจอยากจะคุยกับโปรแกรมหนึ่ง โปรแกรมใดเป็นการส่วนตัว ยังไงละครับ”
“มันชักจะมากไปแล้ว ไอ้คุณจอห์น” ผมตวาดเสียงดัง “ ฉันไม่เห็นต้องมีลับลมคมใน กวนบาทาเหมือนแกหรอก บอกมาเรียด้วยว่า ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”
จอห์นทำหน้าหัวเราะ แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาจริง ๆ ผมได้แต่อึ้งปนงง เพราะไม่เคยได้ยินเขาหัวเราะมาก่อน สงสัยว่าจะเป็นฝีมือของมาเรียหรือเปล่า แต่ความเป็นห่วงแอนนามีมากกว่า จึงเลิกปะทะกับไอ้คุณจอห์นจอมกวน ลากยานสำรวจภาคพื้นดินออกมา แล้วขับออกจากแทนยา มุ่งหน้าไปตามทิศทางสัญญาณคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากทางแอนนา
สัญญาณมาจากทางทิศใต้ ทิศทางเดียวกับที่มีหุบเหวลึก และมียานอวกาศลึกลับจอดอยู่ก้นเหว ป่าโปร่งที่มีผลไม้มากมายอยู่ใกล้บริเวณนั้น พื้นที่ลาดชันขึ้นสูง เหมือนกำลังมุ่งหน้าสู่เนินเขา วันนี้หมอกลงไม่มาก ทำให้มองเห็นเทือกเขาสูงไกลออกไปสุดขอบฟ้า
เมื่อมีเครื่องติดตามตัว การหาให้เจอก็ไม่ใช่เรื่องยาก แอนนาอยู่ในป่าผลไม้แห่งดวงดาวจริง ๆ ในป่าโปร่งดงไม้ล้มลุก เธอนอนคว่ำลง เอาเอียงหน้าแก้มแนบพื้นดิน ลักษณะเหมือนวูบไปแบบไม่รู้ตัว กล่องเก็บอุปกรณ์มีผลไม้ใหญ่น้อยหลายชนิดบรรจุอยู่เกือบเต็ม วางอยู่ด้านข้าง ภาพที่มองเห็นทำให้ใจหายวาบ ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่า เธอเก็บผลไม้ได้เกือบพอแก่ความต้องการแล้ว แต่มาด่วนล้มฟุบหมดสติไปเสียก่อนอย่างไม่รู้สาเหตุ และคงอยู่ในสภาพนี้กว่าชั่วโมงแล้ว
ผมรีบจอดยานสำรวจ กระโดดลงไปอย่างรวดเร็วด้วยหัวใจร้อนรุ่ม พอตรวจอาการเบื้องต้นก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายหรือบาดแผล แอนนายังมีลมหายใจปกติ แต่ไม่รู้สึกตัวเท่านั้น
เธอไม่เคยมีโรคประจำตัว ไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน ผมรู้จักข้อมูลต่าง ๆ ของเธอดี แต่นั่นหมายถึงแอนนาบนโลก ไม่ใช่แอนนาบนเฮเว่น
ต้องนำตัวกลับยาน เป็นทางเดียวที่ทำได้ บนยานมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ คงจะตรวจหาความผิดปกติได้ ผมเก็บกล่องอุปกรณ์ นำร่างของหญิงสาวขึ้นยานสำรวจ ซึ่งมีสองที่นั่งหน้าหลังพอดี ขับกลับมายังแทนยาด้วยความเร็วเต็มพิกัด
พอมาถึงห้องพยาบาลของแทนยา ผมอุ้มร่างของแอนนาไปวางบนเตียงพยาบาล นักบินอวกาศทุกคนรู้วิธีใช้เครื่องไม้เครื่องมือเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่ผลที่รายงานออกมาจากการตรวจวัด กลับไม่พบอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย
เมื่อจนปัญญา ผมจึงเชื่อมข้อมูลเข้าหาเซิร์ฟเวอร์หลัก ซึ่งมีมาเรียและจอห์นรออยู่แล้ว ซึ่งจอห์นก็โยนภาระการวิเคราะห์ให้มาเรียทันที เพราะคงรู้ว่ามาเรียมีความสามารถในทางการแพทย์มากกว่า มาเรียทำการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด แต่ผลออกมาคือ ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากการหลับแบบไม่ยอมตื่นเท่านั้น มาเรียแนะนำว่าให้นำแอนนาออกจากห้องพยาบาล เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งผมก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้แอนนามานอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางไปยังเครื่องมือทางการแพทย์รายรอบ
ยังไม่ทันจะนำร่างแอนนาไปห้องนอนของเธอ จู่ ๆ จอห์นก็ส่งเสียงขึ้นมา
“คุณเฮเว่นจะต้องรับงานหนักแต่สุขใจละทีนี้”